อาคารเหอเป่า
ร่างสูงระหงซึ่งเป็นเจ้าของความสูงถึง 170 เซนติเมตร เดินอาดๆ ไปตามเส้นทางผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายที่กำลังยืนเมียงมองคอยลอบสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นนักเรียนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน และอีกอย่างเปิดเรียนมานานกว่าสองเดือนแล้วจนกำลังจะเริ่มสอบกลางภาค แต่ก็ยังอุตส่าห์มีนักเรียนใหม่มาปรากฏให้เห็น “เฮ้ย! พวกเรานักเรียนใหม่เว้ย!”เสียงของผู้ชายวัยรุ่นดังออกมาจากกลุ่มที่กำลังยืนพิงขอบหน้าต่างมีอยู่ประมาณสิบคน “เจ้าหล่อนโคตรสวยเลยวะ แถมยังเดินกินลูกอมเอาไว้ในปากด้วย กวนประสาทไม่ใช่เล่นแบบนี้ต้องให้การต้อนรับน้องใหม่เสียหน่อยแล้วเว้ย หรือเธอว่าอย่างไงเหนียงเหนียง”เขาพูดพลางหันกลับไปมองกลุ่มผู้หญิงที่มีอยู่ด้วยกันห้าคน เด็กสาวเจ้าของชื่อเหนียงเหนียง หรือหม่าฟางเหนียงหันกลับมาตามเสียงเรียกของผู้ชายในกลุ่มซึ่งก็คือแฟนของเธอที่คบหากันอยู่ในสถาบัน เป็นทั้งเพื่อน แฟนและทำหน้าที่เป็นสามีในเวลากลางคืน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในอพาร์เมนท์แทนที่จะอยู่บ้านของแต่ละคน เพราะต่างคนมาจากเมืองอื่นแต่เข้ามาเรียนต่อภายในกรุงปักกิ่งเหมือนกัน ดวงตารีเล็กและมีเพียงชั้นเดียวเบิกกว้างพอเห็นว่านฉีฉีกำลังเดินเข้ามาใกล้ ความสวยของเจ้าหล่อนกระแทกตาเจ้าถิ่นเข้าให้อย่างจังจนแฟนหนุ่มของเธอถึงกับเอ่ยปาก เลือดบ้าและแรงหึงหวงจึงเกิดขึ้นทันทีเพระไม่ชอบให้แฟนตัวเองมองผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เด็กใหม่หน้าตาสวยจะถูกกลั่นแกล้งสารพัดวิธีและจบลงด้วยการลาออกจากโรงเรียน และหนักที่สุดก็คือการฆ่าตัวตาย เพราะพ่อแม่ไม่ให้ลาออกจากโรงเรียนชื่อดัง “นายชมนางเด็กใหม่ว่าสวยอย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นก็มาดูสิว่าแม่นั่นจะอยู่ที่โรงเรียนนี้ได้สักกี่วัน!”เหนียงเหนียงพูดพลางเดินตรงปรี่เข้าไปหาเพื่อเอาเรื่องเด็กใหม่อย่างเต็มที่ “ไม่เอานะเหนียงเหนียง! เธออย่าไปมีเรื่องเลยนะ ลืมไปแล้วเหรอว่ากำลังอยู่ช่วงทำทัณฑ์บนอยู่ อาเฉินก็แค่พลั้งปากพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจก็เท่านั้นเอง”เพื่อนสนิทของเจ้าหล่อนพยายามห้ามปรามพร้อมตรงเข้าดึงแขนเอาไว้ พรืดดดด!!! หญิงสาวกระชากแขนออกจากมือเพื่อนสาวอย่างรวดเร็ว “เธอไม่ต้องมายุ่ง! คำพูดของอาเฉินบอกว่าไม่ตั้งใจแต่ภายในใจคิด! ฉันรู้นิสัยสันดานของเขาเป็นอย่างดี”ฟางเหนียงพูดพลางเดินตรงเข้าไปหาว่านฉีฉีเพื่อตั้งใจเข้าไปหาเรื่องเต็มที่ ตึก! แต่เจ้าหล่อนกลับต้องหยุดยืนนิ่งเมื่อเดินมาถึงและกำลังยืนเผชิญหน้าตัวต่อตัว เจ้าหล่อนสบดวงตากับว่านฉีฉีที่กำลังยืนจ้องเขม็งอยู่ในเวลานั้น และสายตาที่จับจ้องนั้นทำให้ก้าวขาแทบไม่ออก ขนหัวลุกขึ้นมาเสียเฉยๆ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อนิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายจิ้มลงไปที่กลางหน้าอกเหมือนกำลังบอกเตือนอะไรบางอย่าง “ออกไปห่างๆ ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะมาหาเรื่อง ได้ยินมาว่ากำลังอยู่ช่วงถูกทำทัณฑ์บนไม่ใช่เหรอ มีเรื่องตอนนี้จะเรียนไม่จบเอาได้นะ ทางที่ดีเธอกับฉันไปเจอกันบนชั้นดาดฟ้าตอนเลิกเรียนจะดีกว่า ถึงเวลานั้นอยากจะทำอะไรฉันก็เชิญ...ดีไหม” ว่านฉีฉีพูดพลางยกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ นิ้วที่กำลังจิ้มกดอยู่ตรงกลางหน้าอกยกขึ้นมาจับลูกอมที่อยู่ในปาก หยักคิ้วส่งให้ทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเลี่ยงจากไปเพื่อเข้าชั้นเรียนของตัวเอง เพื่อนๆ รวมทั้งแฟนหนุ่มของเธอต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปหาฟางเหนียงด้วยความแปลกใจ ที่เห็นอาการเหมือนกับกำลังตื่นกลัวอะไรบางอย่าง “เหนียงเหนียง! นี่เธอเป็นอะไรไป จู่ๆ ก็ยืนให้เด็กใหม่พูดแต่ฝ่ายเดียว ตั้งใจจะไปหาเรื่องไม่ใช่เหรอทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทถามไถ่อย่างแปลกใจ “นั่นสิเหนียงเหนียงเกิดอะไรขึ้นเหรอ เด็กใหม่คนนั้นทำอะไรเธอ”แฟนหนุ่มถามอย่างอยากรู้ “ฉะ..ฉัน..เห็นดวงตานางเด็กใหม่เป็นสีเลือด! น่ากลัวมากเลย...พอฉันเห็นดวงตาคู่นั้นขาก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร”เธอบอกเพื่อนๆ ตามความรู้สึก “บ้านะเหนียงเหนียง ฉันว่าเธอตาฝาดไปเองเสียมากกว่า แล้วนี่แม่นั่นพูดอะไรกับเธอเหรอ”เพื่อนสาวคนสนิทถาม “นางเด็กใหม่บอกว่าถ้าอยากจัดการมันให้ไปเจอกันที่ชั้นดาดฟ้าหลังเลิกเรียน หลังจากนั้นอยากจะทำอะไรนางนั่นก็สุดแล้วแต่”ฟางเหนียงเล่าให้เพื่อนฟัง “เฮ้ย! นางนั่นมันแน่มาจากไหนถึงได้กล้าท้าทายขนาดนี้ แล้วจะเอาอย่างไงไปตามที่มันบอกไหม”เพื่อนสนิทถาม “พวกเธอพอเถอะนะ เมื่อกี้ดูก็รู้แล้วว่าเด็กใหม่ไม่ธรรมดา แม้แต่เธอเองก็เถอะเหนียงเหนียง ยังบอกว่าเจ้าหล่อนน่ากลัวมากเลย ถ้ารู้สึกแบบนั้นก็ไม่ต้องไปข้องแวะยุ่งเกี่ยวกันเสียก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างถ้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในโรงเรียนขึ้นมาคราวนี้อีกครั้ง เธอถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนเลยนะเหนียงเหนียง”แฟนหนุ่มห้ามปราม คำพูดของเพื่อนสนิทฟังหูซ้ายทะลุหูขวายังทำท่าจะไปตามนัดหลังเลิกเรียน แต่พอได้ยินแฟนหนุ่มพูดเตือนออกมาเท่านั้นแหละ กลับทำให้เจ้าหล่อนเชื่อมั่น ว่านั่นคือความห่วงใยของเขาที่มีต่อเธอ “ฉันเชื่อนายอาเฉิน ปล่อยนางเด็กใหม่ไปไม่ต้องไปยุ่งหรือข้องแวะต่างคนต่างอยู่ก็เพราะฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉันมากใช่ไหม”ฟางเหนียงถามกลับ แฟนหนุ่มพยักหน้าติดต่อกัน ยกยิ้มเหยียดขึ้นที่มุมปากให้กับแฟนสาวพลางหันหลังเดินนำหน้าออกไปก่อน “โง่ไม่มีเปลี่ยน”อาเฉินคิดในใจ “รีบไปเข้าชั้นเรียนกันเถอะคาบแรกกำลังจะเริ่มแล้ว เดือนหน้างานเทศกาลหยวนเซียวก็จะเริ่มขึ้นแล้ว อาจารย์ให้แต่งกลอนและเขียนลงในโคมไฟแข่งขันไม่ใช่เหรอ”อาเฉินบอกพลางสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเดินปลีกตัวออกจากกลุ่ม “อาเฉินรอฉันด้วยสิ! จะรีบเดินอะไรกันหนักกันหนา” ฟางเหนียงส่งเสียงมาตามหลัง พร้อมกลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นซึ่งมีฐานะทางครอบครัวร่ำรวยกันทุกคนทยอยเดินตามอาเฉินที่เป็นหัวโจกของกลุ่มไปติดๆ กลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นเดินผ่านมุมตึกซึ่งสร้างเป็นห้องน้ำชายและหญิงเอาไว้ของแต่ละชั้น ก่อนจะพากันแยกย้ายเดินเข้าห้องเรียนของแต่ละคน โดยไม่สนใจเด็กใหม่อีกเลย ร่างระหงของว่านฉีฉีเดินออกมาจากซอกมุมตึกพลางยืนมองกลุ่มนักเรียนเจ้าถิ่นที่กำลังแยกย้ายเข้าชั้นเรียน พลางยกมือขึ้นเมื่อเธอเดินผ่านกลุ่มแฟนหนุ่มของหวงฟางเหนียงเมื่อครู่ แล้วมีเศษกระดาษยัดใส่เข้าไปในมือ นิ้วเรียวยาวคลี่กระดาษออกอ่านพร้อมแสยะยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่ออ่านข้อความนั้น “วีแชทของฉัน แอดเป็นเพื่อนกันอยากจะทำความรู้จักกันหน่อย ฉันแซ่จาง ชื่ออี้เฉินนะคนสวยแล้วเธอละชื่ออะไร” ข้อความในกระดาษทำให้ว่านฉีฉีส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกที่รังเกียจกับพฤติกรรมแฟนหนุ่มของหวงฟางเหนียง พลางมองไปที่กลุ่มนักเรียนที่กำลังเดินผ่านหน้าเธอไป และวิธีดัดสันดานผู้ชายเจ้าชู้ก็คิดขึ้นมาได้ทันที หญิงสาวเดนตรงปรีเข้าไปยัดกระดาษที่อยู่ในมือให้กับผู้หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ “มีคนฝากมาให้เธอ”ว่านฉีฉีบอกหญิงสาวตรงหน้าพลางเดินผละจากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก ในขณะที่กระดาษถูกอีกฝ่ายคลี่ออกอ่านพร้อมกับรอยยิ้มและใบหน้าที่เริ่มแดงซ่านด้วยความเขินอาย เมื่ออ่านข้อความที่อยู่ภายในกระดาษนั้น “อาเฉิน! นี่เธอแอบชอบฉันด้วยเหรอเนี่ย”เด็กสาวพูดพลางยืนบิดตัวไปมาด้วยความอายบริเวณลำธาร ว่านฉีฉีวิ่งหนีเตลิดออกมาจากนอกกระโจมอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะมาหยุดยืนมองสายน้ำตรงหน้าที่ใสราวกระจก บริเวณลำธารมีหินน้อยใหญ่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมากมาย น้ำตกไหลตรงหน้ามีสายธารามาจากที่สูงลงมาเบื้องล่างท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่มากมายที่เกิดขึ้นล้อมรอบ ซึ่งบริเวณดังกล่าวที่หญิงสาวเห็นในยุคปัจจุบันก็คือพื้นที่หลังสถาบันที่มีเจดีย์โบราณเกิดขึ้น แต่ในยุคอดีตยังเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติปกคลุมไปทั่ว “โอโห่สวยจังแฮะ! มีน้ำตกด้วย น้ำใสแจ๋วเลย”หญิงสาวพูดออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ากำลังหนีผู้ชายหน้าตาหล่อโคตรๆ แต่กลับแต่งกายประหลาดเหมือนกำลังถ่ายละครย้อนยุค “แย่แล้วฉีฉี...ต้องรีบหนีอีตาผู้ชายหื่นกามคนนั้นให้พ้น คนอะไรก็ไม่รู้มองอย่างกับจะกลืนกินเราเข้าไปได้ทั้งตัวเลย”หญิงสาวบ่น ว่านฉีฉีรีบถลกผ้าห่มเดินลุยสายน้ำในลำธารมุ่งหน้าไปทางขอบน้ำตกที่เธอเห็นโพรงคล้ายถ้ำอยู่ภายใน หญิงสาวแทบอยากจะทิ้งผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเธอลงเสียให้ได้เพราะพอมันถูกน้ำแล้ว ทำให้เธอต้องแบกน้ำหนักของผ้าห่มไปกับตัวเองด้ว
ยามอู่ว่านฉีฉีลูกสาวเจ้าพ่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ในยุคอนาคต ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนฟูกนอนอันหนานุ่ม กายงามยังคงนอนเปลือยเปล่าไร้สิ้นอาภรณ์ห่อหุ้ม ผมสีดำยาวสยายเต็มหมอนหนุน หลังจากร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว ความรู้สึกและสติของว่านฉีฉีก็เริ่มเกิดขึ้นมาอย่างช้าๆร่างเริ่มเคลื่อนไหวไปมา ใบหน้าเหยแกด้วยรู้สึกเจ็บระบมไปหมดทั่วทั้งร่างกายอย่างไม่เคยรู้สึกเป็นเช่นนี้มาก่อน เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีดำกลมโตจับจ้องอยู่แต่เพดานที่ทำจากผ้าเนื้อหยาบอยู่ชั่วขณะ“นี่เรามาออกเที่ยวเดินป่าอีกแล้วเหรอ จำได้ว่าไม่ได้มีแผนเดินป่าที่ไหนเลยนะ แล้วมานอนอยู่ในเต๊นท์ผ้าของใครกันละเนี่ย”หญิงสาวพึมพำอย่างสงสัยพร้อมหยัดกายลุกขึ้นมานั่งบนฟูกนอนแปลบบบ!!! อาการเจ็บเสียวปลาบเกิดขึ้นบริเวณท้องน้อยและตรงหว่างขาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของลูกผู้หญิงโอ้ยยยย!!! ว่านฉีฉีส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดแปลบไปทั่วกายซึ่งกำลังส่งผลอยู่ในเวลานี้หญิงสาวจดจำอะไรไม่ได้เลยว่าได้ผ่านการเสพสังวาสกับแม่ทัพเฉียนฉินเมื่อคืนที่ผ่านมาอย่างสาหัสสากรรจ์เลยทีเดี
ยามเหม่า กระโจมแม่ทัพ ภายในกระโจมของหลี่เหวินฉางเวลานี้ร่างเปลือยของว่านฉีฉีนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ภายในอ้อมกอดของแม่ทัพปีศาจ ร่างใหญ่โตบดบังร่างงามเอาไว้จนมิด ท่อนแขนกำยำอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อกอดร่างของฉีฉีเอาไว้กับอกกว้างใหญ่ของเขาอย่างหวงแหน แม่ทัพเฉียนฉินร่วมรักเสพสวาทกับว่านฉีฉีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลืนกินอย่างหื่นกระหาย ชำเรารักนางอย่างบ้าคลั่งแต่นางกลับตอบโต้และรับมือเขาได้อย่างเผ็ดร้อนถึงพริกถึงขิง สตรีพรหมจรรย์ไม่เคยมีประสบการณ์แต่สามารถรับมือแม่ทัพปีศาจผู้เจนสงครามราคะในระดับปรมาจารย์นี้ได้อย่างชะงักงัน และนางยังสามารถทำให้แม่ทัพปีศาจกลืนกินนางแทนที่จะสูบพลังชีวิตเข้าไป เป็นสตรีคนแรกที่ยังคงมีชีวิตอยู่จนรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับเสียงเรียกของมู่เฉิน “ท่านแม่ทัพขอรับ! ท่านแม่ทัพ!”มู่เฉินส่งเสียงร้องเรียกดังอยู่ด้านนอกกระโจม เหวินฉางที่เพิ่งจะหลับใหลไปด้วยความอ่อนแรงได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และพบว่าแสงสีทองของดวงอาทิตย์กำลังโผล่พ้นจากขอบฟ้าขึ้นมาบ้างแล้ว &
“โอวว….ซี้ดดด..โอยยย…อูวววว” หญิงสาวแอ่นอกชูชันขันรับความเสียวซ่านจนขนทั่วกายลุกเกรียว แม่ทัพหนุ่มใช้ลิ้นสากโลมเลียมาถึงเนินสวรรค์ ก่อนจะใช้นิ้วแหวกกลีบดอกไม้งามออกกว้าง ร่องสวรรค์ของแม่สาวน้อยสีแดงแจ๋ เม็ดบัวยื่นออกมาน่าดูดน่าเม้มเสียเหลือเกิน แม่ทัพปีศาจซุกใบหน้าใช้ลิ้นสากของเขาเลียร่องสวรรค์อย่างหิวกระหาย ลากขึ้นลากลง คว้านซ้ายและขวาและห้อลิ้นแทงเข้าร่องสวรรค์อย่างเมามัน จนร่างงามบิดเร้าไปมาเส้นผมยาวสลวยกระจายไปมาอย่างไร้ทิศทาง ว่านฉีฉีเสียวซ่านจนกายงามสั่นระริกเพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ในเวลานี้ไอปีศาจที่อยู่ในกายเริ่มอ่อนกำลังลง มือเรียวกำเส้นผมของตัวเองเอาไว้จนแน่นเลยทีเดียว ยิ่งโดนลิ้นสากโลมเลียเข้าไปแม่สาวน้อยก็เกร็งเด้งเอวส่ายร่อนไปมาตอบโต้ตามสัญชาติญาณทางธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว “ซี้ด…ทนไม่ไหวแล้ว…อูววววว”หญิงสาวครางเสียงกระเส่า “โอววว…ซี้ดดดด...โอวว..อย่า…ซี้ดดด..อย่า....อูยยยย..” เธอเปล่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่านเมื่อโดนนิ้วแทงร่องสวรรค์ซอยเข้าซอยออกอย่างถี่ยิบ จนเกร็งตัวสุดๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายออกมาเป็นสายธาราไหลเนืองนอง ก่อนจะถู
กระโจมแม่ทัพเฉียนฉิน ตุบ!!! ร่างของว่านฉีฉีถูกนำมาวางไว้บนฟูกนอนที่ยัดด้วยขนห่านอันหนานุ่ม หญิงสาวยังคงนอนไม่ได้สติอยู่เหมือนเดิมโดยมีสายตาของหลี่เหวินฉางยืนมองร่างของเธออย่างสงสัย “ปีศาจสาวตนนี้เหตุใดสวมอาภรณ์ประหลาดชอบกลนัก แดนปีศาจนิยมสวมใส่กันแบบนี้เหรอ”หลี่เหวินฉางพูดพึมพำพลางปลดชุดเกราะที่สวมใส่อยู่ในเวลานั้นออกจากกาย ชุดเกราะและเสื้อผ้าที่สวมออกไปทำศึกถูกปลดออกจากร่างสูงทะมึนกำยำจนเหลือแต่เพียงกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน หลี่เหวินฉางเดินกายเปลือยตรงไปยังประตูที่ใช้ผ้าผืนใหญ่ปิดอยู่ในเวลานั้นใช้มาทำเป็นประตู เปิดออกสู่ด้านนอกซึ่งมีลำธารไหลผ่าน กระโจมสำหรับใช้เป็นที่พักของแม่ทัพเฉียนฉินจะตั้งแยกออกห่างจากกระโจมของเหล่าทหาร นายกอง มาตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นส่วนตัว ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการเสพสังวาสกับสตรีที่ถูกนำมาบำเรอแม่ทัพปีศาจดั่งเช่นทุกครั้ง จนเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นความเคยชินที่เหล่าทหารในกองทัพจะพบเห็นสตรีถูกมู่เฉินนำมาส่งให้แม่ทัพเฉียนฉินถึงที่พำนัก แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา นั่นก็เพราะว่าแม่ทัพเฉียนฉินเป็นผู้
ทางด้านว่านฉีฉีว่านฉีฉีในเวลานี้ถูกกองทหารเฉียนฉินล้อมเอาไว้ไม่ให้หลบหนีไปจากที่นี่ได้ ตามคำสั่งของรองแม่ทัพมู่หรือมู่เฉิน ที่สั่งให้ทหารรีบกลับไปส่งข่าวให้เหวินฉางล่วงรู้การมาของปีศาจสาวตนนี้ ในขณะที่ว่านฉีฉีตอนนี้เธอไม่รู้ตัวและยังไม่รู้ด้วยว่าไม่ได้อยู่บนดาดฟ้าของอาคารแต่กลับมาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในยุคอดีตที่เรียกว่าเมืองจี้ อันเป็นเมืองหลวงของต้าเยียนเมื่อหลายพันปีก่อนสถาบันศึกษาที่เธอเข้าเรียนล่าสุดตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยโบราณ และที่สำคัญกองทัพเฉียนฉินตั้งทัพอยู่นอกเมืองและบุกเข้าโจมตีจนเมืองหลวงพินาศย่อยยับ ต้าเยียนล่มสลายลงภายในเวลาอันรวดเร็ว กองทัพของทั้งสองฝ่ายสู้รบกันไม่ถึงหนึ่งเดือนต้าเยียนก็แตกไม่มีชิ้นดี ทุกเมืองถูกฆ่าล้างบางจนกลายเป็นเมืองร้างในขณะที่ทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่ที่ร่างของว่านฉีฉีท้องฟ้าที่ถูกเมฆหนาดำทะมึนบดบัง เริ่มเคลื่อนผ่านไปเผยให้เห็นพระจันทร์เต็มดวงกลมโต ที่ลอยอยู่เหนือเมืองหลวงจี้มองขึ้นไปราวกับว่าพระจันทร์อยู่ใกล้มือแค่นี้เอง แต่แล้วทุกสายตาก็ต้องพากันเบิกกว้างด้วยความตกใจ“แม่ทัพมู่บนท้อง