Beranda / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่6ศัตรูนำไปแล้วถึงสองก้าว

Share

ตอนที่6ศัตรูนำไปแล้วถึงสองก้าว

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-13 11:31:19

เช้าวันนี้อวี้หลันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น ร่างกายที่เคยอ่อนแรงรู้สึกเบาสบาย กระปรี้กระเปร่าเหมือนได้รับพลังใหม่

แสงแดดยามเช้าทอแสงอ่อนผ่านหน้าต่างไม้ เงาของต้นเหมยพาดทอดอยู่บนพื้นห้อง เงียบสงบและอบอุ่น นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยให้ฉิงหว่านสาวใช้คนสนิทช่วยหวีผมและแต่งกายให้

อาภรณ์ผ้าไหมปักลวดลายดอกเหมยสีหวานถูกสวมทับลงบนร่าง สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ อวี้หลันมองตนเองในกระจกทองเหลือง ใบหน้าที่สะท้อนกลับมาแม้จะยังซีดเซียวเล็กน้อย แต่กลับไม่อาจกลบความงดงามเอาไว้ได้ ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกจะเรียกว่างามล่มเมืองก็ไม่ผิดนัก

"ไม่เลว"

อวี้หลันพึมพำเบาๆ กับตนเอง พลางมองสำรวจเครื่องแต่งกายด้วยความพึงพอใจ

การใช้ชีวิตแบบนี้ ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

ในชีวิตก่อนของนาง ทุกวันเต็มไปด้วยการต่อสู้ การไล่ล่า และกลิ่นคาวเลือด ไม่มีเวลาจะเลือกเสื้อผ้า ไม่มีเครื่องประดับงดงาม ไม่มีแม้แต่กระจกสักบานให้ได้เห็นเงาของตัวเอง

ทุกย่างก้าวในชีวิตมีเพียงมีดและปืนในมือ มีเป้าหมายที่ต้องสังหาร

นางไม่เคยได้ใช้ชีวิตในฐานะ หญิงสาว อย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ ในร่างใหม่ ในชีวิตใหม่ นางสามารถทำทุกอย่างได้ นางก็อยากจะใช้มันให้คุ้มค่า

นางเองก็เป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่ชื่นชอบความสวยงาม อาภรณ์งดงาม เครื่องประดับวิจิตร หรือแม้แต่การได้เห็นตัวเองในกระจก

เพราะฉะนั้นชีวิตนี้ นางจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างสูญเปล่าอีกต่อไป นางจะใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากใช้

หลังจากแต่งกายเสร็จเรียบร้อย และลิ้มรสอาหารเช้ารสเลิศจนอิ่มหนำ อวี้หลันก็เดินมาทอดกายลงบนตั่งนุ่มริมหน้าต่าง ตอนนี้นางยังไม่คิดจะก้าวเท้าออกไปไหน ปล่อยให้แสงแดดยามสายอาบไล้ร่างอย่างผ่อนคลาย

ชีวิตก่อนเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว ชีวิตนี้ขอพักเหนื่อยอีกซักหน่อยเถอะ 

มือเรียวยกจอกชาที่บ่าวคนสนิทรินให้ขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบายๆ ท่าทางของนางดูเกียจคร้านอย่างมีเสน่ห์ คล้ายแมวขี้เกียจที่กำลังซึมซับแสงอุ่นสบายยามเช้า

อวี้หลันหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ แต่เปี่ยมด้วยความรู้ทัน

"หวานหว่าน เจ้ามีสิ่งใดจะพูดก็พูดมาเถอะ"

ท่าทางของอีกฝ่าย นางสังเกตมาสักพักแล้วว่ามีเรื่องอยากจะพูด

ฉิงหว่านเหลือบตามองผู้เป็นนายอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายยังไม่แน่ใจว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่

ในสายตาของนาง ผู้เป็นนายดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

ท่าทางเรียบนิ่ง สงบ เยือกเย็น แววตาคมกริบที่เหมือนมองทะลุใจคนได้ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางเคยคุ้นชิน

ก่อนหน้านี้คุณหนูของนางคือหญิงสาวอ่อนโยนอ่อนหวาน ขี้เกรงใจ ไม่กล้าจะมองสบตาผู้ใด และมักเก็บงำความรู้สึกไว้ภายใน แม้จะถูกกลั่นแกล้งก็มักเลือกที่จะเงียบไว้ ไม่เคยตอบโต้ ไม่เคยเรียกร้อง

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างดูเปลี่ยนไป

คุณหนูดูมั่นคง แข็งแกร่ง และเด็ดเดี่ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้เพียงแค่นั่งจิบชาเงียบๆ ก็ยังแผ่บรรยากาศน่าเกรงขามออกมาอย่างประหลาด

ฉิงหว่านรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ไม่คุ้นชินนักกับคุณหนูที่เป็นแบบนี้ แต่นางก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ลึกๆ แล้ว นางดีใจ

ดีใจมากที่คุณหนูของนางเข้มแข็งขึ้น ไม่ได้อ่อนแอและหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

"บะ...บ่าวแค่รู้สึกว่าคุณหนูดูเปลี่ยนไปเจ้าค่ะ"

เสียงของฉิงหว่านสั่นเล็กน้อย ขณะที่ช้อนตาขึ้นมองผู้เป็นนาย

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ ดวงตาทอประกายเย้าแหย่

"เจ้าคงไม่คิดว่าข้าเป็นวิญญาณร้ายมาสิงร่างนี้กระมัง"

"ไม่เจ้าค่ะ! บ่าวไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย!"

ฉิงหว่านรีบปฏิเสธหน้าตาตื่น มือที่ประสานกันอยู่บีบเข้าหากันแน่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

อวี้หลันมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือหยาบกร้านของอีกฝ่ายมากุมไว้ แล้วตบเบาๆ ที่หลังมือ

"หวานหว่านเอ๋ย  หวานหว่านของข้า"

เสียงของนางนุ่มนวลราวสายลมยามเช้า

"เมื่อคุณหนูของเจ้าผ่านพ้นความเป็นความตายมาแล้วคราหนึ่ง ก็ย่อมมองเห็นอะไรได้ชัดขึ้น"

นางเอ่ยช้าๆ สายตาเหม่อมองออกไปยังสวนด้านนอก ที่แสงแดดลอดใบไม้ตกกระทบพื้นอย่างแผ่วเบา

"หากข้ายังอ่อนแอเหมือนก่อน ครั้งนี้คงไม่แคล้วต้องตายจริงๆ แล้ว"

นางหยุดไปครู่หนึ่ง แววตาเงียบสงบแต่หนักแน่น หันมาสบตากับบ่าวตัวน้อย

"ไม่เพียงเท่านั้น การที่ข้าอ่อนแอก็ทำให้เจ้าลำบากไปด้วย ไม่สามารถปกป้องใครได้เลย"

ฉิงหว่านเม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตารื้นน้ำ 

"บ่าว บ่าวดีใจเจ้าค่ะ"

เสียงของนางสั่นพร่าด้วยอารมณ์ที่กดไว้ไม่อยู่ 

"ดีใจที่คุณหนูยังอยู่ตรงนี้"

ยอมรับว่าในตอนแรกนางกลัวมาก กลัวว่าคุณหนูจะจากไปจริงๆ

อวี้หลันใจอ่อนยวบ มือนุ่มบีบมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นเล็กน้อย

"ที่ผ่านมาต้องขอบใจเจ้ามาก"

ฉิงหว่านน้ำตาร่วงเงียบๆ นางส่ายหน้าช้าๆ พูดเสียงสะอื้น

"คุณหนูคือชีวิตของบ่าว ไม่ว่ายังไงบ่าวก็ไม่มีวันทอดทิ้งคุณหนูเจ้าค่ะ"

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ พลางใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลของอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน

"ข้ารู้ เลิกร้องไห้ได้แล้ว มาเถอะ เล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าระหว่างที่ข้าหมดสติไปเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง"

สองสายตามองสบกัน แววตาหนึ่งเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง อีกสายหนึ่งอบอวลด้วยความจงรักภักดีที่มั่นคงไม่แปรเปลี่ยน

ยามนี้ดวงอาทิตย์เคลื่อนขึ้นสูง ลำแสงเจิดจ้าทอดผ่านช่องหน้าต่างของเรือนฮวาหง สาดความร้อนแรงทาบยาวลงบนพื้นหินเย็นเฉียบตามทางเดิน แม้ภายนอกจะสว่างไสวด้วยแสงแดด แต่ภายในห้องกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด

เซิ่งเจี้ยน บิดาของเซิ่งซื่อ ผู้ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มีโอกาสสร้างผลงาน ได้รับชัยชนะจากศึกใหญ่ที่ชายแดนใต้อย่างงดงาม 

เพราะแม่ทัพผู้นำทัพเพลี่ยงพล้ำได้รับบาดเจ็บสาหัส เซิ่งเจี้ยนจึงต้องออกนำทัพเอง ด้วยการบัญชาทัพอย่างเด็ดขาดของเขา ทำให้กองทัพฝ่ายศัตรูต้องล่าถอยจนหมดสิ้น ข่าวแห่งชัยชนะถูกกราบทูลขึ้นสู่ราชสำนัก และได้รับการกล่าวขวัญไปทั่ว ชื่อเสียงของตระกูลพุ่งทะยาน

ไม่นานนัก พระราชโองการแต่งตั้งแม่ทัพภาค ก็มาถึงมือ มอบตำแหน่งแม่ทัพประจำมณฑลชายแดนใต้ พร้อมอำนาจควบคุมกองทัพทั้งหมดในพื้นที่ตามพระราชบัญญัติการทหาร ถูกมอบให้กับบิดาของเซิ่งซื่อโดยสมบูรณ์

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้สถานะของตระกูลเซิ่งเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งเดิมเป็นเพียงตระกูลทหารที่เริ่มเป็นที่รู้จัก กลายเป็นตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในกองทัพอย่างเต็มภาคภูมิ ชื่อเสียงของแม่ทัพเซิ่งดังกระหึ่มไปทั้งแผ่นดิน

และด้วยสถานะใหม่นี้เอง เซิ่งซื่อที่แต่งเข้ามาในฐานะ "เบี้ย" ทางการเมือง ก็เริ่มกลายเป็น "หมากสำคัญ" ที่ไม่มีผู้ใดมองข้ามได้อีกต่อไป นางไม่อาจรั้งอยู่แค่ตำแหน่งฮูหยินรองได้อีก และตอนนี้นางก็ได้รับการยกฐานะเป็นฮูหยินเอกเรียบร้อยแล้ว

อวี้หลันนิ่งฟัง ดวงตาทอแสงเย็นเยียบ ขณะปลายนิ้วไล้วนขอบจอกชาอย่างครุ่นคิด 

ความเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย

"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวยังมีอีกเรื่องที่คุณหนูต้องรู้เจ้าค่ะ"

เสียงฉิงหว่านดังขึ้นเบาๆ 

อวี้หลันเลิกคิ้วเล็กน้อย 

"ยังมีเรื่องใดอีกหรือ"

นางวางจอกชาลงบนถาดหยก เสียงกระทบกันดังขึ้นแผ่วเบา ภายในห้องพลันเงียบสงัดลง 

ฉิงหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

"บ่าวได้ยินมาว่า"

นางหยุดไปครู่หนึ่งราวกับลังเล ก่อนจะตัดใจพูดออกมาในที่สุด

"ตำแหน่งพระชายาขององค์ชายห้า อาจมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าค่ะ"

ทันใดนั้นบรรยากาศภายในเรือนฮวาหงก็พลันเงียบงันลงทันที

อวี้หลันขมวดคิ้วมุ่น แววตาฉายแววครุ่นคิดขณะทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

"พระชายาขององค์ชายห้าอย่างนั้นหรือ"

นางเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาฉายแววเยาะหยันนิดๆ

"หากข้าจำไม่ผิด คนผู้นั้นก็คือคู่หมายของข้านี่ ใช่หรือไม่"

ฉิงหว่านเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าตอบ ได้แต่ก้มหน้าราวกับกลัวว่าคำพูดของตนจะสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ผู้เป็นนาย

แต่เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้บรรยากาศแปลกไปในทันที

"ฮึ อย่างนี้นี่เอง"

นางพึมพำกับตัวเอง แววตาไม่แสดงความตกใจหรือเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเฉียบคมของคนที่กำลังมองหมากกระดานนี้ออกอย่างชัดเจน

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ นี่สินะ เหตุผลที่นางถูกวางยา

แต่เป็นเช่นนั้นก็ดีสิ ท่าทางเย็นชาเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง 

ไม่ว่าชีวิตก่อนหรือชีวิตนี้ นางก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานอยู่แล้ว บุรุษพวกนั้นมันน่ารำคาญจะตาย

อวี้หลันเอนกายลงพิงหมอนอิงอย่างสบายใจ ก่อนจะเหยียดยิ้มเยือกเย็น

นางไม่คิดจะขัดขวางวาสนาของใคร มีแต่จะส่งเสริมคู่ยวนยางก็เท่านั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่51คลื่นใต้น้ำ

    ภายในห้องคุมขังอับชื้น กลิ่นสนิมของโซ่เหล็กและคราบเลือดคละคลุ้งอยู่โดยรอบ ร่างของเซิ่งซื่อซูบเซียวลงจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ซ่อนความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ไม่เคยสมาน แผลที่แผ่นหลังของนางเริ่มเน่าเปื่อย แม้จะมีการทำแผลอย่างลวกๆ แต่พิษไข้ก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง นางนอนซูบซีดบนฟางเก่า เสียงหายใจขาดห้วงราวเปลวเทียนใกล้ดับดวงตาของนางพร่ามัว น้ำตาเอ่อรื้น เมื่อนึกถึงบุตรชายบุตรสาวที่ไม่อาจกอดเป็นครั้งสุดท้าย ความเจ็บปวดในกายคล้ายถูกกลืนหายไป เหลือเพียงความขมขื่นที่ตรึงอยู่กลางใจในห้วงสุดท้าย คล้ายถูกดึงวิญญาณไปทีละน้อย สายตาพร่ามัวค่อยๆ จับภาพตรงหน้า แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นราวกับฝันไป๋ซูเหยา ฮูหยินเอกผู้ล่วงลับ ภรรยาคนแรกของอวี้จิ้ง ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยชุดผ้าแพรสีอ่อนงดงาม ดวงหน้าสงบหากแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเซิ่งซื่อสะดุ้งเฮือก หัวใจสั่นสะท้าน นางพึมพำเสียงแผ่วเหมือนเพ้อ"ไป๋ซูเหยา เจ้า…เจ้าใช่หรือไม่"ภาพตรงหน้านั้นเหมือนจริงเหลือเกิน ริมฝีปากของไป๋ซูเหยาขยับเอื้อนเอ่ย แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงผู้สิ้นใจด้วยพิษที่นางเป็นคนมอบให้ ค

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่50ลงดาบเซิ่งซื่อ

    "ไม่ใช่ว่าท่านมีจุดประสงค์อื่นหรอกหรือ"เสียงของอวี้หลันเอ่ยดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำ ทุกถ้อยคำหนักแน่นดุจคมดาบ นางก้าวออกมาหนึ่งก้าว ดวงตาคมกริบฉายแววกร้าว ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงเรียบเย็น"สิ่งที่ท่านทำไปทั้งหมด ก็เพื่อเปิดทางให้หลานชายของท่านย่ำยีข้า... คงไม่ต้องให้ข้าบอกกระมังว่าเพื่อสิ่งใด"สิ้นถ้อยคำนั้น บรรยากาศพลันเงียบงัน หนักหน่วงจนผู้ใดก็ไม่กล้าเอ่ยอันใด บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างหน้าถอดสี ร่างสั่นระริก บางคนถึงกับหายใจติดขัดราวอกจะระเบิดดวงตาคมกริบของอวี้หลันสบกับผู้เป็นบิดา ก่อนจะตวัดไปยังร่างไร้สติของเซิ่งกงซุนที่ถูกองครักษ์คุมตัวลากเข้ามา ร่างนั้นนอนแน่นิ่งไร้เรี่ยวแรงบนพื้น ดูน่าสังเวชยิ่งนัก"นี่... นี่มันหมายความเช่นไร"อวี้จิ้งใบหน้าดำคล้ำ ตวัดสายตามองใบหน้าซีดเผือดของเซิ่งซื่ออย่างดุดันคำพูดนั้นของบุตรสาวที่ดังก้องกังวานในห้องหนังสือ ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจอวี้จิ้ง เขาคล้ายจะมองเห็นความผิดหวังวูบหนึ่งในดวงตาของนาง ใช่ เขาเกือบจะใจอ่อนเพียงคำพูดไม่กี่คำของเซิ่งซื่อดวงตาคมวาววับของอวี้จิ้งจ้องมองภรรยาที่เขาเคยไว้ใจมานาน ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำ ยาม

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่49เซิ่งซื่อจนมุม

    เซิ่งซื่อก้าวออกมาส่งแขกด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ยังคงรักษาท่วงท่าอันงดงามและคำพูดนอบน้อมอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นางเอ่ยขอบคุณเสียงนุ่ม เสมือนว่าเหตุการณ์ที่เจ้าของงานและบุตรทั้งสองหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรใส่ใจ แขกหลายคนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจที่งานเลี้ยงถูกยุติลงเร็วกว่ากำหนด ทั้งที่ยังไม่ทันได้กล่าวคำอำลาเจ้าของงานด้วยซ้ำ"วันนี้ท่านอัครเสนาบดีมีธุระด่วนกะทันหัน จึงต้องขออภัยทุกท่านด้วยเจ้าค่ะ"เซิ่งซื่อยิ้มกล่าวเสียงนุ่มนวล มือขาวเรียวผสานคำนับทุกผู้คนอย่างสง่างามแขกหลายคนแม้จะรู้สึกฉงน แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าตั้งคำถามให้เป็นเรื่องใหญ่ จะมีก็เพียงการลอบสบตากันและการกระซิบกระซาบเบาๆ ก่อนแยกย้ายกันกลับไป แต่ละคนเก็บความสงสัยไว้ในใจเพียงเท่านั้นเมื่อประตูใหญ่ค่อยๆ ปิดลง ความเงียบอึมครึมก็เข้าปกคลุมทั่วโถงเรือนรับรองทันที รอยยิ้มที่เคยแต้มอยู่บนใบหน้าเซิ่งซื่อพลันเลือนหาย นางยกพัดในมือขึ้นโบกเบาๆ แววตาฉายประกายเย่อหยิ่งและพึงพอใจในสายตาของนาง เหตุการณ์ในคืนนี้หาใช่ความน่าอับอายไม่ หากแต่เป็นหลักฐานว่าแผนการที่วางเอาไว้กำลังเดินหน้าไปตามครรลอง ทุกสิ่งทุกอย่า

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่48กำจัดเซิ่งซื่อ

    แสงจันทร์ส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในเรือนด้านทิศตะวันออกอย่างเงียบสงัด แสงเงินบางเบานั้นทอดลงบนร่างของอวี้เฉินที่นอนขดอยู่บนตั่งไม้ ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด ดวงหน้าซีดเผือดราวกระดาษ เหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผากและขมับ มือหนึ่งกุมท้องแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น เขาขบกรามแน่นเพื่อกลั้นเสียง แต่สุดท้ายก็ยังเล็ดลอดเสียงครางต่ำออกมาอย่างน่าเวทนาเสียงนั้นแม้จะแผ่วเบา หากแต่กลับบาดลึกเข้าไปในอกของอวี้จิ้งผู้เป็นบิดา เขายืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของบุตรชายไม่ห่าง สายตาเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ใบหน้าที่เคยสุขุมมั่นคงในยามว่าราชการ บัดนี้กลับฉายชัดถึงความทุกข์ระทมอย่างไม่อาจปิดบัง มือใหญ่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว ราวกับพยายามกักเก็บความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามิให้ปะทุออกมาหัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อเห็นบุตรชายนอนทุรนทุราย เหงื่อเม็ดเล็กไหลชุ่มเต็มแผ่นอกและหน้าผาก แต่ในขณะเดียวกันความคิดอีกด้านกลับพลุ่งพล่านไม่หยุด เมื่อหลักฐานทั้งหมดชี้ชัดไปยังภรรยาของตนความรู้สึกมากมายถาโถมกดทับอยู่ในอกของอวี้จิ้ง ราวกับมีหินหนักทับทวีอยู่ไม่สิ้นสุด ดวงตาที่ทอดมองบุตรชายบนเตียงเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ลึกลงไปในนั้นกลับแฝงด้วยคว

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่47ตลบหลัง

    หลังจากหลี่เหวินหลงก้าวออกจากงานเลี้ยงได้ไม่นาน อวี้หลันที่เพิ่งจิบชาหมดถ้วยก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ความวิงเวียนแล่นเข้ามาอย่างฉับพลัน จนภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน ร่างกายร้อนผ่าวราวกับมีไฟซ่อนอยู่ใต้ผิว นางขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามฝืนเก็บสีหน้าให้ดูปกติ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับฉิงหว่านเสียงแผ่ว"หวานหว่าน…พาข้ากลับเรือนที"ฉิงหว่านหน้าถอดสีเล็กน้อย รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนายออกจากห้องจัดเลี้ยงอย่างระมัดระวัง เสียงเครื่องสายและเสียงพูดคุยของผู้คนในห้องโถงจัดเลี้ยงค่อยๆ เลือนหายไปตามทางเดินยาว จนถึงเรือนนอนของคุณหนูรองของจวนทันทีที่ประตูเลื่อนปิดลง อวี้หลันก็พิงกายกับเสาไม้ หอบหายใจแผ่วๆ ความร้อนผ่าวแล่นไปทั่วทั้งร่างจนแทบทนไม่ไหว เสียงของนางสั่นเล็กน้อยยามออกคำสั่ง "เตรียมน้ำให้ข้าอาบที ข้ารู้สึกร้อนไปหมดแล้ว""เจ้าค่ะคุณหนู"ฉิงหว่านรีบโค้งตัวรับคำ ก่อนจะหมุนตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้อวี้หลันทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงไม้แกะสลัก ปลายนิ้วเรียวจิกกับผ้าปูสีอ่อน ความรู้สึกแปลกประหลาดในร่างกายยิ่งชัดเจนขึ้นทุกทีอวี้หลันรอคอยด้วยใจจดจ่อ เวลาค่อยๆ ผ่านไปโดยไร้เสียงฝีเท้าของฉิงหว่านกลับมา ความเงีย

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่46อัครเสนาบดีอวี้จิ้ง

    ในที่สุดก็เป็นดังที่หลายคนคาดเดาเอาไว้ อวี้จิ้งได้รับการแต่งตั้งเป็น อัครเสนาบดีกรมพิธีการ อย่างเป็นทางการข่าวประกาศแต่งตั้งแพร่สะพัดออกไปทั่วเมืองหลวงเพียงชั่วข้ามคืน แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ว่า อวี้จิ้งเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ยิ่ง ทั้งด้วยคุณงามความดีและสติปัญญาที่แสดงให้เห็นมาตลอดหลายปีวันประกาศราชโองการ ท้องพระโรงคลาคล่ำด้วยขุนนางผู้ใหญ่ ขณะที่อวี้จิ้งสวมอาภรณ์เต็มยศก้าวออกมาคำนับรับพระราชโองการด้วยท่วงท่าสง่างาม สายตาหลายคู่จับจ้องด้วยความยินดีและความอิจฉาขุนนางในราชสำนักต่างก็เริ่มจับตามองบทบาทใหม่ของอวี้จิ้ง ขณะที่บรรดาขุนนางบางกลุ่มที่เคยคิดว่าตระกูลอวี้จะโรยราไปพร้อมกับการล่มสลายของตระกูลไป๋ กลับต้องเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่จากวันนี้ไป ตระกูลอวี้ย่อมก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในราชสำนักอย่างสมบูรณ์แบบ และชื่อของอวี้จิ้งจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในอัครเสนาบดีที่เปี่ยมด้วยบารมีที่สุดแห่งยุคราชสำนักที่เคยสงบเงียบพลันเต็มไปด้วยกระแสใต้น้ำที่กำลังปะทุเพราะอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้คนจับตามองมากที่สุด คือคนผู้นี้เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งใดในศึกแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทหากเป็นก่อนหน้านี้ การที

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status