Beranda / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่6ศัตรูนำไปแล้วถึงสองก้าว

Share

ตอนที่6ศัตรูนำไปแล้วถึงสองก้าว

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-13 11:31:19

เช้าวันนี้อวี้หลันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น ร่างกายที่เคยอ่อนแรงรู้สึกเบาสบาย กระปรี้กระเปร่าเหมือนได้รับพลังใหม่

แสงแดดยามเช้าทอแสงอ่อนผ่านหน้าต่างไม้ เงาของต้นเหมยพาดทอดอยู่บนพื้นห้อง เงียบสงบและอบอุ่น นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปล่อยให้ฉิงหว่านสาวใช้คนสนิทช่วยหวีผมและแต่งกายให้

อาภรณ์ผ้าไหมปักลวดลายดอกเหมยสีหวานถูกสวมทับลงบนร่าง สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ อวี้หลันมองตนเองในกระจกทองเหลือง ใบหน้าที่สะท้อนกลับมาแม้จะยังซีดเซียวเล็กน้อย แต่กลับไม่อาจกลบความงดงามเอาไว้ได้ ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกจะเรียกว่างามล่มเมืองก็ไม่ผิดนัก

"ไม่เลว"

อวี้หลันพึมพำเบาๆ กับตนเอง พลางมองสำรวจเครื่องแต่งกายด้วยความพึงพอใจ

การใช้ชีวิตแบบนี้ ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

ในชีวิตก่อนของนาง ทุกวันเต็มไปด้วยการต่อสู้ การไล่ล่า และกลิ่นคาวเลือด ไม่มีเวลาจะเลือกเสื้อผ้า ไม่มีเครื่องประดับงดงาม ไม่มีแม้แต่กระจกสักบานให้ได้เห็นเงาของตัวเอง

ทุกย่างก้าวในชีวิตมีเพียงมีดและปืนในมือ มีเป้าหมายที่ต้องสังหาร

นางไม่เคยได้ใช้ชีวิตในฐานะ หญิงสาว อย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ ในร่างใหม่ ในชีวิตใหม่ นางสามารถทำทุกอย่างได้ นางก็อยากจะใช้มันให้คุ้มค่า

นางเองก็เป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่ชื่นชอบความสวยงาม อาภรณ์งดงาม เครื่องประดับวิจิตร หรือแม้แต่การได้เห็นตัวเองในกระจก

เพราะฉะนั้นชีวิตนี้ นางจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างสูญเปล่าอีกต่อไป นางจะใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากใช้

หลังจากแต่งกายเสร็จเรียบร้อย และลิ้มรสอาหารเช้ารสเลิศจนอิ่มหนำ อวี้หลันก็เดินมาทอดกายลงบนตั่งนุ่มริมหน้าต่าง ตอนนี้นางยังไม่คิดจะก้าวเท้าออกไปไหน ปล่อยให้แสงแดดยามสายอาบไล้ร่างอย่างผ่อนคลาย

ชีวิตก่อนเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว ชีวิตนี้ขอพักเหนื่อยอีกซักหน่อยเถอะ 

มือเรียวยกจอกชาที่บ่าวคนสนิทรินให้ขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบายๆ ท่าทางของนางดูเกียจคร้านอย่างมีเสน่ห์ คล้ายแมวขี้เกียจที่กำลังซึมซับแสงอุ่นสบายยามเช้า

อวี้หลันหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ แต่เปี่ยมด้วยความรู้ทัน

"หวานหว่าน เจ้ามีสิ่งใดจะพูดก็พูดมาเถอะ"

ท่าทางของอีกฝ่าย นางสังเกตมาสักพักแล้วว่ามีเรื่องอยากจะพูด

ฉิงหว่านเหลือบตามองผู้เป็นนายอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายยังไม่แน่ใจว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่

ในสายตาของนาง ผู้เป็นนายดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

ท่าทางเรียบนิ่ง สงบ เยือกเย็น แววตาคมกริบที่เหมือนมองทะลุใจคนได้ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางเคยคุ้นชิน

ก่อนหน้านี้คุณหนูของนางคือหญิงสาวอ่อนโยนอ่อนหวาน ขี้เกรงใจ ไม่กล้าจะมองสบตาผู้ใด และมักเก็บงำความรู้สึกไว้ภายใน แม้จะถูกกลั่นแกล้งก็มักเลือกที่จะเงียบไว้ ไม่เคยตอบโต้ ไม่เคยเรียกร้อง

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างดูเปลี่ยนไป

คุณหนูดูมั่นคง แข็งแกร่ง และเด็ดเดี่ยวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้เพียงแค่นั่งจิบชาเงียบๆ ก็ยังแผ่บรรยากาศน่าเกรงขามออกมาอย่างประหลาด

ฉิงหว่านรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ไม่คุ้นชินนักกับคุณหนูที่เป็นแบบนี้ แต่นางก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ลึกๆ แล้ว นางดีใจ

ดีใจมากที่คุณหนูของนางเข้มแข็งขึ้น ไม่ได้อ่อนแอและหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป

"บะ...บ่าวแค่รู้สึกว่าคุณหนูดูเปลี่ยนไปเจ้าค่ะ"

เสียงของฉิงหว่านสั่นเล็กน้อย ขณะที่ช้อนตาขึ้นมองผู้เป็นนาย

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ ดวงตาทอประกายเย้าแหย่

"เจ้าคงไม่คิดว่าข้าเป็นวิญญาณร้ายมาสิงร่างนี้กระมัง"

"ไม่เจ้าค่ะ! บ่าวไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย!"

ฉิงหว่านรีบปฏิเสธหน้าตาตื่น มือที่ประสานกันอยู่บีบเข้าหากันแน่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

อวี้หลันมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือหยาบกร้านของอีกฝ่ายมากุมไว้ แล้วตบเบาๆ ที่หลังมือ

"หวานหว่านเอ๋ย  หวานหว่านของข้า"

เสียงของนางนุ่มนวลราวสายลมยามเช้า

"เมื่อคุณหนูของเจ้าผ่านพ้นความเป็นความตายมาแล้วคราหนึ่ง ก็ย่อมมองเห็นอะไรได้ชัดขึ้น"

นางเอ่ยช้าๆ สายตาเหม่อมองออกไปยังสวนด้านนอก ที่แสงแดดลอดใบไม้ตกกระทบพื้นอย่างแผ่วเบา

"หากข้ายังอ่อนแอเหมือนก่อน ครั้งนี้คงไม่แคล้วต้องตายจริงๆ แล้ว"

นางหยุดไปครู่หนึ่ง แววตาเงียบสงบแต่หนักแน่น หันมาสบตากับบ่าวตัวน้อย

"ไม่เพียงเท่านั้น การที่ข้าอ่อนแอก็ทำให้เจ้าลำบากไปด้วย ไม่สามารถปกป้องใครได้เลย"

ฉิงหว่านเม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตารื้นน้ำ 

"บ่าว บ่าวดีใจเจ้าค่ะ"

เสียงของนางสั่นพร่าด้วยอารมณ์ที่กดไว้ไม่อยู่ 

"ดีใจที่คุณหนูยังอยู่ตรงนี้"

ยอมรับว่าในตอนแรกนางกลัวมาก กลัวว่าคุณหนูจะจากไปจริงๆ

อวี้หลันใจอ่อนยวบ มือนุ่มบีบมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นเล็กน้อย

"ที่ผ่านมาต้องขอบใจเจ้ามาก"

ฉิงหว่านน้ำตาร่วงเงียบๆ นางส่ายหน้าช้าๆ พูดเสียงสะอื้น

"คุณหนูคือชีวิตของบ่าว ไม่ว่ายังไงบ่าวก็ไม่มีวันทอดทิ้งคุณหนูเจ้าค่ะ"

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ พลางใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลของอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน

"ข้ารู้ เลิกร้องไห้ได้แล้ว มาเถอะ เล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าระหว่างที่ข้าหมดสติไปเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง"

สองสายตามองสบกัน แววตาหนึ่งเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง อีกสายหนึ่งอบอวลด้วยความจงรักภักดีที่มั่นคงไม่แปรเปลี่ยน

ยามนี้ดวงอาทิตย์เคลื่อนขึ้นสูง ลำแสงเจิดจ้าทอดผ่านช่องหน้าต่างของเรือนฮวาหง สาดความร้อนแรงทาบยาวลงบนพื้นหินเย็นเฉียบตามทางเดิน แม้ภายนอกจะสว่างไสวด้วยแสงแดด แต่ภายในห้องกลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด

เซิ่งเจี้ยน บิดาของเซิ่งซื่อ ผู้ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มีโอกาสสร้างผลงาน ได้รับชัยชนะจากศึกใหญ่ที่ชายแดนใต้อย่างงดงาม 

เพราะแม่ทัพผู้นำทัพเพลี่ยงพล้ำได้รับบาดเจ็บสาหัส เซิ่งเจี้ยนจึงต้องออกนำทัพเอง ด้วยการบัญชาทัพอย่างเด็ดขาดของเขา ทำให้กองทัพฝ่ายศัตรูต้องล่าถอยจนหมดสิ้น ข่าวแห่งชัยชนะถูกกราบทูลขึ้นสู่ราชสำนัก และได้รับการกล่าวขวัญไปทั่ว ชื่อเสียงของตระกูลพุ่งทะยาน

ไม่นานนัก พระราชโองการแต่งตั้งแม่ทัพภาค ก็มาถึงมือ มอบตำแหน่งแม่ทัพประจำมณฑลชายแดนใต้ พร้อมอำนาจควบคุมกองทัพทั้งหมดในพื้นที่ตามพระราชบัญญัติการทหาร ถูกมอบให้กับบิดาของเซิ่งซื่อโดยสมบูรณ์

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้สถานะของตระกูลเซิ่งเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งเดิมเป็นเพียงตระกูลทหารที่เริ่มเป็นที่รู้จัก กลายเป็นตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในกองทัพอย่างเต็มภาคภูมิ ชื่อเสียงของแม่ทัพเซิ่งดังกระหึ่มไปทั้งแผ่นดิน

และด้วยสถานะใหม่นี้เอง เซิ่งซื่อที่แต่งเข้ามาในฐานะ "เบี้ย" ทางการเมือง ก็เริ่มกลายเป็น "หมากสำคัญ" ที่ไม่มีผู้ใดมองข้ามได้อีกต่อไป นางไม่อาจรั้งอยู่แค่ตำแหน่งฮูหยินรองได้อีก และตอนนี้นางก็ได้รับการยกฐานะเป็นฮูหยินเอกเรียบร้อยแล้ว

อวี้หลันนิ่งฟัง ดวงตาทอแสงเย็นเยียบ ขณะปลายนิ้วไล้วนขอบจอกชาอย่างครุ่นคิด 

ความเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย

"คุณหนูเจ้าคะ บ่าวยังมีอีกเรื่องที่คุณหนูต้องรู้เจ้าค่ะ"

เสียงฉิงหว่านดังขึ้นเบาๆ 

อวี้หลันเลิกคิ้วเล็กน้อย 

"ยังมีเรื่องใดอีกหรือ"

นางวางจอกชาลงบนถาดหยก เสียงกระทบกันดังขึ้นแผ่วเบา ภายในห้องพลันเงียบสงัดลง 

ฉิงหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

"บ่าวได้ยินมาว่า"

นางหยุดไปครู่หนึ่งราวกับลังเล ก่อนจะตัดใจพูดออกมาในที่สุด

"ตำแหน่งพระชายาขององค์ชายห้า อาจมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าค่ะ"

ทันใดนั้นบรรยากาศภายในเรือนฮวาหงก็พลันเงียบงันลงทันที

อวี้หลันขมวดคิ้วมุ่น แววตาฉายแววครุ่นคิดขณะทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

"พระชายาขององค์ชายห้าอย่างนั้นหรือ"

นางเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาฉายแววเยาะหยันนิดๆ

"หากข้าจำไม่ผิด คนผู้นั้นก็คือคู่หมายของข้านี่ ใช่หรือไม่"

ฉิงหว่านเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าตอบ ได้แต่ก้มหน้าราวกับกลัวว่าคำพูดของตนจะสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ผู้เป็นนาย

แต่เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้บรรยากาศแปลกไปในทันที

"ฮึ อย่างนี้นี่เอง"

นางพึมพำกับตัวเอง แววตาไม่แสดงความตกใจหรือเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเฉียบคมของคนที่กำลังมองหมากกระดานนี้ออกอย่างชัดเจน

อวี้หลันหัวเราะเบาๆ ในลำคอ นี่สินะ เหตุผลที่นางถูกวางยา

แต่เป็นเช่นนั้นก็ดีสิ ท่าทางเย็นชาเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง 

ไม่ว่าชีวิตก่อนหรือชีวิตนี้ นางก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานอยู่แล้ว บุรุษพวกนั้นมันน่ารำคาญจะตาย

อวี้หลันเอนกายลงพิงหมอนอิงอย่างสบายใจ ก่อนจะเหยียดยิ้มเยือกเย็น

นางไม่คิดจะขัดขวางวาสนาของใคร มีแต่จะส่งเสริมคู่ยวนยางก็เท่านั้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่20กองกำลังของอวี้หลัน

    ศึกภายนอกก็เข้มข้น ศึกภายในก็ดุเดือด อวี้หลันได้แต่นั่งกุมขมับ ถอนหายใจเงียบๆ อย่างคิดไม่ตก เพราะไม่รู้ว่าปัญหาจะหล่นใส่หัวของนางวันไหน รู้ดีว่าตนไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป ต่อให้ไม่อยากเล่นเกมนี้ ต่อให้ไม่อยากเกี่ยวข้องกับอำนาจ แต่โลกใบนี้ก็ไม่มีที่ให้สตรีอย่างนางได้ยืนอย่างปลอดภัย โดยไม่ถือดาบอยู่ในมือ อวี้หลันยกถ้วยชาแนบปลายริมฝีปาก รสขมของมันทำให้นางตื่นเต็มตาหากต้องอยู่ในกระดาน ก็จงเป็นผู้ที่ เดินหมาก ไม่ใช่ หมากที่ถูกเดินช่วงนี้แม้ภายในจวนจะดูสงบ เซิ่งซื่อกับอวี้เหมยต่างก็เก็บเนื้อเก็บตัว เก็บหัวเก็บหางเงียบสงบอยู่แต่ในเรือนไม่ออกมาเพ่นพ่าน แต่นั่นแหละที่ทำให้นางยิ่งไม่ไว้ใจยิ่งเงียบ... ยิ่งน่ากลัวเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนใดกันอยู่หรือไม่ นางรู้ดีว่าเซิ่งซื่อไม่มีทางยอมวางมือง่ายๆ แน่ ดังนั้นตอนนี้นางจึงส่ง ฉิงอู่ เด็กหนุ่มที่ช่างสังเกต ปราดเปรียว มีสายตาเฉียบไวและไหวพริบยอดเยี่ยม คอยจับตาความเคลื่อนไหวของฝั่งนั้นอย่างใกล้ชิด หลังจากรับบ่าวทั้งสิบเข้ามา อวี้หลันก็ได้รู้จักตัวตนของพวกเขาแต่ละคน ยิ่งได้ฟังเรื่องราวในอดีต ยิ่งทำให้นางประหลาดใจไม่หยุด ใครจะไปคิดว่าแต่ละค

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่19องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง

    "พับสีฟ้ากับสีชมพู ใช้ตัดเป็นชุดสตรี ส่วนพับสีน้ำเงินกับสีเขียวนั่น ใช้ตัดเป็นชุดบุรุษก็แล้วกัน"อวี้หลันเอ่ยเสียงเรียบ ขณะใช้สายตากวาดมองผ้าพับที่กางเรียงอยู่ตรงหน้านางกำลังสั่งให้ ฉิงอี ฉิงซื่อ และฉิงลิ่ว ซึ่งเป็นบ่าวที่พึ่งรับเข้ามา ช่วยกันคัดเลือกผ้าเพื่อส่งให้ร้านอาภรณ์ประจำจวน ตัดเย็บให้กับบ่าวทุกคนในเรือนฮวาหงคนละห้าชุดคนที่นางเลือกเข้ามา เป็นบุรุษหกคนและสตรีสี่คน พวกเขาต่างเป็นคนหนุ่มสาวที่ดูปราดเปรียว กระฉับกระเฉง ทั้งหมดล้วนมีสายตาซื่อตรง ไหวพริบดี และมีวินัยในการวางตัว และเพื่อให้เรียกขานได้สะดวก สามารถจดจำได้ง่าย นางจึงมอบชื่อใหม่ให้แก่ทุกคน โดยขึ้นต้นด้วยคำว่า “ฉิง” ซึ่งหมายถึงความบริสุทธิ์ผ่องใส เช่นเดียวกับฉิงหว่าน ฉิงอี ฉิงเอ้อ ฉิงซาน ฉิงซื่อ ฉิงอู่ ฉิงลิ่ว ฉิงชี ฉิงปา ฉิงจิ่ว และฉิงสือ ชื่อเรียกตามลำดับจากหนึ่งถึงสิบ เป็นชื่อที่ฟังง่าย จดจำง่ายอย่างยิ่ง"คุณหนูน้ำชากับของว่างเจ้าค่ะ"ฉิงจิ่ว เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา น้องน้อยที่สุดในบรรดาบ่าวทั้งหมด ยกถาดน้ำชาและของว่างเข้ามาให้ผู้เป็นนายด้วยรอยยิ้มน่ารักมองๆ ไปเด็กคนนี้ก็ละม้ายคล้ายคลึงกับฉิงหว่านของนางอยู่

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่18คัดเลือกบ่าวเข้าเรือน

    หลังจากเรื่องสินเดิมของมารดาถูกสะสางเป็นที่เรียบร้อย เช้าวันรุ่งขึ้นอวี้หลันก็มาถึงเรือนหลักตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่บิดาของนางจะออกจากจวน ภายในห้องหนังสือกลิ่นชาหอมกรุ่นลอยคลุ้ง รองเสนาบดีอวี้จิ้งเพิ่งนั่งลงจิบชาร้อน ยังไม่ทันจะวางจอกชา บ่าวคนสนิทก็เดินเข้ามารายงาน"คุณหนูรองมาขอพบขอรับ"ซูถัวเอ่ยบอกผู้เป็นนายเสียงเรียบอวี้จิ้งเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ แต่ในแววตาก็เจือไปด้วยความรู้สึกยินดี ก่อนจะเอ่ยอนุญาตเสียงนุ่ม "ให้นางเข้ามาเถอะ"เมื่อเห็นบุตรีคนรองก้าวเข้ามาพร้อมท่าทีสงบ สุภาพเรียบร้อย ดวงตาของอวี้จิ้งก็เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู"หลันเอ๋อร์ มีเรื่องอะไรหรือ ถึงได้มาหาพ่อแต่เช้า"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ใบหน้าแฝงรอยยิ้มบาง เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นอวี้หลันย่อกายลงทำความเคารพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น"ลูกอยากขออนุญาตท่านพ่อ ออกไปหาซื้อทาสเข้าเรือนเจ้าค่ะ"อวี้จิ้งวางจอกชาลง มองบุตรีด้วยแววตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเมตตา"เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปด้วยตัวเองหรอก ประเดี๋ยวพ่อจะให้ซูถัวติดต่อพ่อค้าทาส แล้วให้พวกเขาพาทาสมาให้เจ้า

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่17เศรษฐีผู้หนึ่ง

    หลังจากงานเลี้ยงที่จวนรองเสนาบดีอวี้ผ่านพ้นไป ภายในเมืองหลวงก็ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ คุณหนูรองสกุลอวี้ อวี้หลันหญิงสาวที่เคยเงียบงันและจืดจางในสายตาผู้คน ที่เดิมทีเป็นเพียงบุตรีของภรรยาเอกผู้ล่วงลับของท่านรองเสนาบดี และตระกูลเดิมของมารดาคือตระกูลขุนนางต้องโทษ ไม่มีผู้ใดใส่ใจว่านางหายหน้าหายตาไปตั้งแต่เมื่อใด หรือแม้แต่นึกถึงชื่อของนางด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงชื่อของคุณหนูรองอวี้หลัน กลับกลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงในทุกวงสนทนา ตั้งแต่โรงน้ำชา ร้านเครื่องหอม ร้านเครื่องประดับ ไปจนถึงหออาภรณ์ เรื่องราวของนางกลายเป็นหัวข้อโปรดในหมู่สตรีชนชั้นสูง และแม้แต่เหล่าขุนนางฝ่ายในก็ยังเอ่ยถึงโดยเฉพาะเมื่อมีคนขุดคุ้ยเรื่องเก่าเกี่ยวกับการหมั้นหมายในอดีตขององค์ชายห้าขึ้นมากระทั่งกลายเป็นเรื่องเล่าในหมู่ชาวบ้านชาวเมือง ผู้คนเริ่มเล่าเรื่องด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน แรกเริ่มก็พูดกันเพียงเล่นๆ ทว่าพอเล่ากันปากต่อปาก เรื่องราวกลับยิ่งทวีความเข้มข้น แต่งเติมสีสันกันไปคนละทาง จนสุดท้ายมันกลายเป็นตำนานรักสามเส้าระหว่างองค์ชายห้ากับบุตรีตระกูลอวี้ทั้งสองไปๆ มาๆ เรื่องราวเหล่านั้นก็ก

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่16เมื่อต้องเผชิญหน้า

    ในที่สุด หลี่จื้อหยวนก็ฝืนยกเท้าขึ้น ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่โถมซัดไม่หยุด และเพียงก้าวเท้าเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าว สายตาของเขาก็มองเห็นนางแต่ไกล โดยที่ไม่ต้องมองหาเลยด้วยซ้ำ หัวใจของเขากระตุกวูบ ความรู้สึกผิดปะปนกับความคิดถึงแล่นเข้ามาพร้อมกันอย่างโหดร้ายคนที่อยู่ภายในศาลาเมื่อรู้ว่าองค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนเสด็จมาก็รีบออกมารอรับเสด็จ ยกโขยงกันออกไปรออย่างพร้อมเพรียง หนึ่งในนั้นย่อมมีอวี้หลัน ซึ่งเพิ่งจะทรุดกายนั่งลงได้ไม่นาน นางยังไม่ทันจะได้ยกชาขึ้นจิบดับกระหายเลยด้วยซ้ำ ก็ต้องฝืนลุกขึ้นอีกครั้งริมฝีปากภายใต้ผ้าคลุมหน้าจึงเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความขัดเคืองใจปนหงุดหงิดคนโบราณนี่ช่างยุ่งยากจริงๆ ใครจะมาใครจะไป ก็ต้องยกโขยงออกไปต้อนรับกันให้วุ่นอวี้หลันสบถในใจอย่างเบื่อหน่ายแต่เหตุใด นามขององค์ชายผู้นี้จึงรู้สึกคุ้นหูนัก เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนคิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองฉิงหว่านที่ติดตามอยู่เบื้องหลัง คิดจะถามอีกฝ่ายว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจราวกับจะร้องไห้ของสาวใช้คนสนิทก็พลันกระจ่

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่15พบเจอกันอีกครั้ง

    หลังจากขันทีจากวังหลวงกลับไปแล้ว เสียงกระซิบก็เริ่มดังขึ้นรอบบริเวณเรื่องขององค์ชายห้ากับตระกูลอวี้ นับเป็นสิ่งที่ผู้คนในเมืองหลวงต่างเคยกล่าวถึงกันอยู่ไม่น้อยหลายปีก่อน อวี้หลันบุตรีคนรองที่เกิดจากฮูหยินตระกูลไป๋เคยถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นหมายขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน บุตรชายลำดับที่ห้าแห่งฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจกับฮองเฮาองค์ปัจจุบันแม้สัญญาหมั้นนั้นจะยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการจากราชสำนัก แต่ก็มีการตกลงกันระหว่างฮองเฮากับสกุลอวี้ เป็นคำมั่นที่กล่าวกันต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ด้วยชื่อเสียงของท่านรองเสนาบดีฝ่ายพิธีการในขณะนั้น ทั้งยังเกี่ยวดองกับตระกูลไป๋ที่ทรงอำนาจในเมืองหลวง การหมั้นหมายระหว่างบุตรสาวกับองค์ชายราชวงศ์จึงไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมแต่แล้ว…ทุกอย่างกลับพังทลายลงในพริบตาตระกูลฝั่งมารดาของคุณหนูรองอวี้หลัน ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่กลับต้องโทษ เครือญาติถูกกวาดล้าง สินทรัพย์ถูกยึด ส่วนผู้ที่เหลือรอดถูกถอดยศปลดตำแหน่งแม้ตัวอวี้หลันจะยังมีสถานะเป็นบุตรีของรองเสนาบดี แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบ้านเดิมมารดาของนางกลับกลายเป็นมลทินในสายตาผู้อื่นในเวลาไม่นาน การหมั้นหมายที่เคย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status