บทที่3.ผู้ชายที่มาพร้อมกับสายฝน
ชายหนุ่มปั้นหน้าใสซื่อ เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายและพยายามทำตัวน่าสงสาร
“ฉันไม่แน่ใจนะคะว่ามันจะขายได้...” นาฬิกามันหยุดเดิน แล้วเมวิกาก็ดูไม่เป็นเสียด้วยว่ามันคือของแท้ หรือของปลอม แต่เธอจะพยายามช่วย
“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มยิ้มแป้น เขารู้ว่ามันขายได้ อาจจะถูกกดราคา แต่รุ่นนี้ใครเห็นก็ต้องรีบตะครุบ เมื่อมันคือรุ่นอันลิมิเต็ด!! ไม่ได้มีเกลื่อนกลาด คนรับซื้อคงตาวาวเพราะฟันกำไรเหนาะๆ
“เห้อ! ฉันต้องไปทำงานแล้วนะคุณ...อยู่แถวนี้ไปก่อนล่ะ นี่เอาไว้ซื้อข้าวกิน ฉันช่วยได้เท่านี้ละ อยู่กับไอ้ตูบไปแล้วกันนะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจ แต่ต้องเข้าใจฉันด้วย” หญิงสาวอธิบายยืดยาว ถึงจะมีน้ำใจ แต่ใครล่ะจะให้คนแปลกหน้าเข้าห้อง เมื่อไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า หากถูกยกเค้าเธอคงไม่มีอะไรเหลือ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้
“ไม่เป็นไร”
ลมเย็นพัดโชย ไม่มีที่นอนนุ่มๆ มีแค่เพิงสังกะสีเก่าๆ คุ้มหัว...ก็ยังดีกว่าออกไปแล้วถูกตามล่า
หญิงสาวหมุนตัวกลับเข้าห้องพัก เธอเดินย้อนกลับมาอีกครั้งกับน้ำขวดหนึ่งในมือแล้วก็หมอนนุ่มๆ ที่หนีบมาในซอกรักแร้ ก่อนจะยื่นให้กับเขา... “เดินออกไปตรงหัวมุม มีร้านตามสั่ง คุณหิวก็ออกไปกินนะ ฉันจะสั่งพี่เขาไว้ให้ เอาสตางค์ที่ฉันให้ไว้แหละจ่าย”
เมวิกาย้อนกลับมา เพราะหากให้เขานั่งอยู่เช่นนั้นมันจะเป็นการใจดำเกินไป เธอเอาน้ำมาให้เขาหนึ่งขวด กับหมอน เขาจะได้รู้สึกดีขึ้น
แวซ็องรู้สึกตื้อๆ ธนบัตรยับๆ ในมือสิ่งที่หล่อนเจียดไว้ให้ น่าจะเป็นน้ำพักน้ำแรงของเธอ แต่ก็สู้อุตส่าห์แบ่งปัน
“เธอชื่ออะไรล่ะ ฉันชื่อ...เซดริก”
ไม่รู้อะไรดลใจ แวซ็องไม่ได้บอกชื่อจริงของตัวเอง เขาเอาชื่อของน้องชายมาใช้...
“เมวิกา เรียกฉันเมก็ได้” หญิงสาวตอบแล้วจึงหมุนตัวเดินจากไป เขาชะเง้อคอมองตามบั้นท้ายตึงๆ ใต้กางเกงผ้ายืดพอดีตัว เห็นเธอกระโจนขึ้นรถมอเตอร์ไซน์รับจ้างหายลับไปกับตา
“ไง...ชื่อตูบเหรอเรา...ฉันว่าไม่เหมาะกับแกนะ เอาเป็นว่า...ฉันตั้งชื่อใหม่ให้แกเอง” ชายหนุ่มทรุดนั่งบนแคร่ เขาลูบหัวสุนัขไร้เจ้าของ เมื่อมันขยับเข้ามาใกล้และกระดิกหางเหมือนกำลังฝากตัว “ชื่ออะไรดีล่ะ...ดีเย่ร์แล้วกัน” เขาหัวเราะลงลูกคอเมื่อตัดชื่อของดิดิเย่ร์มาตั้งชื่อสุนัข หากเจ้าตัวรู้คงแทบกระอัก โลกมันกลมสักวันเถอะ เขาจะพาดีเยร์ตัวนี้ ลัดฟ้าไปหาดิดิเย่ร์ที่ปารีส
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอน เขามองผ่านรอยรั่วของสังกะสี แดดเริ่มส่องและทอดลำแสงลงมา รู้สึกครั่นตัวนอนต่อไม่ได้ เมื่อมีแต่คราบทรายที่เกาะลำตัว ตอนที่ถูกฟาดหัวจนล้มไปคลุกขี้โคลน คงต้องขยับขยายหาทางล้างตัวทำความสะอาดคราบโคลน แต่เขาไม่มีผ้าเปลี่ยนนี่นา เอาไงดีล่ะ
ที่เปลี่ยนเป็นเงินได้ก็คงเจ้านั่น!!
ถึงมันจะเปื้อนคราบโคลนแต่มันคือามาร์นี่เชียวนะ หากเอาไปขายคงได้หลายสตางค์ มากพอที่เขาจะหาเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยน แทนที่ไอ้ชุดฟิตๆ บนร่างกายนี่สักที แต่ชุมชนแออัดเช่นนี้ใครล่ะจะซื้อ
คงต้องเริ่มต้นที่ร้านขายกับข้าว ตามที่หญิงสาวบอกไว้ ที่นั่นน่าจะมีทางขายได้
แวซ็องตัดสินใจหอบสูทที่พอจะหมาดๆ แต่ก็ยังมีคราบกระด่างกระดำติดอยู่...เดินออกไปตามทิศทางที่เมวิกาชี้บอก
ปากทางค่อนข้างมีคนชุกชุม มีร้านรวงขายอาหาร มีทั้งแผงเล็กและใหญ่จนชายหนุ่มมึน ตกลงร้านไหนล่ะที่เขาควรเข้าไป...ใครบ้างที่จะพอสื่อสารกับเขารู้เรื่อง
สายใจตาโต ฝรั่งที่เมวิกามาฝากฝังไว้หล่อกระชากใจ แค่มองเห็นยังอยากจะเสียตัว ถึงจะไม่มีเงินทองแต่ได้ผัวรูปหล่อเช่นนี้ มันคือแรงใจในการทำงาน หากเขาสนใจเธอ สายใจก็ว่าจะลองทาบ
“ทางนี้คุ๊ณ! ตายล่ะหว่าภาษาประกิตก็ไม่กระดิกหูเล๊ยกู! จะพูดกับเค้ารู้เรื่องไหมล่ะ”
สาววัยรุ่นหุ่นอวบอัดออกไปยืนหน้าร้าน หล่อนโบกไม้โบกมือให้ผู้ชายที่ยืนหมุนไปหมุนมา เขาเข้าข่ายที่เมวิกาฝากฝังไว้ แต่จะสื่อสารกันยังไงล่ะ หล่อนฟังไม่รู้เรื่อง ภาษาต่างชาติไม่กระดิกหู
แวซ็องยิ้มแป้น! เขาเดินข้ามถนนหลังจากรอจนแน่ใจว่าไม่มีรถยนต์วิ่งสวนมา ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาพร้อมกับพยายามพูดภาษาไทยเท่าที่ตัวเองทำได้
“ข้าว ขาย” เขายกมือลูบท้อง ชี้มือไปที่เสื้อผ้าของตัวเองแล้วก็ปั้นน่าเศร้า
“ต๊ายตาย!! หิวข้าว กับอยากขายพวกนี้เหรอ เอาเงินไปทำอะไรล่ะ?” สายใจยิ้มรับ เธอตะแคงหูฟังด้วยความตั้งใจ...และแวซ็องรีบพยักหน้ารับ
“ปล้น...ไม่มีเงิน”
เขาพูดช้าๆ ชัดๆ แม้จะฟังเพี้ยนๆ แต่ก็พอสื่อสารได้
“อ๋อ ได้ๆ เดี๋ยวสายใจขายให้ แต่มานั่งนี่เถอะ หิวข้าวใช่ไหม ไอ้เมมันมาสั่งไว้...รอเดี๋ยวนะไปผัดข้าวให้ก่อน”
สาวใสวัยรุ่น แม่ค้าหน้าหวานรีบฉกเสื้อเปียกๆ กางเกงชุ่มน้ำขึ้นมาสะบัด เธอมองเนื้อผ้าแล้วยิ้มแป้น “น่าจะขายได้ค่ะคุณ...ผ้าอย่างดีเลยนะนี่...ใครสนใจไหม? พี่ฝรั่งเขาเอาเสื้อผ้ามาขาย โดนโจรกระจอกดักปล้นเมื่อคืน สงเคราะห์เขาหน่อย เขาจะได้ไม่เกลียดเมืองไทย เกลียดคนไทย” สายใจเข้าใจพูด หล่อนประกาศเสียงลั่นร้าน ยกเสื้อ กางเกงขึ้นโชว์ และมีคนตาถึงรีบคว้าไว้ เป็นผู้ชายแต่งตัวดี ใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนกไท...เขาพลิกกลับไปกลับมา “มันสกปรกนะ ให้ได้เต็มที่2000”
ชายหนุ่มกลอกตา เขาด่ามันในใจ ‘ไอ้หน้าเลือด’ แล้วจึงแสร้งยิ้มจืดๆ พร้อมกับก้มหน้าลง ทำเหมือนกับว่าจำใจขาย ร้อนถึงสายใจต้องออกโรงเอง
“อย่าเขี้ยวนักพี่ชัยทัต! ผ้าแบบนี้ รูปทรงแบบนี้ ฝีมือการตัดเย็บอย่างดี หากพี่ไปซื้อในห้างต้องหลายตังแน่...อย่าทับถมคนตกยากนักสิพี่ เขาเดือดร้อนมานะจ๊ะ...อย่าใจดำนักเลยค่ะ นึกว่าทำบุญ ทำทานเถอะ”
หล่อนหลอกด่าตั้งแต่ประโยคแรก แล้วตบท้ายด้วยการพูดให้ฟังเหมือนกับว่ากำลังยกยอ หนุ่มโสดอายุเยอะเลยทำหน้าพิกล...ก่อนจะอ้อมแอ้มพูดใหม่ “เพิ่มให้อีก2000ก็ได้ เต็มที่แล้วนะสายใจ พี่อยากช่วยนะ เลยเทให้”
แวซ็องเข่นเขี้ยว มันโขกอามานี่ของเขาเสียสะบั้น หั่นแหลก...ขนาดมือสองที่ขายอยู่ในร้านหรู ราคายังแพงหูฉี่ แต่เมื่อกำลังแกล้งจน เขาก็ต้องทำให้เนียน
“เอาไหมพี่ฝรั่ง? หากไม่ เดี๋ยวสายใจรอถามลูกค้าคนอื่นๆ”
แวซ็องรีบพยักหน้ารับ เขายกมือขึ้นเหมือนกำลังไหว้ขอบคุณ
“ชิ! เขี้ยวจริงจริ๊งๆ ดูสิหากเขาไม่เข้าตาจน เขาจะขายไหมล่ะ” หลังรับเงินมาจากชัยทัต สายใจอดไม่ได้ที่จะกระแหนะกระแหน...
“กินข้าวก่อนพี่ฝรั่ง พอไหมแค่นี้...แล้วจะไปไหนต่อล่ะจ้ะ”
จานข้าวผัดมีข้าวกับไข่ ผัดใส่ผักสีเขียว กลิ่นพอใช้ได้และท้องของเขาร้องเตือน มันก็ยังดีกว่ากินน้ำเปล่า
ชายหนุ่มรับสตางค์มาจากสายใจ ยัดใส่กระเป๋ากางเกง ลงมือกินข้าวในจานด้วยความหิว มีสายใจเดินมาคอยเมียงๆ มองๆ อำนวยความสะดวกให้ แถมด้วยรอยยิ้มหวานฉ่ำ จนลูกค้าคนอื่นๆ ตะโกนแซว
“พี่สายใจวันนี้จะเล่นของนอกเหรอ? ไม่เห็นสนใจพวกผมเลย”
หญิงสาวหันขวับ เธอขยับปากด่าแบบไม่มีเสียง “@#%&!” ภาษาบ้านๆ ที่คนโดนด่าสะดุ้ง ถึงไม่มีเสียงแต่อ่านจากการขยับริมฝีปาก มันน่าจะใช่ จึงรีบก้มหน้าหลบ รีบกิน รีบไป ก่อนที่จะโดนหนักกว่านี้
“อารมณ์เสีย...ชอบสอดกันจริ๊ง!”
ข้าวผัดจานใหญ่ แวซ็องกวาดเรียบ รสชาติพอใช้ ไม่ได้อร่อยเลิศ แต่ก็พอถูไถไปได้เพราะเขากำลังหิวจัด
“อร่อยใช่ม๊า พรุ่งนี้มากินอีกหรือเปล่า สายใจจะได้รอ”
ชายหนุ่มพยักหน้า เขาชี้เสื้อที่ตัวเองใส่ พร้อมทั้งถามหาร้านขาย
“อยากได้เสื้อต้องซื้อที่ไหนล่ะ”
“คงมีคนใจดีเอามันไปเลี้ยงแล้วมั้งคะป้า” เขาใจดีกับสัตว์ แต่ใจดำกับเธอจนอยากที่จะลืม“จริงเหรอ...บุญของมัน อย่าบอกนะว่าพ่อฝรั่งนั่นเอามันไปเลี้ยง อย่างนี้คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะอยู่คนล่ะซีกโลกแบบนี้”นางบ่นไปแกนๆ แล้วจึงเดินกลับไปประจำที่ตัวเอง ปล่อยให้เมวิกาเดินคอตกกลับห้องพักอย่างหงอยเหงาเธอทรุดตัวลง นั่งเอนกายลงนอน คู้เข่าขึ้นมากอดไว้พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ หลั่งริน“ไหนว่าจะไม่คิดถึงเขาไงเม”เสียงเครือสะอื้นต่อว่าตัวเอง มือที่กอดตัวเองไว้ไม่ได้อุ่นร้อนเหมือนที่เขาเคยกอด ตอนนี้เมวิกาหนาวจับขั้วหัวใจทางเดินของเธอกลับไปหม่นหมองเหมือนเดิม และดูท่าจะมืดมิดกว่าเดิมด้วยซ้ำ“เรายังโตมาแบบตัวคนเดียวได้เลย หากท้อง!! จะกลัวอะไรล่ะ เขายังมีเราอยู่ทั้งคน”สิ่งต่างๆ ในร่างกายที่เปลี่ยนไป มันย้ำให้เมวิการู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะอุบัติขึ้นมา เธอต้องตั้งสติจะมามัวจมอยู่กับความทุกข์ไม่ได้ หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่ง เธอควานมือลงไปใต้หมอน เพื่อหยิบซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่สิ่งสุดท้ายที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นทิ้งไ
บทที่9.ฉาวโฉ่!! ออกัสตัสอินเตอร์เทรต...“หลุยส์...ตามมาดามโจนส์ให้ฉันหน่อยสิ!”เซดริกกดอินเตอร์คอมสั่งงานเลขานุการคู่ใจเสียงลั่น!!หนุ่มหล่อตาสีน้ำขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนขมวดคิ้ว ก่อนจะย้อนถามเสียงไม่ใคร่แน่ใจ“มาดามโจนส์แห่งปารีสเพรสน่ะเหรอครับ?”“อืม...ใช่...ขอด่วนด้วยนะ บอกหล่อนไปนะว่าฉันมีข่าวเด็ดสะเทือนปารีสจะให้ฟรี!!”เซดริกพูดไปยิ้มไป การยืมมือสื่อคือการดัดหลังพี่ชายได้อย่างชะงัด แถมมาดามแลงก้าก็ไม่กล้าโวยเพราะพี่ชายเขากับมารดารักหน้าตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด“ครับ” หลุยส์แม้จะงงแต่ก็รีบรับคำคนภายนอกมองเซดริกเป็นพ่อพวงมาลัย เขาไม่หนักแน่นดั่งเช่นพี่ชาย แต่หารู้ไม่...บุรุษผู้น้องนี่ล่ะตัวดี เขาเจ้าแผนการมากเล่ห์เหลี่ยม การเสี้ยมให้สองฝ่ายชนกันนั้นเซดริกถนัด แต่เขาก็รักพี่น้องไม่แพ้คนอื่นๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เซดริกลงมือทำมั่นใจได้ว่าเป็นเรื่องดีไม่เกิน1ชั่วโมงก็อตซิปชื่อดังของปารีสก็รีบสลัดงานรัดตัวทิ้ง บึ่งหน้าตั้งม
“อย่าเดาส่งเดชว่ะ แกไม่รู้หรอกว่าฉันคิดอะไรอยู่...อย่าแส่!”เสียงตวาดขุ่นขวาง ดวงตาคมดุลุกโพลง...อารมณ์เดือดพล่านปานลาวาปากปล่องภูเขาไฟ พร้อมจะทำลายล้างทุกสิ่งหากเกิดความไม่พอใจขึ้นมา...“โอ๊ะโอ!”เซดริกคอหด เขางอตัวลงและเบียดตัวเองกับเก้าอี้นั่ง ทำเหมือนกับว่ากลัวฤทธิ์เดชของแวซ็องเสียหนักหนา...แต่แววตาของหนุ่มรุ่นน้องกับเต้นระริก เหมือนกำลังขำขันอะไรบางอย่าง แววตาของเซดริกเปล่งแสงระยิบ เหมือนกับรู้ว่าสิ่งที่พี่ชายกำลังกังวลคือเรื่องอะไร?รอยยิ้มรู้ทันที่ผุดขึ้นมุมปากของน้องชาย แวซ็องต้องรีบเบือนหน้าหนี พร้อมกับรีบสะกดอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเองให้สงบลงโดยไว ก่อนที่ความจะแตก...และถูกกระแหนะกระแหนไปอีกนานแสนนาน“นายคิดอะไรกับหล่อนงั้นสิ?”อาการพี่ชายแปลกๆ เซดริกจึงอดถามไม่ได้แวซ็องหันขวับรู้สึกเหมือนงูพิษ ถูกตีที่ขนดหาง แววตาของเขาลุกโชน ก่อนจะมีเสียงกระซิบแหบแห้งดังตามมา “อย่าแส่เซดริก!! แกไม่รู้ตัวใช่ไหม...ว่าพูดอะไรออกมา”ผู้อ่อนอาวุโสกว่าไหวไหล่ เขาเบ้ปากก่อนตอบเสียงแข็ง “
แหงนเงยใบหน้ายอมรับรสจุมพิตแสนรัญจวน ที่ทำให้เธอหลงเคลิบเคลิ้ม เสนอสนองตอบรับรสจูบแสนหวานนั้น ไม่คิดแม้แต่จะต่อต้านหรือผลักไส แพขนตางามงอนหลุบปิดลง...ยอมแพ้อย่างราบคาบ ยอมศิโรราบให้แก่พายุสวาทหวานหวามที่พัดพาให้เธอล่องลอยไปยังดินแดนในห้วงฝัน“เมจ๋า ฉันไม่เคยจูบใครแล้วชื่นใจเหมือน...เมสักคน”เสียงแผ่วปร่ากระซิบบอกชิดริมหู หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับและครางสะอื้น เมื่อชายหนุ่มเริ่มปลุกปั่นเธอจนแทบจะดิ้นพล่านเพราะความซ่านสยิวเสียงครางแผ่วๆ ผสมกับเสียงหอบหายใจแรงๆ เมื่อคนทั้งคู่จมดิ่งในกองไฟแห่งความปรารถนา...กลิ่นเหงื่อเค็มๆ ลอยฟ่อง! กลิ่นคาวของความรัก แผ่กระจาย เสียงครางหวานแหลมทวีความดังขึ้น ทุกช่วงจังหวะที่เจ้าของร่างใหญ่ถาโถมเข้าใส่ เงาร่างกลางแสงสลัวๆ ที่แยงผ่านรอยแตก จึงมองเห็นเพียงร่างขาวโพลนโอบรัดกันแนบแน่นเหมือนดั่งเช่นสัตว์โลกทั่วไปที่กำลังเสพสังวาสกัน เพียงแต่ความมหัศจรรย์พันลึกของมนุษย์เป็นอะไรที่สุดจะหยั่งถึง มีความดุดันและอ่อนหวานอยู่ในที่ที่เดียวกัน...เพียงแค่มองเห็นผ่านตาแวบๆ ก็ชวนให้หัวใจกระเส่า ขนกายลุกซู่...เมวิกาแทบจะแดดิ้น
ระหว่างที่หญิงสาวยังลังเลอยู่ แวซ็องเองเป็นฝ่ายรอไม่ไหว เขารั้งเธอเขามาในวงแขนและมอบจุมพิตหวานฉ่ำให้หล่อนเสียเอง ทั้งสองคนหลงเพลิดอยู่ในห้วงปรารถนา จนร่ำๆ จะเกินเลย เมื่ออารมณ์พาไป มือใหญ่เคลื่อนที่เหมือนงูเลื้อย...ลูบคลำหญิงสาวด้วยใจพิศวาส“พอค่ะ พอนะคะ!!”เมื่อริมฝีปากร้อนผ่านเคลื่อนที่ลงต่ำๆ เมวิกาจึงมีเวลารวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงไป กลับคืนมาทัน เธอวิงวอนเขาเสียงหวานพร่า จนชายหนุ่มต้องยอมอ่อนให้...เขายังมีเวลาเหลือ ครั้งนี้เขาจะปล่อยเธอไปก่อน แต่หลังจากนั้นเธอจะต้องกลับมาชดเชยให้ เขาเกินคุ้ม!!“ได้เลยเม...รีบไปรีบกลับนะ ฉันรออยู่”ชายหนุ่มเอ่ยย้ำ เขายอมรามือให้ ปล่อยเธอออกไปทำงานเฉกเช่นคนอื่นๆเมวิกาลนลานก้าวลงจากเตียง เรียวขาเพรียวสั่นระริก...มันอ่อนแรงเสียแทบจะทรงตัวไม่อยู่“ให้ช่วยไหมทูนหัว”เสียงกระเซ้าของผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียง แววตาของเขาเต้นระริก มันฉ่ำเยิ้มจนเธอผวา กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ก้าวออกจากห้องพัก หากเธอหันหลังกลับแล้วถลาเข้าหาอ้อมแขนแข็งแรงนั่นอีกครั้งหญิงส
ชายหนุ่มวางถุงอาหารมื้อเช้าไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ข้างที่นอน เขาหย่อนตัวลงนั่งพร้อมทั้งรวบกอดเมวิกาไว้ในอ้อมแขน... “นึกว่าฉันชิ่งไปแล้วสินะ?” ชายหนุ่มพูดกลั้วเสียงหัวเราะ มันยังไม่ถึงเวลานั้นสักหน่อย ตอนนี้เขากำลังหลงเมวิกาหัวปัก จะให้ทิ้งเธอไปตอนนี้เสียดายแย่...“...” ไม่มีเสียงตอบกลับแต่ร่างอวบอุ่นซุกตัวในอ้อมแขนของเขา เธอสอดมือโอบรัดรอบเอว เหมือนลูกนกที่หลงรังฝากตัวกับผู้ปกครองคนใหม่“หึๆ” ชายหนุ่มโยกตัวไปมา ปลอบประโลมหล่อน “แบบนี้คิดว่าจะมีแรงไปทำงานไหมล่ะ...เครื่องฉันร้อนง่ายเธอก็น่าจะรู้นะเม” เสียงของแวซ็องแหบปร่า...เขาซุกใบหน้ากับพวงผมยาวสยาย สูดกลิ่นหอมๆ ปนกลิ่นเหงื่อจางๆ ของเธอจนชุ่มปอด...หญิงสาวรีบผลักอกของเขาแรงๆ แต่เหมือนจะช้าไป ไฟปรารถนาของแวซ็องถูกจุดขึ้นมาเสียแล้ว เมื่อกลิ่นหอมหวานลอยยั่วเย้าอยู่แค่ปลายจมูก“โทร. ลางานได้เลยจ้ะ เพราะเธอหมดแรงยืนแน่ๆ”ชายหนุ่มกระซิบบอกชิดริมใบหู เขาผลักเมวิกาจนหงายหลังพร้อมกับโถมเข้าใส่ โดยที่เมวิกาทำได้แค่กะพริบตาปริบๆ เพราะไม่เคยห้ามได้หากแวซ็องเ