“ไปเอาให้หน่อยสิคะ นะๆ ฉันยังไม่เสร็จงานในครัวเลย เผื่อแม่มีเรื่องด่วน ถ้าไม่โทรกลับฉันถูกสับเละเป็นโจ๊กแน่”
“ฉันเป็นคนใช้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่”
“โธ่...คุณพี่ ทำเพื่อน้องนะคะ เดี๋ยวคืนนี้น้องจัดให้หลายๆ ท่า ฮ่าๆๆ”
“นี่! ยัยหื่น อย่ามาหื่นใกล้ฉันนะ ไปไกลๆ เลย!”
ศศินเผ่นแน่บออกนอกห้องครัว เวนิสากลั้นขำ การแกล้งศศินสามารถทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาได้ ไม่รู้เขาจะกลัวอะไรนักหนา เธอเป็นผู้หญิงร่างบอบบาง กระไรเลยจะกล้าปล้ำผู้ชาย หึๆๆ
“คุณวีคะ คุณวี!”
“อะไร! อะไรคะพี่” ถามเอากับสาวใช้นางหนึ่งที่วิ่งหน้าตั้งเข้าครัวมา
“คุณปานรพีค่ะ คุณปานรพีมา!”
“หา!?”
“พี่ศศิน! พี่ศศินไปทำอะไรในครัวค้า รพีมาหาค่า!”
เสียงปานรพีดังมาก่อนตัว เวนิสาวางมีดในมือแทบไม่ทัน เธอแลหาที่หลบท่ามกลางหัวใจอันลุ้นระทึก สาวใช้นางนั้นก็เช่นกัน แต่ในครัวไม่มีที่พอจะหลบได้ สุดท้ายสาวใช้ก็เปิดประตูหลังให้เวนิสา หญิงสาวรีบเผ่นออกไป ไม่ได้รู้เลยว่าด้านนอกนั้นมีสภาพเช่นไร
“เอ้า? นี่เธอ...แล้วพี่ศศินล่ะ” ปานรพีถามเอากับสาวใช้ของบ้าน
“เอ่อ...คุณศศินเพิ่งเดินขึ้นไปข้างบนค่ะ เดี๋ยวคงลงมา” สาวใช้ตอบอึกอักมีพิรุธ
“เธอแปลกๆ นะเนี่ย คุณลุงก็ด้วย ทำตัวมีพิรุธกันทั้งบ้าน น่าสงสัยแฮะ”
“สงสัยอะไรหรือรพี”
ศศินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาถามแขก กวาดสายตามองทั่วห้องครัวไม่เจอเวนิสาก็ค่อยเบาใจ สาวใช้บุ้ยใบ้ไปที่ประตูหลัง ให้เขารู้ว่าเวนิสาซ่อนอยู่ตรงนั้น
“ปะ...เปล่า เปล่าค่ะ พี่มาแล้วหรือคะ”
นางเอกสาวยิ้มแป้น รีบเกาะแขนพี่ชายแจ
“มีธุระอะไรหรือเปล่ารพี”
“ไม่ค่า คิดถึงเลยแวะมา แต่ว่าตอนนี้หิวแล้ว ขอฝากท้องบ้านนี้สักมื้อนะคะพี่” สาวน้อยยิ้มค้าง เอาใจพี่ชายที่แอบปลื้ม ก่อนจะลากเขาไปทางห้องอาหาร จับจองเก้าอี้ตัวที่ว่างไว้เป็นของตัวเอง แล้วตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารที่วันนี้อร่อยเป็นพิเศษ
ส่วนเวนิสา นอกจากหยาดฝนที่กำลังลงเม็ดโปรยปราย เธอยังได้เจอกับยุงตัวใหญ่ๆ ที่โจมตีไม่หยุดหย่อน ด้านหลังห้องครัวอยู่ใกล้กับกำแพงบ้าน ถัดจากกำแพงไปเป็นคลองน้ำคลำ จึงมียุงชุม เธอยืนตบยุงเปาะแปะ อยากจะร้องก็ร้องไม่ออก ต้องยืนรอจนสาวใช้มาเปิดประตูให้ แน่นอนว่าหน้าตาเนื้อตัวแดงเถือกเพราะถูกเกาจนผิวเห่อร้อนไปหมด
ศศินมองออกไปนอกหน้าต่าง ความมืดมิดโรยตัวลงมาพร้อมกับหยาดพิรุณบางๆ เขานั่งตรงข้ามปานรพี หันหน้าไปทางประตูห้องอาหาร รู้สึกเป็นห่วงคนที่อยู่หลังบ้าน ฝนเริ่มตกแล้ว หล่อนจะเข้ามาหลบข้างในหรือยัง
“พี่ศศินกินแกงมัสมั่นสิคะ วันนี้แม่ครัวบ้านพี่ทำอร่อยจัง”
ปานรพีตักแกงใส่จานพี่ชาย ศศินพยักหน้ารับ รสมือของเวนิสาอร่อยพอตัว ไม่แปลกที่หล่อนสามารถเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารได้
“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะรพี” ท่านวศินว่า มองลูกชายอย่างระแวง ศศินเอาแต่มองไปที่ประตูห้อง ไม่ได้ใส่ใจรับประทานอาหารสักเท่าไหร่
“ค่า...คุณลุง” ปานรพีรับคำแล้วตั้งหน้าตั้งตาจัดการอาหารในจานของตัวเอง
เวลาเดียวกันนั้น เวนิสาก็กลับเข้ามาในบ้าน หญิงสาวแอบมองอยู่ข้างประตูห้องอาหาร ศศินเห็นแวบๆ ใบหน้าหล่อนมีรอยแดงมากกว่าสามจุดที่เห็นเด่นชัด หล่อนกำลังจะเดินผ่านห้องอาหาร แต่กลัวว่าปานรพีจะเห็นเข้ากระมัง
“เอ่อ...รพี ตักผัดผักให้ลุงหน่อยได้ไหม”
ท่านวศินช่วยบุตรชายอีกแรง ท่านเองก็เห็นเวนิสาเช่นกัน
“ได้เลยค่าคุณลุง”
ศศินมองตรงไปที่ตาของเวนิสา ทำปากขมุบขมิบบอกให้รู้ว่าหล่อนควรไปเสียที
เวนิสาสองจิตสองใจ กลัวว่าปานรพีจะหันมาเห็นตัวเองเข้า แต่พอศศินให้สัญญาณก็วิ่งแจ้นผ่านประตูไป
ขวับ!
ปานรพีหันขวับ ทว่าไม่เจอสิ่งใดที่ประตูทางเข้า นอกจากความว่างเปล่า
“พี่ศศินมองอะไรคะ” นางเอกสาวตัวแสบถามพี่ชายอย่างฉงน
“ปะ...เปล่า เปล่านี่ ทานต่อเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว” บอกปานรพีอย่างนั้นแล้วแอบพรูลมออกจากปาก เขาสบตากับบิดาแวบหนึ่ง โล่งอกโล่งใจที่ในที่สุดปานรพีก็ไม่เห็นเวนิสา
____________
ทางด้านแม่ดาวพระศุกร์ผู้็มีชีวิตแสนรันทด พอขึ้นมาบนห้องได้ก็รีบอาบน้ำอาบท่า เนื้อตัวที่ถูกยุงกัดกำลังเห่อแดงได้ที่ คันจนไม่รู้จะเกาตรงไหนก่อน
“ฮือออ...ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ฉันผิดตรงไหนกัน” ถามตัวเองแล้วร้องระงมทั้งที่ไม่มีน้ำตาสักหยด เนื้อตัวที่โผล่พ้นชุดนอนมีแต่รอยยุงกัดแดงเถือกไปหมด
โครก...คราก...
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแม่ดาวพระศุกร์ดวงน้อย นอกจากโดนยุงกัดจนลายพร้อย ท้องไส้ก็เริ่มโหยหาอาหาร ร่างกายของเธอกำลังต้องการอย่างอื่นบ้างนอกจากน้ำย่อยที่กำลังกัดกร่อนกระเพาะอยู่
“ป่านนี้คงพากันกินมื้อค่ำฝีมือเราสินะ แกงมัสมั่นของฉัน ปลาทอดตัวใหญ่ ผัดผักของโปรดด้วย โอย...อยากตาย...หิวโว้ย...”
[4]รักเราสอง (สาม) คน___________เวลา 10:35 นาฬิกา ณ บ้านแสนรักเด็กหญิงเด็กชายวัยไม่เกินสิบเอ็ดขวบ มากกว่ายี่สิบชีวิต กำลังช่วยกันขนกล่องขนมลงจากรถพี่วีนัสคนสวย ทุกครั้งที่มาที่นี่ เวนิสามักนำเค้กอร่อยๆ มาให้เด็กๆ เสมอ วันนี้พิเศษหน่อย เพราะคนที่ขับรถมาให้คือคุณลุงผู้ใจดี“ไม่นึกว่าสาวๆ อย่างหนูวีจะชอบทำอะไรแบบนี้ด้วย”วศินเอ่ยอย่างทึ่งๆ จัดการแกะกล่องเค้กแล้วตักแบ่งใส่จานให้เด็กๆ ที่ยืนต่อคิวรออยู่ วันนี้ท่านว่าง เลยอาสาขับรถมาให้เวนิสา“วีมาบ่อยค่ะท่าน มาทีก็เอาขนมมาแจก เอาเงินมาให้ จนเด็กๆ จะเรียกว่าแม่อีกคนแล้ว” แม่ครูแสนรัก ผู้ดูแลและผู้ก่อตั้งสถานที่นี้ เอ่ยกับผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเอง นางเป็นสตรีวัยห้าสิบปลายๆ ที่ทุ่มเทเพื่อเด็กที่ไร้ที่พึ่งวศินพยักหน้าน้อยๆ รับคำ ท่านกวาดตามองไปรอบบริเวณ บ้านแสนรักตั้งอยู่หลังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแถวสามแยกไฟฟ้า สมุทรปราการ สถานที่กว้างขวางพอสมควร กำลังสร้างตึกอะไรสักอย่างทางด้านตะวันออกด้วย&ldquo
“เธอคิดว่าเล่นอะไรอยู่ เพื่อนของเธอไม่ใช่คนขี้เหร่นะ ความสัมพันธ์หลังการเดตมันอาจพัฒนาก็ได้ แล้วเธอล่ะ เธอ...”เวนิสายิ้มเศร้าๆ“ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันคงทำได้แค่อวยพรให้คนที่ฉันรักที่สุดยังไงละคะ”“เฮอะ! เธอนี่เหลือเชื่อจริงๆ คิดได้ยังไงเนี่ย” เขาอยากจะบ้าตาย“เพื่อนฉันเป็นคนดีนะคะ พี่อาจชอบเธอจริงๆ ก็ได้”ศศินเสยผมแรงๆ เหมือนมีหินก้อนใหญ่ถ่วงหัวใจเอาไว้จนหนักอึ้ง“ไม่มีทาง ฉันชอบชีวิตอันสงบราบเรียบเหมือนเดิมของฉัน ฉันจะไม่เปิดใจให้ผู้หญิงคนไหนเด็ดขาด คอยดูต่อไปก็แล้วกัน”รอยยิ้มบางๆ แต่งแต้มที่มุมปากของเวนิสา ถ้าเป็นอย่างนั้นค่อยเบาใจหน่อย มันคงกระอักกระอ่วนใจพิลึกหากวันหนึ่งศศินคบกับรวีกานต์จนถึงขั้นแต่งงาน ในขณะที่เธออาจตั้งท้องลูกของเขา ลูกที่ไม่ได้เกิดจากความรัก มันคงเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าคำว่าลำบากใจ“พี่คะ ความรักน่ะ ไม่มีวันรู้หรอกว่ามันจะมาเมื่อไหร่ พอได้รักแล้ว พี่จะเลิกรักง่ายๆ ไม่ได้หรอกนะคะ ความรักเป็นสิ่งที่ชั่งตวงวัดไม่ได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มีอยู่
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อเบะแล้วเบะอีก สองมือง่วนอยู่กับการเกาๆๆ และเกาในทุกส่วนที่ถูกยุงกัด เสียงรถเพิ่งแล่นออกไปจากรั้วบ้าน เวนิสาเดาว่าปานรพีเพิ่งจะกลับกระมัง คงจะกินอิ่มจนพุงกาง ในขณะที่เธอต้องซ่อนตัวอยู่บนนี้ทั้งที่หิวแสนหิวแอ๊ด...ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาช้าๆ ศศินเข้ามาพร้อมถาดบางอย่างในมือ“พี่คะ...ฉันหิว...” บอกเขาเสียงออดอ้อน เอามือตบพุงน้อยๆศศินมองแล้วระอาเหลือ และพอเห็นเนื้อตัวสาวเจ้าก็ยิ่งสงสัย“นั่นรอยอะไร”“ยุงค่ะ ยุงตัวผู้มันกัดน้อง พี่ขา...ทายาให้น้องหน่อย” ว่าแล้วยื่นตลับยาสีเขียวให้เขา ยาที่มีไว้เพื่อทาตุ่มแมลงสัตว์กัดต่อยศศินทำหน้าขยาด ส่ายหน้ารัวๆ“ทำไมฉันต้องทาด้วยล่ะ นี่...มื้อค่ำของเธอ พ่อให้เอามาให้”เขาวางถาดอาหารลง บนนั้นมีสลัดผลไม้จานโตกับน้ำเปล่าเวนิสามองแล้วอยากจะร้องไห้“แล้วแกงมัสมั่นละคะ”“หมดแล้ว ปานรพีชอบ บอกว่าอร่อย คุณพ่อเลยให้เด็กห่อที่เหลือให้กลับเอาไปกินที่บ้าน”“ได้ไง! โอ๊ย...อยาก
“ทำไมชอบย้ำเรื่องนี้จังนะ ผมแค่เกิดช้าไปห้าปีเท่านั้นเอง”เขาเสยผมแรงๆ อย่างไรก็หนีไม่พ้นคำว่าเด็กน้อยของรวีกานต์หญิงสาวยิ้มสวยเมื่อเสียงของเด็กน้อยกลับมาอยู่ในระดับที่เธอคุ้นชิน เธอยังวางมือบนบ่านั้น แล้วจู่ๆ เอวบางก็ถูกดึงด้วยมือแกร่ง เขาดึงเธอเบาๆ แต่ทำให้เธอเข้าไปอยู่ในระยะอ้อมแขน“ทำอะไร!”“ฝนสาดไม่รู้หรือไง”เด็กน้อยบอกแล้วชี้ให้ดู มีหยาดฝนสาดเข้ามาตรงที่รวีกานต์ยืนอยู่ ปลายภูถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองออกแล้วคลุมลงบนศีรษะให้หล่อนหัวใจของรวีกานต์เต้นระรัว เอาอีกแล้ว จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติอีกแล้ว น่าสงสัยไหมเล่าที่คนที่ทำให้มันเต้นยังเป็นชายคนเดิม ชายที่ไม่เหมาะกับการฝากชีวิต ชายที่อายุน้อยกว่าเธอตั้งห้าปี“เอ่อ...ขอบใจ” บอกขอบใจแล้วล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ กะว่าจะทิ้งมันลงถังขยะใบเล็กที่ตั้งอยู่นอกชายคาร้านอาหาร“ไม่ใส่แว่นก็สวยดี แต่ถ้าใส่จะน่ารัก”รวีกานต์เหล่มองเจ้าเด็กน้อย ช่างอารมณ์แปรปรวนเสียจริง“ฉันจะทิ้ง จะไม่ใส่มันอีก มั
เวนิสาโอดครวญอยู่บนเตียง ปากบ่นไม่หยุด มือก็เกาไม่หยุดเกาเช่นกัน จะลงไปหาอะไรกินข้างล่างก็กลัวว่าจะเจอปานรพี ถ้าเจอกันจริงๆ คงยากจะปฏิเสธ เธอใส่ชุดนอนเรียบร้อยขนาดนี้ หล่อนคงได้เค้นคอถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เพราะถึงแม้จะรู้จักมักจี่คุ้นเคยกันดี แต่มันใช่เรื่องไหม หากเธอจะบอกปานรพีว่ามาอยู่ที่นี่ชั่วคราว“โอย...แค่คิดก็ปวดตับ รีบๆ กินแล้วกลับบ้านไปซะยัยนางเอกขาวีน!”____________ย้อนหลับมาที่ร้านอาหารกึ่งผับ รวีกานต์พลิกนาฬิกาข้อมือดู พวกเธอนั่งอยู่ตรงนี้มาสองชั่วโมงแล้ว ฝนด้านนอกก็กำลังลงเม็ดบางๆ จนข้างในร้านหนาวนิดหน่อย เด็กน้อยของเธอกำลังละเลียดเบียร์แก้วสุดท้ายของเขาอยู่“หมดแก้วนี้แล้วพอนะ กว่าฉันจะกลับถึงบ้านมันจะดึกเอา”เด็กน้อยพยักหน้าหงึกๆ ตาเริ่มหวานเยิ้มเมื่อมีแอลกอฮอล์ในร่าง“ทำไม กลัวผมเมาแล้วปล้ำเหรอ” ถามแล้วหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์“เชอะ...ลองทำแบบนั้นจริงๆ สิ แม่จะถีบให้ตกเตียงเลย”“โอย...เจ๊ใจร้าย จะถีบคนหล่อๆ อย่างผมได้ลงคอเหรอ”&l
“ไปเอาให้หน่อยสิคะ นะๆ ฉันยังไม่เสร็จงานในครัวเลย เผื่อแม่มีเรื่องด่วน ถ้าไม่โทรกลับฉันถูกสับเละเป็นโจ๊กแน่”“ฉันเป็นคนใช้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่”“โธ่...คุณพี่ ทำเพื่อน้องนะคะ เดี๋ยวคืนนี้น้องจัดให้หลายๆ ท่า ฮ่าๆๆ”“นี่! ยัยหื่น อย่ามาหื่นใกล้ฉันนะ ไปไกลๆ เลย!”ศศินเผ่นแน่บออกนอกห้องครัว เวนิสากลั้นขำ การแกล้งศศินสามารถทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาได้ ไม่รู้เขาจะกลัวอะไรนักหนา เธอเป็นผู้หญิงร่างบอบบาง กระไรเลยจะกล้าปล้ำผู้ชาย หึๆๆ“คุณวีคะ คุณวี!”“อะไร! อะไรคะพี่” ถามเอากับสาวใช้นางหนึ่งที่วิ่งหน้าตั้งเข้าครัวมา“คุณปานรพีค่ะ คุณปานรพีมา!”“หา!?”“พี่ศศิน! พี่ศศินไปทำอะไรในครัวค้า รพีมาหาค่า!”เสียงปานรพีดังมาก่อนตัว เวนิสาวางมีดในมือแทบไม่ทัน เธอแลหาที่หลบท่ามกลางหัวใจอันลุ้นระทึก สาวใช้นางนั้นก็เช่นกัน แต่ในครัวไม่มีที่พอจะหลบได้ สุดท้ายสาวใช้ก็เปิดประตูหลังให้เวนิสา หญิงสาวรีบเผ่นออกไป ไม่ได้รู้เลยว่าด้านนอกนั้นมี
“ตกลงว่าได้เดตกับเขาจริงเหรอ”“อาฮะ” รวีกานต์พยักหน้ารับ หยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นจิบ อิ่มจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ แต่ยังไม่หยุด ยังเหลือไอศกรีมอีกถ้วย เธอต้องยัดมันลงกระเพาะน้อย ก่อนที่มันจะละลาย ว่าแล้วก็...“อื้ม...อาหย่อยอีกแย้ว...”หนุ่มรุ่นร้องส่ายหน้าระอา ทว่ามีรอยยิ้ม“เลอะหมดแล้ว กินเลอะเป็นเด็กๆ ไปได้” เด็กน้อยเทคแคร์พี่สาวคนดีด้วยการเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปเช็ดคราบไอศกรีมออกให้สัมผัสเบาๆ ที่มุมปากทำให้รวีกานต์หัวใจเต้นแรง ช้อนไอศกรีมหลุดจากมือ จ้องมองเขาตาปริบๆ แต่อีกฝ่ายทำไม่รู้ไม่ชี้“อะไรกัน อย่ามาหว่านเสน่ห์ใส่ฉันนะ ฉันอายุเยอะกว่านายตั้งห้าปีนะพ่อเด็กน้อย”“อา...อย่าพูดแทงใจดำแบบนั้นสิครับ ถ้าผมอายุเท่าตะวัน คิดหรือว่าตะวันจะลอยนวล ผมจะขายขนมจีบทุกวันเลย”เขาเอ่ยแล้วหยิบแก้วเบียร์ขึ้นจิบเท่ๆ คำพูดคำจาที่ไม่รู้พูดจริงหรือแค่ล้อเล่นทำให้รวีกานต์ไม่รู้จะเชื่อหรือไม่เชื่อดี“เชอะ...ฉันไม่สนนายหรอกย่ะ ฉันน่ะ มีเจ้าชายในดวงใจแล้ว&rdquo
[3]ซ่อนรัก ________รวีกานต์เดินออกจากลิฟต์มาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ด้วยว่าวันนี้เธอได้แจ้งแก่บอสใหญ่เรื่องเดตที่เขาเคยสัญญาไว้ พวกเธอนัดกันวันเสาร์นี้ ศศินจะมารับเธอที่บ้าน เหมือนฝันที่เป็นจริง ในที่สุดเธอก็จะได้เดตกับชายในฝันแล้วปรื๊นๆๆๆเสียงแตรรถดังสนั่นแทรกเข้ามาในห้วงคำนึงอันแสนหวาน รวีกานต์พาตัวเองออกมาสู่โลกของความจริง ท้องฟ้าเบื้องบนใกล้มืดมิดเต็มที แต่เธอยังไม่ถึงบ้าน เพิ่งจะลงจากรถไฟฟ้า เบื้องหน้าคือถนนที่คลาคล่ำไปด้วยยวดยานพาหนะและควันโขมงจากท่อไอเสียรถยนต์เธอควรขึ้นรถสองแถวตรงกลับบ้าน แต่ว่า ความยินดีบางอย่างทำให้เธอต้องไปพบเพื่อนผู้คุ้นเคยเสียก่อนณ ปลายภู Coffeeป้ายหน้าร้านช่วยทำให้รอยยิ้มของรวีกานต์กระจ่างขึ้นมาอีกครั้ง พอมองเข้าไปด้านในก็เห็นบุรุษร่างสูง กำลังเทคแคร์ลูกค้าด้วยรอยยิ้มสดใสและใบหน้าหล่อเหลาของเขา เธอรีบโบกมือให้เมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตา เขาไม่ได้สวมชุดอย่างพนักงานคนอื่น แต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาทว่าดูดี เป็นเสื้อยืดสีขาวด้านใน คลุมทับด้วยเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนที่ไม่ได้ติดกระดุม มีผ้ากันเปื้อนแบบเดียวกันกับพนักงาน คาดทับเอวไว้ ร้านกาแฟ ณ ปลายภู มีชื่อเสียงในละแวกน
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ กัดริมฝีปากล่างอย่างประหม่า ศศินมองภาพนั้นไม่วางตา รอยโลหิตค่อยๆ ถูกฟันขาวๆ กรีดมันออกก่อนจะเรืองรองขึ้นมาอีกครั้งกลายเป็นริมฝีปากสีชาดอิ่มสวย“บอกไว้ก่อนว่าสิ่งที่เธอวางแผนไว้คงสำเร็จได้ยากหน่อย ก็จริงที่เธอได้อยู่ร่วมห้องกับฉัน แต่เรื่องนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น แค่นี้ชีวิตฉันก็ยุ่งวุ่นวายพอแล้ว ฉันไม่หาเรื่องให้ตัวเองเพิ่มหรอก ครบสามเดือนก็รีบๆ ย้ายออกไปซะ นี่คือความหวังดีที่สุดจากฉันแล้ว เข้าใจนะ”เวนิสาพยักหน้าหงอยๆ“พี่คะ”“อะไร”“ขอ...สักที จะไม่ลืมพระคุณ”“เวนิสา!”ศศินอยากจะบ้าตาย ที่พูดออกไปยืดยาวนั่นมันไหลเข้าสมองหล่อนบ้างไหม“ฉันคงอยู่เฉยๆ รอวันย้ายออกไปไม่ได้หรอกค่ะ ชีวิตฉันขึ้นอยู่กับพี่ ฉันต้องท้องกับพี่ให้ได้ ต้องอ่อยท่าไหนฉันก็จะสู้ รอดูได้เลย!”ศศินยกมือกุมขมับ นี่เขาพูดกับท่อนไม้หรืออย่างไร“เธอนี่จริงๆ เลย เคยเข้าใจอะไรบ้างไหม รู้หรือเปล่าว่าตั้งแต่เธอมาอยู่ใกล้ฉันฉันต้องเปลืองพลังงานมากแค่ไ