Share

EP 1/4 แสนชัง

last update Last Updated: 2025-04-05 11:20:19

ภายในลิฟต์โดยสารที่มีเพียงสองแม่ลูก ลิฟต์เคลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามความสูงของอาคารหกชั้น

“แม่คะ”

“อย่ามาพูดกับฉัน ฉันโกรธอยู่” ผกากรองว่าแล้วมองหน้าตัวเองในผนังลิฟต์มันวาว มีความไม่พอใจระบายอยู่บนใบหน้าของตัวเองจนต้องเลื่อนดวงตาไปมองทางอื่น

“มันเป็นความประสงค์ของคุณลุงนี่คะ”

“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้อะไรคนพวกนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ แกรู้ดีที่สุดยัยเทียน” ว่าแล้วจับกระเป๋าคลัตช์ใบหรูมาหนีบไว้ใต้วงแขนแรงๆ ด้วยรูปร่างที่ระหงทุกสัดส่วนทำให้ผกากรองยังดูดีเมื่อเทียบกับอายุจริง

“ถ้าไม่ยกให้เขา แม่อยากยกให้ใครละคะ คุณลุงให้หุ้นพวกเขาอย่างน้อยๆ แม่ก็มั่นใจได้เลยว่าเขาไม่พาบริษัทเจ๊งแน่ๆ หนูทำคนเดียวไม่ไหวหรอกนะคะ”

เทียนหยดชี้แจง เธอไม่ได้ทำงานให้ RPS เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง งานบริหารจัดการของเธอเธอก็ต้องดูแล

“นั่นแหละที่ทำให้ฉันโกรธ ถ้าฉันรู้เรื่องงานบริหารมากกว่านี้สักนิดก็คงไม่ต้องให้หุ้นพวกเขาหรอก”

เทียนหยดส่ายหน้าช้าๆ มองมารดาแล้วสะท้อนในอก

“แม่คะ ถึงยังไงคุณลุงก็ยกหุ้นให้คุณสมัตถ์อยู่ดี ต่อให้แม่ทำงานเก่งแค่ไหน หุ้นตรงนั้นคุณลุงก็ไม่ให้แม่หรอกค่ะ”

“ใช่! แกรู้ดีนี่ว่าอะไรเป็นอะไร มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่ไม่รู้” บอกอย่างนึกเคืองบุตรสาว มีบางเรื่องที่เป็นความลับที่อดีตสามีไม่ยอมบอกนาง แต่กลับบอกบุตรสาวของนางแทน

“มันไม่มีอะไรนี่คะ แม่เชื่อเถอะว่าคุณลุงท่านไม่ได้นอกใจแม่จริงๆ”

“น่าเชื่อตายล่ะ พวกนั้นแอบนัดแนะพบกันตั้งหลายครั้งหลายหน และเป็นแกแท้ๆ ที่คอยอำนวยความสะดวกให้พวกนั้นได้เจอกัน ฉันอยากรู้นักเทียนหยด แกยังคิดว่าฉันเป็นแม่อยู่หรือเปล่าฮะ!”

ติ๊ง!

ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับร่างของผกากรองและอารมณ์อันติดลบของนาง เทียนหยดมองตามร่างมารดาแล้วได้แต่ทอดถอนใจ บางครั้งการเป็นคนกุมความลับก็น่าหนักใจเกินจะกล่าว เธอพูดมันออกมาไม่ได้ จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร

ครืดๆ ๆ

เสียงโทรศัพท์ไร้สายสั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูท เทียนหยดหยิบมันออกมาดู มีสายจากผู้ช่วยของเธอนั่นเอง

“ฮัลโหล ว่ายังไงนิดา”

“ของมาแล้วนะคะ คุณเทียนจะลองดูของก่อนไหมคะหรือว่าจะเอาเข้าห้องแล็ปเลย”

ผู้ช่วยนิดาถามไถ่ ของที่ว่านั้นหมายถึงวัตถุดิบในการทำครีมบำรุงผิวนั่นเอง

“จัดการไปเลยนิดา ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ ถ้าไม่มีปัญหาหนักอะไรเธอก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนได้เลย เดี๋ยวครีมส่งเข้าตลาดไม่ทัน”

“ค่ะๆ สู้ๆ นะคะบอส”

เทียนหยดอมยิ้มก่อนวางสาย แบรนด์ บล็องค์เต้ เป็นแบรนด์เครื่องสำอางของเธอ เครื่องสำอางที่นำเข้าวัตถุดิบจากประเทศฝรั่งเศสและใช้โรงงานของ RPS เป็นฐานผลิต แต่เธอไม่ได้ใช้อำนาจที่มีทำมันฟรีหรอกนะ เธอทำทุกอย่างอย่างทุกต้องเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ของ RPS เธออยากทำมันด้วยตัวเอง อยากรู้จักคำว่ากำไรและขาดทุน

และนับตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์มาจะสองปีแล้ว เธอยังไม่เคยพบคำว่าขาดทุนเลย กำไรนั้นมีมาทุกเดือน มากบ้างน้อยมากสลับกันไป ด้วยว่าบล็องค์เต้นั้นไม่ได้ผลิตสินค้าเพียงตัวเดียว แต่มีทั้งครีมบำรุงผิวกาย ผิวหน้า เซรั่ม สบู่ และกำลังจะทำแป้งตลับด้วย เธอทำทุกอย่าง และหวังว่ามันจะมั่นคงในอนาคต

“คุณเทียนครับ คุณเทียน เอ่อ...เรื่องห้องทำงานของผู้บริหารใหม่จะเอายังไงดีครับ” อเนก ชายผิวขาวซีดวัยใกล้สี่สิบ ร่างท้วมนิดๆ ศีรษะเถิกหน่อยๆ เดินมาหานายสาวอย่างรีบเร่ง วงหน้ามีแต่ความกังวล

“ให้เขาใช้ห้องคุณลุงเถอะ ท่านประธานคนใหม่คงไม่มานั่งทำงานให้เมื่อยหรอก อีกอย่าง มันคงดีถ้าเขาได้ทำงานในห้องที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุด และห้องมันก็กว้างมากด้วย คงมีพื้นที่มากพอให้เขาวางเอกสารตอนศึกษางานของ RPS”

อเนกทำหน้ากลั้นขำ “โอ...จริงครับ งั้นผมจะรีบจัดการทันที”

เทียนหยดยิ้มน้อยๆ

“อ้อ...อย่าลืมยกโต๊ะทำงานของเทียนเข้าไปไว้ในห้องเขาด้วยนะคะ”

อเนก “ทำไมละครับ?”

“ไม่ไว้ใจค่ะ”

เทียนหยดตอบสั้นๆ แต่อเนกกลับเข้าใจดี เขาทำงานให้ RPS มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ บริษัทเติบโตและได้กำไรในทุกๆ ปี มีเม็ดเงินมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ เป็นธรรมดาที่เจ้านายของเขาย่อมมีความระแวงในตัวผู้บริหารคนใหม่ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณรุ่งรดิศถึงทำแบบนี้ แทนที่จะยกหุ้นที่มีให้เทียนหยด คนที่ทำงานหนักไม่ต่างจากท่าน

เทียนหยดไม่มีตำแหน่งที่แน่นอนใน RPS แต่ได้รับอำนาจสั่งการจากคุณรุ่งรดิศว่าหากเทียนหยดบัญชาสิ่งใดแล้วละก็ ให้ถือว่าท่านมาบัญชาด้วยตัวเอง ฉะนั้นหากจะพูดให้ถูก เทียนหยดก็คือเงาอีกด้านของคุณรุ่งรดิศ เงาที่ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของท่าน เป็นแค่เงาที่ทำทุกอย่างเหมือนอย่างที่ท่านทำนั่นเอง บางครั้งเขาก็นึกสงสัย นอกจากเงินเดือนที่เทียนหยดได้รับจากรุ่งรดิศแล้ว หล่อนยังได้อะไร

__________

บ้านสวน นนทบุรี

ผกากรองยืนกอดอกมองละมุด พี่เลี้ยงของบุตรชายที่กำลังจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ไม่รู้อดีตสามีนึกอย่างไรถึงให้พวกนางย้ายไปอยู่บ้านโสภณวิชญ์ ตอนแรกที่เทียนหยดบอกเรื่องนี้นั้น นางคิดว่าเป็นตลกร้ายที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเชียวล่ะ ใครเล่าจะอยากเข้าไปอยู่ในถ้ำของศัตรู ทว่าบวกลบคูณหารสิ่งที่โสภณวิชญ์ได้ไป นางเลยขอหอบกระเป๋าหนีความสงบสุขไปอยู่ใจกลางความวุ่นวายอย่างเมืองกรุงฯ สักพัก

หลายปีมานี้ นางอยู่ที่บ้านสวนเล็กๆ ที่เป็นสมบัติของอดีตสามีซึ่งเป็นบิดาของเทียนหยด อยู่อย่างเรียบง่ายโดยที่รุ่งรดิศจะแวะมาค้างด้วยอาทิตย์ละสามถึงสี่ครั้ง นางเลี้ยง โอบนิธิ ที่นี่ และคิดไว้ว่าหากบุตรชายจบชั้นประถมเมื่อไหร่ค่อยย้ายเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ และอาจจะกลับมาที่บ้านสวนเฉพาะเสาร์อาทิตย์ แต่ความฝันมีอันพังทลาย รุ่งรดิศตายจากไปอีกคนแล้ว และทิ้งนางไว้กับสมบัติมากมายที่นางไม่รู้แม้แต่วิธีจัดการกับมัน

“เธอเก็บเสื้อผ้าของตาโอบเสร็จหรือยังละมุด” เอ่ยถามพี่เลี้ยงสาวซึ่งเป็นบุตรของลุงกับป้าที่ดูแลสวนแห่งนี้

“เก็บแล้วค่ะ”

“ดี ผลไม้ในสวนน่ะ อะไรพอขายได้ก็ขาย ได้เงินมาก็เอาไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ถ้าเหลือก็เก็บเอาไว้ ถ้าสิ้นเดือนเดือนไหนไม่ได้มา ฉันจะโอนเงินค่าใช้จ่ายมาให้ อ้อ...อย่าลืมทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ ล่ะ เดี๋ยวฝุ่นจับ”

“ค่ะ คุณผกา” ละมุดบอกแล้วถอนหายใจ ระหว่างนั้นเด็กชายร่างสมส่วนก็โผล่ขึ้นหน้าประตู บนใบหน้าเลอะไปด้วยดินโคลน

“โธ่...คุณโอบของละมุด” ละมุดทำหน้าเศร้ายามมองใบหน้าของเจ้านายตัวน้อย โอบนิธิเดินมานั่งข้างละมุดแล้ววาดแขนโอบเอวพี่เลี้ยงคนดี

“ไม่อยากไปเลยพี่ละมุด” โอบนิธิว่า

“ไปเถอะค่ะ จะได้ปรับตัวไว้แต่เนิ่นๆ คนในเมืองเขาเรียนกันหนักจะตาย” ละมุดแนะด้วยหวังดี โอบนิธิไม่ได้เรียนโรงเรียนดังในจังหวัด แต่เรียนในโรงเรียนใกล้ๆ บ้านที่ไม่ได้จ่ายแม้แต่ค่าเทอม ผกากรองนั้นถึงจะติดหรูตรงเสื้อผ้าอาภรณ์และของใช้แบบผู้หญิง แต่สิ่งหนึ่งที่นายสาวยึดติดมาตลอดก็คือการพอใจในชีวิตอันเงียบสงบและอยู่กับธรรมชาติ ฉะนั้นจงอย่าประหลาดใจ หากจะเห็นนางสวมรองเท้าแบรนด์ดังจากเวอซาเช่เยี่ยมชมสวนอันร่มรื่นแห่งนี้

“ไม่รู้จะเป็นยังไง ไปอยู่บ้านใครก็ไม่รู้” เด็กชายตัวน้อยบ่นแล้วแนบแก้มไว้กับต้นแขนของพี่เลี้ยง ผกากรองมองมาอย่างไม่พอใจ

“ออกมาจากพี่เขา โอบโตแล้ว เลิกติดพี่เขาเสียที”

เด็กน้อยทำหน้ายุ่ง ก่อนผละจากพี่เลี้ยงคนดี

“พ่อเราอยากให้ไป แม่ก็จะไป พวกนั้นได้จากเราไปมากแล้ว แค่แบ่งบ้านให้เราอยู่จะเป็นไรไปลูก”

“ก็โอบไม่อยากไป คิดถึงลุงกับป้า คิดถึงพี่ละมุด”

“แล้วไม่คิดถึงพี่หรือจ๊ะ”

เสียงหวานของเทียนหยดดังขึ้นที่ประตู เด็กน้อยยิ้มกว้างรับคำถาม

“ก็คิดถึง แต่รู้นี่นาว่าเสาร์อาทิตย์พี่เทียนต้องมา” โอบนิธิว่า

เทียนหยดเดินเข้ามาหา นั่งลงยังเตียงของมารดา

“ต่อไปเราจะได้เจอกันทุกวัน พี่จะเข้าไปอยู่ที่บ้านนั้นด้วย ไม่ต้องกลัวนะ คิดซะว่าเป็นบ้านญาติเราก็แล้วกัน”

“ญาติเนี่ยนะ! ให้น้ำท่วมหลังเป็ดเถอะยัยเทียนถ้าแกจะให้ฉันนับญาติกับคนพวกนั้น” ผกากรองโพล่งออกมา หน้าตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“โธ่...แม่คะ หนูแค่พูดให้น้องสบายใจ”

“แต่ฉันไม่สบายใจนี่”

“งั้นแม่ก็ไม่ต้องไปก็ได้นี่คะ คอนโดฯ หนูก็มี แม่ซื้อบ้านอีกหลังก็ได้ โครงการบ้านดีๆ มีเยอะแยะ”

“ไม่! ฉันไม่ไปอยู่หรอกในเมืองน่ะ วุ่นวาย แต่ฉันจะไปอยู่บ้านโสภณวิชญ์แน่ๆ มันคงสนุกพิลึก ให้เสือสองตัวมาอยู่ถ้ำเดียวกัน ฉันไม่ยอมให้พวกนั้นอยู่อย่างมีความสุขหรอก” ผกากรองเอ่ยอย่างมุ่งมั่น ยังโกรธอยู่ไม่น้อยเรื่องที่สามีแอบไปมีสัมพันธ์ลับๆ กับศมล มารดาของสมัตถ์ แม้ว่าตัวต้นเรื่องจะตายจากไปแล้วทั้งสองคน แต่ความโกรธนั้นยังมีอยู่เต็มหัวใจเชียวล่ะ

เทียนหยดส่ายหน้าระอา ขณะที่โอบนิธิกับละมุดหันหน้ามามองกันด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่สองแม่ลูกเจรจากันอยู่

“คิดถึงพ่อจัง”

ทุกคนนั่งเงียบเมื่อเด็กชายตัวน้อยเอ่ยขึ้นมา โอบนิธิปาดหลังมือกับแก้มตรงที่รู้สึกเหมือนมีดินโคลนติดอยู่

“พ่อมองเราอยู่” เทียนหยดว่าแล้วลงไปนั่งกับน้อง ช่วยเช็ดคราบดินโคลนที่เลอะใบหน้าน่าเอ็นดูนั้น

“คิดถึงนี่ครับ ถ้าพ่ออยู่คงได้ช่วยโอบปลูกต้นไม้ ต้นเทียนหยด กำลังงามเลย” เด็กน้อยว่า หน้าบ้านหลังนี้ปลูกดอกไม้ที่มีชื่อเหมือนมารดาและพี่สาวเขา และเขากับบิดาจะช่วยพรวนดินใส่ปุ๋ยมันทุกๆ อาทิตย์

ผกากรองสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ หันหน้าหนีทุกคน สองตามองออกไปนอกหน้าต่างที่มีต้นไม้ขึ้นจนครึ้ม ต้นมะม่วง ชมพู่ ทั้งส้มโอ ยืนต้นเรียงกันเต็มบริเวณ

“ถ้าพ่อเขาคิดถึงแม่ เขาคงไม่มีคนอื่นหรอกโอบ”

“แม่คะ อย่าพูดสิคะ น้องไม่ได้รู้เรื่องนะ”

“ก็มันอดไม่ได้นี่ แกดูหน้าน้องแกสิ เหมือนฉันนักหรือไง ยิ่งมองฉันยิ่งแสลงใจ” ผกากรองแอบปาดน้ำตา เทียนหยดลุกไปหามารดา แตะมือเบาๆ ที่ศอกนางข้างหนึ่ง

“ไม่เอานะคะแม่ สงสารโอบนะ อย่าพูดสิ” เตือนมารดาด้วยเสียงอันอ่อนลงด้วยไม่อยากให้โอบนิธิรับรู้เรื่องราวที่มารดาเอื้อนเอ่ย เขายังเด็กเกินไป เด็กเหมือนผ้าขาว ไม่ควรเอาสีไปละเลงใส่ก่อนวัยอันควร

ผกากรองปาดน้ำตาดีๆ ความเจ็บช้ำในอกยังเหมือนแผลที่กลัดหนอง เวลาได้ยินเรื่องราวของสามีผู้ล่วงลับ ก็คล้ายๆ ว่ามีใครเอาเข็มไปบ่งให้แผลมันปริแยกแตกออก ความทรมานนี้เทียนหยดคงไม่มีวันรู้จนกว่าจะได้พบเจอด้วยตัวเอง

“ฉันจะไปสั่งงานลุงกับป้า แกช่วยละมุดเก็บเสื้อผ้าให้ฉันก็แล้วกัน”

สั่งความแล้วก้าวจากไป ทิ้งเทียนหยดไว้กับความหนักอกหนักใจ หญิงสาวเข้าใจดีว่ามารดาย่อมเจ็บปวด เธอรู้ และพยายามบอกหลายครั้งหลายหนแล้วว่าคุณลุงนั้นมิได้นอกใจ ท่านไม่เคยนอกใจมารดาของเธอเลย แต่มารดาที่รักก็หาได้เชื่อไม่ บางครั้งการพูดความจริงก็เป็นสิ่งไม่น่าฟังไปเสียแล้ว

“บ้านนั้นเป็นยังไงครับ” เด็กชายถามหน้าซื่อตาใส

“ก็ดีจ้ะ บ้านนั้นมีสามคน มีผู้ชายกับผู้หญิงอายุราวๆ พี่ แล้วก็มีผู้หญิงแก่ๆ แก่กว่าลุงกับป้าอยู่คนหนึ่ง” เธอหมายถึงลุงกับป้าที่เป็นบิดามารดาของละมุด

เด็กชายพยักหน้าเข้าใจ ทว่าวงหน้านั้นไซร้มีความกังวลระบายอยู่

“ทำไมเราต้องไปอยู่ที่นั่นด้วยก็ไม่รู้ อยู่คอนโดฯ พี่เทียนยังดีกว่า”

“บางครั้งเราก็เลือกไม่ได้หรอกจ้ะโอบ บางที...อาจมีบางอย่างซ่อนอยู่ในคำสั่งของพ่อโอบก็ได้นะ”

“จริงหรือครับ โอบคิดถึงพ่อจัง”

“พี่ก็คิดถึงจ้ะ” บอกแล้วดึงน้องชายมากอด โอบนิธิผูกพันกับบิดามาก ด้วยว่าตั้งแต่เกิดมาบิดามิได้อยู่บ้านทุกวัน ต้องไปกลับที่บ้านกับที่ทำงานอยู่เสมอ ในวันที่บิดาไปทำงาน โอบนิธิมักเฝ้ารอบิดาอยู่หน้าบ้าน เฝ้ารอว่าบิดาจะกลับจากทำงานเมื่อใด หากว่าค่ำนั้นบิดากลับมา โอบนิธิจะสดใสเป็นพิเศษ ทว่ากลับกัน หากบิดาเลือกค้างที่เมืองกรุงฯ โอบนิธิจะหงอยลงไปถนัดตา ก็ได้แต่ว่าหวังว่ากาลเวลาจะหล่อหลอมให้เด็กชายเข้มแข็งขึ้น เข้มแข็งอย่างที่บิดาเขาเคยต้องการ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พรางพิษ   บทส่งท้าย -2

    “เดี๋ยวก็เบื่อไปเองมั้งคะ”“ไม่...โอบว่าไม่เบื่อง่ายๆ หรอก พี่ต้องมีอีกสักโหลอ่า จริงๆ”“โอบ...” เทียนหยดครางเสียงต่ำ โหลหนึ่งเลยหรือ ไม่ไหวหรอก“แหะๆ โอบไปรอที่รถดีกว่า หิวแล้ว แม่ครับย่าครับ ไปขึ้นรถเร็วเข้า”โอบนิธิรีบเผ่นก่อนถูกพี่สาวเขกหัว มื้อค่ำวันนี้รอเขาอยู่ ก่อนที่สมาชิกทุกคนของบ้านจะทยอยกันไปขึ้นรถเพื่อไปฉลองงานวันเกิดให้กับเด็กหญิงตัวน้อยเด็กหญิงมัชฌาวี โสภณวิชญ์__________ทฤษฎีโลกกลมยังใช้ได้เสมอในทุกยุคทุกสมัย ในระหว่างที่ครอบครัวโสภณวิชญ์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่นั้น ภายในร้านอาหารเดียวกันก็มีหนึ่งสตรีเฝ้ามองความอบอุ่นของพวกเขาด้วยสายตาแสนเสียดาย แม้ข้างกายมีหนุ่มใหญ่เคียงข้าง ทว่ามิใช่ในแบบปกตินานมากแล้วที่ราตรีมิได้เห็นสมัตถ์ มิได้เห็นคนที่อยู่ในหัวใจ มันทรมานยามเห็นพวกเขามีความสุข พอทนไม่ไหวก็รีบบอกให้คนข้างกายลุกกลับ เธอขอย้ายร้านด้วยไม่อยากทนมองความสุขของพวกเขาให้มันร้าวรานใจราตรีเดินออกจากร้านเงียบๆ พร้อมกับลูกค้าของตัวเอง ไม่ทันได้

  • พรางพิษ   บทส่งท้าย -1

    -+- บทส่งท้าย -+-____________งานวิวาห์แสนหวานถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ถัดมา งานเล็กๆ แต่อบอุ่น สองสามีภรรยาหมาดๆ เลือกทะเลที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงฯ เป็นสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ด้วยภาวะตั้งครรภ์ของเทียนหยดไม่ชวนให้สมัตถ์อยากนั่งเครื่องบินออกนอกประเทศ ทริปฮันนีมูนสั้นๆ ไม่กี่วันของทั้งสอง เลยสรุปที่ชายทะเลที่สมัตถ์เคยมาคราวก่อน คลื่นลมยังแรงด้วยเข้าสู่ฤดูฝนพรำ คู่สามีภรรยาเดินจับมือกันเดินไปตามชายหาดที่ทอดยาว กลุ่มนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาทั้งไทยและเทศ เดินกันขวักไขว่ ครึกครื้นไม่น้อย“ลมแรงจัง กลับโรงแรมดีไหม ฝนจะตกแล้วด้วย” สมัตถ์ว่าเทียนหยดส่ายหน้าดิก ซบศีรษะลงกับบ่าของสามี สองมือของทั้งสองจับกันไว้มั่น มีแหวนแต่งงานสวมไว้คนละวง“เดินต่ออีกนิดนะคะ สัก...ต้นมะพร้าวต้นนู้น...ค่อยกลับ” ว่าที่คุณแม่ชี้ไปข้างหน้า เจ้าเล่ห์น้อยๆ เพราะต้นมะพร้าวที่ว่าอยู่ไกลโข“ไม่เหนื่อยหรือไง เดินมาตั้งไกลแล้วนะ”“ไม่ค่ะ ถ้าเหนื่อย จะขึ้นหลังคุณแล้วกัน”“หึๆๆ

  • พรางพิษ   EP 21/2 พรางรัก

    “ฉันรู้ และขอโทษที่มัวแต่ทำใจในเรื่องนี้จนละเลยสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อเธอ ฉันเสียใจที่แม่ต้องตาย แต่มันเสียใจมากกว่าเดิมที่รู้ว่าคนที่ทำให้ท่านต้องตาย...คือเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหมือนผิดหวังระคนน้อยใจ ทำไมต้องเป็นเทียนหยดด้วยเล่า ทำไม“ขอโทษ ฉันขอโทษนะคุณสมัตถ์ ขอโทษจริงๆ”“ชู่ว์...เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะนะ พูดไปก็มีแต่เจ็บปวด ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุน่ะ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอก เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเถอะนะ ลืมมันให้หมด ลืมว่าเราเคยเกลียดกัน ลืมว่าเราเคยทุกข์ทรมานเพราะความสูญเสีย เรามาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำไม่ใช่เหรอ เรามาทำมันไปพร้อมกันเถอะนะ”เทียนหยดน้ำตาซึม ถูกสมัตถ์ดึงตัวไปกอด และมันช่างอบอุ่นนัก นี่คืออ้อมกอดที่เธอโหยหา ช่างควรค่าแก่การเฝ้ารอเหลือเกิน“ฉันว่าเรากินมื้อค่ำดีกว่า ฉันมีอะไรอยากให้เธอดู”“อะไรคะ”“ไม่บอก เธอต้องรอดึกๆ และควรกินมื้อค่ำแล้วหลับสักงีบ ดึกๆ เดี๋ยวฉันปลุก”“แน่นะคะ&rd

  • พรางพิษ   EP 21/1 พรางรัก

    [21]พรางรัก___________รุ่งเช้าเสียงกุกกักดังขึ้นที่ข้างเตียง เทียนหยดลืมตาขึ้นช้าๆ สมองหนักอึ้ง โพรงปากรสชาติฝืดเฝื่อน พอขยับลุกขึ้นนั่ง มืออุ่นๆ ของสมัตถ์ก็ช่วยพยุงให้เธอนั่งดีๆ“เป็นยังไงบ้าง อยากอ้วกไหม”หญิงสาวพยักหน้าเมื่อถูกถาม และพอเขาเอาถุงพลาสติกมารอใต้ปาก เธอก็โก่งคออาเจียน มันทรมานเมื่อไม่มีสิ่งใดออกมากับการสำรอกนอกจากน้ำลายเปรี้ยวๆ สมัตถ์ไม่ได้นึกรังเกียจ เขายังช่วยลูบหลัง ช่วยเก็บถุงอาเจียนไปทิ้ง“ฉันจะไปทำงานแล้วนะ เอารถเธอไป”“เอ้า แล้วฉันล่ะ” เธอท้วง ถ้าให้นั่งแท็กซี่ช่วงนี้มีหวังได้อ้วกบนรถแท็กซี่แน่ๆ“เธอไม่มีรถก็ไม่ต้องไปสิ”“ได้ไง ฉันจะไป”“ฮื่อ...พูดไม่รู้ฟัง แพ้ท้องแทบจะยืนไม่ขึ้น ยังจะหาเรื่องอีก แล้วถ้าไปทำงานเผลอไปพะอืดพะอมให้พนักงานเห็น เดี๋ยวลูกน้องก็ได้นินทาพอดี” สมัตถ์หาทางเลี่ยงไม่ให้เทียนหยดไปทำงาน แต่เทียนหยดกลับคิดเป็นอื่น“ช่างสิ นินทาหรือ

  • พรางพิษ   EP 20/5 กว่าเราจะเข้าใจ

    สมัตถ์อมยิ้ม ยักไหล่ใส่คนที่ร้องขอ “ทำไมล่ะ”“กลัวลูกได้ยินมั้ง ฉันนี่ร้ายกาจจริงๆ”“ถึงร้ายก็รักนะ”“คะ?” ประโยคที่ออกจากปากสมัตถ์ทำเอาเทียนหยดตื่นตะลึง นี่เธอหูฝาดหรือเปล่า “อะไร ฉันไม่ได้ยิน”“เธอได้ยิน ฉันรู้”“ก็มันไม่แน่ใจนี่นา พูดอีกทีซิ”“ไม่”“น่านะ พูดอีกที” คนสวยร้องขอสมัตถ์เบะปากน้อยๆ ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่ก็แอบมองเทียนหยดเป็นครั้งคราว เรียวปากคลี่ยิ้มบางๆ บางเสียจนเทียนหยดไม่ทันสังเกต“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอถาม“ก็หาอะไรกิน แล้วพากลับบ้าน”“ไม่กลับ ฉันจะกลับคอนโดฯ ถ้าไม่ไปส่งฉันที่นั่น ก็เชิญคุณลงไปโบกแท็กซี่กลับเอง” เธอยืนยัน แล้วสมัตถ์จะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่แม่ของลูกบัญชา_________เวลา 21:30 นาฬิกากลิ่นนมหอมๆ ลอยอวลทั่วห้อง เทียนหยดผลักประตูเข้าไปแล้วสูดกลิ่นนั้นจนเต็มปอด ผู้ช่วยคนเก่งของเธอยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าเตา เจ้า

  • พรางพิษ   EP 20/4 กว่าเราจะเข้าใจ

    เธอพยักหน้า จีรวัฒน์เคลื่อนกายออกจากโต๊ะตัวสูงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามีหยาดน้ำตารื้นอยู่ในนั้น“โชคดีนะจี ขอโทษสำหรับทุกอย่าง”จีรวัฒน์มองเทียนหยดอย่างอาลัยอาวรณ์“ขอกอดสักทีได้ไหม ครั้งสุดท้าย...”เทียนหยดยิ้มน้อยๆ ดวงตามีหยาดน้ำใสไม่แพ้จีรวัฒน์ การจากกันด้วยดีย่อมน่าพิศสมัยกว่าการลาจากแบบโกรธเคือง อ้อมกอดของจีรวัฒน์อบอุ่นเสมอ ทว่าเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากมิได้อ้อมกอดของสมัตถ์มาครอบครอง เธอก็ขอแค่กอดตัวเองตลอดไปหวืด! โครม!ความโกลาหลเกิดขึ้นชั่วขณะ อะไรสักอย่างพุ่งมาทางด้านหลังเทียนหยดแล้วจับแยกหญิงสาวกับจีรวัฒน์ออกจากกัน จีรวัฒน์ถูกผลักจนล้มหงายหลัง ชนเข้ากับโต๊ะเก้าอี้โครมคราม แต่คนต้นเหตุยังไม่สาแก่ใจ ตามไปประเคนหมัดใส่จีรวัฒน์อีกสามทีซ้อนพลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!“คุณสมัตถ์!? หยุดนะ! คุณสมัตถ์ฉันบอกให้หยุด!”พลั่ก!หมัดสุดท้ายกระแทกใบหน้าจีรวัฒน์จนเลือดกบปาก ด้วยว่าไม่นิยมออกกำลังกาย ร่างกายจึงมิใช่หุ่นนักกีฬา ไม่มีลวดลายพอจะต่อกรกับหมัดแกร่งของอีกฝ่ายสมัตถ์ลุกจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status