แชร์

17. จดหมายเรียกตัว (1)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-26 21:40:51

“คุณหนูเจ้าคะ! แย่แล้วเจ้าค่ะคุณหนู” เผิงจูวิ่งกระวีกระวาดเข้ามาเรียกเยว่ชิงในห้องทำงานหลังร้านซิ่งฟู่ เยว่ชิงที่บัดนี้ย่างเข้าวัยสิบหนาวเริ่มฉายแววงามล่มเมืองตั้งแต่ยังมิพ้นวัยปักปิ่น

“มีอันใดหรือเสี่ยวจู เหตุใดจึงร้อนรนเช่นนี้” เยว่ชิงและหมิงยู่เงยหน้าจากบัญชีรายรับรายจ่ายของร้าน

“ดะ ด้านนอก มีนักเลงยกพวกตีกันหน้าร้านเราเจ้าค่ะ พี่เผิงจงเข้าไปห้าม แต่กลับโดนทุบตีจนเลือดอาบหน้าแล้วเจ้าค่ะ ฮื่อออ” เผิงจูพูดไปก็ร้องไห้ไป เดิมนางคิดจะเข้าไปช่วยพี่ชาย เพราะนางเคยฝึกต่อสู้กับคุณหนูมาบ้าง แต่เผิงจงกลับสั่งให้นางรีบมาแจ้งคุณชายกับคุณหนู

“พวกนักเลงหัวไม้อีกแล้วหรือ หากข้าวของข้าเสียหาย ข้าจะฆ่าพวกมันเสียให้สิ้น!!!” เยว่ชิงเดินไปหยิบหน้ากากและดาบไม้ที่นางใช้ฝึกซ้อมอยู่ทุกวัน แล้วรีบสาวเท้าออกไปหน้าร้านทันที

“ดะ เดี๋ยวๆ เยว่ชิง! เจ้าใจเย็นๆ ก่อน รอข้าด้วย” หมิงยู่รีบวิ่งตามน้องสาวไป หากว่าเยว่ชิงมีเรื่องชกต่อยกับผู้อื่น นางต้องโดนลงโทษเหมือนคราที่นางเข้าไปชกต่อยกับพวกนักเลงเป็นแน่

เด็กหญิงวัยสิบหนาวที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า มือขวาถือดาบชี้ไปที่นักเลงพวกนั้น มิมีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

“หากพวกเจ้าจะทะเลาะกันก็ไปที่อื่น อย่ามาทะเลาะกันหน้าร้านข้า” ยิ่งเห็นว่าลูกค้าในร้านต่างแตกตื่น บ้างก็วิ่งหนีออกจากร้าน บ้างก็ถอยร้นเข้ามาหาที่กำบังในร้าน ยิ่งทำให้เยว่ชิงโมโห

“เจ้าหลีกไป อย่ายื่นมือเข้ามาสอด เป็นสตรีอยู่ส่วนสตรี อย่าก้าวย่างมาในเส้นทางของเอกบุรุษเช่นพวกข้า” หัวโจกพวกนักเลงเอ่ยขึ้นอย่างอาจหาญ

“เอกบุรุษงั้นหรือ ฮ่าๆ กริยาเช่นนี้เป็นสุนัขตัวผู้ยังสูงส่งเกินไปเสียด้วยซ้ำ” เยว่ชิงโมโหจนสุดขีด นี่มิใช่ครั้งแรกที่นักเลงพวกนี้มาสร้างความเสียหายให้กับร้านซิ่งฟู่ แม้ว่านางจะให้คนไปแจ้งทางการ แต่ทางการก็มิสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้

เช่นนั้นนางขอสั่งสอนเองก็แล้วกัน

เยว่ชิงพุ่งเข้าใส่หัวโจกพวกนักเลง วาดดาบไม้ฟาดฟันไปทั่วร่างของหัวโจกผู้นั้น แต่อย่างว่า ยามสุนัขกัดกันมันมิสนว่าหญิงหรือชาย หมู่หรือเดี่ยว หน้าร้านซิ่งฟู่จึงเต็มไปด้วยนักเลงหัวไม้ที่ชกต่อยกันและมีเยว่ชิงเข้าไปร่วมวงด้วย เผิงจูและบ่าวชายที่เห็นว่าคุณหนูของตนถูกทำร้ายจึงรีบเข้าไปช่วยจนวุ่นวายเข้าไปใหญ่

“โอ๊ยยย หากผมข้าขาดข้าจะตัดมือเจ้า” เยว่ชิงหันไปฟาดดาบใส่ร่างของชายที่ดึงผมนาง โดยมิทันได้ระวังด้านหลังของตนแม้แต่น้อย

หมับ! เยว่ชิงถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอย ร่างบางดีดดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนใหญ่ แต่เมื่อหันกลับไปมองหน้าชายผู้นั้นกลับพบว่า…

พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ๆ ท่านกลับมาแล้ว” เยว่ชิงตะโกนลั่นออกมาด้วยความดีใจ สองแขนกอดรัดรอบคอพี่ชายแน่น พี่ใหญ่ของนางเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งร่างกายที่ดูแข็งแกร่งขึ้น สมกับเป็นชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหนาว ทั้งผิวที่ดูคล้ำลงเล็กน้อย แต่อย่างไรนางก็ยังจดจำแววตาที่อ่อนโยนของพี่ใหญ่ได้เสมอ

“พี่กลับมาแล้ว แต่ตอนนี้เราต้องออกจากวงล้อมนี้ก่อน” เมื่อเฉินกงพาน้องสาวออกมาจากวงล้อมของพวกนักเลงได้ จึงจุดประทัดแล้วโยนเข้ากลางวงของพวกนักเลงที่ชกต่อยกัน

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! เสียงประทัดดังลั่นไปทั่วบริเวณ นักเลงบางคนก้มหมอบลงกับพื้น บางคนก็รีบวิ่งหนีออกไป ใช้เวลาไม่นานพื้นที่หน้าร้านซิ่งฟู่ก็ว่างเปล่า จะมีก็เพียงเศษซากของประทัดและข้าวของแตกหักที่พวกนักเลงเหลือไว้ให้ดูต่างหน้า

“เห้ออออ หยุดกันเสียที หากไม่แล้วข้าวของคงเสียหายมากไปกว่านี้เป็นแน่” กว่าหมิงยู่จะไปตามบ่าวชายจากหลังร้านมาช่วย ทุกอย่างก็คลี่คลายไปหมดแล้ว

“ว่าแต่…เจ้าเป็นใคร! เหตุใดกล้าโอบอุ้มน้องสาวข้าเช่นนั้น ปล่อยน้องข้านะ! ปล่อย!” หมิงยู่ตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มกำลังโอบอุ้มน้องสาวของเขาอยู่ แต่เมื่อชายผู้นั้นหันกลับมาให้หมิงยู่มองหน้าชัดๆ แล้ว หมิงยู่ถึงกลับเบิกตากว้าง

“พะ พี่ใหญ่!” หมิงยู่วิ่งเข้าไปกอดเฉินกงด้วยอีกคน

“หึๆ พี่เอง แล้วลี่อินเล่า มาด้วยหรือไม่”

“วันนี้พี่สามต้องดื่มโอสถ พวกข้าจึงมิให้พี่สามมาทำงานเจ้าค่ะ”

“อาการของเขาดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่”

“น้องสามอาการคงที่แล้ว ตอนนี้ดื่มโอสถเพียงเดือนละหนึ่งคราเท่านั้น หากวันใดที่น้องสามมิได้ดื่มโอสถ เขาก็มาบรรเลงกู่เจิงในร้านเสมอ”

“ดียิ่ง พี่คิดถึงคนที่เรือนแล้ว สั่งให้คนมาเก็บกวาดแล้วเรากลับเรือนกันเถิด” เฉินกงเร่งให้น้องสาวและน้องชายสั่งให้คนมาจัดการหน้าร้านให้เรียบร้อย ดูเหมือนว่าวันนี้คงจะเปิดร้านต่อไปไม่ได้แล้ว หมิงยู่จึงได้ให้เสี่ยวเอ้อปิดร้านทำความสะอาดแล้วค่อยเปิดร้านใหม่ในวันพรุ่ง หลังจากจัดการเรื่องที่ร้านเสร็จสิ้นสามพี่น้องและบ่าวในเรือนสกุลลู่ที่มาทำงานในร้านซิ่งฟู่ก็เดินทางกลับเรือน

“ท่านแม่ พี่สาม พวกท่านออกมาดูเถิดว่าผู้ใดมา” เยว่ชิงวิ่งเข้าไปหามารดาและพี่ชายในห้องพักของลี่อินพร้อมกับเอ่ยแจ้งเรื่องสำคัญ

“ผู้ใดกันน้องเล็ก”

“นั้นสิลูก เหตุใดเจ้าจึงได้ดูดีอกดีใจจนเนื้อเต้นเช่นนี้”

“ไปห้องโถงเถิดเจ้าค่ะ เยว่ชิงรับรองได้ว่าท่านแม่และพี่สามต้องดีใจเช่นเดียวกับเยว่ชิง” เยว่ชิงรีบไปพยุงลี่อินให้ลุกขึ้นเดิน แท้จริงแล้วอาการของลี่อินมิได้น่าเป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย แต่คนในครอบครัวสกุลลู่ต่างประคบประหงมเขาจนเกินเหตุ

เมื่อมาถึงห้องโถง ซูเมิ่งและลี่อินก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเฉินกงกลับมาจากสำนักศึกษาแล้ว

“ท่านแม่ น้องสาม” เฉินกงเดินเข้าไปโอบกอดมารดาและน้องชายเอาไว้แน่น นานเท่าใดแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้

“ลูกแม่ เจ้ากลับมาเสียที เหตุใดจึงไปแล้วไม่กลับมาเยี่ยมเรือนเราบ้างเล่า”

“นั้นสิขอรับพี่ใหญ่ พวกข้ารอท่านกลับมาเยี่ยมทุกปี แต่ก็มีเพียงจดหมายเท่านั้น” ลี่อินเอ่ยขึ้นอย่างแง่งอน ก่อนออกเดินทางพี่ใหญ่ของเขาเอ่ยว่าจะกลับมาเยี่ยมเยือน พวกเขาจึงเฝ้ารอ แต่กลับได้รับเพียงจดหมายเท่านั้น

“พี่ต้องขออภัยพวกเจ้าด้วย ข้าขออภัยขอรับท่านแม่ ข้าอยากเร่งเรียนวิชาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะมิอยากให้ท่านพ่อต้องเสียงเงินทองมากนัก จึงมิได้กลับมาเยี่ยมเยือนท่านแม่และน้อง” เฉินกงเอ่ยบอกไปตามจริง

“โถ่ลูก จะคิดสิ่งใดให้มากความ ร้านชิ่งฟู่ของพวกเจ้าเจริญรุ่งเรือง จนสกุลเรามิต้องลำบากเช่นเก่าก่อนแล้ว ทั้งหนี้สินที่ท่านพ่อของเจ้าไปหยิบยืมมาตอนสอบขุนนางก็ใช้คืนเขาจนหมดแล้ว พวกเจ้าทั้งสามเองหากอยากเรียน แม่จะให้ท่านพ่อของเจ้าพาไปสามัครเรียน” เดิมทีครอบครัวสกุลลู่มีหนี้สินที่ใต้เท้าลู่ได้ไปหยิบยืมมายามสอบเข้าเป็นขุนนาง แต่เรื่องนี้นางและสามีมิได้เอ่ยเล่าให้ลูกๆ ฟัง ด้วยเหตุนี้เมื่อก่อนเบี้ยหวัดจึงมิพอใช้จ่ายในเรือน

“หากว่ากิจการคงที่แล้ว ข้าจะลองคิดดูขอรับ” หมิงยู่เอ่ยตอบรับมารดา

“พี่ใหญ่ เช่นนั้นหมายความว่าพี่ใหญ่ไม่ต้องกลับไปสำนักศึกษาแล้วหรือเจ้าคะ” เยว่ชิงเอ่ยถามพี่ชายอย่างคาดหวัง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   100. บทเรียนจากมารดา (ตอนพิเศษ)

    “เสด็จพ่อ มิอยู่หรือเพคะ อื้ม” เสียงเล็กของเด็กหญิงวัยหกหนาวเอ่ยถามมารดาทั้งที่มือยังคงนำขนมเข้าปากน้อยๆ ไม่หยุด“ฉิเงอ๋อร์ เจ้าเรียบร้อยให้สมกับเป็นสตรีเสียบ้างเถิด” เยว่ชิงนำผ้ามาเช็ดปากให้บุตรสาวตัวน้อย ดูทีเถิดอันเอ๋อร์บุตรสาวของพี่ใหญ่กับเสี่ยวจูอายุเพียงสี่หนาวยังนั่งกินเรียบร้อยมิเลอะเทอะแม้แต่น้อย“มิจำเป็นเพคะ ท่านลุงรองเอ่ยว่ายามเสด็จแม่เด็กก็แก่นเซี้ยวเช่นฉิงเอ๋อร์” แม้จะถูกมารดาดุ แต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับมาใส่ใจ เอาแต่กัดกินขนมด้วยท่าทีสบายอารมณ์“เสด็จแม่คงต้องทำใจเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ บุตรของผู้ใดย่อมเหมือนผู้นั้น ฉิงเอ๋อร์ย่อมซุกซนเหมือนเสด็จแม่ อันเอ๋อร์ย่อมเรียบร้อยเหนียมอายดั่งท่านป้าเผิงจู ส่วนอาหรานเองก็ปากเก่งเช่นท่านลุงรอง” อาหรานที่จางหย่งเอ่ยถึงคือ ลู่ห่าวหราน บุตรชายของพี่รองและพี่ฟางเอ๋อร์ที่อายุได้เพียงสี่หนาว แต่กลับช่างพูดช่างเจรจาดั่งพี่รองมิมีผิด“คิกๆ”“เสี่ยวจู เจ้าหัวเราะข้าหรือ”“มิได้เพคะพระชายา เพียงแต่หม่อมฉันนึกถึงยามที่พระชายาเป็นเด็ก ท่านหญิงมิมีสิ่งใดต่างจากพระชายาเลยเพคะ” เผิงจูยกมือปิดปากหัวเราะ ท่านหญิงช่างเหมือนพระชายาเหลือเกิน ส่วนท่านชายใหญ่ก็

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   99. ขอบคุณ

    “ปล่อยอาหย่งกับฉิงเอ๋อร์ไว้กับเหล่าองค์ชายจะดีหรือเพคะ เยว่ชิงกลัวว่าเจ้าก้อนของเราจะไปทำให้เหล่าองค์ชายลำบากเอาได้” บุตรชายและบุตรสาวของนางนั้นแม้จะเลี้ยงไม่ยาก ทว่าเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง อยากร้องก็ร้อง อยากหยุดก็หยุด ชอบเล่นสนุกจนบางครั้งทำให้ขันทีฟ่งหรานถึงกับเหนื่อยหอบลมแทบจับ นางเกรงว่าเจ้าก้อนทั้งสองของนางจะทำให้เหล่าองค์ชายปวดหัวเอาได้“ฮ่าๆ มิได้ห่วงเจ้าก้อนหรอกหรือ” หลิวหยางพาเยว่ชิงควบม้าออกมาห่างจากเมืองหลวงพอควร เพื่อพาร่างบางไปยังสถานที่หนึ่ง ที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้นานแล้ว“เจ้าก้อนทั้งสองของเรา หากว่ามีพี่สามอยู่ เยว่ชิงก็มิห่วงอันใดแล้วเพคะ ทั้งเหล่าองค์ชายเองก็เอ็นดูอาหย่งและฉิงเอ๋อร์ของเราถึงเพียงนั้น จะต้องห่วงอันใดอีกเล่า…ว่าแต่ท่านพี่จะพาเยว่ชิงไปที่ใดหรือเพคะ” นัยน์ตาสดใสมองไปรอบข้างอยู่นาน แต่ก็มิคุ้นกับที่ทางเหล่านี้สักเท่าใด“พี่พาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นอย่างไรเล่า จะได้มิน้อยใจ หาว่าพี่สนใจแต่บุตรมิสนใจมารดา”“โถ่~ เรื่องเพียงเท่านี้ ผู้ใดจะน้อยใจเล่าเพคะ” แขนเล็กถูกยกขึ้นกอดอก ดวงหน้างดงามเชิดขึ้นดั่งถือดี เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่ถูกสวามีจับได้ว่าแอบน้อย

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   98. พบปะเสด็จอา (3)

    “อู้ๆ คิก เจี่ยมๆ”“โอ้ ฉิงเอ๋อร์ของลุงวาดภาพได้งดงามยิ่ง หากอาหย่งก็กลับมาแล้ว เราเอาไปอวดเขาดีหรือไม่ หืม” หมิงยู่ว่า พลางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบสีที่ติดใบหน้าหลานสาวตัวน้อยออก อีกสองเดือนข้างหน้าก็จะถึงฤกษ์แต่งของเขากับฟางเอ๋อร์แล้ว ถึงครานั้นเขาจะรีบมีบุตรให้ทันใช้ เดิมทีมีการกำหนดฤกษ์แต่งก่อนหน้านี้ แต่ทว่าพี่ชายของฟางเอ๋อร์ออกเรือไปส่งสินค้าต่างแคว้นมิอาจมาร่วมงานได้ พวกเขาจึงเลื่อนออกไป เพราะอยากให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าในวันสำคัญ“คารวะองค์ชายทั้งห้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพาอาหย่งไปเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่มาแล้ว รับรองว่ากลิ่นหอมฉุย” ลี่อินอุ้มจางหย่งเข้ามาในศาลาที่เหล่าองค์ชายนั่งอยู่ รอยยิ้มหวานหยดของคุณชายรองลู่ทำเอาใครบางคนถึงกับหันมองมิวางตา จนเหล่าพี่น้องจับสังเกตได้“เชิญคุณชายรองและคุณชายสามลู่ตามสบาย ถือว่าพวกข้ามาพักผ่อนดั่งครอบครัวทั่วไป ใช่หรือไม่น้องสี่” จ้านฉือที่เห็นว่าน้องชายยังมิละสายตาจากใบหน้างามจึงได้เอ่ยเรียกสติ“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่ คุณชายลู่พาอาหย่งมานั่งเถิด” เมื่อองค์ชายสี่เอ่ยเรียกคุณชายลู่ ทำให้ทั้งลี่อินและหมิงยู่ชะงักมองหน้ากัน เพราะมิรู้ว่าองค์ชายเอ่ยเรี

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   97. พบปะเสด็จอา (2)

    “ข้าฝากเจ้าพวกเจ้าด้วย มิถึงสองชั่วยามข้าก็กลับมาแล้ว หากว่ามีสิ่งใดก็เรียกฟ่งหราน หรือไม่ก็ขอคุณชายสามลู่ช่วยได้” ในยามเว่ย (13:00 – 14.59 น.) หลิวหยางตั้งใจจะออกไปที่หนึ่งกับเยว่ชิงตามลำพัง ทั้งบรรดาน้องชายอยากออกมาสังสรรค์กันที่จวนอ๋องของเขา เขาจึงใช้โอกาสนี้ขอให้น้องชายมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับบุตรทั้งสองเดิมทีเฉินกงและเผิงจูคิดจะตามไปด้วย แต่เขาคิดว่าควรจะให้เฉินกงได้พักเสียบ้าง จึงให้คู่บ่าวสาวที่พึ่งจะตบแต่งกันไปเมื่อสามเดือนก่อนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง เฉิงกงจึงพาเผิงจูออกไปอารามเพื่อขอบุตร“เสด็จพี่ใหญ่ไว้ใจข้าได้ ข้าน่ะเลี้ยงเด็กมามาก เพียงแค่หลานสองคนจะยากสักเท่าใดกันเชียว” องค์ชายห้าเฉิงเฟยฟาตบอกตนเองอย่างมั่นอกมั่นใจ“หึ เด็กที่เจ้าเลี้ยงมิใช่เด็กทารกนะเจ้าห้า” องค์ชายสี่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา เด็กที่น้องชายเขาว่าคงมิพ้นสาวงามในหอนางโลมเป็นแน่เหล่าองค์ชายต่างหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าองค์ชายสี่หมายถึงเรื่องใด เว้นก็แต่ผู้ที่ถูกว่าอย่างองค์ชายห้า“เอาเถิดๆ บุตรของข้าเลี้ยงง่าย มิทำให้พวกเจ้าหนักใจเป็นแน่ ถือเสียว่าออกมาพักผ่อนนอกวังเสียบ้าง” หลิวหยางว่าพลางก้มลงจุมพิตบุตร

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   96. พบปะเสด็จอา (1)

    กว่าเจ็ดเดือนที่หลิวหยางและเยว่ชิงแทบจะมิอยู่ห่างบุตรทั้งสอง โดยเฉพาะหลิวหยางที่ถึงขั้นหอบงานมาทำด้วยยามที่บุตรหลับ“บู้ๆ เอิ้ก แอ๊!” เสียงทารกน้อยวัยเจ็ดเดือนกำลังนอนสนทนากันอยู่บนเตียงสองคนเบาๆ ทั้งจางหย่งและอ้ายฉิงเป็นเด็กเลี้ยงง่าย มีร้องไห้งอแงตามประสาเด็กบ้าง แต่เมื่อได้ดื่มนมจากอกมารดาก็หยุดงอแงทันใด เพราะเหตุนี้ทารกน้อยทั้งสองจึงได้อ้วนท้วมสมบูรณ์ ประกอบกับผิวที่ขาวราวหิมะ ทำให้ผู้เป็นบิดามารดาและข้ารับใช้ในจวนอ๋องต่างเอ็นดูท่านชาย ท่านหญิงเป็นที่สุด“หึๆ ฉิงเอ๋อร์กับอาหย่งพูดคุยเรื่องใดกันอยู่หรือ ให้พ่อพูดคุยด้วยได้หรือไม่ หืม” หลิวหยางยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตแก้มกลมของบุตรทั้งสองคนละทีให้หายคิดถึง เขาพึ่งจะกลับมาจากการประชุมในท้องพระโรงจึงได้ตรงกลับจวนทันที แต่ก็มิทันได้ทานมื้อเช้ากับชายาและบุตรอยู่ดี ร่างสูงจึงรีบทานอาหารและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเข้ามาหาเยว่ชิงและบุตรทั้งสอง“ท่านพี่” เยว่ชิงเมื่อเห็นว่าสวามีหอมแก้มบุตร จึงได้ยื่นแก้มของตนเองให้สวามีได้หอมบ้าง ตั้งแต่มีบุตร ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมิสนใจเยว่ชิงแล้ว เมื่อก่อนกลับมาจากการทำงานจะต้องมาหานางเป็นคนแรก แต่บัดนี้กลับมุ่ง

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   95. เจ้าก้อนตัวน้อย

    “โอ๊ยยย ฮื่อ! เหตุใดจึงเจ็บเช่นนี้ ฮึก ท่านแม่ช่วยเยว่ชิงที” เสียงกรีดร้องของเยว่ชิงทำให้ผู้เป็นสวามีนั่งไม่ติด ร่างสูงเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างร้อนรน เยว่ชิงมิใช่สตรีที่อ่อนแอ แต่บัดนี้นางกลับกรีดร้องออกมา ย่อมตีความได้ว่านางกำลังลำบากอยู่เป็นแน่“ท่านอ๋องนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ มารดาของพระชายาเข้าไปอยู่ด้วยเช่นนี้ พระชายาย่อมอุ่นใจแล้ว” ลู่หวังเหล่ยและครอบครัวสกุลลู่กำลังเตรียมตัวเข้านอน แต่กลับมีทหารองครักษ์ของฮ่องเต้มาแจ้งข่าวถึงหน้าเรือน พวกเขาจึงได้รีบกลับมาที่จวนอ๋องอีกครั้ง“ท่านพ่อตา เยว่ชิงจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” ใบหน้าคมของชินอ๋องแคว้นเฉิงซีดเผือด ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังลอดออกมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาขลาดกลัวมากขึ้น“พระชายาจะปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าอย่าได้วิตกไปหลิวหยาง สตรีคลอดลูกก็เป็นเช่นนี้ รอไม่นานบุตรของเจ้าก็จะคลอดแล้ว” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วเข้ามาโอบบ่าของโอรส บีบเคล้นบ่าแกร่งเบาๆ ให้หลิวหยางได้คลายกังวลลงบ้าง“อื้ออออ กรี๊ดดดดดด”อุแว้! อุแว้! อุแว้!“นั่นอย่างไร ได้ยินหรือไม่ ฮ่าๆ ข้าได้หลานชายหรือหลานสาว!” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงทร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status