หลังจากที่คุณหญิงวิไลนำขนมชั้นไปให้นันทวัฒน์ นลินีก็รู้สึกตื่นเต้นและกังวลในใจปนเปกันไปหมด เธอหวังอย่างยิ่งว่าขนมที่เธอตั้งใจทำร่วมกับแม่สามีจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนันทวัฒน์ดีขึ้น แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม หวังว่าเขาจะชอบขนมที่เธอเพิ่งหัดทำเพื่อเขาก็พอ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น นลินีอดใจไม่ไหวที่จะอยากรู้ว่านันทวัฒน์ได้ชิมขนมแล้วหรือยัง เธอจึงเดินไปที่ห้องทำงานของเขาอย่างเงียบ ๆ ประตูแง้มอยู่เล็กน้อย เธอแอบมองเข้าไปภายในห้อง
ภายในห้องทำงานนั้น นันทวัฒน์ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ จดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย นลินีเหลือบไปเห็นถาดขนมชั้นที่ถูกวางไว้ข้าง ๆ เขา มันยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่ได้ถูกแตะต้องเลยแม้แต่น้อย หัวใจของนลินีเจ็บแปลบ เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า ความหวังเล็ก ๆ ที่เธอมีว่าเขาจะสนใจสิ่งที่เธอทำกลับพังทลายลงอีกครั้ง
หญิงสาวเดินถอยหลังออกมาอย่างเงียบ ๆ และรีบหันกลับไปที่ห้องครัว น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไม่สามารถซ่อนอีกต่อไป มันไหลรินลงมาอย่างช้า ๆ ขณะที่เธอนั่งลงที่โต๊ะในครัวที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นเมื่อช่วงบ่าย แต่ตอนนี้กลับมีเพียงความเงียบงัน
“ทำไม ทำไมพี่วัฒน์เขาไม่เห็นความพยายามของเราบ้างเลย” นลินีพึมพำกับตัวเอง เบาๆ น้ำเสียงสั่นไหวด้วยความเศร้า เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงเงาที่ไร้ตัวตนในสายตาของเขา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สามารถเข้าถึงหัวใจของเขาได้
แม้จะรู้ดีว่านันทวัฒน์ยังไม่สามารถลืมเอมอรได้ แต่ในใจลึก ๆ นลินีก็หวังว่าเขาจะยอมรับเธอสักวันหนึ่ง และความสัมพันธ์ของพวกเขาจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ทุกครั้งที่เธอพยายาม ความพยายามนั้นกลับดูไร้ผล นันทวัฒน์ยังคงเย็นชาและเฉยเมยต่อความรักที่เธอมีให้
ขณะที่เธอนั่งอยู่คนเดียวในครัว เสียงประตูห้องครัวเปิดออกอย่างเบา ๆ คุณหญิงวิไลเดินเข้ามาและเห็นสภาพของนลินี เธอไม่ต้องถามก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำตาของนลินีบอกทุกอย่างแล้ว
“หนูลิน... ลูก ”คุณหญิงวิไลเรียกเบา ๆ ขณะที่เธอเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ และโอบกอดนลินีอย่างอ่อนโยน “เป็นอะไรไปลูก ไม่ต้องร้องไห้นะคะ นิ่งซะ โอ๋ โอ๋ ไม่เป็นไรนะคะ ทุกอย่างต้องใช้เวลา แม่รู้ว่าลูกพยายามมากแล้ว”
นลินีซบหน้าลงกับไหล่ของคุณหญิงวิไล น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของแม่สามี แต่มันก็ไม่สามารถลบความเจ็บปวดในใจได้
“ลิน... ลินไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแล้วค่ะคุณแม่ ไม่ว่าลินจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่เคยสนใจลินเลย” นลินีพูดออกมาทั้งน้ำตา น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
คุณหญิงวิไลลูบหลังนลินีเบา ๆ พลางปลอบโยน “แม่เข้าใจจ้ะลูก แม่รู้ว่ามันยากมาก แต่หนูลินต้องเชื่อว่า วันหนึ่งเขาจะต้องเห็นความพยายามและความรักที่ลูกมีให้ แม่จะอยู่ข้างลูกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
คำพูดของคุณหญิงวิไลทำให้นลินีรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แม้ความเจ็บปวดจะยังคงอยู่ แต่การได้รับการปลอบโยนและความรักจากคุณหญิงวิไลก็ช่วยให้เธอรู้สึกไม่โดดเดี่ยว
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ ลิน...ลินจะพยายามต่อไปค่ะ” นลินีกล่าวทั้งน้ำตา ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้มันจะเป็นยิ้มที่เศร้า แต่ก็เต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะไม่ยอมแพ้
ในคืนนั้น นลินีกลับไปที่ห้องนอนด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง แต่ก็ยังมีความหวังเล็ก ๆ อยู่ในใจ แม้เธอจะยังคงเผชิญกับความเหงาและความเย็นชาจากสามี แต่เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องเผชิญกับมันเพียงลำพัง อย่างน้อยเธอก็ยังมีคุณหญิงวิไลที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจเธอเสมอ
เช้าวันต่อมา คุณหญิงวิไลตัดสินใจชวนนลินีออกไปซื้อของและแวะทานข้าวกลางวันในร้านอาหารดังในร้านหรูใจกลางเมือง เธอหวังว่าการได้ออกไปข้างนอกบ้างจะช่วยให้จิตใจของนลินีดีขึ้นจากความกังวลและความเศร้าที่เธอกำลังเผชิญ
นลินีรับคำเชิญของคุณหญิงวิไลอย่างเต็มใจ แม้ว่าความเจ็บปวดจากการที่นันทวัฒน์ไม่สนใจขนมที่เธอทำยังคงอยู่ในใจ แต่เธอก็พยายามที่จะไม่ให้มันมารบกวนจิตใจของเธอในวันนี้
ทั้งคู่เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าหรูหราที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาเดินช้อปปิ้งและใช้เวลาว่างในวันหยุด นลินีเดินเคียงข้างคุณหญิงวิไลไปตามร้านค้า หัวใจเริ่มรู้สึกเบาขึ้นเล็กน้อยจากการได้เปลี่ยนบรรยากาศ
หลังจากที่ทั้งคู่ซื้อของกันเสร็จ คุณหญิงวิไลจึงชวนไปนั่งทานข้าวกลางวันในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในห้างฯ ร้านนี้ตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิกและบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนและทานอาหารในบรรยากาศที่สบาย ๆ
ขณะที่พนักงานพาทั้งคู่ไปยังโต๊ะที่จองไว้ สายตาของนลินีก็สะดุดกับภาพบางอย่างที่ไม่คาดคิด เธอเห็นนันทวัฒน์นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านอาหาร เขากำลังทานข้าวอยู่กับผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่ง เอมอร หญิงสาวที่เธอรู้ดีว่าเป็นคนรักของเขา หัวใจของนลินีหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อเห็นภาพนั้น เอมอรยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่นันทวัฒน์เองก็ดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่นลินีไม่เคยได้รับจากเขา
นลินีรู้สึกเหมือนถูกแทงด้วยความจริงที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเขาอยู่กับเอมอรด้วยตาตัวเอง แม้ว่าเธอจะรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ แต่การได้เห็นภาพนั้นในชีวิตจริงทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม คุณหญิงวิไลที่เดินตามหลังนลินีมา สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของลูกสะใภ้ เธอจึงมองตามสายตาของนลินี และเมื่อเห็นภาพนั้น เธอก็เข้าใจทันทีว่าอะไรที่ทำให้นลินีรู้สึกเช่นนี้
“หนูลิน..” คุณหญิงวิไลเรียกเธอเบา ๆ ด้วยความห่วงใย “หนูลิน...ไม่เป็นไรนะลูก อย่าเก็บมันมาใส่ใจเลย”
นลินีหันกลับมามองหน้าคุณหญิงวิไล น้ำตาคลอเบ้า แต่เธอพยายามฝืนยิ้ม “ลิน..ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ เรามาทานข้าวกันเถอะค่ะ” คุณหญิงวิไลรู้สึกเจ็บปวดไปกับนลินี แต่ก็ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากขึ้น เธอจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการชวนคุยเรื่องอื่น เมื่อทั้งคู่ได้นั่งที่โต๊ะที่พนักงานจัดไว้ นลินีก็พยายามหันหลังให้กับโต๊ะของนันทวัฒน์ เธอพยายามไม่มองไปที่เขาและเอมอร แต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่ยังคงติดอยู่ในใจของเธอ เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเอมอรและบทสนทนาที่อบอุ่นระหว่างนันทวัฒน์กับเอมอร ทำให้นลินีรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ในมุมมืดอย่างโดดเดี่ยว
แม้ว่าเธอจะพยายามสนใจการสนทนากับคุณหญิงวิไล แต่ในใจลึก ๆ ของเธอกลับเต็มไปด้วยคำถามว่า ทำไมเธอถึงไม่สามารถทำให้นันทวัฒน์มีความสุขเหมือนที่เอมอรทำได้ ความรู้สึกนั้นทำให้หัวใจของเธอหนักอึ้ง และยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่า ความรักที่เธอมีให้นันทวัฒน์อาจไม่มีทางที่จะได้รับการตอบสนอง
ขณะที่นลินีพยายามก้มหน้าก้มตาทานอาหารด้วยความรู้สึกเจ็บปวด นันทวัฒน์เองก็ยังไม่ทันสังเกตเห็นว่าภรรยาของเขาอยู่ในร้านเดียวกันกับเขา สายตาของเขาจดจ่ออยู่ที่เอมอร ไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจคนอื่น แต่เพราะเขาไม่เคยคิดว่านลินีจะมาอยู่ในที่แบบนี้
ในขณะที่คุณหญิงวิไลมองดูนลินีที่พยายามฝืนความรู้สึกเพื่อไม่ให้มันแสดงออกมา เธอก็ได้แต่ภาวนาให้ลูกสะใภ้ของเธอมีความเข้มแข็งและผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับนลินี และในช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นลินีก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า อย่างน้อยเธอก็ยังมีคุณหญิงวิไลที่คอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนเธอเสมอ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรในชีวิตนี้
ก่อนหน้านี้ที่นันทวัฒน์จะกลับมาถึงบ้านหลังจากการเดินทางไปติดต่องานที่ต่างประเทศ เขาได้พบกับเอมอรคนรักของเขาโดยบังเอิญที่สนามบิน เอมอรกำลังจะเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อดูแลธุรกิจส่วนตัวของเธอ เมื่อทั้งสองเจอกัน เอมอรยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เธอเห็นโอกาสที่จะใช้เวลาอยู่กับนันทวัฒน์อีกครั้ง จึงรีบเดินเข้าไปทักทายเขาทันที “พี่วัฒน์ เอมดีใจจังเลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะเจอพี่วัฒน์ที่นี่” เอมอรกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่เดินเข้ามาใกล้เขา แม้จะรู้สึกเสียดายที่วันนั้นเธอใช้ยาปลุกอารมณ์กับเขา แต่เขากลับไม่ได้อยู่กับเธอ เขารีบหันหันกลับบ้านไปก่อน ดีที่เขาไม่สงสัยเธอ นันทวัฒน์ที่กำลังรอรับกระเป๋าสัมภาระ หันไปมองตามเสียงเรียกนั้น เมื่อเห็นเอมอร เขารู้สึกแปลกใจแต่ก็ยิ้มตอบ “เอม นี่เอมมาทำอะไรที่นี่ครับ” “เอมกำลังจะไปดูงานที่ต่างจังหวัดค่ะ พี่วัฒน์ล่ะคะ กลับมาจากที่ไหน แล้วนี่มาคนเดียวเหรอคะ” เอมอรถามต่อขณะที่พยายามทำตัวใกล้ชิดกับเขาอย่างที่เคย เเละพยายามที่จะสอดส่ายหาคนอื่น “พี่เพิ่งกลับมาจากการติดต่องานที่ต่างประเทศน่ะ พี่ไปกับเลขา” นันทวัฒน์ตอบเรียบ ๆ แม้ในใจจะรู้สึกดีที่ได้เจอเอมอร แต่เขาก็ยัง
หลังจากที่นลินีเริ่มฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วย คุณหญิงวิไลก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ลูกสะใภ้ของเธอรู้สึกดีขึ้น คุณหญิงมาคอยอยู่เป็นเพื่อนหากิจกรรมต่างๆทำกัน ไม่ว่าจะทำขนมทำอาหาร วันนี้เมื่อได้รับข่าวจากสามีของเธอว่านันทวัฒน์กำลังจะกลับมาจากการเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ คุณหญิงวิไลจึงคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้นลินีรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่านี้“หนูลินจ๊ะ วันนี้เห็นคุณพ่อบอกว่าพี่วัฒน์จะกลับมาแล้วนะ ลูกอยากลองทำอาหารเย็นไว้ต้อนรับพี่วัฒน์ไหมคะ” คุณหญิงวิไลชักชวนด้วยรอยยิ้ม “แม่คิดว่าถ้าหนูลินได้ทำอาหารโปรดของพี่เค้า พี่วัฒน์น่าจะดีใจเพราะไม่ได้กินอาหารไทยมาหลายวัน และที่สำคัญพี่เค้าจะได้รู้ถึงความรักและความห่วงใยที่หนูลินมีให้เขาไงลูก”นลินีมองดูคุณหญิงวิไลที่มีแต่ความอบอุ่นและหวังดีให้เธอเสมอ แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็ยังคงมีความหวังเล็ก ๆ ว่าความพยายามของเธออาจจะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์กับนันทวัฒน์ได้บ้าง นันทวัฒน์จะหันกลับมามองเธอบ้าง“ค่ะคุณแม่ ลินจะทำอาหารโปรดของเขา อย่างน้อยมันก็น่าจะทำให้พี่วัฒน์รู้สึกดีที่ได้ทานมัน”นลินีตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ แม้ว่าหัวใจของเธ
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนสายของวัน นันทวัฒน์รู้สึกตัวเต็มที่และความคิดกลับมาชัดเจนอีกครั้ง เขามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนที่จะกลับมามองนลินีนอนหลับอยู่ข้าง ๆ กาย ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเป ทั้งความผิดหวังในตัวเองที่เหมือนนอกใจคนรักอย่างเอมอร ความโมโหตัวเองที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจปล่อยให้ยามีอำนาจเหนือกว่า และความรู้สึกผิดที่มีต่อนลินีที่มีอะไรกับเธอทั้งที่ไม่ได้รัก เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่เพราะความรัก แต่มันเป็นเพราะความต้องการทางกายที่ถูกกระตุ้นด้วยยา และเขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ใช้ประโยชน์จากความไว้ใจของนลินีอย่างไม่ยุติธรรม แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าที่เขาจะมีอะไรกับเอมอรเพราะถ้าเมื่อคืนเป็นเอมอรเเทนที่จะเป็นนลีนี คนรักของเขาก็จะโดนสังคมตราหน้าว่าเป็นชู้ทันที นันทวัฒน์ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบ ๆ เขาไม่อยากให้เธอตื่นขึ้นมาเห็นเขาในสภาพนี้ เขารีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ นลินีที่ยังคงหลับอยู่ไม่ได้รู้เลยว่าเขาได้หนีออกไปอย่างรวดเร็ว นันทวัฒน์รีบออกจากบ้านไปทำงานโดยที่ยังไม่ได้ทานอาหารเช้า เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับนลินีได้ในตอนนี้ ความรู้สึกผ
“ซี๊ดดด มาต่ออีกรอบนะลิน วันนี้ลินโดนพี่เอาถึงเช้าแน่ทำใจไว้ได้เลย”“อือออ ตะ…แต่ ลินยังเจ็บอยู่นะคะ อูยยยย” ถึงแม้นลินีจะค้านแต่คนโดนยาปริมาณมากอย่างนันทวัฒน์หรือจะฟัง ร่างสูงเริ่มขยับโยกสะโพกเป็นจังหวะช้าๆ จนหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัว แม้จะรู้สึกแน่นจุกจนแทบทนไม่ไหว แต่นลินีก็ต้องกัดฟันทนเอาเมื่อนึกถึงความเสียวที่รออยู่ข้างหน้า และความสัมพันธ์ที่จะดีขึ้นหลังจากค่ำคืนนี้ที่เธอตกเป็นของคนที่เธอรักทั้งกายและใจผ่านพ้นไป ยิ่งพอได้ยินเพียงเสียงครวญครางอย่างพึงใจของชายหนุ่ม เธอก็รู้สึกดีทุกครั้งที่นันทวัฒน์มีความสุขที่มีอะไรกับเธอนันทวัฒน์ประกบปากดูดลิ้นนลินีอย่างดูดดื่ม พร้อมกับส่ายสะโพกซ้ายขวาไปมาจนนลินีรู้สึกว่าเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง มันช่างเสียวเกินคำจะบรรยายได้จริงๆ“อูยยยย ซี๊ดดด พี่วัฒน์ ซี๊ดดดด"“หืมมมม ซี๊ด อ๊าาาาา เสียวเหรอ ทนหน่อยนะ พี่อยากจับกระแทกแรงๆ กว่านี้ ปล่อยขาก่อนเร็ว มีอะไรที่เสียวกว่านี้รออยู่” หลังจากที่นลินนีวางขาเรียวของตัวเองออกจากเอวของคนตัวสูง มือยาวของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีก็รวบขาทั้งสองข้างมาวางพาดไว้ที่บ่าแกร่งของตัวเอง และโย้ไปข้างหน้า ท่านี้เผยให้เป็น
นลินีตกใจและไม่ทันตั้งตัวกับการกระทำของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เธอพยายามขัดขืนเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่านันทวัฒน์ดูจริงจังและไม่อยากให้เธอปฏิเสธ เธอก็ยอมให้เขาทำตามที่ต้องการ “พี่วัฒน์…” นลินีร้องด้วยความตกใจ และไม่ทันตั้งตัวกับการกระทำของเขา เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน แม้เธอจะพยายามขัดขืนเล็กน้อยในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่านันทวัฒน์ดูจริงจังและไม่อยากให้เธอปฏิเสธ เธอก็ยอมให้เขาทำตามที่ต้องการ นันทวัฒน์ผลักร่างบางของนลินีให้ล้มลงบนเตียงนอน พอหลังสัมผัสกับความเย็นของผ้าปูที่นอนสติสัมปชัญญะของนลินีก็กลับมา เธอคิดว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติไปเพราะนันทวัฒน์ปกติจะไม่ค่อยเฉียดเข้าใกล้เธอเลย ต่างจากครั้งนี้มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขามุ่งเข้ามาสัมผัสใกล้ชิดกับเธอ มือเรียวจึงดันหน้าคมที่กำลังซุกไซ้ซอกคอขาวของเธออยู่“พี่วัฒน์อย่าค่ะ อย่าทำแบบนี้”“ฟอดดดด ทำไมจะทำไม่ได้ เธออย่าลืมนะเราแต่งงานกันแล้ว ครอบครัวพี่ต้องเสียเงินไม่ใช่น้อยที่ต้องจ่ายค่าตัวเธอ มาทำหน้าที่เมียเลย อย่ามาทำเป็นห้ามเลย จะได้สมใจเธอไงที่อยากเป็นเมียพี่นักหนาไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงพูดจบ ปากของนลินีก็โดนปิดด
หลังจากที่พานลินีกลับบ้านในช่วงบ่าย นันทวัฒน์ก็กลับไปที่ออฟฟิศเพื่อสะสางงานที่ยังค้างอยู่ แม้ว่าภายในใจของเขาจะรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อยจากการเผชิญหน้ากับคุณหญิงวิไลแม่ของเขากับนลินีผู้เป็นภรรยาในนามในร้านกระเป๋า แต่เขาพยายามบังคับตัวเองให้จดจ่อกับงานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเมื่อถึงช่วงเย็น นันทวัฒน์ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงสังสรรค์ของนักธุรกิจซึ่งจัดขึ้นในโรงแรมหรู เขาคิดว่าอาจจะเป็นการดีที่จะใช้เวลาผ่อนคลายตัวเองและหลีกหนีจากความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน เขาโทรไปบอกคุณนิรันดร์ว่าเขาจะไปงานเลี้ยงให้กลับบ้านไปก่อนได้เลยที่งานเลี้ยง บรรยากาศเต็มไปด้วยความหรูหราตามแบบฉบับของนักธุรกิจมีเงินและผู้คนที่แต่งตัวอย่างดีมาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นันทวัฒน์เดินเข้ามาในงานโดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนในแวดวงธุรกิจอื่น ๆ แต่ทันทีที่เขาเข้าไปในงาน เขาก็เจอเข้ากับเอมอรที่กำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนเอมอรเห็นนันทวัฒน์ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง เธอยิ้มออกมาอย่างสดใสและเดินตรงเข้ามาหาเขา “พี่วัฒน์ มาเร็วช้าจังเลยนะคะ แต่เอมคิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าพี่วัฒน์ต้อ