ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!
เสียงนาฬิกาปลุกแบบเคลื่อนที่วิ่งวนไปรอบห้อง เพื่อบ่งบอกเวลาสมควรตื่นในเช้าอันสดใสของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยังคงพยายามฝืนนอนต่อ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!
"โว๊ย!"
เธอดีดตัวลุกจากที่นอนแล้วยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!
นาฬิกาปลุกเคลื่อนที่ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างหนักแน่น เสียงร้องดังลั่นไปทั่วห้อง เพราะมันยังคงวิ่งวนอยู่รอบเตียงของเธอ
"หนวกหู!" เธอง้างหมอนในมือขึ้นเหนือหัว และปาใส่นาฬิกาที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้ข้างเตียง
ติ๊ด ติ๊ด!
ตุบ!
ทุกอย่างในห้องเข้าสู่ความสงบ นาฬิกาปลุกนอนแน่นิ่งไม่ขยับ ผมหยักศกฟูยิ่งกว่าเดิมเพราะเธอยีมันด้วยความหงุดหงิด
"ฉันตั้งปลุกตอนเที่ยงไม่ใช่เหรอ ทำไมแกปลุกแต่เช้าเลย"
เสียงเล็กพึมพำพร้อมกับนอนคว่ำหน้าราบไปกับเตียง มือเล็กเอื้อมไปหยิบนาฬิกาปลุกของตัวเองขึ้นมาพลิกมองเวลา
' 12.30 น. '
"อ่าว เที่ยงแล้วเหรอ" ความรู้สึกของเธอตอนนี้เหมือนพึ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเองด้วยซ้ำ
"ฉันขอโทษที่รุนแรงกับแกนะเจ้าลิง" เธอจูบลงบนนาฬิกาปลุกรูปลิงในมือ แล้วโยนไปข้างหลังจนมันกลิ้งกระเด็นตกลงไปข้างเตียงตามเดิม
ร่างบางในชุดนอนกระโปรงตัวบาง หย่อนเท้าลงแตะบนพื้น หญิงสาวผู้มีใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตา ดวงตากลมโต ริมฝีปากบางหยักได้รูปสีสด ผมสีน้ำตาลหยักศก ทำให้เธอเหมือนตุ๊กตาของผู้ที่ได้พบเห็นอยู่เสมอ
"สวัสดีจ้ะสาว ๆ" เธอทักทายเมดส่วนตัวสองคนที่กำลังจัดเตรียมอาหารอยู่
"สวัสดีค่ะคุณเคท" พวกเธอกล่าวทักทายพร้อมกันและหันไปจัดการสิ่งที่ต้องทำตรงหน้าต่อ
เธอเดินผ่านพวกเธอทุกคนตรงไปยังห้องอาบน้ำ เพื่อจัดการกับร่างกายของตัวเองหลังจากตื่นนอน สายตาจ้องมองไปยังวิวด้านนอกของที่พัก
"ขอให้เป็นเช้าที่ดีของฉันเหมือนในทุก ๆ วัน" เธออวยพรให้กับตัวเองในทุกวันที่ตื่นนอน
ดีไซเนอร์สาวเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับชื่อดังของอิตาลี สิ่งที่เธอต้องการให้สื่อรับรู้มีเพียงแค่เท่านั้น แต่ความลับที่ไม่ต้องการให้ทุกคนรับรู้และยังพยายามปิดบังเรื่อยมา คือ
หลานสาวเพียงของเดียวของเลขาธิการประจำราชวงศ์ ตระกูลเคลาดิโอ ผู้มีหน้าที่ที่ถูกสืบทอดและต้องดูแลตลอดไป คือตำแหน่งที่คุณปู่ของเธอกำลังดำรงอยู่ในตอนนี้และคนต่อไปก็คือเธอ การต้องเข้าไปดูแลบรรดาเชื้อพระวงศ์และกลุ่มคนระดับพวกเขามันเกินสิ่งที่เธอจะทำได้ เพราะเธอต้องการอยู่ให้ห่างจากพวกเขามากที่สุด
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
"คุณเคทต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ" เมดสาวถามผู้เป็นเจ้านายและส่งยิ้มให้
"ไม่ค่ะ ขอบคุณนะ" ฉันส่งยิ้มให้เธอ แล้วยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม สายตาจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่เลื่อนเช็กข่าวตามกิจวัตรประจำวัน
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!
เสียงข้อความดังเข้ามาไม่หยุด ฉันเปิดข้อความที่ส่งเข้ามาก็พบว่าเป็นข้อความจากกลุ่มเพื่อน
เฮเลน : เฮ้! ยัยเคทคืนชีพแล้ว
คิม : ว้าว คุณดีไซเนอร์คนสวย หายไปไหนมาทั้งคืนคะนึกว่าตาย
คารีน่า : อย่าว่าเพื่อนสิ ยังไม่ตายใช่ไหม
ฉันจ้องมองข้อความตรงหน้าและพยายามคิดว่า พวกนี้เป็นห่วงฉันแหละ อย่าคิดมากมีแต่คำดี ๆ ทั้งนั้น
เคท : คนสวยรายงานตัวค่ะ คุยอะไรขอสรุปโดยย่อ
เฮเลน : เปล่า แค่คิดว่าแกหายไปไหน หลังจากกลับจากเดทกับหมอนั่นแล้วก็หายไปเลย
เดทที่เฮเลนพูดถึงคือ เดทระหว่างฉันกับนักร้องชื่อดังที่กำลังกลายเป็นข่าวสนใจในหน้าสื่ออยู่ตอนนี้ ฉันพิมพ์ข้อความตอบกลับพวกเธอและอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
คิม : คุณปู่ยังไม่เลิกกลัวหลานสาวคนสวยจะไม่ได้แต่งงานงั้นเหรอ
เฮเลน : ก็เคทเป็นหลานเพียงคนเดียวนิ ตระกูลก็ต้องการสืบทอด
คารีน่า : แล้วเคททิ้งหมอนั่นไปแล้วเหรอ
เคท : ใช่ เดทกับฉันก็แค่ทานข้าวน่ะ พวกนั้นจะหวังอะไรลม ๆ แร้ง ๆ
พวกเราคุยกันถึงประเด็นของฉันซะเป็นหลัก ภาพลักษณ์ของฉันคือ สาวสวยน่ารัก ที่ดูอ่อนต่อโลกตามหารักแท้ บ้างก็สาวมั่นที่ถูกผู้ชายทิ้งหลังจากจบเดท หรืออะไรก็ตามที่สื่ออยากเขียน
แต่ความจริง ทุกอย่างที่ทำฉันตั้งใจให้ถูกมองว่าแบบนั้น การเดทที่เริ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็วและจบลงในเวลาอันรวดเร็วเช่นเดียวกัน ฉันทำทุกอย่างเพื่อหลบหลีกการถูกจับหมั้นของคุณปู่ การถูกคลุมถุงชนยังมีอยู่ในสังคมสมัยนี้ ฉันพยายามหลีกหนีทุกวิถีทาง อะไรที่คิดออกและทำได้ก็ทำ
เพราะความรักหรือความผูกพันฉันไม่ต้องการและกลัวมันมากที่สุด วันหนึ่งเราเคยชินความรู้สึกเหล่านั้น แล้วถ้ามันหายไปฉันก็คือคนที่ทรมานมากที่สุด เหมือนกับพ่อและแม่ของฉัน เมื่อพวกเขาจากไปคนทรมานและถูกทิ้งไว้ก็คือฉัน พวกเราคุยกันผ่านข้อความแช็ตจนเวลาล่วงเลยมาเป็นชั่วโมง จนฉันต้องบอกลาพวกเธอ เพราะจะต้องไปดูชอปแบรนด์ของตัวเอง
"เย็นนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ" ฉันกำลังยืนเลือกรองเท้า ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของเมดสาว
"ฉันอยากทานอาหารญี่ปุ่นน่ะ แต่น่าจะกลับมาช้าหน่อยทุกคนไม่ต้องรอนะ เตรียมเสร็จแล้วก็ไปพักได้เลย"
"พวกเราจะเตรียมไว้ให้คุณเคทนะคะ" แล้วพวกเธอก็เดินออกจากห้องไป ฉันหยิบรองเท้าคู่สวยออกมาสวมใส่และเดินออกจากห้องพักของตัวเองทันที
เพนท์เฮ้าส์หรูและมาตรการดูแลที่เข้มงวดสุด ๆ การ์ดและคนดูแลนับร้อยคอยตรวจตราและดูแลอย่างรัดกุม เพราะที่นี่ไม่ได้มีไว้ให้สามัญชนอาศัยอยู่ สถานที่พักผ่อนส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อเชื้อพระวงศ์และบุคคลสำคัญของประเทศ การอยู่ในแต่ละลำดับชั้นถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจนตามฐานะ ฉันที่เข้ามาอยู่ในนามหลานของเลขาธิการและผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูล ซึ่งที่นี่มีทั้งหมดร้อยชั้น ถือว่าสูงสุดติดอันดับโลกเลยก็ว่าได้ ชั้นบนสุดเป็นของเจ้าชายลำดับที่สอง เพราะลำดับที่หนึ่ง อยู่ในพระราชวังส่วนพระองค์ ที่นี่จึงเป็นเขาที่อยู่ชั้นสูงสุด ในหนึ่งชั้นจะทำเป็นหนึ่งห้องพัก สำหรับหนึ่งคน สิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียบพร้อมและผู้ดูแลส่วนตัว จะถูกจัดให้ตามความต้องการของแต่ละคน
ฉันที่เป็นหลานของคุณปู่ถูกจัดให้อยู่ในชั้นที่หกสิบ ก็ถือว่าวิวกำลังสวย ถึงจะพยายามขอร้องออกไปอยู่เองเพียงลำพังก็ถูกคัดค้านจากคุณปู่มาตลอด จนตอนนี้ก็จำใจอยู่เพื่อให้ท่านสบายใจไปก่อน ร่างบางยืนรอลิฟต์ที่กำลังลงมารับจากชั้นบนไม่นานนัก ประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออก ขาเรียวกำลังจะก้าวเดินเข้าไปก็หยุดชะงักลงทันที เพราะบุคคลที่อยู่ภายในลิฟต์ เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์และจ้องมองมาทางฉัน จากใบหน้าเรียบเฉย ที่ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มบนใบหน้าและกดให้ประตูลิฟต์ค้างเอาไว้
"เชิญเจ้าชายไปก่อนเลยค่ะ"
"เข้ามาสิ"
"ไม่เป็นไรค่ะ"
"..." เขาเงียบและมองฉันที่ยืนนิ่งไม่ขยับ
"เชิญเจ้าชายไปก่อนเลยค่ะ" ใครจะอยากเข้าไปใกล้พวกเขากัน ฉันคนหนึ่งละที่พยายามอยู่ให้ห่างมากที่สุด
"..." เขาปล่อยมือจากปุ่มลิฟต์ สายตาจ้องมองที่ยังฉันที่ยังคงยืนนิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆ หุบลง พร้อมกับประตูลิฟต์ที่เลื่อนปิดประกบกันจนปิดสนิท
"สงสัยจะไม่ใช่วันที่ดีแล้ว เจอแต่เช้า"
เจ้าชายลำดับที่สอง ผู้ที่อยู่เหนือเชื้อพระวงศ์ทุกคน ถึงภายนอกจะมีรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น แต่ฉันรู้ว่ารอยยิ้มนั่นมันของปลอม การอยู่ให้ห่างจากพวกเขาคือสิ่งที่ฉันทำมาตลอด แม้ว่าจะอยู่ที่นี่แต่ก็ไม่เคยเข้าไปตีสนิทหรือวุ่นวายให้พวกเขาต้องรำคาญ
"ฟู่~" เสียงพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปากบาง สังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลย ความรู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีของฉันสิ ฉันยืนรอสักพักลิฟต์ก็ขึ้นมารับ ขาเรียวก้าวเท้าเดินเข้าไปยังลิฟต์แก้ว ฉากหลังเป็นวิวของเมืองนี้ที่สวยซะจนฉันไม่เคยเบื่อเลยที่ต้องเห็นมันในทุก ๆ วัน
ณ สุสานประจำเมืองดอกบลูบอนเน็ทพลิ้วไหวตามแรงลม ดอกไม้แห่งความเศร้า การบอกลา ความเสียใจปนเหงา ความหมายของมันยังลึกซึ้งมากกว่านั้น 'แม้จะเจ็บปวด แต่จะขอจดจำเอาไว้ไม่ลืมเลือน' แม้ความหมายของมันจะเศร้าโศก แต่ความงามของดอกไม้กับชโลมใจของผู้มาเยือนได้อย่างน่าตกตะลึงกระถางดอกฮิกันบานะหรือพลับพลึงสีแดง ถูกวางลงข้างป้ายหินขนาดใหญ่ ชื่อบนป้ายสลักเคียงคู่กันสองชื่อ ฉันใช้มือลูบปัดเศษดินที่ปลิวมาเปื้อนออกและจ้องมองชื่อตรงหน้า ก่อนจะส่งยิ้มให้กับป้ายหลุมฝังศพของพ่อและแม่"ที่นี่อากาศดีไม่เปลี่ยนเลยนะคะว่ามั้ย" ปกติจะมาที่นี่คนเดียวลำพัง แต่ต่อจากนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะฉันจะมีฮาเซลมาด้วยทุกครั้ง"..." ฮาเซลยืนรอเงียบ ๆ"อาทิตย์หน้าเคทจะแต่งงานแล้วนะคะ" พูดออกไปแม้ว่าจะไม่มีเสียงตอบกลับมาก็ตาม แต่ฉันก็อยากให้ทั้งคู่ได้รับรู้"..." รอบตัวเงียบสงบมีเพียงเสียงของฉันเท่านั้นที่พูดอยู่คนเดียว"ขอบคุณสิ่งที่พ่อบอกวันนั้นนะคะ...ตอนนี้เคททำตามแล้วนะ" ฉันใช้มือลูบไปตรงชื่อของพ่อและเปลี่ยนมาเป็นชื่อของแม่"อวยพรให้เคทกับฮาเซลด้วยนะคะแม่" แม้จะไม่มีคำตอบกลับมา แต่ฉันก็เชื่อว่าทั้งคู่ต้องอวยพรเราทั้งสอง
(มาร์ชิน)(หลังจากที่โทมัสให้ของขวัญกับเคท)คอนโดใจกลางเมืองติ้ง!ตึก ตึก ตึก !เสียงฝีเท้าดังไปตามทางเดินตรงยังห้องพักของตัวเอง ร่างสูงกำกุญแจรถในมือแน่น ตอนนี้เขาคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องออกไปเมืองนี้ให้เร็วที่สุดแม้ในใจจะอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาด แต่เงินจำนวนมหาศาลที่ไม่ว่ายังไงชาตินี้ก็ไม่มีทางหาได้ทำให้เขายอมร่วมมือกับเกรซี่ ผู้หญิงที่เข้ามาเป็นเจ้านายคนใหม่ของเขาติ้ด ติ้ด ติ้ด!เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้น ทำให้เขาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ มือไม้สั่นล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูชื่อของคนโทรเข้า ก่อนจะกดรับสาย"ครับ ครับ คุณเกรซี่" ขายาวยังคงก้าวเดินไปยังห้องของตัวเองที่อยู่สุดทางเดิน(ยัยนั่นรับไหม) เสียงในสายถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย"รับครับ เธอรับไปแล้ว"(ดีมาก แล้วก็รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ)"ครับ ผมกำลังรีบไป" เขาหยุดยืดหน้าห้องและควานหาคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตู(นี่โทมัส...) เสียงเรียกชื่อเขาจากคนในสาย ทำให้ต้องหยุดทุกการกระทำและตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอกำลังจะพูด"...ครับ"(...โชคดีนะ ติ้ด!) พูดจบปลายสายก็ตัดไปทันทีตอนนี้เขาไม่มีเวลามาสนใจคำอวยพรของเธอแล้ว เพราะทุ
ย้อนกลับไปตอนเคทกำลังคุยโทรศัพท์"คิมฉันอยู่ร้านXXX คอลเลคชั่นใหม่ออกมาแล้ว"(มาจริง ๆ ด้วยสินะ มาเยอะไหม) เสียงทุ้มต่ำของฮาเซลดังผ่านโทรศัพท์ที่แนบหู"ใช่มีเยอะเลยคิม" ปากเรียกชื่อคิม แต่คนในสายไม่ใช่คิมนี่ทำเอาฉันจะหลุดปากเหมือนกันเนี่ย(นับให้หน่อยสิว่าต้องใช้กี่คน)"ได้สิ อืม~ แบบใหม่เยอะมากเลยนะเนี่ย" ฉันหันมองไปรอบร้าน สายตาก็นับจำนวนคนที่ยืนล้อมฉันอยู่(...) ปลายสายก็รออย่างตั้งใจ"ถ้าแกจะเอาหมดเลยก็ได้นะ ทั้งหมดสิบสี่แบบ" พูดจบฉันก็หันหลังให้พวกคนที่ยืนอยู่และทำเป็นเลือกชุดชั้นในต่อเดินตามกันแบบไม่เกรงใจเลยนะคนพวกนี้ ยัยเกรซี่ส่งมาแต่ละคนภายนอกก็น่ากลัวอยู่หรอก แต่ไม่เนียนเอาซะเลย(กำลังให้คนไปรอรับนะ จะมาทางไหน)"ชอปXXXไง ที่อยู่ใกล้ประตูG...ใช่ ออกคอลเลคชั่นใหม่ก่อนที่อื่นอีกนะ"(หึ! เก่งมาก เดี๋ยวจะให้รางวัลเมียคนเก่งนะครับ) คำพูดของเขาทำเอาฉันเกือบหลุดยิ้ม มันใช่เวลาไหมเนี่ย"โอเค ๆ ฉันเอาหมดเลยแล้วกันนะ"(ถ้าพ้นประตูแล้วหลับตาและปิดหูเลยนะครับ) เมื่อเขาพูดจบก็วางสายทันที แล้วเรียกพนักงานของร้านให้เข้ามาหา เพื่อสั่งให้จัดเตรียมของตามที่ต้องการ เมื่อได้ของตามที่ต้องการแล้
ณ พระราชวังประจำราชวงศ์"อีกไม่กี่วันปู่ก็ออกจากตำแหน่งแล้วใช่ไหม""ใช่" ปู่ส่งยิ้มให้ในระหว่างที่กำลังเก็บของจากลิ้นชักโต๊ะทำงาน อีกไม่กี่วันจะมีประกาศเรื่องของเลขาธิการคนใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งเท่ากับว่าปู่จะได้พักผ่อนตามความต้องการอย่างแท้จริง"แล้วปู่จะกลับไปอยู่ที่บ้านหรือจะอยู่กับเคท" ฉันเดินเข้าไปกอดท่านจากด้านหลังและซบหน้าลงบนไหล่"ใครเขาจะอยู่บ้านกัน ช่วงชีวิตต่อจากนี้แหละปู่จะไปเที่ยว""ต้องแบบนี้!" ฉันไม่เคยขัดขว้างหรือไม่เห็นด้วยกับชีวิตหลังวัยเกษียณของคุณปู่ ตลอดที่ผ่านมาท่านดูแลฉันเป็นอย่างดีไม่เคยขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ปู่จะได้ทำตามใจตัวเองสักที"แล้ว...เรื่องที่แม่ของเกรซี่พูด" เมื่อนึกขึ้นได้ปู่ก็หันกลับมาถามด้วยสายตาของความเป็นห่วง"เคทรู้และเข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ""ปู่ขอโทษ..." ปู่จับแขนฉันที่โอบกอดท่านเอาไว้"ปู่ไม่ต้องขอโทษนะ ปู่ทำถูกแล้วไม่ว่าปู่จะทำอะไรเคทเชื่อว่าปู่ทำทุกอย่างเพื่อเคท""ไม่โกรธแม่เขานะลูก" เรื่องที่เกิดขึ้นฉันรู้ว่าไม่มีใครไม่เสียใจ ยิ่งเป็นปู่ท่านต้องเข้มแข็งต่อหน้าฉันมาตลอด"เคทไม่โกรธค่ะแล้วก็ควีนไม่เคยโกรธแม่เหมือนกัน""..." เมื่อฉัน
ณ เพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุด"น่าจะประมาณสองปีที่พ่อใช้เวลาทั้งหมดง้อแม่" ฮาเซลกำลังเล่าถึงเรื่องราวต่อจากนั้นให้ฉันได้ฟัง ในระหว่างที่เรากำลังทานอาหารเช้า"เวลาโกรธจริงก็น่ากลัวเหมือนกันนะ""ก็ ทำให้พ่อหยุดและกลัวแม่ได้เลย" ถ้าเป็นฉันจะอดทนเพื่อรักได้เท่าเธอหรือเปล่านะ"ต้องเข้มแข็งขนาดไหนถึงอยู่จุดนั้นได้""แม่เป็นผู้หญิงที่ใจดีมากนะ แม้ว่าพ่อจะรู้สึกตัวช้าไปหน่อยก็เถอะ""อะไรกันนี่ลูกชายกำลังบ่นพ่อตัวเองเหรอเนี่ย" ฉันพยายามกลั้นขำเพราะฮาเซลไม่ได้เข้าข้างพ่อเลยสักนิด แม้จะทะเลาะหรือดื้อกับควีนแต่เขาก็อยู่ข้างแม่มาตลอด"ที่พูดมาเรื่องจริงทั้งนั้น" แม้แต่ฮาเซลยังกลั้นขำ เมื่อนินทาถึงพ่อของเขา"แล้ว...ควีนไม่โกรธจริง ๆ ใช่ไหม" คำถามของฉันทำให้มือที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มหยุดชะงัก เขาวางแก้วกาแฟลงบนจานรอง แล้วเท้าคางจ้องมองมาที่ฉัน"ที่ผ่านมาแม่ไม่ได้เสียใจน้อยไปกว่าใคร แล้วอีกอย่างตอนนี้น่ะเหรอ อะไร ๆ ก็เคท""หมายความว่าไง""ก็อย่างเช่นเมื่อวานที่โทรมาก็ถามหาแต่เคท เคทกลับมายัง ทำไมไม่พาเคทไปดินเนอร์บ้างและอีกมากมาย""งั้นเหรอ" ฉันอมยิ้มให้กับสิ่งที่ฮาเซลพูด"แม่คงยังไม่รู้สินะ ว่าแม่สาวนัก
สุดท้ายช่วงเวลาแห่งความสุขและความหวังของเขากับเคทก็หยุดลง เวลาแห่งความฝันและความรักหยุดชะงักเพียงเพราะการกระทำที่บิดเบี้ยวของบางความสัมพันธ์ตุบ!"ฉันคงไม่ต้องถามว่าคือนี่อะไร แต่ฉันจะถามว่าทำแบบนี้ทำไม!" รูปถ่ายจำนวนหนึ่งถูกปาลงบนพื้นกระจัดกระจายต่อหน้าชายผู้เป็นสามีและเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวของเจ้าหญิงมาเรีย เสียงพูดคุยดังเล็ดลอดออกจากห้อง ลูกชายทั้งสองคนของพวกเขายืนแอบฟังหน้าห้อง"..." ทั้งห้องเข้าสู่ความเงียบ มีเพียงเสียงแม่ของเขาเท่านั้นที่พูดอยู่ฝ่ายเดียว"เป็นใครก็ได้ฉันไม่เคยสนใจ! ทำได้ยังไง เห็นฉันเป็นอะไร!""...""พระองค์ก็รู้ว่าฉันอยู่เพราะอะไร เพราะรักใข่ไหม...รู้อยู่แล้วเลยทำลายความรักของฉัน ฮึก! กี่ครั้งไม่เคยว่า แต่ครั้งนี้...ฮึก! ฉันไม่ไหวจริง ๆ" เสียงสะอื้นของแม่ทำให้ฮาเซลรู้สึกโกรธขึ้นมาทีละนิด"มาเรีย" เสียงของผู้ชายเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องเรียกภรรยาตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา"อย่าเข้ามา!" เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงของแม่ตัวเองเจ็บปวดได้ขนาดนี้"ออกไปก่อนโมอา" พ่อต้องเป็นฝ่ายบอกให้แม่ของเคทออกจากห้องนี้ไป เพราะดูเหมือนว่าแม่จะไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา"...ค่ะ"