Share

ตอน 5 บพิตร

last update Last Updated: 2025-06-15 21:29:49

"ก็หรือไม่จริง นี่ถ้าแกไม่เกิดพลาดขึ้นมา ฉันคงจะไล่มันออกโทษฐานที่มาเจาะไข่แดงลูกสาวฉัน เผลอ ๆ จะจับมันเข้าคุกด้วย"

"ชลอายุ 27 แล้วนะ แม่จะเอาติเข้าคุกข้อหาอะไรไม่ทราบ"

"ถ้าฉันจะทำ จะข้อหาอะไรก็หายัดมันได้ทั้งนั้นแหละ"

วิภาตอบตาเขียว หล่อนมีลูกสาวแค่สองคนคือชลธิชา กับโชติรส ลำพังไม่มีลูกชายให้ตระกูลสามี ก็รู้สึกเสียหน้าพออยู่แล้ว นี่ลูกสาวคนโตยังจะท้องก่อนแต่ง แถมพ่อของเด็กก็เป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทตัวเอง หล่อนนี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เกือบเดือน กระทั่งตอนนี้ก็ยังคุกรุ่นอยู่ไม่หาย

ชลธิชาหน้างอที่แม่ว่าคนรัก ส่วนโชติรสก็ยังคงยิ้มขัน เธอสนุกเสมอเวลาได้เห็นคนในครอบครัวโดยเฉพาะแม่กับพี่สาวโต้คารมกัน

วิภาหันมาตาเขียวใส่ลูกสาวคนเล็กบ้าง

"แล้วแกล่ะ มานั่งเจ๋อทำอะไร ไม่ต้องรีบไปสนามบินหรือไง เชียงใหม่เดี๋ยวนี้รถมันติดหนักนะยะโดยเฉพาะเส้นนั้นน่ะ"

"แหมแม่ โชเป็นแอร์ฯ นะ คนเป็นแอร์ฯ ไม่รู้จักบริหารเวลา ไปไม่ทันเช็คอินก็ตลกตายล่ะ"

"เออ ๆ ลูกแต่ละคนมันเก่งกันทั้งนั้น แล้วพักบินทั้งทีแทนที่จะอยู่บ้าน จะไปทำไมนักหนาก็ไม่รู้กรุงเทพฯ น่ะ"

"แล้วกรุงเทพไม่ใช่บ้านหรือไงล่ะ"

"บ้านป๊าแกกับอีพวกกะหรี่ปั๊บพวกนั้นน่ะเหรอ อย่างนั้นฉันไม่เรียกว่าบ้านหรอก ฉันเรียกว่าซ่อง"

วิภาพูดถึงสามีกับบรรดาเมียรองของเขาทีไรก็เป็นฟืนเป็นไฟพูดจาแรง ๆ ขึ้นมาทุกที โชติรสรีบลุกขึ้นก่อนแม่จะด่าพ่อให้ฟังยาวเหยียดกว่านี้

"โชไปดีกว่า แล้วจะบอกป๊าให้นะคะว่าแม่ฝากความคิดทึ้งคิดถึงมาให้..."

วิภาหยิบหมอนปาใส่ลูกสาวคนเล็กแต่ไม่โดนเพราะโชติรสหลบทัน แอร์โฮสเตสสาววัยเพียง 25 ปีหัวเราะคิกคักพอใจที่ยั่วแม่ได้ก่อนจะรีบเดินออกจากบ้าน

คนเป็นแม่ส่ายหน้า ก่อนจะหันกลับมาหาลูกสาวคนโตที่ยืนทำตาปรอย ๆ อยู่หน้ากระจก วิภาถอนหายใจก่อนจะเรียกช่างคนสนิทให้เข้ามาทำงานต่อ แม้จะรังเกียจเดียดฉันท์ลูกเขยคนนี้มากแค่ไหน แต่ถึงยังไงหน้าที่แม่ก็ต้องช่วยให้งานแต่งของลูกสาวสำเร็จออกมาอย่างสวยงามที่สุดให้ได้นั่นแหละ

* * * * *

สนามบินสุวรรณภูมิ

อธิปรู้ว่าเดือนกุมภาพันธ์ที่ลอนดอนตอนนี้ หนาวจนอุณหภูมิแค่องศาเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาเห็น "สภาพ" ของเพื่อนรักที่เดินเข็นกระเป๋าออกมาจากประตูผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เขาก็ถึงกับหยิบแว่นกันแดดสีดำมาสวม เมินเฉย และเตรียมจะหันหลังกลับ

"อาร์ตี้! เฮลโล่ คัมมอนเบบี้ ไอมิสยูโซมัชหั่นหนี..."

"ไอ้เวร กูไม่รู้จักมึง"

อธิปคำราม แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะหนุ่มร่างสูงเท่า ๆ กันกับเขาคนที่มีผมสีทองยาวเคลียบ่าคนนั้นกระโดดยาว ๆ มาถึงตัวเขาแล้วสวมกอดอย่างแนบแน่นทันที ร่างสูงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของอธิปยังสามารถถูกคนที่สวมเสื้อโค้ทตัวหนาโอบแทบมิด โอเวอร์โค้ทขนเป็ดหนานุ่มสีแดงสดยาวถึงเข่าสวมทับสเวตเตอร์ไหมพรมสีเขียวเข้มดูเหมือนต้นคริสมาสต์เดินได้

ท่อนบนยังพอทน แต่ท่อนล่างที่เป็นกางเกงหนังสีดำเป็นมันเงากับรองเท้าบู๊ตหนังสีเหลืองทอง ทุกอย่างมันดูหวือหวาจัดจ้านจนไม่แปลกที่ผู้โดยสารทุกคนที่เดินออกมาพร้อมกันยังคงอดปรายตามองซ้ำไม่ได้ทั้งที่เดินทางด้วยกันมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว

"ไอ้บอม ปล่อยกู กูกลัวแล้ว"

"จูบทีแล้วกูจะปล่อย"

บอมหรือบพิตรเอ่ยอย่างร่าเริงด้วยเสียงไม่เบา แอร์โฮสเตสสาวที่ลากกระเป๋าเดินทางผ่านไปพร้อมกันสี่ห้าคนถึงกับเหลือบมองพวกเขาแล้วหันไปหัวเราะคิกคักให้กัน

"จูบเตี่ยมึงสิ ปล่อยได้แล้วไอ้เวร เสียเวลา"

อธิปอดด่าไม่ได้ บพิตรยอมปล่อยไม่ใช่เพราะโดนด่าพ่อ แต่เพราะมือจะได้ว่างเสยผมทั้งสองข้างด้วยท่วงท่าที่คิดว่าดูดีที่สุดในชีวิต

"ขอต้อนรับกลับเมืองไทยครับเบ่บี๋"

"กูต้องพูดมั้ย ไม่ใช่มึง"

อธิปว่าเข้าให้อีก บพิตรส่งยิ้มให้สาว ๆ ที่เผลอเหลือบมองเขาเหมือนเห็นตัวประหลาด ใครที่จิตแข็งหน่อยก็อาจจะส่งยิ้มกลับมาให้ แต่ส่วนมากจะก้มหน้างุดแล้วรีบ ๆ เดินไปให้ไกลสองหนุ่มมากที่สุด...ทั้งที่จะว่าไปสองคนนี้รูปร่างหน้าตาระดับประกวดมิสเตอร์อินเตอร์เนชั่นแนลได้เลย

"ทำไมต้องให้กูมารับด้วย แถมยังไม่ให้บอกพ่อกับแม่มึงอีก"

อธิปถามระหว่างที่ช่วยเข็นรถเข็นใส่กระเป๋าเดินทางหนักอึ้งออกมาตามทางเดินเพื่อจะไปลานจอดรถ ในใจก็คะเนว่ารถของเขาจะใส่กระเป๋าของบพิตรได้หมดหรือเปล่า ถ้ารถสปอร์ตใส่ได้ไม่หมด ก็จะขนแต่กระเป๋า ทิ้งให้ไอ้บอมหารถตามไปเองก็แล้วกัน สภาพมันตอนนี้เอาไปปล่อยไว้กลางทะเลทรายคงยังไม่หลงเลยมั้ง ยังไงดาวเทียมก็หาเจอ

"เซอร์ไพรส์ไง ไม่รู้จักเหรอเซอร์ไพรส์"

"ก็แม่มึงเขาเป็นคนเรียกมึงกลับมาเองเขายังจะเซอร์ไพรส์อีกหรอ"

"เออ มันก็ใช่ แต่กูไม่ยอมบอกไงว่าจะเป็นวันไหนไฟลต์ไหน ขอไปปาร์ตี้ให้หนำใจก่อนแล้วค่อยเข้าบ้าน"

บพิตรเอ่ยด้วยดวงตาแวววาว

"นั่งเครื่องมาสิบกว่าชั่วโมง ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงวะ"

"เหนื่อยอะไร กูนั่งชั้นหนึ่ง กินแล้วก็นอนมาตลอดทาง จนอยากยืดเส้นยืดสายจะตายอยู่แล้วเนี่ย"

บพิตรเอ่ยอย่างคึกคัก แค่สองเท้าสัมผัสแผ่นดินกรุงเทพฯ ก็พร้อมจะออกฉลองได้ทันที แม้แต่คนที่ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงอย่างอธิปก็ยังส่ายหน้า

อธิป บพิตร ชนะศึก และไม้เอก ทายาทชายทั้งสี่จากตระกูลมหาเศรษฐีของไทย พวกเขาสนิทกันตอนเรียนมัธยมฯ ที่โรงเรียนประจำชายล้วนในนิวซีแลนด์ การที่แต่ละครอบครัวส่งลูกชายไปเรียนที่เดียวกัน ปีเดียวกัน ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ แต่ทายาททั้งสี่คนนั้นก็ได้คบหาเป็นเพื่อนกันอย่างเหนียวแน่นมาจนถึงตอนนี้

* * * * *

"อ้าว จะออกไปไหนอีกล่ะโช เพิ่งมาถึงไม่ใช่เหรอ"

ชาญเอ่ยถามลูกสาวที่เพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่ คิดว่าเย็นนี้ลูกจะกินข้าวร่วมโต๊ะกับครอบครัว แต่โชติรสที่กำลังเตรียมตัวจะออกจากบ้านหันมายิ้มหวานให้

"ไปหาเพื่อนน่ะป๊า"

"ไม่คิดจะพักบ้างหรือลูก ช่วงพักร้อนป๊านึกว่าจะอยู่ติดบ้านบ้าง"

คนเป็นลูกสาวหัวเราะคิก

"แม่กับป๊านี่พูดเหมือนกันเด๊ะเลย เหมือนกันขนาดนี้ เวลาเจอกันไม่น่าทะเลาะกันเลยนะ"

"ป๊าเคยทะเลาะกับแม่เขาที่ไหน แม่ต่างหากที่ทะเลาะกับป๊าเรื่อย"

นายชาญตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ตามอุปนิสัย แม้เป็นคนทำงานหนัก เขี้ยวลากดินในทางธุรกิจ แต่บุคลิกส่วนตัวกลับแพรวพราวมีเสน่ห์เหมือนหนุ่มรุ่น ๆ ที่รักสนุก รายชื่อเมียเล็กเมียน้อยของเขาจึงยาวเป็นหางว่าว

นี่ถ้าไม่เพราะเตี่ยของเขาเคยสอนไว้ว่า 'จะมีเมียกี่คนก็ได้ แต่ถ้าลื้อจะมีลูก ลูกต้องมีแม่คนเดียวกันเท่านั้น' เขาก็คงมีพี่น้องต่างแม่ให้ลูกสาวทั้งสองคนอีกเป็นโขยง

ก็ไม่เข้าใจว่าวิภา เมียรักเมียแต่งของเขาจะงอนอะไรนักหนา งอนจนไม่ยอมมาอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาออกจะรักลูกรักเมีย และทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขามีก็ต้องเป็นของชลธิชากับโชติรสแค่สองคนเท่านั้น ไม่ได้จะแบ่งให้ใครสักหน่อย

"โชไปก่อนนะป๊า ถ้าดึกเกินไปอาจจะนอนกับแยมนะ"

แอร์โฮสเตสสาวยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มบิดาสองทีอย่างเป็นธรรมชาติ

"ส่งโชแล้วไม่ต้องรอรับนะ คืนนี้จะค้างกับเพื่อน"

โชติรสบอกคนขับรถของที่บ้านทันทีที่ขึ้นรถเก๋งรุ่นใหม่ล่าสุด

บิดาของเธอไม่เคยห้ามว่าลูกสาวจะเที่ยวสุดเหวี่ยงข้ามคืนแค่ไหน ขออย่างเดียวต้องให้คนขับรถขับให้ห้ามขับเอง

หญิงสาวไม่คิดจะเถียงอยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่ออกมาปาร์ตี้กับเพื่อน ก็เมาแอ๋จนจำชื่อตัวเองแทบไม่ได้ อย่าว่าแต่จะให้ขับรถเองเลย

คืนนี้หญิงสาวสวมเสื้อคลุมออกจากบ้าน แตแต่พอมาถึงร้านก็ถอดเสื้อคลุม เสื้อที่โชติรสสวมคืนนี้เป็นสีดำ มองด้านหน้าปิดมิดชิดจนถึงปลายคาง

แต่ด้านหลังคือเปลือยเปล่าเว้าลงไปจนถึงเนินสะโพก เผยแผ่นหลังขาวผ่องนวลเนียนไร้ไฝฝ้าราคี ที่ชวนให้หายใจสะดุดคือทุกครั้งที่หญิงสาวขยับตัว ด้านข้างของชุดจะเผยให้เห็นฐานหน้าอกวับแวบชวนให้จินตนาการไปถึงไหนต่อไหน

"แซ่บไม่แผ่วเลยนะมึง...อีโช"

ยลดาหรือแยมเอ่ยแซวเพื่อนรัก พวกเธอสนิทกันชนิดที่สามารถพูดมึงกูใส่กันได้

เธอเป็นคนคะยั้นคะยอให้โชติรสที่เพิ่งกลับจากเชียงใหม่ออกมาปาร์ตี้ด้วยกันให้ได้ในคืนนี้ ร้านนี้พี่ชายของยลดาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ และเพราะรุ่นพี่คนหนึ่งของพี่ชายเพิ่งกลับมาจากลอนดอน เขาจึงเหมาโต๊ะในโซนวีไอพีไว้ทั้งหมดเพื่อฉลองให้เพื่อนรุ่นพี่คนนั้น

"เพื่อนพี่ยศยังไม่มา แต่มันบอกว่าใครมาแล้วให้ขึ้นไปชั้นลอยได้เลย เขาเหมาไว้หมดแล้ว"

"แต่กูไม่รู้จักเจ้าของงาน ไม่น่าเกลียดจริง ๆหรือมึง"

"ก็เพราะไม่รู้จักน่ะสิถึงได้ชวนมา จะได้รู้จักกันไว้" ยลดาหัวเราะ "อีกอย่างมีคนมาเยอะ ๆ เขาคงยิ่งชอบ ใครจะอยากปาร์ตี้เหงา ๆ ล่ะจริงปะ"

พูดพลางดึงแขนเพื่อนให้เดินขึ้นไปชั้นลอยด้วยกัน ยศกรพี่ชายของยลดาเห็นเพื่อนน้องสาวก็เข้ามาทักด้วยความดีใจและดูแลให้สาว ๆ มีเครื่องดื่มพร้อมในมือ

"เพื่อนพี่ยศเป็นใครหรือคะ"

แอร์โฮสเตสสาวถามอย่างชวนคุยมากกว่าจะสนใจจริงจัง แต่ยศกรดูภูมิใจมากที่จะบอก

"พี่บอม รู้จักกันตอนพี่ไปเทคคอร์สที่ลอนดอน โชรู้จักไหม บพิตร บ่อภักดีน่ะ"

"คุ้นๆ นะคะ" หญิงสาวตอบ ยลดาย่นจมูก เอ่ยเสียงดังแข่งกับเสียงเพลง

"อะไรบ่อ ๆ นะ ทำไมฟังดูบ้านนอกจัง เศรษฐีภูธรเหรอ"

"นอกหรือในไม่รู้ รู้แต่ว่าโคตรหล่อ โคตรรวย แล้วก็โคตรป๋ามาก ตอนอยู่ลอนดอนพี่บอมแกมีฉายาว่าป๋าเพราะแกใจกว้างสุด ๆ"

"ทำอะไรถึงรวยล่ะ"

ยลดาถามอีก ยศกรมองหน้าน้องสาวพลางถอนหายใจเหมือนว่ายัยแยมนี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

"แกเสิร์ชกูเกิ้ลดูสิไอ้แยม พ่อพี่บอมชื่อบรรพ์ บอใบไม้ รอหัน พอพานการันต์ นามสกุลบ่อภักดี"

ยลดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ไม่ได้อยากรู้มากนักแค่ทำไปเพื่อฆ่าเวลา แต่เมื่อเห็นโปรไฟล์ของนายบรรพ์ บ่อภักดี ปรากฏขึ้นมาเป็นพรืด เธอก็ถึงกับเงยหน้ามองพี่ชาย

"โม้แล้ว เพื่อนพี่ยศคือลูกชายคนนี้เหรอ คนนี้โคตรรวยเลยนะ เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมอะไรสักอย่างนี่แหละ"

"ก็เออน่ะสิ...เฮ้ยโน่นไง พี่เขามาแล้ว" ยศกรยิ้มดีใจเมื่อหันไปเห็นรุ่นพี่ที่เคารพรักเดินผ่านประตูผับเข้ามา ชายหนุ่มสั่งพนักงานไว้แล้วว่าถ้าแขกวีไอพีของตัวเองมาถึงให้ต้อนรับเป็นอย่างดี กระนั้นเขาก็รีบเดินไปต้อนรับด้วยตัวเอง

"พี่บอม ๆ ทางนี้พี่!"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 10 หวานและหอม

    ลิ้นสาก ๆ ของชายหนุ่มจงใจลากผ่านแอ่งชีพจรบนข้อมือของลลิตรา เธอชาวาบเหมือนโดนไฟช็อต ดึงมือออกอย่างแรงแต่อธิปก็จับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“ปล่อยนะ! ปล่อย!”เธอกัดฟันบอก ไม่ได้กลัวเขามากเท่ากลัวคนอื่นเดินเข้ามาเห็นไม่กี่นาทีก่อน ทุกคนยังสลอนกันอยู่ในครัว เธอเองที่ออกปากให้ทุกคนกลับไปพักเพราะเกรงใจที่ทำงานกันมาทั้งวันยังมาช่วยเธอทำขนมแต่ตอนนี้เธออยากตะโกนเรียกให้ทุกคนกลับมาจริง ๆหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าปกติเวลาหลังอาหารมื้อเย็น เมื่ออรรถกับลินดารับประทานอาหารเสร็จแล้ว คนในครัวก็จะช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดและแยกย้ายกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน ถือว่างานวันนั้นได้เสร็จสิ้นแต่วันนี้ ทั้งแม่ครัว แม่บ้าน และคนงานทุกคนที่พักอยู่ที่เรือนเล็กด้านหลัง มาออกันอยู่ในครัวเพื่อช่วยลลิตราทำขนม“ป้าเดือนคะ ไม่ต้องช่วยลูกอมจริง ๆ ลูกอมทำเองได้”ลลิตราพยายามบอก“ปกติลูกอมก็ทำเองนะคะ แล้วป้ากับคนอื่น ๆ ก็ทำงานกันมาทั้งวันแล้ว ลูกอมไม่รบกวนหรอกค่ะ นี่พูดจริง ๆ นะคะนี่”ป้าเดือนกำลังจะอ้าปากตอบ แต่หลานสาวที่เป็นผู้ช่วยแม่ครัวนามว่าน้ำค้างพูดขึ้นมาก่อน“คุณเขาก็พูดถูกนะป้า เขาจ้างเรามาทำอาหารให้คุณท่าน ไม่ได้จ้างใ

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 9 ฝันร้าย

    "คราวหน้าคุณหนูให้น้าดาวไปส่งสิครับ ถ้าจะซื้อของกลับมาเยอะขนาดนี้ ให้น้าดาวไปส่งน่าจะดีกว่า"รปภ.หนุ่มน้อยที่ลลิตราทราบชื่อภายหลังว่าชื่อคมสันต์ เอ่ยแนะนำ"นั่นน่ะสิคะ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันเนาะ""ว่าแต่ คุณหนูซื้อมาทำไมเยอะแยะหรือครับ ผมนึกว่าในครัวจะมีของพวกนี้แล้วเสียอีก""ซื้อมาทำขนมขายค่ะ ฉันทำขนมไทยขาย"คมสันต์ตาลุกวาว"จริงหรือครับ!""จริงค่ะ เอาไว้ทำเสร็จแล้วจะเอามาให้ชิมนะคะ"รถกอล์ฟแล่นมาถึงพอดี น้าดาวนั่นเองที่เป็นคนขับมา และก็เอ่ยเหมือนที่คมสันต์เอ่ยคือคราวหน้ายอมให้เขาขับรถให้เถอะ เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาจะตกงาน หญิงสาวเลยตอบรับและหัวเราะเบา ๆ อย่างขัดเขินขนของขึ้นรถไฟฟ้าคันเล็กเสร็จ น้าดาวขับกลับเข้าไปด้านในโดยมีลลิตรานั่งมาด้วยก่อนไปถึงเรือนครัวที่อยู่ด้านหลัง จะต้องผ่านโรงรถลลิตราพยายามไม่สองไปยังรถพอร์ชเหลืองที่จอดอยู่...ขนาดแค่หางตาเหลือบเห็น ยังรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆโชคดีที่ตั้งแต่เธอลงจากรถเขาวันนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ต้องเผชิญหน้ากัน และหญิงสาวก็หวังว่าเธอจะหลบเลี่ยงเขาไปได้เรื่อย ๆแต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งหรือไม่ก็ฟังคำภาวนาผิดไป เพราะคนที่เพิ่งเดินออกมาจากใน

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 8 เริ่มต้นใหม่

    ตะวันที่อยู่ตรงกับศีรษะเริ่มจะเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกตอนที่แอร์โฮสเตสสาวแห่งสายการบินไซแอมเจ็ตถูกปลุกด้วยเสียงเครื่องดูดฝุ่นจากด้านนอกที่ดังเข้ามาในห้องนอนโชติรสค่อย ๆ ปรือตาตื่นเนื้อตัวปวดระบมโดยเฉพาะอวัยวะท่อนล่างแต่มันก็คุ้มค่ากับเรี่ยวแรงทุกหยาดหยดที่เสียไปถ้าเลือกได้ เธอก็อยากจะทำมันกับเขาอีกเรื่อย ๆ"คุณอาร์ต..."โชติรสครางเรียกชื่อเขาอย่างงัวเงีย แต่ไร้เสียงตอบเตียงนอนไร้เงาของเจ้าของห้อง มีเพียงเธอที่นอนเปลือยเปล่าอยู่คนเดียว"คุณอาร์ตคะ!"เสียงเครื่องดูดฝุ่นหยุดฉับพลัน ไม่ถึงนาทีประตูห้องนอนก็ค่อย ๆ เปิดออกคนที่มาเปิดไม่ใช่อธิปแต่เป็นหญิงกลางคนแต่งตัวเรียบร้อย หน้าตาใจดี ส่งยิ้มแหย ๆ มาให้โชติรส"เมื่อกี้เรียกหาคุณอาร์ตหรือคะ""เอ่อ ใช่ ป้าเป็นใคร เป็นคนใช้ที่นี่เหรอ""เปล่าคะ คุณอาร์ตแค่จ้างฉันมาทำความสะอาดรายวัน""อ๋อ แล้วคุณอาร์ตอยู่ที่ไหนล่ะ" โชติถามคว้าผ้าห่มนวมมาปิดหน้าอกพลางยันตัวลุกขึ้นนั่ง"คุณอาร์ตออกไปตอนก่อนเที่ยงแล้วค่ะ บอกให้ฉันอยู่รอจนกว่าคุณจะตื่น...คุณเค้าบอกให้คุณสั่งอาหารได้เลย ที่นี่มีรูมเซอร์วิสค่ะ..."คนทำความสะอาดตอบก่อนจะกลับไปทำความสะอาดต่อ

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 7 ได้ทุกที่

    อธิปคิดว่าเขาน่าจะพอรอได้จนถึงตีสอง...แต่เพียงแค่เที่ยงคืน เขาก็พาโชติรสนั่งแท็กซี่กลับไปที่เพนท์เฮาส์ของตัวเองทันทีอย่างคนที่ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป... แค่มองตากันครั้งแรก ชายหนุ่มก็รู้ว่าคืนนี้จะไปลงเอยที่ตรงไหน เขาเองก็ร้อนรุ่มมาทั้งวัน ก็คงตั้งแต่ดันไปจูบยัยลูกสาวแม่เลี้ยงของเขาเข้าให้นั่นแหละโชติรสไม่มีเวลากวาดสายตามองรอบ ๆ เพนท์เฮาส์หรูของอธิปด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่สองร่างผ่านก้าวเข้าประตูห้องได้ อธิปก็แทบจะผลักเธอติดผนัง ลิ้นและริมฝีปากโรมรันพันตูกันอย่างหิวกระหาย เสื้อสีดำของโชติรสแทบปกปิดอะไรไม่ได้ เพียงแค่เขาล้วงมือเข้าไปก็สัมผัสเนินเนื้อข้างใต้ได้แทบทุกอณู"จะทำตรงนี้เลยเหรอคะ"จังหวะหนึ่งที่โชติรสผละริมฝีปากออกห่างเขาเพื่อหอบหายใจ เธอถามเสียงสั่นพร่าอธิปตอบกลับมาเสียงกระเส่าพอกัน "ได้ทุกที่""งั้นขอบนเตียงได้มั้ย โชผิวบางน่ะ"ดวงตาสีฟ้าของอธิปหรี่ลงเล็กน้อย พริบตาเดียวร่างสูงโปร่งของแอร์โฮสเตสสาวก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นจากพื้น เสียงโชติรสหวีดร้องเบา ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว อธิปอุ้มหญิงสาวก้าวยาว ๆ ไปที่ห้องนอนจุดหมายคือเตียงกว้างขนาดซูเปอร์คิงไซส์ สั่งทำพิเศษสำหรับคนตัวสูงเกื

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 6 คืนเดียวพอ

    ยลดามองไปตามสายตาพี่ชาย แล้วก็นิ่งอึ้งไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นผู้ชายตัวสูงผมยาวย้อมสีทองโดดเด่นแต่ไกลแต่อะไรก็ไม่เท่ากับเสื้อกีฬายี่ห้อดังสีเขียวสะท้อนแสง กางเกงสีส้ม รองเท้าสีเหลือง...บพิตรยิ้มกว้างเห็นฟันขาวทุกซี่มาแต่ไกล ก่อนจะกึ่งกระโดดกึ่งก้าวยาว ๆ ขึ้นมาหายศกรแล้วกระโดดกอดกันอย่างรักใคร่อธิปที่เดินตามหลังมาส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้มันดีดนักถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าบพิตรเป็นพวกเล่นยาเพราะพลังล้นเหลือเหลือเกิน"โหพี่บอม โคตรคิดถึงเลย ไหนว่าจะยังไม่กลับไทยง่าย ๆ ไง""ไม่กลับไม่ได้ แม่กูยึดบัตรเครดิตไปหมดแล้ว อยู่ต่อก็เหี่ยวแห้งหัวโต"บพิตรตอบตามตรงตามประสาคนจริงใจก่อนหันมาแนะนำเพื่อนที่มาด้วย"ไอ้ยอช นี่เพื่อนพี่ชื่ออาร์ต เพื่อนรักเพื่อนสนิทเลย...ไอ้อาร์ตนี่น้องกู รู้จักกันที่ลอนดอน ชื่อไอ้ยอช"ยศกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อมผิดกับลูกหลานไฮโซทั่วไปที่เห็นในละครคุณธรรม"หวัดดีครับพี่อาร์ต ผมชื่อยศครับพี่ แต่ตอนอยู่ลอนดอนเพื่อนฝรั่งเรียกยอช พี่จะเรียกผมว่ายอชอีกคนก็ได้ครับ..."อธิพยักหน้าทักทายเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ ไม่แปลกใจทำไมยศหรือยอชถึงสนิทกับบพิตรได้...ท่าทางคงเป็นพวกไฮเปอร์เห

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 5 บพิตร

    "ก็หรือไม่จริง นี่ถ้าแกไม่เกิดพลาดขึ้นมา ฉันคงจะไล่มันออกโทษฐานที่มาเจาะไข่แดงลูกสาวฉัน เผลอ ๆ จะจับมันเข้าคุกด้วย" "ชลอายุ 27 แล้วนะ แม่จะเอาติเข้าคุกข้อหาอะไรไม่ทราบ" "ถ้าฉันจะทำ จะข้อหาอะไรก็หายัดมันได้ทั้งนั้นแหละ" วิภาตอบตาเขียว หล่อนมีลูกสาวแค่สองคนคือชลธิชา กับโชติรส ลำพังไม่มีลูกชายให้ตระกูลสามี ก็รู้สึกเสียหน้าพออยู่แล้ว นี่ลูกสาวคนโตยังจะท้องก่อนแต่ง แถมพ่อของเด็กก็เป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทตัวเอง หล่อนนี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เกือบเดือน กระทั่งตอนนี้ก็ยังคุกรุ่นอยู่ไม่หาย ชลธิชาหน้างอที่แม่ว่าคนรัก ส่วนโชติรสก็ยังคงยิ้มขัน เธอสนุกเสมอเวลาได้เห็นคนในครอบครัวโดยเฉพาะแม่กับพี่สาวโต้คารมกัน วิภาหันมาตาเขียวใส่ลูกสาวคนเล็กบ้าง "แล้วแกล่ะ มานั่งเจ๋อทำอะไร ไม่ต้องรีบไปสนามบินหรือไง เชียงใหม่เดี๋ยวนี้รถมันติดหนักนะยะโดยเฉพาะเส้นนั้นน่ะ" "แหมแม่ โชเป็นแอร์ฯ นะ คนเป็นแอร์ฯ ไม่รู้จักบริหารเวลา ไปไม่ทันเช็คอินก็ตลกตายล่ะ" "เออ ๆ ลูกแต่ละคนมันเก่งกันทั้งนั้น แล้วพักบินทั้งทีแทนที่จะอยู่บ้าน จะไปทำไมนักหนาก็ไม่รู้กรุงเทพฯ น่ะ" "แล้วกรุงเทพไม่ใช่บ้านหรือไงล่ะ" "บ้านป๊าแกกับอีพวกกะหรี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status