“ไม่! หากเจ้าเติมมากกว่านี้ ข้าคงต้องไปเล่นงิ้วแทนการเข้าร่วมงานเลี้ยงของพี่ใหญ่”
“คุณหนูจะแต่งเพียงเท่านี้จริงๆ หรือเจ้าคะ” มันไม่จืดชืดไปหน่อยหรือ
“แค่นี้แหละ ไปกันเถิด หากชักช้ากว่านี้ระวังท่านแม่จะลงโทษเจ้า”
“เจ้าค่ะ” เจียวลู่รับคำพร้อมกับเดินไปเปิดประตูเรือนนอนของคุณหนู
พอประตูถูกเปิดออก อวี้ซีเยว่จึงเดินออกจากเรือนตนก่อนจะพบเข้ากับบุรุษรูปงามปานเทพเซียนจำแลงกายลงมาเดินยั่วยวนกิเลสตัณหาของมนุษย์
“คุณชายหยาง...”
“พี่เฟยฉี” เจ้าตัวแก้คำเรียกขานใหม่
“คารวะพี่เฟยฉีเจ้าค่ะ ท่านมาทำอะไรที่เรือนของข้าหรือเจ้าคะ”
“เอ่อ...คือ” เขาจะอธิบายอย่างไรดี จริงๆ ก็แค่ใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้ามา ไม่คาดคิดว่าเรือนที่อยู่ติดกับเรือนของเขาโดยมีแค่กำแพงกั้นจะเป็นเรือนของนาง
“ท่านเดินหลงทางใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ใช่ๆ พี่เพิ่งมาจวนเจ้าครั้งแรกจึงยังสับสน หาที่ปลดทุกข์ไม่เจอ”
“เช่นนั้นให้เจียวลู่...”
“เจ้าช่วยนำทางให้พี่ได้หรือไม่ สหายของพี่ชายเจ้าเช่นพี่ไม่ได้ขอมากไปใช่หรือไม่”
“ก็ได้เจ้าค่ะ เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” อ้างถึงพี่ใหญ่เช่นนั้น หากนางปฏิเสธก็เท่ากับนางไม่ไว้หน้าพี่ชายน่ะสิ
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของชายรูปงามทำให้อวี้ซีเยว่ถึงกับเบือนหน้าหนี มิเช่นนั้นตาคงพร่าไปแล้ว นางพาเขาเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงที่สำหรับปลดทุกข์
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นรอพี่ตรงนี้ พี่ไปเพียงครู่เดียว”
“เจ้าค่ะ” นางตอบรับอย่างจำยอม
หยางเฟยฉีที่กล่าวว่าจะไปปลดทุกข์นั้นแท้จริงกำลังยืนมองสตรีที่เด็ดใบไม้เล่นด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ดวงหน้าหวานที่ถูกแต่งแต้มชาดพอประมาณ อาภรณ์สวยงามที่บ่งบอกถึงความประณีตในการตัดเย็บ ทำให้วันนี้พระจันทร์ดวงน้อยเปล่งประกายยากละสายตา ดวงตาดำที่จ้องมองฉายแววหวงแหนอย่างไม่รู้ตัว
แปะ เสียงนางตบเจ้ายุงตัวร้ายช่วยรั้งความคิดเขา ก่อนจะแสร้งทำเป็นเพิ่งปลดทุกข์เสร็จแล้วเดินกลับมาหานาง
“ไปกันเถิด”
“เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลางทำท่าจะเดินขึ้นหน้าเพื่อนำทาง แต่เขากลับก้าวเท้าเพื่อตีเสมอนาง พอมาถึงบริเวณที่จัดงานเลี้ยงจึงกลับกลายเป็นคุณหนูเล็กอวี้กับคุณชายหยางเดินเคียงคู่กันเข้างาน บ่งบอกถึงสถานะคลุมเครือที่ส่อเค้าลางดีงาม
เสียงเล่าลือของคุณหนูทั้งหลายดังเข้าหูคุณหนูแห่งจวนแม่ทัพ มือเรียวกำเข้าหากันแน่นด้วยความไม่พอใจ ที่แท้เขาไม่ชอบนางก็เพราะนังเด็กนั่นนี่เอง
อวี้ลู่เสียนก็ล่อลวงพี่ชายนางให้หลงหัวปักหัวปำยอมจ่ายตำลึงจำนวนมากเพื่อซื้อของส่งไปให้ที่จวนทั้งที่จวนตระกูลเฟินก็ไม่ได้มีทรัพย์สินมากมายจนเข้าขั้นขัดสน พอนางรู้เข้านังตัวดีก็แสร้งปฏิเสธ ทั้งที่ความจริงไม่รู้ว่าได้ของไปมากเท่าใดแล้ว
ตอนนี้อวี้ซีเยว่ ยังมาล่อลวงบุรุษที่นางหมายตาเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่ปักปิ่น ท่านพ่อก็รับปากว่าเขาจะต้องกลายเป็นของนาง นางจึงไม่ทันระวังสตรียังไม่ปักปิ่นผู้นี้
สองพี่น้องตระกูลอวี้ดูท่าจะอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกับนางไม่ได้แล้ว
หลังจากหมายตาพี่เขยของตนเอาไว้แล้ว นางก็ส่งคนไปสืบเรื่องราวของโจวเลี่ยงรุ่ยจนได้รู้ว่านอกจากเขาจะยังไม่ได้แต่งฮูหยินแล้ว สาวใช้ข้างห้อง สตรีอุ่นเตียงหรือกระทั่งอนุภรรยาก็ไม่มี หอนางโลมก็ไม่เคยเที่ยว หากผู้คุ้มกันนางไม่สืบเรื่องราวการงานที่แสนจะเสี่ยงอันตรายและแทบไม่มีเวลาหยุดพักของเขามาด้วย นางคงคิดว่าว่าที่พี่เขยของตนเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อไปแล้ว
อวี้ซีเยว่เอาแต่เดินไปมาทั่วงานเลี้ยงกว่าจะเจอผู้ตรวจการโจวที่มาร่วมงานกับบิดาและมารดา
“คารวะพี่เลี่ยงรุ่ย เอ่อ...ผู้ตรวจการโจวเจ้าค่ะ” นางแสร้งเอ่ยผิดก่อนจะก้มหน้ารับผิด
“มิเป็นไร เรียกข้าว่าพี่เลี่ยงรุ่ย...ก็ได้” ผู้ตรวจการหนุ่มยิ้มอ่อนโยนก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของชายอีกคนที่ยืนมองมาทางนี้
สายตาที่บุรุษด้วยกันมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันคือสายตาหวงแหนเจือความไม่พอใจเมื่อสตรีที่ตนพึงใจใกล้ชิดกับบุรุษอื่น
“เจ้าค่ะพี่เลี่ยงรุ่ย ข้าน้อยอวี้ซีเยว่ เป็นน้องสาวของพี่ลู่เสียน ไม่แน่ใจว่าท่านจำข้าได้หรือไม่”
“จำได้” สตรีที่มีใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้เหตุใดเขาจะจำไม่ได้ ยิ่งเป็นน้องสาวของสตรีนางนั้นด้วยแล้วเขายิ่งจำได้มิลืมเลือน
“เช่นนั้นดีเลยเจ้าค่ะ เอ่อ...จะเป็นการรบกวนพี่เลี่ยงรุ่ยหรือไม่เจ้าคะ หากข้าอยากจะเชิญท่านไปนั่งสนทนาเป็นเพื่อนพี่รองของข้า คือนางไม่ค่อยมีสหายเลยเจ้าค่ะ ข้าเห็นนางนั่งคนเดียวแล้วสงสารนางยิ่งนัก” ท่าทางยิ้มแย้มเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย ท่าทางของสตรีผู้นี้ช่างน่าสงสารจนผู้ตรวจการหนุ่มตอบรับอย่างไม่รู้ตัว
“เช่นนั้นพี่ซ่างกวนป๋อก็ไม่ได้เดินทางกลับกับเราใช่หรือไม่...” นางยังกล่าวไม่ทันจบ บุรุษผู้ชอบซดไหน้ำส้มก็ใช้มือสองข้างที่ยังประคองใบหน้านางไว้ให้อยู่นิ่งแล้วทาบทับริมฝีปากลงบนปากนาง ลิ้นร้อนบุกรุกอย่างดุดันแฝงโทสะ แล้วปิดท้ายด้วยการดูดดึงริมฝีปากอย่างแรงเป็นการลงโทษ “อย่าได้เอ่ยชื่อบุรุษอื่นให้พี่ได้ยิน” โดยเฉพาะบุรุษที่นางเคยเอ่ยชมว่ารูปงาม “ข้าเพียงแค่ถามเพราะอยากรู้ว่าใครจะเดินทางกลับเมืองหลวงกับเราบ้าง ท่านซดน้ำส้มให้น้อยลงได้หรือไม่” มือเรียวพยายามแกะมือเขาที่ยังคงเกาะกุมดวงหน้าหวานของตนอยู่ “พี่รักเจ้า หวงแหนเจ้าถึงเพียงนี้ พี่ย่อมไม่อยากให้สตรีในดวงใจตนเอ่ยถึงบุรุษใด” “ก่อนท่านจะซดน้ำส้ม ท่านก็ควรจะดูที่เจตนาขอ
17 ในที่สุดพี่สาวข้าก็มีสามี และก็เป็นอย่างที่อวี้ลู่หมิงคิด เมื่อในเช้าวันต่อมาคนของสหายที่ซุ่มดูเหตุการณ์ในจวนเจ้าเมืองได้มารายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาจวนเจ้าเมืองหนานโจวได้ถูกคนร้ายบุกเข้าจวนแล้วสังหารคนทั้งจวนไม่เว้นแม้แต่บุตรชายของเจ้าเมืองกับอนุภรรยาคนใหม่ที่อายุเพียงหกเดือน&n
“เพราะมันผู้นั้นเลือกเจ้า เจ้าถึงต้องแต่งออกไป เข้าใจหรือไม่” “ท่านพ่อข้าเจ็บ” ดวงหน้าหวานที่แม้จะไม่งดงามเท่ากับสตรีเมืองหลวง แต่สำหรับเมืองหนานโจวแห่งนี้ บุตรสาวของเขาผู้นี้มีรูปโฉมที่เฉิดฉันที่สุด “หากเจ้าไม่ยอมขึ้นเกี๊ยวแต่งเข้าจวนชิว เจ้าจะเจ็บยิ่งกว่านี้” “...” บุตรสาวที่ไม่เคยถูกบิดาดุ บัดนี้ดวงหน้าซีดเซียว หัวใจดวงน้อยแตกสลาย แท้จริงแล้วในจวนเจ้าเมืองแห่งนี้นางเป็นเพียงเบี้ยหมากที่สร้างประโยชน์ ไม่ใช่บุตรสาวที่บิดามารดารักใคร่เอ็นดูดั่งเช่นที่คนนอกเข้าใจ “ส่วนเจ้า หากยังอยากเป็นฮูหยินเหอ เจ้าจะต้องดูแลบุตรสาวข้า อย่าได้ทำอันใดให้เสียค่าเสียราคา เข้าใจหรือไม่”&nb
คนภายนอกอาจจะเห็นว่าเจ้าเมืองหนานโจวผู้นี้เป็นคนมีจิตใจเมตตา ชอบทำบุญตั้งโรงทาน แต่แท้จริงแล้วมีเพียงคนในเท่านั้นจะรู้ว่าอีกฝ่ายมิใช่คนดีอย่างที่คิด ทั้งรับสินบน ทั้งลุ่มหลงในนารี หากเบื่อหน่ายอนุคนใดแล้ว อนุผู้นั้นก็จะตายอย่างปริศนา ขนาดมารดาของบุตรสาวคนโปรดอย่างเหอซีซีที่เป็นฮูหยินรอง ยังตายหลังจากคลอดลูกได้เพียงสองวัน ซึ่งบรรดาบ่าวรับใช้อย่างพวกตนมองเรื่องนี้ออกได้ไม่ยาก ในเมื่อคลอดบุตรสาวที่อาจจะทำประโยชน์ให้ได้ในภายหน้า หน้าที่ของสตรีที่ถูกเบื่อหน่ายแล้วก็จบลงพร้อมกับชีวิต “ไม่มีใครพูด เช่นนั้นโบยคนละยี่สิบครั้งจนกว่าจะมีคนรับสารภาพ” “นายท่านเจ้าคะ บ่าวไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะใช่ฝีมือของคุณหนูรองหรือไม่” “นี่เจ้า...”
“พิษกร่อนกระดูกขอรับ ยาถอนพิษค่อนข้างหายากขอรับ” “หายากอย่างไรก็ต้องหามาให้ได้ ท่านหมอแจ้งมาได้เลยว่ายาถอนพิษกร่อนกระดูกสามารถหาได้ที่ใด” “ปราสาทโอสถขอรับ” คำกล่าวของท่านหมอชราทำให้เจ้าเมืองหนานโจวนิ่งค้างเพราะเป็นที่รู้กันทั่วแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้หรือคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดก็ไม่อาจออกคำสั่งหรือบีบบังคับให้เจ้าของปราสาทโอสถทำตามที่ต้องการได้ “ไม่มีที่อื่นแล้วหรือ” “ไม่มีขอรับ พิษกร่อนกระดูกเป็นพิษที่ปราสาทโอสถปรุงขึ้นมา ดังนั้นยาถอนพิษจึงมีเพียงที่นั่นทำออกมาได้ และเป็นที่รู้กันว่าหากเป็นพิษจากปราสาทโอสถ หมอทั่วไปก็ยากจะปรุงยาถอนพิษออกมาได้” แล้วยาพิษที่ปราสาทโอสถเป็นคนทำขึ้นมา มักจะมียาถอนพิษจำนวนจำกัด 
16 เหตุเกิดในจวนเจ้าเมือง ผู้ตรวจการหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ จึงรู้ได้ว่าบุตรสาวของเจ้าเมืองกำลังพาตนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนรับรองซึ่งตนใช้เป็นที่พักในช่วงที่อาศัยอยู่ที่เมืองหนานโจวแห่งนี้ แต่ยังไม่ทันได้โล่งใจเขาก็รู้สึกร่างกายร้อนผ่าว ยิ่งก้าวเดินเขายิ่งรู้สึกว่าภาพตรง