“แก้ว ลองชิมแกงอ่อมเนื้อฝีมือป้า” วงเดือนเลื่อนถ้วยแกงเข้าไปใกล้ ๆ หญิงสาว
พิริยาตักแกงอ่อมกินอย่างว่าง่าย ก่อนทำตาโต “อร่อยมากเลยค่ะ ฝีมือของป้าอร่อยทุกอย่างเลย แกงผักเมื่อวานแก้วก็กินจนเกลี้ยง น้ำแกงยังไม่เหลือเลย”
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ เราน่ะผอมลงไปมากเลยช่วงนี้” คำปันเอ่ยชักชวนอย่างใจดี พร้อมกับมองหญิงสาวที่เห็นเหมือนลูกคนหนึ่งอย่างเอื้ออารีและปนสังเวชใจในชะตากรรมของเธอ
“เอ่อ..แก้ว ลุงขอพูดอย่างหนึ่งได้ไหมลูก”
พิริยามองคำปันอย่างพอเข้าใจว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรกับเธอ “ลุงพูดมาได้เลยค่ะ แก้วพร้อมรับฟังเสมอ”
“แก้วอย่าทำแบบเมื่อคืนวานอีกได้ไหม ชีวิตแก้วมีค่ามากนัก โดยเฉพาะกับพ่อและแม่ของแก้ว ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ลุงเชื่อว่าพวกเขายังคงรับรู้และอยู่ข้าง ๆ คอยเป็นกำลังเอาใจให้แก้วเสมอ อย่ามัวแต่ท้อหรือรู้สึกหมดหวังในชีวิต ลุงเชื่อว่าคนเราทุกคนจะมีหนทางเดินที่ดีของตัวเองเสมอตราบที่เราลุกขึ้นสู้ หากแก้วเกิดรู้สึกเหนื่อยและล้าขึ้นมาอีกครั้ง วิ่งมาหาลุงกับป้านะลูก เราทั้งคู่เต็มใจช่วยแก้วเสมอ”
หญิงสาวน้ำตาคลอ “ลุงกับป้าไม่ต้องห่วงนะคะ เมื่อวานเพราะเกิดอารมณ์ชั่ววูบ เลยทำอะไรโง่ ๆ ไปแบบนั้น แต่ตอนนี้แก้วมีสติมากขึ้นแล้วค่ะ แก้วว่าแก้วเข้มแข็งพอที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้แล้ว แก้วตั้งใจไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตให้ดีและมีความสุข แก้วไม่อยากให้พ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์ผิดหวังในตัวแก้ว และแก้วจะไม่พูดคำว่าสัญญาหรือสาบานต่อหน้าลุงกับป้า แต่แก้วจะทำให้เห็นแทนคำพูดเอง”
“ดีมากลูก ป้ากับลุงเอาใจช่วย เราทั้งคู่ก็มั่นใจเช่นกันว่าแก้วจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน” วงเดือนยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อได้ฟังปิ่นแก้วพูดจบ
“แล้วเรื่องเรียนต่อ ม.4 แก้วจะเอายังไงต่อ มีเงินพอค่าเทอมรึยัง ถ้าไม่พอเอาที่ป้าก่อนได้นะ”
“แก้วตั้งใจจะไม่เรียนต่อค่ะ”
วงเดือนทำหน้าไม่เห็นด้วย “ทำไมล่ะแก้ว ป้าช่วยจ่ายค่าเทอมให้ได้นะ เรื่องกินอยู่มากินที่บ้านป้าได้ทุกมื้อ ส่วนค่าขนม ค่าใช้จ่ายจุกจิกค่อยทำงานรับจ้างทั่วไปช่วงเสาร์อาทิตย์ก็ได้นี่ ป้าเสียดายนะที่แก้วจะเลิกเรียนแบบนี้”
“แก้วไม่ได้ตั้งใจจะเลิกเรียนค่ะ แก้วยังอยากเรียนต่อไปจนถึงปริญญาตรี แต่ตอนนี้แก้วขอตั้งหลักก่อนสักครึ่งปี อยากหาเงินให้ได้สักก้อนก่อน ตอนนี้แก้วบอกตามตรงเลยว่ามีเงินติดตัวแค่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น ถึงแม้แก้วจะรบกวนป้าช่วยออกค่าเทอมให้ และทำงานรับจ้างช่วยเสาร์อาทิตย์ แก้วว่าไม่น่าจะพอ”
“อีกอย่างลุงกับป้าก็ยังมีภาระต้องจ่ายค่าเล่าเรียนให้พี่ดินกับไทยอยู่ แก้วไม่กล้ารบกวนจริง ๆ ค่ะ แก้วสามารถเรียนต่อ กศน.จนจบ ม.6 ได้ ช้าสักปีสองปีก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครแก่เกินเรียนนี่คะ”
“ป้าไม่ต้องห่วงนะคะ” พิริยาบีบมือของวงเดือนเบา ๆ “แก้วจะตั้งหลักให้ได้ภายในครึ่งปี ปีหน้าก็จะเริ่มเรียนต่อ ม.4 ที่ กศน. ยังไงแก้วก็ไม่ทิ้งอนาคตตัวเองแน่นอน”
“แล้วแก้วตั้งใจจะทำอะไรในช่วงครึ่งปีนี้” คำปันหันมาถามอย่างใส่ใจ
“แก้วว่าจะไปหางานรับจ้างในเมืองค่ะ” พิริยาอ้างไปเรื่อย “กศน.เปิดสอนแค่ในตัวเมือง แก้วเลยอยากหาลู่ทางในตัวเมืองก่อน เมื่อถึงเวลาเรียนจะได้ไม่เหนื่อยมากนัก”
“แก้วจะทิ้งบ้านนี้ไปเลยเหรอ” วงเดือนเอ่ยขึ้นมาอย่างตกใจ
“ไม่ทิ้งค่ะป้า ช่วงไหนเป็นวันหยุด แก้วก็กลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม”
“อืม..อนาคตหากเจอเรื่องยุ่งยากหรือหนักหนาใด ๆ ก็อย่าลืมว่ายังมีลุงกับป้าอยู่ พวกเราพร้อมช่วยแก้วอย่างเต็มที่” คำปันกำชับหญิงสาวเสียงหนัก ส่วนพิริยาก็ยิ้มและพยักหน้ารับอย่างซาบซึ้ง
“ป้าอยากจะบอกและเตือนหนูอีกอย่างนะลูก”
“เรื่องเมื่อวานนี้ถูกลือไปทั่วหมู่บ้านแล้วนะ ไม่รู้ผีเจาะปากตัวไหนเอาไปพูด” วงเดือนเข่นเขี้ยวทันทีเมื่อพูดถึงตรงนี้
“ต่อไปถ้ามีใครมาพูดเยาะเย้ยหรือกระแนะกระแหนอะไร แก้วก็อย่าเก็บมาใส่ใจนะ ให้ฟังเหมือนเสียงนกเสียงกาก็พอ”
พิริยาส่งยิ้มเบา ๆ กลับไป “ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า เรื่องนี้ก็คือผลมาจากความโง่และวู่วามของแก้วเอง แก้วพร้อมรับ แล้วจะไม่เอาเรื่องนี้มาสร้างความทุกข์ใจให้ตัวเองด้วย จะเก็บไว้แค่เตือนใจตัวเองเท่านั้นว่าอย่าทำอะไรโง่ ๆ ออกไปอีก”
“แก้ว พ่อหาบ้านแถวริมคลองต้นลุงให้ได้แล้วนะ” วิภาวีมาหาปิ่นแก้วที่ร้านในตอนเย็นหลังเลิกเรียนปิ่นแก้วยิ้มกว้าง ในที่สุดก็เข้าใกล้ความฝันไปทีละน้อยแล้วในช่วงระหว่างวันที่อยู่ว่าง เธอมักจะเดินสำรวจรอบตัวเมืองอยู่เสมอเพื่อหาทำเลที่เหมาะสมสำหรับเปิดคาเฟ่ บวกกับการเปิดดูคลิปเกี่ยวกับประวัติของเมืองนี้ เธอถึงพบว่าเขตเศรษฐกิจสำคัญของตัวเมืองจะมีอยู่สองจุด อยู่ติดน้ำทั้งคู่จุดแรกคือถนนเลียบคลองต้นลุง ซึ่งในยุคปี พ.ศ.2525 ได้เริ่มกลายเป็นแหล่งเดินซื้อของ แหล่งหาอะไรกินของผู้คนในตัวเมืองบ้างแล้ว และความนิยมนี้มีต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงยุคอนาคตที่เธอจากมา ถนนเส้นนี้ถือเป็นทำเลทองอย่างแท้จริงส่วนจุดที่สองนั้นคือถนนริมชลซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำใหญ่ที่ไหลผ่านหลายจังหวัด แต่ปัจจุบันถนนเส้นนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนาเนื่องจากติดปัญหาเรื่องน้ำท่วมตลอดทั้งปี ตอนนี้จึงมีแค่กลุ่มคนผู้มีรายได้น้อยเท่านั้นที่อาศัยอยู่ ต้องรออีกประมาณหกปีนับจากนี้ถนนริมชลถึงได้รับการปรับปรุงแก้ไขจนกลายเป็นทำเลทองแห่งที่สองของตัวเมืองประจำจังหวัด sปิ่นแก้วสนใจทำเลทองท
“พี่แพง พี่นี พวกพี่รับมือไหวแน่นะ หรือแก้วจะยังไม่ไปดี วันนี้ยังไงก็คงไม่มีเรียนหรอก”“ไม่ต้องห่วงหรอกแก้ว มีคนงานช่วยเยอะแยะ ต่อให้ทำมากกว่านี้อีกห้าร้อยชิ้นก็ยังทำกันเองได้สบาย แก้วรีบไปดีกว่า ขาดเรียนตั้งแต่วันแรกมันไม่ดีหรอก” แพงไม่เห็นด้วยเมื่อจัดการเรื่องดอกไม้ที่ปลูกไว้ที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้กลับมาอยู่ในตัวเมืองเพื่อดูแลร้านแบบถาวรไม่ได้เทียวไปเทียวมาอีก จวบจนล่วงไปเกือบสองเดือนก็ถึงเวลาเปิดเทอมของเธอเสียทีเมื่อเห็นว่าร้านขนมมีความมั่นคง ส่วนร้านขายเสื้อผ้าก็ไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะมีคนขายที่แข็งขันอย่างไพจิตรอยู่ ปิ่นแก้วจึงวางใจลงและเข้าสมัครเรียนต่อการศึกษานอกโรงเรียนในระดับชั้น ม.4 ตามที่เคยสัญญาไว้กับบรรดาผู้ใหญ่หลาย ๆ คนในทันทีแต่เผอิญวันเปิดเทอมวันนี้ได้คำสั่งซื้อขนมสำหรับจัดประชุมเข้ามาห้าร้อยชิ้น ปิ่นแก้วจึงเกิดอาการพะวักพะวน โชคดีที่แพงมีประสบการณ์ในการรับมือเป็นอย่างดี“งั้นแก้วไปก่อนนะพี่ จะรีบไปรีบกลับ”“อ้าวพี่สุวิทย์ สวัสดีค่ะ วันนี้มาหาใครคะ”
ปิ่นแก้วเดินวนเวียนอยู่บริเวณแปลงดอกไม้อย่างไม่สบายใจเลยสักนิด เธอรู้ว่าเธอผิดที่แอบเผลอใจไปชอบแดนดินแบบนั้น เมื่อนึกถึงเสียงทะเลาะกันของแดนดินและแพรวพรรณยามเมื่อเธอเดินออกจากบ้านเขามาตอนหัวค่ำ ความไม่สบายใจก็ยิ่งเพิ่มทบทวีเธอไม่คิดที่จะแย่งหรือแยกทั้งคู่ออกจากกันเลยเพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แดนดินไม่ได้รักเธอ และปิ่นแก้วก็ไม่ได้มีนิสัยแย่ถึงกับแย่งของของคนอื่นมาเป็นของตนเธอเพียงแค่อยากเก็บความมีน้ำใจและความใจดีที่ชายหนุ่มมีให้เอาไว้ในใจเธออย่างเงียบ ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวยังเก็บไว้ไม่มิดพอจนโดนแพรวพรรณจับได้แบบนี้ แต่ก็อย่างว่า ผู้หญิงมักจะมีเซ้นส์พิเศษเสมอในเรื่องแบบนี้“แก้ว”ปิ่นแก้วสะดุ้งเบา ๆ ก่อนเหลียวไปตามเสียงเรียก“พี่ดิน ยังไม่นอนอีกเหรอคะ นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว” เธอถามด้วยความรู้สึกหวิวโหวง“พี่นอนไม่หลับน่ะ แล้วเห็นแก้วพอดี เลยอยากมาคุยด้วย”“พี่อยากขอโทษแทนพรรณอีกทีนะกับเรื่องเมื่อหัวค่ำ แก้วอย่าโกรธเธอเลย พรรณดูเป็นคนเจ้าอารมณ์แบบนั้นแหละแต่ใจจริงไม่ได้
“แก้ว ไม่เจอกันหลายเดือน รู้ไหมว่าป้าคิดถึง” วงเดือนทักขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้าประตูครัวมา“สวัสดีค่ะป้า ลุง สบายดีกันทั้งคู่นะคะ”“สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ เมื่อคืนลุงกับป้ายังบ่นคิดถึงแก้วอยู่เลย ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอ” คำปันเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี“ช่วงนี้ที่ร้านไม่ค่อยยุ่งแล้ว แก้วเลยกะจะมาอยู่บ้านสักสองอาทิตย์ จะมาจัดการดอกไม้ที่ปลูกทิ้งไว้ด้วย”“ดอกพวกนั้นหอมจริง ๆ นะแก้ว กลิ่นฟุ้งไปหมด ขนาดตอนนี้ยังได้กลิ่นเลย ลองสูดดูสิ”“แล้วแก้วจะตัดไปขายหรือไปแต่งร้านล่ะ แต่เยอะขนาดนั้นคงเอาไปแต่งไม่ไหวมั้ง ล้นร้านพอดี”ปิ่นแก้วหัวเราะ “แก้วตั้งใจจะเด็ดมาตากแห้งค่ะ เอาไว้ชงเป็นชาดื่ม”คำปันทำหน้าฉงน “ดอกพวกนี้กินได้? ไม่มีพิษเหรอ?”“กินได้ค่ะ เป็นดอกไม้ประเภทกินได้ ดอกพวกนี้คนนิยมนำมาทำเป็นชา โดยเฉพาะคนในประเทศ C รวมถึงประเทศ J ด้วยจะนิยมดื่มกันมาก แก้วโชคดีได้เมล็ดพันธุ์มา เลยลองปลูกดู ถ้าผลผลิตดีแก้วว่าจ
“ทำไมวันนี้แม่เลี้ยงปิ่นแก้วปลีกตัวมาแถวนี้ได้” มาลีที่นั่งอยู่ในร้านด้วยเอ่ยปากกระเซ้า การได้เห็นมาลีและสุขมานั่งช่วยขายเสื้อผ้ากลายเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้วสำหรับผู้คนแถวนี้ แม้จะไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ แต่ผู้สูงวัยทั้งสองคนก็ยังเต็มใจมาช่วยทุกสัปดาห์ เพราะรู้สึกสนุกที่ได้ขายและพบเจอผู้คน ดีกว่านั่งเบื่ออยู่ที่บ้านอีกอย่าง เพราะทั้งสองคนรู้สึกถูกชะตากับไพจิตรและชิงชัยเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อได้รับรู้ถึงสภาพชีวิตของแม่ลูกคู่นี้ มาลีและสุขยิ่งรู้สึกสงสารและอยากมีปฏิสัมพันธ์กับแม่ลูกคู่นี้ให้มากยิ่งขึ้นในอนาคต“แม่ล้งแม่เลี้ยงที่ไหนกันเล่าคะป้าลี นี่ก็ปิ่นแก้วคนเดิมคนที่เคยนั่งทำตาแดง ๆ กับป้าในวันที่เราเจอกันครั้งแรกไง” ปิ่นแก้วพูดแก้ขวย“จะไม่ใช่ได้ยังไงจ๊ะ ตอนนี้ลองไปสะกิดถามผู้คนแถวนี้ดูเถอะ มีใครบ้างไม่รู้จักร้านหวานใจ ร้านขนมอันดับหนึ่งของจังหวัด ยิ่งเมื่อตอนสิ้นปี ได้ข่าวว่าชุดกล่องของขวัญของร้านนี่ขายดิบขายดี วันหนึ่งร้อยชุดไม่พอขายเลยไม่ใช่เหรอ” มาลีพูดพร้อมกับหัวเราะร่วน สุขก็นั่งยิ้มและพยักหน้าไปกั
ในวันเปิดร้านวันที่สองคือสิ่งที่เหนือความคาดหมายของปิ่นแก้วอย่างที่สุด ลูกค้าเข้ามาอุดหนุนขนมที่ร้านอย่างล้นหลามตลอดทั้งวัน วันนี้ลูกค้ากลุ่มหลักเป็นกลุ่มที่เคยเข้าร่วมประชุมสมาคมแม่บ้านข้าราชการในคราวก่อนซึ่งได้กินขนมแล้วติดใจ วันนี้จึงนัดแนะกันมาหาซื้อขนมเพื่อนำไปฝากสมาชิกในครอบครัวและร้านของเธอยังคงปิดก่อนกำหนดอีกเช่นเดิม ยอดขายวันนี้ได้รวมกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ทำเอาแพงตื่นเต้นจนมือสั่นระหว่างนับเงินที่ได้ในคืนนั้นในอีก 3-4 วันต่อมาจำนวนลูกค้าได้ลดลงเล็กน้อยซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของปิ่นแก้ว และเมื่อเห็นยอดการเข้ามาซื้อของลูกค้าอยู่ในระดับคงที่ต่อเนื่อง 4-5 วัน ปิ่นแก้วจึงได้คำนวณปริมาณงานและจำนวนขนมที่จะทำในแต่ละวัน และประกาศรับสมัครคนเพิ่มอีกสี่คนเพื่อรองรับปริมาณงานทั้งหมดที่มีในร้านหลังจากจัดการร้านจนคงที่ได้หนึ่งเดือน เธอได้เริ่มปรับวิธีการขายหน้าร้านให้เป็นไปตามที่ตั้งใจในตอนแรก นั่นคือเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้ามาหยิบเลือกขนมได้เอง โดยมีถาดและที่คีบขนมวางบริการไว้ให้ที่หน้าร้าน เมื่อลูกค้าเดินเข้าร้านก็ให้หยิบถาดและที่คีบก่อนเ