Share

มหาเทพ แห่ง สงคราม
มหาเทพ แห่ง สงคราม
Author: โมเนโต้

บทที่ 1

Author: โมเนโต้
ณ ชายแดนตะวันตกเฉียงใต้

สงครามระหว่างเก้าอาณาเขตสงบลง ป้อมปราการได้รับการรักษาความปลอดภัย ป้อมปราการที่ไม่สามารถเข้าถึงได้แต่ละแห่งได้สร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรู!

ในขณะนั้น ภายในอาคารหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านผู้นำ ได้สังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูบึ้งตึง

“เจ้าวางแผนที่จะกลับไปที่อาณาเขตกลางจริงๆรึ? ตอนนี้เจ้าอยากให้ตำแหน่งนักรบสูงสุดถูกเก็บเป็นความลับหรือไม่?”

ในฐานะผู้นำ ชายชราจ้องเข้าไปในดวงตาของชายตรงหน้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพ

คนที่ยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มนั้นคือ เก้ามหาเทพแห่งสงคราม ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง

เก้ามหาเทพแห่งสงครามเป็นบุคคลที่น่าสรรเสริญยกย่อง ในเวลาเพียงห้าปีพวกเขามีส่วนร่วมอย่างมาก การมีตัวตนของพวกเขาทำให้ศัตรูเกิดความกลัว

เทพแห่งสงครามทั้งเก้า ได้รับสมญานามอย่างเป็นทางการว่า “เทพเจ้าแห่งสงคราม” พวกเขามีความสุขกับอำนาจและความมั่งคั่งที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ และในไม่ช้าพวกเขาก็จะกลับไปที่หัวเมืองทั้งเก้า โดยแต่ละคนจะขึ้นปกครองแต่ละหัวเมืองด้วยตนเอง พวกเขามีอำนาจมากพอที่จะตัดสินว่าจะให้ใครอยู่หรือตายก็ได้

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เก้ามหาเทพแห่งสงคราม ยืนอยู่ข้างหลังชายหนุ่มอย่างถ่อมตน

เฟนด์ วู๊ด คือผู้ที่ดัสเซียได้มอบตำแหน่งนักรบสูงสุดให้ ด้วยตำแหน่งและอำนาจของเขานั้นอยู่เหนือกว่าเทพเจ้าแห่งสงคราม ซึ่งถูกเป็นที่ยกย่องมากที่สุด

ดัสเซียค่อนข้างประหลาดใจมากเพราะเดิมทีทางสื่อมีแผนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อแสดงถึงตัวตนของเก้ามหาเทพแห่งสงคราม พร้อมกับนักรบสูงสุด อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางประการพวกเขาสามารถประกาศได้แค่ตัวตนของเก้ามหาเทพแห่งสงครามเท่านั้น สำหรับตัวตนของนักรบสูงสุด ยังคงถูกเก็บเป็นปริศนา

“อื้มม! ฉันกำลังสงสัยว่าตอนนี้ เซลีน่าเธอกำลังทำอะไรอยู่? เนื่องจากเราจะตั้งรกรากกันที่นี่ ดังนั้นพวกเขาคงไม่ต้องการฉันอีกต่อไปแล้ว!”

ในที่สุดรอยยิ้มที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายผู้นั้น เซลีน่าเป็นผู้หญิงของเขา เธอเป็นภรรยาของเขา

“นายท่าน พวกเราสามารถไปพบกับภรรยาของท่านได้หรือไม่”

ด้านหลังของเขา หนึ่งในเก้ามหาเทพแห่งสงคราม อับเนอร์ เอ่ยถามอย่างสงสัย

หากมีคนพบว่าเก้ามหาเทพแห่งสงคราม ที่อยู่เบื้องหลัง เฟนด์ ภายใต้การดูแลที่โดดเด่นและยังเป็นลูกน้องของเขา ใครจะไปรู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาจะเป็นอย่างไร!

“ค่อยมาคุยกันใหม่!”

เฟนด์ ถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเขากำลังตกอยู่ในอารมณ์ครุ่นคิด

ห้าปีที่ผ่านมาศัตรูได้โต้ตอบกลับ ดัสเซียประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ทั้งสูญเสียทหารเกณฑ์ที่มาจากทั่วประเทศ

ที่อาณาเขตกลาง ครอบครัวของเทย์เลอร์ กำลังคิดวางแผนการกับดักบางอย่าง เพื่อบังคับให้ลูกหลานตระกูลเทย์เลอร์เข้าสมัครเพื่อเป็นตัวแทนสำหรับในเมืองอาณาเขตกลาง

นายใหญ่เทย์เลอร์ผู้อาวุโสที่สุด ส่วนนายท่านเทย์เลอร์มีหน้าที่ต้องรักษาความสงบให้เรียบร้อย และนายน้อยเทย์เลอร์ เป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียวตระกูล

ตามธรรมดาแล้วนายใหญ่เทย์เลอร์ ต่อต้านที่จะให้หลานชายคนเดียวของเขาต้องลงต่อสู้ในสนามรบ เพราะเขากลัวว่าสายเลือดเพียงคนเดียวของเขาจะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม...ครอบครัวเทย์เลอร์ไม่สามารถถอยหลังออกไปจากตรงนี้ได้

บังเอิญว่าที่เด็กส่งของ เฟนด์ ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน นายใหญ่เทย์เลอร์ทำให้เฟนด์ได้แต่งงานกับตระกูลเทย์เลอร์ โดยแกล้งให้แต่งงานปลอมๆกับลูกสาวคนที่สองของตระกูลเทย์เลอร์นั่นทำให้ เฟนด์ ได้รับอนุญาตเข้าสู่สนามรบในฐานะนายน้อยเทย์เลอร์ แทนสมาชิกคนหนึ่งที่สำคัญในครอบครัว

แน่นอนว่าเฟนด์ ก็มีเงื่อนไขของตัวเองเช่นกัน เขาต้องการให้นายใหญ่เทย์เลอร์จ่ายเงินให้เขาหนึ่งล้านเหรียญสำหรับการรักษาแม่ที่กำลังป่วยของเขา

เวลาผ่านไปรวดเร็วลูกสาวคนที่สองของตระกูลเทย์เลอร์ ได้ถูกบังคับให้แต่งงาน และเฟนด์คือคนที่ถูกจัดมาให้ พิธีแต่งงานที่เรียบง่ายนั้นถูกจัดขึ้นนั้นทำให้เซลีน่า เทย์เลอร์ กลายเป็นเรื่องตลกแห่งศตวรรษ

ในคืนวันแต่งงานเซลีน่าสิ้นหวังหมดกำลังใจเพราะในที่สุดเธอต้องเป็นคนเริ่มต้นชีวิตแต่งงานกับ เฟนด์หลังจากนั้นเธอก็ดื่มจนเมามาย

เช้าวันรุ่งขึ้นเธอตื่นมาพร้อมร้องไห้

ในรุ่งเช้าวันเดียวกันเฟนด์ได้ถูกเกณฑ์โดยกองทัพ การพรากจากกันในครั้งนี้ใช้เวลานานถึงห้าปี

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาเฟนด์ ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตและเห็นความตายนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามเขายังสามารถอดทนต่อความยากลำบากเหล่านั้นได้ โดยคิดว่าเซลีน่ากำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน

ในระยะเวลาห้าปีเขาได้เปลี่ยนจากลูกนอกสมรส กลายเป็นบุคคลสำคัญของครอบครัว

‘เซลีน่าคุณไม่ต้องกังวล ผมรับรองด้วยเกียรติและความรับผิดชอบต่อคุณอย่างแน่นอน!’

เฟนด์ กำหมัดของเขาแน่นทันทีที่คิดว่าจะได้พบกับเซลีน่าในไม่ช้า หัวใจที่เงียบสงบของเขารู้สึกเจ็บแปลบเหมือนถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง

สี่วันต่อมา เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งกำลังลงสู่สนามบินนานาชาติอาณาเขตกลางอย่างช้า ๆ

อาณาเขตกลาง! ช่างเป็นสถานที่ๆ น่าคิดถึงจริงๆ!”

เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนนี้อีกครั้ง มุมปากของเฟนด์แสดงให้เห็นถึงรอยยิ้ม

เฟนด์ มองไปที่ลาน่า เซคส์ จากนั้นกล่าวอย่างช้าๆ “ตั้งแต่วินาทีที่ฉันออกจากสนามรบทางตะวันตกเฉียงใต้ ฉันก็ไม่ใช่นักรบสูงสุดอีกต่อไป จากนี้เธอก็แค่เรียกฉันว่าพี่ชายก็พอ”

“ ใช่มาสส - พี่เฟนด์!”

ลาน่าพยักหน้า เธอได้รับมอบหมายให้ไปยังอาณาเขตกลางและจะประจำการที่นี่ เธอมีความสุขที่ได้กลับมาที่นี่พร้อมกับเจ้านายของเธอ

โรลส์-รอยซ์ แฟนธอมที่จอดสะดุดตากับทะเบียนรถ A99999 จอดอยู่ที่ตรงทางออกด้านนอกสนามบิน

มีบอดี้การ์ดสวมแว่นกันแดด กำลังเปิดประตูรถด้วยความเคารพ ขณะที่คนในวัยสี่สิบกำลังเดินออกมา

หากใครที่มาจากชนชั้นสูงจะพบว่าคนๆนี้คือเมสัน เดรก คนที่ร่ำรวยที่สุดในเขตกลางนี้ ขากรรไกรพวกเขาจะอ้าค้างกระแทกจนถึงพื้นอย่างแน่นอน คนที่สามารถบังคับให้เมสัน มารับเขาจากสนามบินเป็นการส่วนตัวเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา

“วันนี้จะคุ้มค่าแค่ไหน ถ้าหากฉันได้เห็นใบหน้าของราชินีแห่งนรก!” เมสันคร่ำครวญเบา ๆ

เขารู้ดีว่าเทพเจ้าแห่งสงครามเป็นตัวแทนของอะไร

เมื่อเขาพูดจบประโยค ชายหญิงที่อยู่ใกล้ ๆ ก็เดินตรงมาหาเขา

“เทพีแห่งสงคราม ราชินีแห่งนรก ลาน่า เซคส์ มาถึงแล้ว!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งร้องด้วยความเคารพเมื่อเห็นพวกเขา

“ไปกันเถอะ!"

เมสัน จัดเสื้อของเขา เป็นครั้งแรกที่เขาเดินไปหาลาน่าอย่างระมัดระวัง

“เมสัน เดรก มาจากตระกูลเดรก จากอาณาเขตกลาง ขอต้อนรับการกลับมาของเทพีแห่งสงคราม! เราเตรียมบ้านพักสำหรับเทพีแห่งสงครามไว้ให้คุณแล้ว นี่คือแบล็คการ์ดหวังว่าเทพีแห่งสงครามจะชอบมัน!”

เมสันพาคนของเขาไปหาลาน่า โค้งคำนับเล็กน้อยในขณะที่เขายื่นแบล็คการ์ดให้เธอ

อย่างไรก็ตามลาน่า ขมวดคิ้วและพูดอย่างใจเย็น “แหล่งข้อมูลของคุณค่อนข้างดี ตามความคาดหมายของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของอาณาจักรกลาง!”

ด้วยคำพูดนั้น เธอจ้องมองไปที่แบล็คการ์ด และหัวเราะอย่างเย็นชา “เนื่องจากคุณได้จัดสถานที่ให้ฉันอยู่ ฉันก็จะกรุณารับไว้ส่วนสำหรับการ์ดใบนี้คุณสามารถเก็บเอาไว้เองเถอะค่ะ!”

“ได้ครับ แน่นอน!

เมสัน เช็ดเหงื่อที่เย็นเยือกก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาก็เก็บแบล็คการ์ดคืนไป

แล้วคนนี้คือ?" เมสันมองไปที่เฟนด์ ขณะที่เขาถามคำถาม

“เราเป็นแค่สหายที่เข้าร่วมกองทัพด้วยกัน!”

“มันเป็นความบังเอิญที่ฉันกลับไปที่อาณาเขตกลางและเรายังคงเป็นเพื่อนกัน! พวกคุณไปต่อเถอะ ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับไป!”

เฟนด์ยิ้มจางๆแล้วมองไปที่ลาน่า “เดี่ยวโทรคุยกัน!”

“ได้เลย!" ลาน่าพยักหน้าตอบรับ

เมื่อได้ยินการสนทนาหัวใจของเมสันก็เต้นรัว นั่นคือเครื่องบินส่วนตัวที่จะส่งเทพเจ้าแห่งสงคราม สำหรับบุคคลที่จะกลับมายืนเคียงข้างราชินีแห่งนรก ภูมิหลังของเขาต้องเป็นอะไรที่พิเศษอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นเขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับสายตาที่ลาน่ามองชายคนนั้น มันแฝงเต็มไปด้วยความเคารพ

ในไม่ช้า รถแท็กซี่ก็มาจอดที่ประตูบ้านพักแห่งหนึ่ง

นั่นคือที่ตั้งของครอบครัวเทย์เลอร์!

เฟสด์ได้ผ่านนาทีชีวิตและประสบการณ์ความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น ในขณะที่เขามองไปที่ประตูบ้าน ในตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะนายใหญ่เทย์เลอร์ ร้องขอชีวิตของเขาเซลีน่าเองก็คงไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับเขา

นอกจากนี้ยังเป็นเพราะทัศนคติที่ไร้ความรับผิดชอบของครอบครัวเทย์เลอร์ต่อการแต่งงานของเธอที่ทำให้เธอรู้สึกผิดหวัง นั่นทำให้เธอเริ่มเมาและได้เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับเด็กส่งของอย่างเขา

ถึงแม้ว่าการแต่งงานจะเป็นของปลอม แต่เซลีน่าก็สูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับเขา ก่อนที่เขาจะจากไป เธอบอกเขาว่าเธอจะรอการกลับมาของเขา และนั่นคือความประทับใจต่อเฟนด์เป็นอย่างมาก

ในที่สุดเฟนด์ก็กลับมาแล้ว!
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (2)
goodnovel comment avatar
Glo Thai
ผมผึ้งจะได้อ่านเลยไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดีครับ
goodnovel comment avatar
Cxllme Fuse
นิยายเรื่องนี้ มีมังงะไหมครับ
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status