เข้าสู่ระบบฉันถูกพาออกมาทางด้านหลังของโกดัง ก่อนจะลากฉันตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ไกล
ปัง!
เสียงปืนอีกหนึ่งนัดทำให้ฉันรีบก้มหัวโดยอัตโนมัติ และอดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังกลับไปมอง
ฉันไม่รู้หรอกว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น แต่เดาได้ว่ามันจะต้องวุ่นวายมากและที่สำคัญคือต้องมีคนตาย และเพียงแค่คิดถึงเรื่องนั้น สองขาก็พลันจะก้าวไม่ออกเอาดื้อๆ
โอยามะเป็นมาเฟียที่ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนๆ ก็ต้องถือว่าเขาอายุยังน้อย ถึงเบื้องหน้าจะมีแต่คนเกรงเขา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในเวลาเดียวกัน ก็ย่อมมีคนที่คิดจะล้มเขาเพื่อแย่งชิงอำนาจ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถทำได้ ยิ่งเขามีอำนาจมากขึ้นเท่าไหร่ คนที่อยากแย่งชิงอำนาจของเขาก็มีเพิ่มมากขึ้นเหมือนเงาตามตัว
“โอ๊ย!”
“เร็ว”
“ฉันเดินไม่ไหว” ฉันบอกเสียงสั่นเมื่อแขนทั้งสองข้างยังถูกพวกมันจับเอาไว้แน่นเพื่อพยายามจะลากฉันไปที่รถ
ตอนก่อนที่ฉันจะถูกพาตัวออกมา ฉันได้ยินชัดเจนว่าโอยามะย้ำว่าอย่าให้มีรอย นั่นแปลว่าคงไม่มีใครกล้าทำอะไรรุนแรงกับฉัน เพราะถ้าเนื้อตัวของฉันมีร่องรอยหรือบาดแผล คงทำให้โอยามะไม่พอใจแน่ๆ
“ลุกขึ้นเร็ว”
“ฉันลุกไม่ไหว โอ๊ย!”
พูดยังไม่ทันจบ แขนทั้งสองข้างของฉันก็ถูกแรงกระชากแรงๆ จนฉันแทบจะไถลไปด้านหน้า
“พวกนายทำฉันเจ็บนะ!”
“อย่าลีลา เร็ว ขึ้นรถ!” ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ในชุดยูนิฟอร์มของแบล็คสกอร์เปี้ยนส์ตะคอกบอก ตอนนี้เหลือแค่ผู้ชายคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จับฉันเอาไว้ เพราะอีกคนเพิ่งจะวิ่งไปขึ้นรถเพื่อเตรียมพาฉันไปที่แบล็คทาวน์ตามคำสั่ง
“เร็วสิ”
“อย่านะๆ ถ้านายทำฉันมีรอยแม้แต่นิดเดียว โอยามะตัดนิ้วนายแน่ ไม่ได้ยินเหรอว่าเขาสั่งว่ายังไง ถ้าราคาค่าตัวฉันตก นายจะเดือดร้อน” ฉันขู่ทั้งที่สั่นไปหมด สายตาจ้องมองไปที่ผู้ชายที่ได้เปรียบฉันทั้งสรีระรูปร่างและพละกำลัง
และเมื่อเห็นว่าผู้ชายตรงหน้าทำท่าเหมือนหยุดคิด โอกาสของฉันก็มาถึง
ตุ้บ!
เสียงแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นกระแทกเข้ากับตัวรถอีกคันเมื่อถูกฉันผลักจนเซออกไป
“หยุดนะยัยเด็กบ้า!” เสียงตะโกนไล่หลังมาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวได้อีกแล้ว และก็ไม่สามารถทำให้ฉันหยุดวิ่งได้เช่นกัน ตอนนี้ฉันต้องวิ่ง ต้องวิ่งอย่างเดียวเท่านั้น
“โอ๊ย”
ฉันรีบเม้มริมฝีปากแน่นแล้วพยายามคลานต่ำเพื่อหาที่ซ่อน มุดเข้าไปในหลืบแคบๆ บังคับลมหายใจให้เบาที่สุดทั้งที่มันทำได้ยากมากในเวลาที่ทุกอย่างกดดันจนรู้สึกมองไม่เห็นทางออก
“หายไปไหนวะ!”
เสียงสบถดังมาจากด้านนอกทำให้ฉันสะดุ้งตัวโยน รีบยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เพราะกลัวจะเผลอส่งเสียงร้องออกไป
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฉันมองเห็นเงาของคนที่กำลังตามหาฉันอยู่แวบไปแวบมาอยู่ด้านนอก ร่างกายและหัวใจอ่อนแรงล้าจนจะประคองตัวเองไม่ไหวอยู่แล้ว
“คุณโอยามะถูกยิง!”
ใครสักคนตะโกนเสียงดังลั่น พลันทำให้หัวใจของฉันกระตุกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
หลังจากเสียงตะโกนนั้นจบลง คนด้านนอกก็พากันวิ่งย้อนกลับไป แวบหนึ่งมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวสมองว่าใครกันที่กล้าทำได้ถึงขนาดนี้ เพราะถึงโอยามะจะถูกยิง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาตายไปแล้ว และถ้าคิดจะล้มคนอย่างโอยามะ ก็น่าจะมีแค่ทางเดียวเท่านั้นนั่นคือฆ่าเขาให้ตาย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาต้องกลับมาเอาคืนอย่างสาสมแน่!
“นายจะตายมั้ยโอยามะ” ฉันอดอยากรู้ไม่ได้
ไม่ปฏิเสธหรอกว่าใจหนึ่งฉันก็อยากให้เขาตาย เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่ฉันจะรอด แต่ก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าใครกันนะที่กล้ายิงคนอย่างโอยามะ ดีไม่ดีถ้าเขาไม่ตาย ฉันกับคนที่เป็นเจ้าของกระสุนปืนนัดนั้นอาจถูกลากคอกลับมาฆ่าพร้อมกันก็ได้
“ลุกขึ้นมา!” เสียงตะคอกของโอยามะทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะถูกเขากระชากขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ทันตั้งสติ“ถ้าทนไม่ไหวก็ร้องออกมา”ถ้อยคำเย้ยหยันของโอยามะทำให้ฉันกัดฟันแน่นแล้วพยายามทรงตัวให้อยู่ในท่าเดิม แววตาที่เคยดุดันตอนนี้กำลังเปล่งประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ต่อมาก็เป็นฉันที่ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกับตาว่าใบหน้าของโอยามะกำลังเคลื่อนลงต่ำฟุ่บ!“ถ้ายังพูดไม่ฟังก็คงต้องสอนกันนานหน่อยนะ ฮานะ”“นะ...นาย...”“แยกขาออกแล้วนั่งนิ่งๆ ฉันจะทำอะไรกับร่างกายของเธอก็ได้ทั้งนั้น และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเธอด้วยซ้ำ”“แต่ฉัน...”“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น จำไม่ได้เหรอว่าเธอเลือกเอง เมื่อกี้ถ้าเธอไม่อวดดี ป่านนี้เธอก็กลับขึ้นห้องไปนอนพักแล้ว เสียใจด้วยนะที่ตอนนี้ฉันให้เธอพักไม่ได้ แยกขาออก!” โอยามะยังคงตะคอกใส่ฉันซ้ำๆ เสียงดุดันของเขาทำให้น้ำตาฉันไหลอาบแก้ม ก่อนจะค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ซึ่งคงไม่ทันใจเขา เขาถึงได้จับมันแยกออกจากกันโดยเร็วด้วยตัวเอง แถมยังยกมันชันขึ้นกับโต๊ะจนเป็นรูปตัวเอ็มใหญ่“ยกก้นขึ้นมา”ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไรฉันก็ต้องทำตามอย่างง่ายดาย ไม่มีสามัญสำนึก
“แยกขาออก”ในเวลากลางวันที่แสงสว่างส่องเข้ามาจนมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน รวมถึงหน้าต่างก็ยังเปิดออกทุกบานอย่างตอนนี้ ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าชอบบรรยากาศในรถมากกว่าอีก อย่างน้อยความมืดก็ยังช่วยปิดบังทุกอย่าง ทุกความรู้สึกเอาไว้ได้บ้าง“หรือเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา”“ปะ...เปล่าๆ” ฉันรีบตอบ พูดจบก็ค่อยๆ แยกขาออกจากกันช้าๆ ทุกวินาทีที่กำลังผ่านไปบีบหัวใจของฉันแน่นขึ้นทีละนิดๆ จนฉันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว“กว้างอีก”“ฉัน...”“ทำตามที่สั่ง หรือไม่ก็ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปซะ แต่มีข้อแม้ว่าถ้ายกเลิกข้อตกลงกลางทาง เธอต้องยอมเสียค่าปรับเป็นการส่งเพื่อนเธอให้ไดสึเกะในวันพรุ่งนี้ทันที!”นี่อาจเป็นวิธีสั่งสอนฉันว่าไม่ควรคิดจะลองดีกับเขา ตอนนี้ต่อให้อยากจะกลับตัวก็ทำไม่ได้แล้วฉันกลั้นใจแยกขาออกจากกันเพิ่มอีกนิดตามคำสั่ง กำลังจะหลับตาลงแต่โอยามะกลับทักท้วงขึ้นมาอีกรอบ“ห้ามหลับตา” ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ชอบมองตาฉันนัก“นั่งนิ่งๆ ล่ะ ห้ามขยับ ครางได้แต่ห้ามพูด”มันน่าอายที่สุดในชีวิตก็ตอนที่เขาสั่งว่าครางได้แต่ห้ามพูดหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อโอยามะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่เขาจะ
“ถ้านายคิดว่าสิ่งที่นายทำคือการทรมานฉัน นายก็รู้เอาไว้เลยว่านายทำสำเร็จแล้วโอยามะ ฉันกำลังทรมานมากจริงๆ” ฉันบอกทั้งน้ำตา ก่อนจะก้าวเท้าต่อมาอีกหนึ่งก้าวเสียงปืนเมื่อครู่เรียกความตื่นตกใจให้ทุกคนวิ่งกรูกันเข้ามาอออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าคนที่ถือปืนเป็นโอยามะ ไม่ใช่ฉัน สายตาคัตซึดูตกใจมาก ต่างจากคิราวะที่เป็นคนยืนขวางทุกคนเอาไว้“ออกไป”“ครับ” เป็นคิราวะที่ยังทำหน้าที่ได้ดีเสมอ เขาหันไปสั่งให้ทุกคนถอยกลับออกไปก่อนจะหันกลับมาทำความเคารพโอยามะแล้วจึงตามทุกคนออกไปทีหลัง ซึ่งคนสุดท้ายก็คงเป็นฉันหมับ!แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพล้ง!เสียงจานบนโต๊ะอาหารถูกโอยามะกวาดด้วยแขนยาวๆ ของเขาตกลงไปแตกกระจายอยู่เกลื่อนพื้นด้านล่าง ก่อนจะผลักให้ฉันถอยกลับไปนั่งลงบนโต๊ะตามเดิม เพียงแต่แค่คนละด้านของโต๊ะเท่านั้น“มาลองดูกันว่าเธอหรือฉันจะชนะ”“ฉันไม่ได้อยากจะชนะนาย ฉันก็แค่อยากได้เพื่อนฉันคืน” ฉันพูดทั้งน้ำตา หยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงมาต่อหน้าเขา แต่สายตาคู่นั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นใจหรือเวทนาฉันสักนิด“งั้นเรามาแลกกัน”“นายอยากได้อะไรก็บอกมาสิ แต่ฉันขอแค่อย่างเดียว อย่าทำร้ายพวกเขาเลย ฉันผ
“ฉันผิดไปแล้ว” ฉันบอกเสียงสั่น เริ่มรู้สึกร้อนที่ขอบตาเหมือนน้ำตากำลังจะไหล แต่ก็พยายามจะกลั้นเอาไว้ ภาพเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่โอยามะพยายามล้วงคอฉันผุดขึ้นมาในหัว ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่ได้เขาฉันอาจจะอาการหนักกว่านี้ จริงอยู่ว่าอาจไม่ถึงตาย แต่ก็คงกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังอย่างที่ได้ยินคุณหมอบอกกับคัตซึ“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจัดการยังไงกับเธอดี โทษฐานที่เธอคิดจะขโมยชีวิตของตัวเองที่มีฉันเป็นเจ้าของ”“ฉัน...”“คิดเหรอว่าความตายจะทำให้เธอหนีฉันพ้น”ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของโอยามะเย็นขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ตะคอกใส่ฉันเลยสักนิด แต่ฉันก็ยังรู้สึกได้ถึงความดุร้ายผ่านทางสายตาคู่นั้น ฉันคิดว่าภายใต้ใบหน้าและท่าทางสงบนิ่งของเขามีพายุอารมณ์ซ่อนอยู่ และนั่นแหละที่ฉันกลัว“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก ฉันสัญญา ยกโทษให้ฉันเถอะนะ”มันเป็นความบ้าบิ่นครั้งที่สองในชีวิตที่ฉันกล้าขอร้องให้เขายกโทษให้ ส่วนครั้งแรกน่ะเหรอ ก็ตอนที่กล้าย่องเข้าไปขโมยของในห้องเขายังไงล่ะ“ง่ายไปหน่อยมั้ย แค่คุกเข่าอ้อนวอนแล้วจบเรื่อง ฉันกลัวว่ามันจะทำให้เธอได้ใจ”“ฉัน...ยอมทุกอย่าง” พูดจบฉันก็หลับตาแน่น ความนิ่งของเขากำลังทำให้ฉันร้อนรุ
“ฉัน...กลัว”ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดคำนั้นออกไป ทั้งที่ไม่ได้รู้จักหรือเชื่อใจคัตซึเลยสักนิด“ถ้าเป็นผม ผมก็กลัวครับ” คัตซึบอกอย่างนั้น เขาส่งยิ้มให้ฉันเสมอ ไม่ว่าฉันจะพูด จะยิ้ม หรือจะประชดประชันใส่เขาก็ตาม“แต่โดยปกติ คนที่กลัวคุณโอยามะมักจะเป็นคนที่ทำความผิดไว้เสมอ คุณฮานะทำความผิดอะไรไว้ล่ะครับ”คำถามที่คัตซึย้อนถามทำให้ฉันหลับตาแน่น ความผิดที่ฉันทำน่ะเหรอ มากมายหลายข้อจนฉันไม่รู้ว่าจะกล้ายอมรับมันหมดได้ยังไง“รีบอาบน้ำแล้วลงไปทานข้าวเถอะครับ กลับตัวตอนนี้ก็คงยังไม่สาย แต่ถ้าคุณฮานะยังไม่รู้จักรักตัวเอง ผมก็คงช่วยไม่ได้หรอกครับ”“ขอบใจนะคัตซึ”“เอาใจช่วยครับ” คัตซึยิ้มให้ฉันก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไป และคงเตรียมมื้อกลางวันสำหรับฉันและโอยามะรอที่ห้องอาหารข้างล่าง ส่วนฉันก็ต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำ เพราะนอนนานเกินไปทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เดี๋ยวจะป่วยเอาง่ายๆน้ำอุ่นในห้องน้ำทำให้ฉันรู้สึกอยากจะย้ายเข้าไปนอนในอ่างอาบน้ำเหลือเกิน ติดตรงที่รู้ดีว่าไม่ว่าจะพยายามถ่วงเวลาแค่ไหน ฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอยู่ดี“เชิญครับคุณฮานะ” คัตซึที่หันมาเห็นฉันเป็นคนแรกพูดขึ้นมาเสียงดังจนทุกคนในห้องอาห
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ปริมาณยาที่อาเจียนออกมาเยอะพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมยาเข้าไป พักผ่อนเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายก็น่าจะดีขึ้นครับ แต่ยังไงหมอแนะนำให้พาคนไข้ไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลอีกครั้งจะดีที่สุดครับ เพราะการกินยาเกินขนาด ถึงจะไม่ได้ทำให้เสียชีวิตในทันที แต่จะมีผลกระทบต่อการทำงานของตับและไตในระยะยาวครับ”“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”เสียงพูดคุยกันของคนสองคนทำให้ฉันลืมตาตื่น แสงแรกที่กระทบม่านตาทำเอาฉันกะพริบตาอยู่หลายครั้งเพราะมันแรงมาก เหมือนนี่จะไม่ใช่ช่วงเช้าของวัน“คุณฮานะฟื้นแล้วเหรอครับ”“คัตซึ”“ครับ ผมเอง อย่าเพิ่งลุกนะครับ นอนนิ่งๆ ก่อน” คัตซึเตือนพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง เขาส่งยิ้มให้ฉันนิดหน่อย ซึ่งเมื่อเริ่มชินกับแสงสว่างแล้ว ฉันถึงได้ส่งยิ้มตอบกลับไปก่อนจะมองไปรอบๆฉันกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว“บ้านเหรอ?”“ครับ คุณหมอเพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี่เอง” คัตซึรายงาน“ฉัน...”“อาการปลอดภัยครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คุณหมอบอกว่าโชคดีที่คุณโอยามะไปพบคุณฮานะทันเวลา คุณฮานะอาเจียนยาออกมาพอสมควร บวกกับร่างกายยังไม่ทันที่จะดูดซึมยาเข้าไป ก็เลยไม่เป็นอันต