แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: ฉินอันอัน
สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ

แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้

ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา

ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่

คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว

เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?”

เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?”

ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่

เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น?

ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วกำเริบเสิบสาน คิดอาจหาญประทุษร้ายนายพ่ะย่ะค่ะ จึงได้มาถึงศาลาว่าการด้วยเหตุผลนี้”

มิได้กล่าวถึงรายละเอียดที่สวี่อินอินเข้ามาฟ้องร้องออกไปโดยตรง

ทว่าเซียวอวิ๋นถิงมองไปทางสวี่อินอินด้วยสายตาที่มีความนัยลึกซึ้งแล้ว

สวี่อินอินแสร้งทำเป็นขี้ขลาดยำเกรง ก้มศีรษะไม่มองไปทางเขาแม้แต่น้อย และแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นหมายถึงอะไร

เซียวอวิ๋นถิงไม่ใส่ใจ เพียงแต่เอ่ยกับชีเจิ้นว่า “เรื่องนี้เองหรือ? บ่าวรังแกนายถือเป็นเรื่องใหญ่ ท่านโหวมิควรใจอ่อนออมมือเด็ดขาด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอย่างจวนอิงกั๋วกงขึ้นอีก”

เมื่อปีก่อนนั้นจวนอิงกั๋วกงปล่อยปละละเลยบ่าวรับใช้ในเรือน ผลสุดท้ายแล้วบ่าวรับใช้กลุ่มนั้นก็อาศัยอำนาจของจวนอิงกั๋วกงวางก้ามอวดเบ่งที่เมืองฝูเจี้ยน ร้ายแรงถึงขั้นมีบ่าวกำแหงคนหนึ่งสังหารเจ้าเมืองของที่นั่นตายไปแล้วด้วย

เรื่องราวลุกลามใหญ่โต บ่าวกำแหงคนนั้นต้องทัณฑ์เลาะกระดูกไม่ว่า จวนอิงกั๋วกงยังได้รับราชโองการตำหนิจากฝ่าบาท ถูกถอดยศ และนับแต่นั้นชีวิตตกต่ำมิอาจหวนคืนได้อีก

ศักดิ์ฐานะของเซียวอวิ๋นถิงวิเศษเหนือผู้อื่น ครั้นได้ยินเขากล่าววาจาเช่นนี้ ชีเจิ้นพลันสะดุ้งตัวโยน หนาวสะท้านไปทั้งร่างกาย

รับคำอย่างนอบน้อมรอบคอบว่า “ข้าน้อยขอบคุณท่านอ๋องที่ชี้แนะ!”

สายตาของเซียวอวิ๋นถิงค่อยเลื่อนไปตกบนร่างของสวี่อินอินตอนนี้เอง “เป็นถึงบุตรีของจวนโหว เนื้อตัวเปียกปอนชุ่มโชกแล้วยังไม่มีคนสนใจ เกรงว่าบ่าวรับใช้ของจวนโหวสมควรได้รับการอบรมให้อยู่กับร่องกับรอยเป็นเรื่องจริงแท้”

สวี่อินอินรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อยในใจ

เซียวอวิ๋นถิงกำลังพูดเข้าข้างนางหรือ?

รอยยิ้มบนใบหน้าของชีเจิ้นยิ่งดูฝืนทนเต็มประดา “ใช่แล้ว ท่านอ๋องสั่งสอนถูกต้องแล้ว ข้าน้อยกลับเรือนไป จะจัดการเจ้าพวกเหลือขอเหล่านั้นให้เรียบร้อยทันที!”

เซียวอวิ๋นถิงไม่พูดอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่ผงกศีรษะพอเป็นพิธี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่รบกวนท่านโหวรับตัวบุตรีกลับเรือนแล้ว ข้ายังมีงานราชการต้องจัดการ”

ชีเจิ้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะปรายสายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง

ครั้งนี้แม่นมจางมีท่าทีต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง กลัวว่าสวี่อินอินจะเล่นลูกไม้อะไรต่อหน้าท่านอ๋องขึ้นมาอีก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอเต็มใบหน้า “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านดูสิเนื้อตัวท่านเปียกชื้นหมดแล้ว เกรงจะจับไข้เป็นหวัดนะเจ้าคะ พวกเรารีบขึ้นรถม้ากันเถิดเจ้าค่ะ!”

ความตั้งใจของสวี่อินอินสำเร็จแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นว่าพอสมควรแล้ว ก็ผงกศีรษะรับคำแม่นมจางอย่างว่าง่าย ประคองมือแม่นมจางเดินขึ้นรถม้าแล้วเรียบร้อย

ชีเจิ้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมองตามเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งผ่านเข้าไปในประตูของศาลาว่าการแล้ว ค่อยพลิกกายขึ้นหลังอาชา

แม่นมจางขึ้นรถม้าแล้วก็ถอนหายใจออกมาทันใด หนนี้นางนอบน้อมต่อสวี่อินอินมากขึ้นแล้ว ครั้นหยิบอาภรณ์ชุดหนึ่งออกมาจากห่อผ้าข้างตัวก็เอ่ยว่า “คุณหนูใหญ่ ดูสิท่านตัวเปียกหมดแล้ว กลับเมืองหลวงไปสภาพนี้คงได้จับไข้เป็นหวัดพอดี ซ้ำร้ายยังดูไม่เหมาะสมด้วยเจ้าค่ะ…”

บัดนี้นางมองออกแล้ว กับสวี่อินอินต้องใช้ไม้อ่อนมิใช่ไม้แข็ง

ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้สวี่อินอินเข้าตาเซียวอวิ๋นถิงแล้ว

จิ้งอ๋องเอ่ยปากถามถึงคุณหนูใหญ่ที่เคยหายตัวไปของจวนหย่งผิงโหวขึ้นมาเอง

บัดนี้จวนหย่งผิงโหวไม่อาจรับตัวคุณหนูใหญ่กลับจวนไปอย่างเงียบเชียบและไร้การแสดงออกได้อีกแล้ว

แม้กระทำเพราะยำเกรงจิ้งอ๋อง รวมถึงหลูซ่างซูด้วยอีกฝั่ง ทว่าตำแหน่งคุณหนูใหญ่ในจวนโหวของสวี่อินอิน ก็นับว่ามั่นคงแล้ว

ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้ชาญฉลาด แม่นมจางรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางดี

อาภรณ์ชื้นแฉะที่สุมอยู่บนร่างกายทำให้ไม่สบายตัวจริงอย่างที่ว่า อีกอย่างเป้าหมายก็บรรลุแล้ว สวี่อินอินไม่ต้องการสวมอาภรณ์ชุดนี้เดินทางกลับจวน ก็ผงกศีรษะรับคำ

นางไม่มีความเพ้อฝันใดถึงนางหวังและบุคคลที่เรียกว่าญาติทั้งสิ้น

และมิได้ไร้เดียงสาถึงขั้นคิดว่าตนเองกลับจวนไปในสภาพน่าอดสูเช่นนี้แล้ว จะสามารถทำให้พวกเขาเห็นใจสงสาร

ไม่มีทางเด็ดขาด พวกเขามีแต่จะรู้สึกว่านางน่าสมเพชน่าขายหน้าเท่านั้น

ครั้นผลัดอาภรณ์แล้ว แม่นมจางค่อยถอนหายใจออกมา และจัดการนำอาภรณ์เปียกชื้นของสวี่อินอินไปเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบกาน้ำชาออกมาจากช่องเก็บของในผนัง และรินน้ำชาให้สวี่อินอิน

สวี่อินอินสีหน้าเรียบเฉย ถือถ้วยน้ำชาไว้ในมือพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่จริงจังนัก “แม่นมจาง ท่านเข้าจวนโหวทำงานมานานเท่าใดแล้ว?”

แม่นมจางไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่สวี่อินอินถามคำถามนี้นัก ก็ครุ่นคิดพลางตอบอย่างระมัดระวัง “เรียนคุณหนูใหญ่ บ่าวเข้าจวนโหวมาได้ยี่สิบปีกว่าแล้วเจ้าค่ะ”

สวี่อินอินเปล่งเสียงอืมคำหนึ่ง “แล้วแม่นมฮวาเข้าจวนมานานเท่าใดแล้ว?”

นางวกไปทางซ้ายทีขวาทีเช่นนี้ ทำแม่นมจางงุนงงสับสนไม่น้อย

ครั้นได้ยินนางถามถึงแม่นมฮวาขึ้นมา ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด แม่นมจางพลันขนลุกซู่ไปทั้งตัว

นางอดทนอย่างยิ่งยวดพลางตอบกลับอย่างขลาดกลัวว่า “คุณหนูใหญ่ แม่นมฮวาเข้าจวนมาได้สิบกว่าปีแล้วเจ้าค่ะ”

“สิบกว่าปี…” สวี่อินอินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “เข้าจวนมาสิบกว่าปีกว่าจะไต่เต้ามาถึงจุดนี้ มิใช่เรื่องง่าย แต่น่าเสียดายที่เลือกนายผิด ตายไปเสียง่าย ๆ ช่างน่าเสียดายยิ่ง”

นางพูดจบ ก็มองแม่นมจางด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “แม่นมว่า ใช่หรือไม่?”

......

แม่นมจางขนลุกเกรียวทั้งตัวแล้ว!

คุณหนูใหญ่คนนี้ใช่เพียงไม่ธรรมดาที่ไหน?

อย่างนางต้องเรียกว่าเหนือธรรมดาไปแล้วต่างหาก!

นับแต่รู้ตัวตนของสวี่อินอินจนกระทั่งเข้ามารับตัวนางแล้ว จวนโหวไม่เคยส่งคนมาพบปะสวี่อินอินเลยสักครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครเคยเล่าเรื่องของจวนโหวให้สวี่อินอินฟังมาก่อนด้วย

จำเป็นต้องรู้ก่อนว่า ในจวนโหวมีหลายสายตระกูล แค่บรรดาเจ้านายรวมกันก็มีด้วยกันยี่สิบกว่าคนแล้ว ความสัมพันธ์ภายในนั้นซับซ้อนและยุ่งเหยิง

ยิ่งการแบ่งพรรคแบ่งพวกระหว่างบ่าวรับใช้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ทว่าสวี่อินอินแค่อ้าปากก็กล้าพูดแล้วว่าแม่นมฮวาเลือกเจ้านายผิด!

นางรู้ว่าแม่นมฮวาฟังคำสั่งจากใครมาถึงได้กล้าประทุษร้ายสังหารนางหรือ?

ที่เอ่ยวาจานี้ออกมาเพราะจงใจส่งสารเตือนให้ตนเองอยู่อย่างนั้นหรือ? ให้ตนเองมีสติ อย่าต้องทิ้งชีวิตไปเพราะเลือกเจ้านายผิดเหมือนกับคนนั้นหรือ?

แม่นมจางอ้าปากหมายจะเอ่ยถามบางอย่าง แต่เมื่อเงยหน้ามองกลับพบว่าสวี่อินอินหลับตาลงเสียแล้ว คล้ายว่าผล็อยหลับไปเรียบร้อย

คุณหนูใหญ่ท่านนี้! แม่นมจางจิตใจว้าวุ่นสับสนแล้ว

แต่กระนั้นแล้วนางก็ต้องยอมรับ ว่าจิตใจของนางระส่ำระสายเพราะฝีมือของสวี่อินอินอย่างสมบูรณ์แล้ว

เดิมทียังคิดว่า คุณหนูใหญ่ที่เติบโตในชนบท และถูกเจ้านายในเรือนทุกคนทอดทิ้งไปแล้ว จะไร้ซึ่งความน่าเคารพยำเกรง

แต่บัดนี้มองแล้ว จะเป็นเช่นนี้จริงหรือ?

ยังมีคำพูดนั้นของสวี่อินอินอีก ที่ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร? กำลังบอกตนอยู่หรือว่า ตนสามารถเลือกอยู่ข้างนางได้?

สวี่อินอินไม่ลืมตา ก็รู้ว่าบัดนี้แม่นมจางต้องกำลังสับสนและว้าวุ่นกังวลใจอยู่แน่ นางก็มิได้แยแส การดึงคนมาเป็นพวกพ้องให้ตนเองได้ใช้ประโยชน์ เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น หากแม่นมจางไม่มีความสามารถนี้ นางก็แค่หาคนอื่น

จวนโหวยิ่งใหญ่ออกเพียงนี้ ต้องมีสักคนที่ตาแหลมรู้จักไข่มุกงามอยู่แน่

 
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 721

    สุนัขทุกตัวกรูออกมาพร้อมกัน ภาพนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักแม้แต่เฝิงไฉ่เวยยังหน้าถอดสี ถอยกรูดไปหลายก้าวจนเกือบล้ม ดีที่มีซิ่วอี๋อยู่ข้างกายคอยประคองนางไว้ทัน ซิ่วอี๋เอ่ยถามเสียงต่ำ “คุณหนู พวกเราจะทำอย่างไรดี?”หัวใจของเฝิงไฉ่เวยเต้นระส่ำ นางเองก็ตกใจจนงุนงง แต่เมื่อเห็นสุนัขมากมายเช่นนี้ก็อดขนลุกวาบไม่ได้เถียนเป่าซื่อมันบ้าจริง ๆ!เขาไฉนจึงบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้! เลี้ยงสุนัขก็เลี้ยงไปเถิด แต่นี่เขากลับเลี้ยงไว้มากมายเพียงนี้!ยิ่งไปกว่านั้น พอแข่งแพ้ ยังไม่สนว่ามีผู้คนอยู่มากเพียงใด กลับปล่อยสุนัขทั้งหมดออกมาในทันที!คนบ้าผู้นี้ ทั้งที่ผู้คนมากมายอยู่ตรงนี้ ยังมีคุณชายจากตระกูลใหญ่ เขาไม่กลัวหรือว่าหากมีผู้ใดถูกกัดตายแล้วเรื่องจะลุกลามใหญ่โต?!เซียวจิ่งจาวทนไม่ไหวอีกต่อไป คว้ามือเฝิงไฉ่เวยแน่น “เจ้ามันสมควรตาย!”ว่าจบก็สะบัดนางออก แล้วตะโกนบอกเถียนเป่าซื่อเสียงกร้าว “เถียนเป่าซื่อ สั่งสุนัขของเจ้าให้กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้!”อย่างไรเสียเขาก็เป็นจวิ้นอ๋อง แม้เขาออกมาแบบปิดบังฐานะ แต่ก็ยังมีองครักษ์ติดตามมาด้วยนับสิบกว่าคนยามนี้องครักษ์เหล่านั้นก็ได้แสดงฝีมือ กรูกันขึ้นหน้าไป

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 720

    ชีเจิ้นรู้สึกสบายอกสบายใจ จนแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ดี!สมแล้วที่เป็นบุตรสาวของเขาเขารู้อยู่แล้วว่าชีหยวนไม่มีวันปล่อยให้ศัตรูได้อยู่สุขเถียนเป่าซื่อเดือดดาลจนแทบคลั่ง เงื้อไม้ในมือจะฟาดใส่ชีหยวนอย่างแรง “ข้าจะฆ่าเจ้า!”สีหน้าของชีหยวนยังคงเรียบนิ่ง ปลายเท้าแค่เขี่ยเบา ๆ ก้อนหินก้อนหนึ่งก็พุ่งตรงไปยังเถียนเป่าซื่อ ตรงเข้ากระแทกศีรษะเขาเต็มแรง เขาส่งเสียงร้องโดยหวนล้มลงไปนอนกองกับพื้น กระแทกอย่างแรงจนกลิ้งไปหนึ่งตลบฝีมือของชีหยวนรวดเร็ว อีกทั้งเตะหินจากด้านหลังสุนัข จึงแทบไม่มีผู้ใดเห็นว่าก้อนหินนั้นพุ่งออกมาอย่างไร เห็นเพียงเถียนเป่าซื่อที่ร้องขู่จะฆ่าคน ทว่าท้ายที่สุดกลับล้มกระแทกพื้นเองจังหวะนั้น ในที่สุดสุนัขลายจุดก็ปล่อยแม่ทัพ ก่อนหันไปมองเถียนเป่าซื่อที่ล้มกองอยู่กับพื้น แล้วพุ่งตรงเข้าใส่เขาทันทีทุกคนต่างตกตะลึงงันไป ก่อนจะพากันร้องอุทานขึ้นพร้อมกันบรรดาเพื่อนเสเพลของเถียนเป่าซื่อต่างพากันหน้าถอดสี ภาพเมื่อครู่ที่สุนัขตัวนั้นกัดแม่ทัพยังชัดเจนในใจ พวกเขาล้วนรู้ดีถึงความร้ายกาจของมันสวรรค์ หากมันกัดเถียนเป่าซื่อสักครั้ง อาจจะ อาจจะเจ็บหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้เล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 719

    หลังจากล้มกระแทกพื้น สุนัขสองตัวต่างส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแต่แทบจะในทันที แม่ทัพก็ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งเถียนเป่าซื่อขมวดคิ้ว “แม่ทัพ! กัดมันให้ตาย! กัดมันให้ตาย!”แม่ทัพยันขาหน้า แผ่นหลังโก่งดั่งเสือดาวที่เตรียมตะปบเหยื่อทว่าสุนัขลายจุดกลับไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย ครั้นลุกขึ้นจากพื้น ก็หอนหนึ่งเสียงแล้วพุ่งตรงเข้าใส่แม่ทัพทันที อ้าปากงับเข้าที่หางของแม่ทัพอย่างแม่นยำแม่ทัพร้องโหยหวน ดิ้นพล่านเห่าไม่หยุด พยายามสะบัดตัวและหมุนกลับไปงับสุนัขลายจุดแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสุนัขลายจุดเลือกมุมได้ฉลาดยิ่ง แม้แม่ทัพจะโก่งเอวแล้วก็ยังไม่อาจงับถึงมัน มีเพียงขาหลังที่เตะสะเปะสะปะไม่หยุดแต่ถึงขาหลังของมันจะเตะใส่หัวและหน้าของสุนัขลายจุดไม่หยุด สุนัขลายจุดก็ยังกัดและกระชากมันอย่างแรง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยสุนัขลายจุดกัดกัดกระชากไม่หยุด พองับได้เนื้อได้ก็ไม่ยอมปล่อย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดมันก็กัดหางของแม่ทัพจนขาดสะบั้นแม่ทัพส่งเสียงโหยหวนประหลาดออกมาทันใดนั้น สุนัขลายจุดก็ฉวยจังหวะที่แม่ทัพพยายามจะหนี พุ่งงับเข้าที่ก้นมันอีกครั้งภาพตรงหน้าช่างนองเลือดนัก เลือดเนื้อพลั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 718

    แต่พวกเขาไม่อาจมองว่านี่เป็นเรื่องเล็กได้จริง ๆหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเล่า?ช่างน่ากังวลเสียจริงเฮ้อครั้นเห็นพวกคนทางฝั่งเถียนเป่าซื่อหัวเราะครึกครื้นอย่างสะใจ ในใจพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นหนักเข้าไปอีกเถียนเป่าซื่อกลับอารมณ์เบิกบาน เขาหันมองส่งสัญญาณให้บ่าวไพร่ บรรดาบ่าวไพร่ก็เริ่มผลักฝูงชนออกไป จากนั้นก็เปิดที่ให้กว้าง พอให้สุนัขทั้งสองตัวได้ประลองกันชีหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย “เดี๋ยวก่อน”เถียนเป่าซื่อที่กำลังลูบหัวแม่ทัพไร้พ่ายของตนอยู่ก็ขมวดคิ้วทันที “อะไร หรือจะหนีเอาตอนนี้?”“คุณชายหกเถียนคิดมากไปแล้ว” ชีหยวนมองไปรอบ ๆ ฝูงชนที่เบียดแน่น “คนเยอะขนาดนี้ หากเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้นมา จะไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่นหรือ?”เถียนเป่าซื่อยิ้มเยาะทันที “เจ้ากังวลเกินไปแล้ว สุนัขที่เจ้าพามา ไม่พอให้แม่ทัพของข้ากัดด้วยซ้ำ อย่ามัวรีรอหาข้ออ้าง รีบประลองเถิด!”ชีหยวนสีหน้าเรียบนิ่ง หันไปมองเซี่ยงเจี้ยหนึ่งครั้ง “ท่านดูแลน้องหญิงหรงให้ดี”เซี่ยงเจี่ยตอบรับไปตามสัญชาตญาณ พอรู้สึกตัวก็คิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลชีหยวนหมายความว่าอย่างไรกัน?เวลานี้สุนัขของชีหยวนได้เข้ามายังลานประลองแล้ว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 717

    ฝ่าเท้าของเถียนเป่าซื่อยังคงรู้สึกเจ็บอยู่ พอได้ยินคำพูดของชีหยวน สีหน้าก็มืดมนลงทันทีเขาจ้องมองสุนัขของชีหยวน แล้วก็ผิวปากหนึ่งทีราวกับได้ยินคำสั่งพิเศษ แม่ทัพที่กำลังง่วนอยู่กับการกินไก่ในกรงเมื่อครู่ก็เห่ากรรโชกขึ้นทันที ก่อนจะกระโจนเกาะกรงแล้วเห่าลั่นไม่หยุดผู้ที่อยู่ใกล้ ถึงกับได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงจากตัวมันโชยออกมามีหญิงสาวที่จิตไม่แข็งอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องขึ้นมา พอมองสุนัขที่น่ากลัวตัวนั้นก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปแม้แต่คนที่ใจกล้าขึ้นมาหน่อย ในตอนนี้ใบหน้าก็ยังซีดขาวสุนัขแบบนี้...พวกคุณชายเสเพลที่สนิทกับเถียนเป่าซื่อยังอดถามไม่ได้ “คุณชายหก พวกเราจะ จะดูการประลองกันตรงนี้เลยหรือ?”ปลอดภัยหรือเปล่าเนี่ย?หากเจ้าตูบสองตัวนี้สู้กันเอาเป็นเอาตาย ถึงตอนนั้นถ้าห้ามไม่ได้ แล้วมากัดโดนคนธรรมดาเข้าจะทำอย่างไร?เถียนเป่าซื่อกลับยิ่งลำพองใจสุนัขของเขา เขาย่อมรู้ดี แม่ทัพใช้เวลาไม่นานก็คงฆ่าสุนัขขี้เรื้อนของชีหยวนได้อีกอย่าง แม่ทัพฟังคำสั่งของเขา จะมีอันใดเป็นภัยแฝงได้เล่า?แน่นอนว่าต้องให้พวกมันสู้กันต่อหน้าผู้ชมถึงจะสนุกการดูประลองสุนัข หากไม่เห็นเลือดแล้วจะไปสนุกอะไร?

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 716

    นางคิดจะเอาสุนัขชนิดใดมาสู้กับฝูงสุนัขสุดหวงแหนของเถียนเป่าซื่อกันนะ?สีหน้าของซิ่วอี๋แสดงความลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด นางพูดเสียงเบา “คุณหนู คุณหนูใหญ่ชีไม่ได้ไปหาสุนัขมา”......การกระทำของเฝิงไฉ่เวยหยุดลงทันที ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ไม่รู้จักเจียมตัวเสียเลย”ยังคิดว่าเรื่องทุกอย่างอยู่ในกำมือของตนงั้นหรือ?นางหัวเราะอีกครั้ง “ไปเถิด ไปดูเรื่องสนุกกัน”ความจริงแล้ว พอเฝิงไฉ่เวยมาถึง เรือนพักนอกเมืองของจวนเฉิงเอินกงก็มีผู้คนมารวมตัวกันอยู่ไม่น้อยแล้วเมื่อวานเถียนเป่าซื่อพูดต่อหน้าผู้คนทั้งโรงเตี๊ยม ว่าใครอยากดูการประลองก็สามารถมาได้ ดังนั้นผู้ที่ได้ยินข่าวต่างก็ชวนสหายมาดูกันเต็มไปหมดเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ ใครจะไม่อยากดูเล่า?พอเห็นคนมามากมายเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าเฝิงไฉ่เวยก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นดีมาก คนยิ่งเยอะยิ่งดี นางอยากดูเรื่องสนุกครั้งนี้ใจแทบขาดแล้วตัวเอกของละครเรื่องนี้มาถึงแล้วหนึ่งคน เถียนเป่าซื่อจัดลานฝึกซ้อมด้านหลังให้เป็นลานประลองสุนัขเมื่อก่อนตอนที่เขาเล่นสนุกกับพวกเพื่อนหัวไม้ก็มักเล่นกันที่นี่ สำหรับเขาและสุนัขของเขา ที่นี่เป็นที่ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีตอนนี้เขาขว้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status