หน้าหลัก / รักโบราณ / ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น / ตอนที่ 3 อยากได้อำนาจ ก็ต้องเข้าหาพยัคฆ์

แชร์

ตอนที่ 3 อยากได้อำนาจ ก็ต้องเข้าหาพยัคฆ์

ผู้เขียน: นิ่งเฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-22 17:00:17

เซียวลี่อินเดินถอยกลับออกมาท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา หากแต่นางไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เมื่อพ้นจากบริเวณงานเลี้ยง นางเดินกลับมายังมุมเงาที่เรือนหลังของจวน ขณะนั้น เสี่ยวจูก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“คุณหนู! ข้าเห็นนะเจ้าคะ! ท่าน…ท่านเข้าไปในเรือนใหญ่ แล้วยังทำถาดตกต่อหน้าท่านอ๋องอีก!”

“อืม” ลี่อินพยักหน้ารับเบา ๆ ขณะถอดผ้าคลุมออกจากไหล่

“ท่านบ้าไปแล้วหรือเจ้าคะ?! ถ้าฮูหยินรองรู้เข้าล่ะก็...”

“นางจะรู้ก็ช่าง” เสียงของลี่อินเยือกเย็นจนเสี่ยวจูชะงัก

“ข้ากำลังจะเปลี่ยนทุกอย่าง ต่อไปข้าจะไม่ใช่คุณหนูผู้น่าเวทนาที่อยู่แต่ในเรือนหลังอีกต่อไป”

ขณะเดียวกันนั้น ภายในงาน เซียวถิงฮวานั่งตัวตรง ดวงตาวาวโรจน์อย่างไม่อาจปิดบังความไม่พอใจได้

“ท่านแม่ นังนั่นกล้าทำให้ข้าต้องขายหน้าเช่นนี้! หากข้าได้แต่งเข้าวังไปอยู่ข้างกายท่านอ๋อง ข้าจะทำให้นางไม่มีทางได้โผล่หน้ามาเป็นเสี้ยนหนามตำใจพวกเราอีก!”

เจินซูเม่ยเอื้อมมือบีบมือลูกสาวเบา ๆ สีหน้าเคร่งเครียด

“อย่าลืมว่าครานี้เป็นครั้งแรกที่จิ้งอ๋องเหยียบย่างมาที่จวนของเรา ข้ายังไม่อาจวางหมากได้เต็มที่”

“เจ้าจงนิ่งไว้ก่อน จับตาดูนังลี่อินให้ดี”

“ข้ามั่นใจ ที่มันมาเรือนใหญ่ในวันนี้ ต้องเป้าหมายแน่”

คืนนั้น แสงจันทร์ทอแสงผ่านบานหน้าต่างเรือนเล็ก ลี่อินนั่งพิงหมอนในความเงียบ ดวงตาจ้องมองเงาจันทร์อย่างแน่นิ่ง แต่ในใจ กลับหวนคิดถึงภาพในอดีตชาติที่ผุดขึ้นมาราวกับคลื่นซัดฝั่ง

ในอดีตก่อนได้ชีวิตใหม่ นางนั่งกอดร่างไร้วิญญาณของมารดาที่เย็นเฉียบ มือสั่นเทาไม่อาจปล่อยให้จากไป

เจินซูเม่ยยืนมองด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน 

“จะร้องไห้ไปใย นางตายแล้ว ไม่มีใครโง่พอจะเสียใจให้นางหรอก!”

น้ำตาที่ไหลริน กลับไร้เสียงสะอื้น เพราะมันเจ็บปวดจนเกินกว่าจะเปล่งเสียงได้

ลี่อินกำหมัดแน่น ริมฝีปากเอ่ยออกมาในความเงียบ

“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว...”

“ครานี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครพรากท่านไปอีก”

“ข้าจะคิดบัญชีกับพวกมันทุกคน ด้วยมือของข้าเอง”

เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอรุณส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้เก่าแก่ เรือนเล็กยังคงเงียบสงบเช่นเดิม ทว่าในหัวใจของเซียวลี่อินกลับเร่งเร้าดุจเปลวเพลิง

“สิ่งที่ข้าต้องทำ คือสร้างจุดยืนให้ตัวเอง”

“เริ่มต้นด้วยการให้เขาจดจำข้า ไม่ใช่ในฐานะบ่าว แต่ในฐานะคุณหนูใหญ่สกุลเซียว!”

สายลมยามเช้าเย็นสบาย แต่ในจวนสกุลเซียวกลับครึกครื้นอย่างไม่ปกติ เหล่าบ่าวไพร่ต่างตื่นตัวกว่าทุกวัน เนื่องด้วยจิ้งอ๋องยังคงประทับพักค้างแรมในเรือนรับรองอีกหนึ่งคืน ก่อนจะเดินทางกลับวังหลวงในพรุ่งนี้

โอกาสนี้ ลี่อินจะไม่ปล่อยให้เสียเปล่า!

นางเขียนจดหมายฉบับหนึ่งใส่ซองผ้ากำมะหยี่ ให้เสี่ยวจูทำทีเป็นสาวใช้ยกของว่างเข้าไปเรือนพักของจิ้งอ๋องพร้อมจดหมาย ในจดหมายนั้น นางเขียนเพียงไม่กี่บรรทัด แต่ทุกคำถูกคัดสรรอย่างพิถีพิถัน

หม่อมฉันมิใช่หญิงต่ำศักดิ์ที่ทำถาดน้ำชาล้มต่อหน้าท่านด้วยความเผอเรอ

หากแต่เป็นผู้มีสิ่งที่ท่านควรรู้

หากท่านอ๋องเมตตา

โปรดให้โอกาสมาพบหม่อมฉันเพียงครู่

ใต้ต้นหลิวหลังเรือนประทับ

ในยามโหย่ว หม่อมฉันจะรอ...

ลี่อิน

เสี่ยวจูแม้จะกลัวแทบสิ้นสติ แต่สุดท้ายก็ส่งซองผ้าต่อให้ขันทีประจำข้างกายจิ้งอ๋องได้สำเร็จ

“ขอแค่เขาอ่าน” ลี่อินพึมพำกับตนเอง ขณะยืนใต้ต้นหลิวในยามตะวันคล้อยต่ำ

เวลาล่วงผ่านไปจนเกือบพลบค่ำ แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์กำลังลาลับหลังภูผา ลี่อินยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสื้อคลุมผ้าฝ้ายบาง ๆ สะบัดไหวตามแรงลม

นางรอเขา…

“หากเขาไม่มา นั่นคือการปฏิเสธ และข้าจะเดินเส้นทางอื่น…”

“แต่หากเขามา ทุกอย่างจะเริ่มต้นจากจุดนี้”

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น ลี่อินหันกลับไปทันที และภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

บุรุษในอาภรณ์สีดำขลิบทองผู้สงบนิ่งดั่งเงาแห่งรัตติกาล ยืนอยู่ใต้ร่มเงาต้นหลิว ห่างจากนางเพียงไม่กี่ก้าว

หวังจิ้งเหยียน จิ้งอ๋อง แห่งต้าหลิง เขามาจริง ๆ...

“ข้าให้เวลาเจ้า ห้าประโยค” เขาเอ่ยเสียงเรียบ สายตาไร้ความอ่อนโยน แต่สำหรับลี่อิน นั่นก็เกินพอแล้ว

นางประสานมือคำนับอย่างงดงาม ก่อนจะเงยหน้าขึ้น สบตาเขาอย่างมั่นคง

“หนึ่ง…หม่อมฉันมิใช่บ่าวของจวนนี้ แต่เป็นคุณหนูใหญ่ บุตรสาวผู้ถูกทอดทิ้งของเสนาบดีเซียว”

“สอง…หม่อมฉันรู้ความลับบางอย่างในกรมคลังหลวง ที่ท่านอ๋องควรล่วงรู้”

“สาม…หากท่านอ๋องเมตตาเปิดทาง หม่อมฉันจะมอบสิ่งนั้นให้เป็นของกำนัล”

“สี่…หม่อมฉันไม่ใช่สตรีอ่อนแอ หากแต่คือผู้ที่มีใจยึดมั่นในเป้าหมาย”

“ห้า…หม่อมฉันขอเพียงได้เป็นหมากเล็ก ๆ ในกระดานของท่านอ๋อง”

จิ้งอ๋องเงียบไปชั่วครู่ สายตาคู่นั้นลึกและเย็นเยียบ

“เจ้าเชื่อว่าตัวมีค่าพอให้ข้าลดตัวไปฟังคำเจรจาเช่นนั้นหรือ?”

ลี่อินยิ้มบาง ๆ ไม่ใช่ยิ้มของหญิงสาวไร้เดียงสา หากแต่เป็นรอยยิ้มของผู้ที่กล้าเสี่ยง

“หากท่านอ๋องไม่ลดตัวลงมามองบ้าง หม่อมฉันเชื่อว่า ท่านอ๋องจะพลาดสิ่งสำคัญไป”

สายลมยามราตรีพัดเอื่อย ผ้าแพรปลิวไหว จิ้งอ๋องไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาเพียงหมุนกายกลับไปอย่างเงียบงัน ทิ้งเพียงวาจาหนึ่งไว้เบื้องหลัง

“พรุ่งนี้ เจ้าไปพบคนของข้าที่โรงเตี๊ยมหลงฟางทางตะวันตก”

“หากสิ่งที่เจ้าพูดนั้นจริง ข้าจะพิจารณาวางหมากร่วมกับเจ้า”

ลี่อินเฝ้าดูเงาหลังของเขาจนลับตา ใจที่เคยร้อนรนกลับเยือกเย็นขึ้นมาอย่างประหลาด

“จิ้งอ๋อง ท่านคือพยัคฆ์ร้าย”

“ส่วนข้า จะเป็นพิษร้ายที่อยู่เคียงข้างพยัคฆ์เช่นท่าน และเป็นพิษที่ท่านคาดไม่ถึง...”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 49 เงาที่ซ่อนอยู่

    หลังจากที่เจินซูเม่ยและเซียวถิงฮวาถูกนำตัวไปคุมขัง ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ผู้คนต่างพูดถึงด้วยทั้งความสะใจและหวาดกลัว“คนที่เคยเชิดหน้าชูตา วันนี้กลับกลายเป็นนักโทษเสียแล้ว”“สวรรค์มิอาจละเว้นคนชั่วได้จริง ๆ”ท้องพระโรงแม้จะเงียบลงหลังการพิพากษา แต่คลื่นใต้น้ำกลับโหมแรงขึ้นบรรดาขุนนางที่เคยปกป้องสกุลเซียว บัดนี้ต่างเงียบงันแต่ในเงามืด กลับเริ่มมีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดปกติยามค่ำ เซียวลี่อินยืนอยู่บนระเบียงตำหนักอ๋อง สายตาเหม่อมองฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น“เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่”นางหันกลับมา เห็นจิ้งอ๋องยืนอยู่ในชุดคลุมสีเข้ม ดวงตาคมกริบทอดมองนางด้วยความสนใจเซียวลี่อินยกพัดแตะริมฝีปาก แววตาเยือกเย็น“แม้เจินซูเม่ยจะถูกจับ แต่ผู้ที่หนุนหลังนางยังมิได้เผยตัวออกมาทั้งหมดเพคะ เพียงถูกดึงเงาหนึ่งออกมา ย่อมยังเหลืออีกหลายเงาที่แอบซ่อนอยู่”จิ้งอ๋องนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะสืบจนถึงรากเหง้า ไม่ว่าผู้ใดซ่อนที่ตัวอยู่เบื้องหลัง ก็ต้องลากออกมาทั้งหมด!”เพี

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 48 พิพากษา

    เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆหนาทึบ ราวกับสวรรค์เองก็ยังเฝ้ารอการพิพากษาครั้งใหญ่เสียงกลองพิธีดัง ตึง! ตึง! ตึง! ก้องไปทั่ว ประกาศเรียกเหล่าขุนนางเข้าสู่ท้องพระโรงเจินซูเม่ยถูกองครักษ์คุมตัวเข้ามา นางสวมชุดงดงามแต่เส้นผมกลับยุ่งเหยิง ใบหน้าซีดเซียว แววตาสั่นไหวเสียงซุบซิบของขุนนางและสตรีฝ่ายในดังระงม“นี่หรือฮูหยินเซียวที่เคยได้ชื่อว่างดงามและเจ้าเล่ห์ที่สุดในเมืองหลวง…”“วันนี้กลับถูกลากมาเป็นจำเลยต่อหน้าฝ่าบาทเสียเอง”“ดูนางตอนนี้สิ ดูสมเพชสิ้นดี ฮึ!”ฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์สูง พระเนตรลึกล้ำทอดมองลงมา พระสุรเสียงเย็นเยียบดังขึ้น“เจินซูเม่ย มีผู้กล่าวโทษเจ้าว่าเกี่ยวข้องกับการลอบนำสมุนไพรปนเปื้อนเข้าสู่วังหลวง อีกทั้งยังพยายามทำลายหลักฐาน เจ้าจะว่าอย่างไร”เจินซูเม่ยรีบคุกเข่าลง น้ำตาไหลพราก“ฝ่าบาท! หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ! ทุกสิ่งล้วนเป็นการจัดฉากของพวกที่อิจฉาริษยาหม่อมฉัน!”จิ้งอ๋องก้าวออกมาอย่างสง่างาม ร่างสูงใหญ่เปล่งบารมีจนท้องพระโรงเงียบกริบเขาวางรายงานและหลักฐานลงตรงหน้า เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างชัดถ้อยคำ“หลักฐานทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว คำสารภาพของบ่าว พยานผู้เห็นเหตุกา

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 47 พายุใหญ่กำลังมา

    รุ่งอรุณปกคลุมเมืองหลวงด้วยหมอกสีขาว แต่ในราชสำนักกลับคลาคล่ำไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดยิ่งนักข่าวการพยายามทำลายหลักฐานของเจินซูเม่ยแพร่สะพัดไปทั่ว ทั้งในหมู่ขุนนางและเหล่าราษฎร“สกุลเซียวคงไม่รอดแล้ว…”“ครั้งนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็มิอาจเพิกเฉยได้อีก”เสียงซุบซิบในตลาดและตามตรอกซอยกลายเป็นพายุข่าวลือที่โหมกระหน่ำไม่หยุดในท้องพระโรง ขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนฝ่ายหนึ่งเร่งรัดให้ลงโทษสกุลเซียวโดยเร็วอีกฝ่ายหนึ่งกลับยืนหยัดพยายามหาทางประวิงเวลา เสมือนกำลังยื้อชีวิตให้ผู้เกี่ยวข้องฮ่องเต้ประทับนิ่งบนบัลลังก์สูง ดวงพระเนตรลึกล้ำมองลงมา พระสุรเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความกดดัน“จิ้งเหยียน พรุ่งนี้เจ้าจงนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาตรวจสอบต่อหน้าข้า หากพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดจริง ต่อให้เป็นสกุลใหญ่ ข้าก็จะไม่ละเว้น”จิ้งอ๋องค้อมกายรับโองการ ดวงตาคมวาวสะท้อนความมุ่งมั่นเมื่อหันไป เห็นเงาร่างของเซียวลี่อินหลังม่านกั้นสตรี นางยืนนิ่ง ราวกับมั่นคงดุจขุนเขาเพียงสบตาในระยะไกล หัวใจเขากลับสงบลงราวกับได้รับพลังพายุใหญ่กำลังจะโหมกระหน่ำ แต่เราจะฝ่ามันไปด้วยกัน!ภายในเรือนใหญ่ของจวนสกุลเซียว เจินซูเม่ย

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 46 แผนลับในเงามืด

    ค่ำคืนคลี่คลุมจวนสกุลเซียว บรรยากาศภายในเรือนใหญ่เต็มไปด้วยความกดดัน เจินซูเม่ยนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเครื่องหอม มือกำถ้วยชาแน่นจนสั่น น้ำชาเอ่อล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว นางกัดฟันสะกดความโกรธ“ไม่ได้! ข้าไม่มีวันยอมให้ทุกสิ่งที่ข้าสร้างมาพังลงเพียงเพราะนังเซียวลี่อินแน่!”เซียวถิงฮวานั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของนางยังคงซีดเซียวจากเหตุการณ์ในท้องพระโรง“ท่านแม่ เราจะทำเช่นไรต่อดีเจ้าคะ หากถูกสอบสวนต่อไป สกุลเซียวคงถูกลากลงเหวแน่”เจินซูเม่ยหรี่ตาลงอย่างอำมหิต“แม้จะถูกบีบแทบจนมุม แต่ยังมีหนทาง หากหลักฐานที่มันถืออยู่ถูกทำลายเสีย ต่อให้เป็นท่านอ๋องเจ็ดก็ไม่อาจทำอะไรได้!”....ขณะเดียวกัน ภายในตำหนักอ๋อง จิ้งอ๋องนั่งพินิจรายงานที่กองอยู่ตรงหน้า ข้างกายมีเซียวลี่อินนั่งสงบนิ่ง ดวงตาไล่ตามทุกบรรทัดอย่างตั้งใจ เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ“ศัตรูกำลังดิ้นรน พรุ่งนี้อาจมีการเคลื่อนไหว เจ้าต้องอยู่ใกล้ข้าไว้ ห้ามเสี่ยงคนเดียว”เซียวลี่อินแย้มยิ้มบาง พลางตอบเสียงเบา“เพคะท่านอ๋อง แต่บางครั้งหมากตัวสำคัญ ก็ต้องใช้เหยื่อล่อให้อีกฝ่ายเผยพิรุธออกมาเองนะเพคะ”สายตาทั้งคู่สบกัน ความแน่วแน่และความไว้วางใจเริ่

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 45 เสี้ยนหนามในราชสำนัก

    เช้าวันใหม่ท้องพระโรงคลาคล่ำไปด้วยเหล่าขุนนางที่ยืนเรียงราย บรรยากาศเต็มไปด้วยแรงกดดัน ข่าวการจับคนของเจินซูเม่ยเมื่อคืนแพร่ไปทั่วแล้ว ทำให้ราชสำนักปั่นป่วนขันทีขานเสียงกังวาน “ถวายพระบังคมฝ่าบาท ท่านอ๋องเจ็ดได้นำพยานและหลักฐานเข้ามากราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังจิ้งอ๋องผู้ก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม เบื้องหลังเขามีองครักษ์นำคนร้ายที่ถูกจับได้คุมตัวเข้ามา พร้อมเอกสารบันทึกคำสารภาพเสียงซุบซิบดังไปทั่วท้องพระโรง“ครั้งนี้จวนสกุลเซียวคงรอดยากแล้ว”“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีขุนนางคอยหนุนหลัง หากพวกนั้นออกหน้า เรื่องอาจไม่ง่ายเช่นกัน”จริงดังว่า เมื่อจิ้งอ๋องยื่นรายงานต่อหน้าฮ่องเต้ทันใดนั้น ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายหนึ่งก็ก้าวออกมาขัดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ฝ่าบาท! แม้จะมีบ่าวรับใช้สารภาพ แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ หากทั้งหมดเป็นการจัดฉากเพื่อกำจัดสกุลเซียวเล่าพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย!”เสียงถกเถียงเริ่มระอุขึ้นอีกครั้ง คล้ายไฟที่พร้อมลุกโชนกลางท้องพระโรงเซียวลี่อินที่ยืนอยู่ด้านหลังม่านกั้นสำหรับสตรีสูงศักดิ์กำพัดแน่น ดวงตาเย็นยะเยือกพวกขุนนางหนุนหลังพวกนั้น พวกมันคือ

  • ย้อนเวลากลับมาทวงแค้น   ตอนที่ 44 คลื่นแรงกลางราชสำนัก

    ผลการสอบสวนยังไม่ทันประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ข่าวของบ่าวที่เรือนเจินซูเม่ยยอมรับสารภาพต่อหน้าท่านอ๋องเจ็ดก็แพร่สะพัดไปทั่วราชสำนักแล้วราวกับคลื่นยักษ์ที่ซัดสาดเข้าใส่ จวนสกุลเซียวเริ่มสั่นคลอน ในห้องประชุมขุนนางยามเช้า เสียงถกเถียงดังไม่หยุด ขุนนางฝ่ายหนึ่งลุกขึ้นคารวะ“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวพันต่อความปลอดภัยของราชสำนัก หากไม่ลงโทษผู้เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ย่อมกระทบพระเกียรตินะพ่ะย่ะค่ะ”อีกฝ่ายหนึ่งรีบโต้“แต่ยังไม่มีพระราชโองการตัดสิน ขืนเร่งรีบไป จะไม่กลายเป็นว่าราชสำนักไม่ยุติธรรมหรอกหรือ!”เสียงถกเถียงดังระงมจนท้องพระโรงแทบสั่นสะเทือนฮ่องเต้นั่งนิ่ง ดวงพระเนตรลึกล้ำราวกับกำลังชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียในอีกฟากหนึ่ง เซียวลี่อินยืนอยู่หลังม่านกั้นสำหรับสตรีสูงศักดิ์นางฟังเสียงถกเถียงทั้งหมดด้วยสายตาเยือกเย็น ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ยิ่งคลื่นแรงเพียงใด ย่อมยิ่งกัดเซาะเกียรติของสกุลเซียวให้พังทลายไวขึ้นเท่านั้นขณะเดียวกัน จิ้งอ๋องนั่งอย่างมั่นคงบนเก้าอี้ขุนนาง แม้จะไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใด แต่เพียงการมีตัวตนของเขาอยู่ในห้องนี้ ก็ทำให้ผู้คนไม่กล้าเอ่ยวาจาเกินเลยยามบ่ายในจวนสกุลเซียว เจินซูเม่ยสี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status