Share

บทที่ 20

last update Last Updated: 2025-08-10 17:05:03

บทที่ 20

ส่วนทางด้านบ้านรองหลี่ ตอนนี้ทุกคนตื่นขึ้นมาแล้ว

หลี่เหมยก็เข้าครัวทำอาหารเหมือนเดิม แต่วันนี้กลับมีสามีเข้ามาช่วยด้วย เธอจึงได้รีบห้าม

“พี่ไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวฉันทำอาหารเอง นี่ไม่ใช่งานของผู้ชายหรอกนะ” เธอบอกด้วยความเกรงใจ เพราะเรื่องงานครัวส่วนมากจะเป็นงานของผู้หญิง

“ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องมีการแบ่งแยกหรอก การที่พี่เข้ามาช่วยภรรยาทำอาหารมันไม่ได้มีอะไรผิด แล้วจะบอกพี่ได้หรือยังว่าไปที่บ้านหลังนั้นทำไม” ที่ถามไม่ได้ต้องการคาดคั้น แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เขาจะได้ช่วยเหลือเธอทันอย่างไรล่ะ

“มันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอกค่ะ ฉันก็แค่ไปจัดการสะสางเรื่องราวกับคนที่ทำร้ายฉันก็แค่นั้นเอง ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นกล้าทำเรื่องร้ายแรงกับฉัน พี่คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปหรือคะ”

เธอจ้องตา เขาไม่หลบเพื่อดูบางอย่างที่อยู่ด้านใน ก่อนจะพูดประโยคต่อมา

“พี่คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงเลวร้ายหรือเปล่า”

“ไม่เลย แต่กลับชอบเสียมากกว่าที่อาเหมยสู้คน และรู้จักโต้กลับ ไม่ยอมถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว หากวันนั้นพี่ไม่ได้ช่วยไว้ เหตุการณ์ในวันนั้นคงเลวร้ายกว่านี้แน่นอน พี่กล้าการันตีเลยล่ะ”

ชายหนุ่มไม่สนใจหรอกว่าภรรยาจะทำร้ายหรือเล่นงานผู้หญิงคนนั้นอย่างไร เขากลับชอบเสียด้วยซ้ำที่เธอรู้จักสู้คน

“พี่เข้าข้างฉันทั้งที่ยังไม่รู้ว่า ฉันเล่นงานผู้หญิงคนนั้นอย่างไรน่ะเหรอ” หญิงสาวหันมาถามด้วยความสนใจทันที

“ครับ ไม่ว่าอาเหมยจะทำอย่างไร พี่ก็จะอยู่ข้างเธอเสมอ ขอแค่อาเหมยพอใจ”

ชายหนุ่มตอบกลับ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยอ่อนโยนแบบนี้มาก่อน หากพ่อกับแม่หรือลูกน้องมาเห็นเข้าก็คงตกใจไม่น้อย

“ระวังเถอะ ตามใจฉันมากไปแล้วฉันจะเคยตัว”

หลี่เหมยไม่คิดว่าจะมีคนที่เข้าข้างเธออย่างไร้เหตุผล

“ไม่ตามใจภรรยาตัวเองจะให้ไปตามใจใครกันล่ะ พี่มีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“ก็ลองมีหลายคนดูสิ รับรองได้เลยว่าหัวพี่แบะแน่นอน”

เธอหยอกล้อสามีเล็กน้อย

“พี่ไม่กล้าหรอกครับ” เขาตอบกลับ ก่อนจะช่วยเธอเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำอาหารเช้านี้

ขณะเดียวกัน หลี่ซือหยวนก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามา แล้วรีบพูดถึงเรื่องราวที่ได้ยิน

“อาเหมย มีข่าวใหญ่ของหมู่บ้านอีกแล้ว รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้บ้านถังกำลังมีเรื่องร้อนใจ เห็นว่าถังชุนเป้ยใช้เครื่องสำอางไม่ถูกกับตัวเอง เลยทำให้หน้าขึ้นตุ่มเต็มไปหมด คนพูดกันไปทั่วเลยว่าเธอแพ้เครื่องสำอาง ตอนนี้ก็ต้องรอดูว่าหมออีจะรักษาได้ไหม”

“หล่อนเป็นอะไรก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉันสักหน่อยนี่พี่ ปกติถังชุนเป้ยซื้อแต่ของดี ๆ ใช้ แล้วมันจะเป็นไปได้เหรอที่เธอจะแพ้เครื่องสำอาง”

หลี่เหมยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพราะไม่อยากให้พี่ชายรู้ว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

หยางอี้ข่ายสบตาภรรยาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้โกรธหรือตำหนิที่เธอทำแบบนี้ออกไป หากเป็นเขาจะเล่นงานผู้หญิงคนนั้นให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ

“นั่นสิ พี่ก็คิดเหมือนกัน เธอได้เงินจากหร่วนเจินฮ่าวไปไม่น้อยเลย แถมข้าวของที่ใช้ก็มีแต่ของราคาแพง แล้วเธอจะแพ้เครื่องสำอางได้ยังไง นี่ก็คงต้องรอหมออีมาตรวจ แต่พี่ได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าไม่น่าจะรักษาหาย เพราะอาการแพ้ที่ใบหน้าของเธอดูจะรุนแรงมาก”

หลี่ซือหยวนไม่ได้มีความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ เพราะเขาเองก็แค้นใจถังชุนเป้ยไม่น้อยที่ทำเรื่องไม่ดีกับหลี่เหมย แต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้

“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เดี๋ยววันนี้นายออกไปข้างนอกกับฉันก็แล้วกัน จะได้ไปหาหลักฐานมาจัดการกับคนที่ทำร้ายอาเหมย”

หยางอี้ข่ายรีบบอก เขาต้องการสอนงานพี่ชายของภรรยา เพราะเมื่อฐานะเปิดเผย เขาไม่อยากและไม่ต้องการให้ครอบครัวเธอต้องทำงานในกองพลน้อยอีก

“ครับ พี่อี้ข่าย” หลี่ซือหยวนตอบรับ และหมุนตัวออกมาจากห้องครัวเพื่อจะไปจัดการตัวเอง

ส่วนหลี่เหมยก็กลับมาสนใจปรุงอาหารของเช้านี้ต่อ

กลับมาที่บ้านถัง ตอนนี้หมออีได้เดินทางมาถึงเรียบร้อยแล้ว พอเห็นใบหน้าของถังชุนเป้ยก็รู้สึกตกใจมาก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเจอใครที่หน้าเละเพราะแพ้เครื่องสำอางแบบนี้มาก่อน

แต่ก็ทำการตรวจให้ตามปกติ เพราะอย่างไรก็เป็นหมอในหมู่บ้านแห่งนี้ ทว่าหลังจากที่ตรวจเรียบร้อยแล้ว สีหน้าของหมออีก็เห็นได้ชัดว่าหมดหวังในการรักษา จึงทำให้แม่ของถังชุนเป้ยรีบมาถามด้วยความร้อนใจ

“หมอ ลูกสาวฉันเป็นอย่างไรบ้าง ใบหน้าของเธอรักษาหายไหม”

หมออีส่ายหน้า แล้วตอบกลับมาว่า “อาการแพ้รุนแรง เกินไป และไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที แม้ฉันจะมีความสามารถแค่ไหน แต่ฉันก็จนปัญญาจริง ๆ”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหมออี ถังชุนเป้ยก็กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง “กรี๊ดดด! ไม่จริง ฉันต้องกลายเป็นหน้าผีแบบนี้ตลอดไปเหรอ ฉันไม่ยอม ฉันจะต้องกลับมาหายเป็นปกติ” 

“ใจเย็นก่อนลูก ในเมื่อหมอในหมู่บ้านเราทำอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นลูกเข้าเมืองกับแม่ไปรักษาดูไหม ดีกว่าปล่อยให้อาการแพ้มันลุกลามมากกว่านี้” คนเป็นแม่พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อรักษาลูกสาว แม้ใจจะรู้สึกหมดหวังแล้วก็ตาม

“แม่อยากจะให้ฉันออกจากบ้านไป เพื่อให้คนอื่นเห็นและ

ดูถูกอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวไม่อยากออกไปให้ใครพบเจอ เพราะกลัวว่าจะถูกรังเกียจ อีกอย่างเธอไม่อยากให้ใครเห็นหน้าของตัวเองที่เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะหร่วนเจินฮ่าว

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ถังชุนเป้ยกลับเชื่อมั่นว่าเธอไม่ได้แพ้เครื่องสำอางอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ รวมถึงหมอชราคนนี้

“ต้องเป็นนังหลี่เหมยแน่ มันต้องเป็นคนทำให้ฉันหน้าตาอัปลักษณ์ เพราะมัน...เพราะมันคนเดียว”

“ลูกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง คิดได้อย่างไรว่าหลี่เหมยเป็นคนทำ ต่อให้จะเสียใจเรื่องหน้าตาของตัวเอง แต่ก็ไม่ควรจะไปโทษ

คนอื่นแบบนี้” เธอรีบตักเตือนลูกสาว เพราะหากเรื่องนี้ไปรู้ถึงหูของบ้านรองหลี่ แล้วหลี่เหมยกลับมาเอาเรื่องบ้านถังคงร้อนเป็นไฟ

“พวกเธอทั้งสองอย่าเพิ่งทะเลาะกัน ให้ฉันกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเธอตามไปจ่ายเงินและเอายามาทาเพื่อลดความแสบร้อนด้วยนะ ต่อให้ไปหาหมอในเมืองก็ไม่ต่างกัน นอกเสียจากจะเป็นหมอที่มีปาฏิหาริย์เท่านั้นแหละที่จะช่วยได้”

ก่อนจะไปไม่วายที่จะพูดออกมา หมออีคิดว่าถังชุนเป้ยหมดทางรักษาแล้ว ส่วนยาที่เขาจะให้ไปเอานั้น แค่ช่วยในเรื่องของความแสบร้อน และยับยั้งไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้เท่านั้น

เมื่อหมออีออกไปแล้ว ถังชุนเป้ยก็กรีดร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ ที่หน้าตาของตนเองเป็นแบบนี้ คำว่าหญิงอัปลักษณ์อยู่ใกล้แค่เอื้อม

ในใจนึกไปถึงสายตาของหลี่เหมย

“ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะแก นังหลี่เหมย ทำไมแกถึงไม่ถูกพวกมันย่ำยีกันนะ รู้หรือไม่ว่าฉันเสียเงินไปตั้งเท่าไร” หญิงสาวพูดอย่างเจ็บแค้น

ส่วนทางด้านหร่วนเจินฮ่าว แม้จะล่าถอยกลับมาหลังจากที่ได้รับคำตอบ แต่ก็ยังไม่คิดถอดใจ และหวังว่าหลี่เหมยจะหย่าร้างกับผู้ชายคนนั้นและกลับมาอยู่เคียงข้างตนเอง

“ฉันจะทำให้เธอกลับมาอยู่เคียงข้างฉันให้ได้หลี่เหมย”

เขาพูดกับตัวเองด้วยความหวัง โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตระกูลหร่วนที่ปักกิ่งกำลังถูกเล่นงานเรื่องการค้า แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงวันเดียว แต่ก็ทำให้บ้านหร่วนแทบล่มจมแล้ว

“นายได้ยินข่าวของถังชุนเป้ยหรือยัง ได้ยินว่าเธอหน้าตาพุพองไปหมด” สหายร่วมห้องถามขึ้นมาขณะนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน

 “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอเหรอ แล้วนายมาบอกฉันทำไม ฉันกับถังชุนเป้ยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว” เขาบอกอย่างเย็นชา หากไม่มีผู้หญิงคนนี้ ชายหนุ่มคิดว่าตนเองกับหลี่เหมยคงยังคบหากันอย่างมีความสุข

“พูดอย่างนั้นก็ใจดำไปหน่อย ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้นายมีความสัมพันธ์อันดีกับเธอมาเสมอหรอกหรือ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้...”

“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ความรู้สึกที่แท้จริงที่ฉันต้องการมอบให้นั้น คือหลี่เหมยไม่ใช่ถังชุนเป้ย” หร่วนเจินฮ่าวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

นี่จึงทำให้สหายร่วมห้องคนนี้ ได้แต่มองด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าหร่วนเจินฮ่าวเป็นอะไรไป เนื่องจากก่อนหน้านี้อีกฝ่ายรังเกียจหลี่เหมยจะตายไป 

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น คนที่ทำงานอยู่ในสำนักงานของกองพลน้อยก็รีบวิ่งเข้ามาหา

“เจินฮ่าว มีโทรศัพท์มาถึงนายจากปักกิ่ง น่าจะเป็นครอบครัวของนายนะ”

พอได้ยินอย่างนั้น หร่วนเจินฮ่าวมีความแปลกใจอย่างมาก เพราะตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ครอบครัวจะติดต่อมา ไม่เข้าใจว่าครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น ถึงแม้จะมีความสงสัย แต่ก็รีบวิ่งไปที่สำนักงานทันที

“ใครจะพูดสายด้วย”

ชายหนุ่มกรอกเสียงไปตามสาย เมื่อมาถึงที่สำนักงานกองพลน้อย

“ไอ้ลูกชั่ว ฉันส่งแกไปอยู่ที่นั่นแล้วก็ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวอีก คราวนี้ไปสร้างเรื่องกับใครไว้ล่ะ เขาถึงได้เล่นงานตระกูลเราย่อยยับแบบนี้ แกรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้การค้าของตระกูลหร่วนล้มไม่เป็นท่าแล้ว”

หร่วนเจินฮ่าวได้ยินก็รู้สึกแปลกใจและตกใจไม่น้อย และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้กรอกเสียงตามสายไปอีกครั้ง

“ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะพ่อ ตอนนี้ผมอยู่ที่ชนบทจะไปสร้างเรื่องอะไรได้ล่ะ ไม่ใช่ว่าลูกรักของพ่อไปสร้างเรื่องไว้เหรอ หากพ่อไม่มีอะไรแล้วก็วางหูเถอะ ผมจะต้องไปทำงานต่อ ไม่มีเวลา มาล้อเล่น กับเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอกนะ”

“แกคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น คือเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างงั้นเหรอ น้องชายแกไม่ได้ทำตัวนิสัยเสียถึงขั้นทำให้ครอบครัวต้องมีปัญหาขนาดนี้หรอกนะ ในเมื่อแกไม่ยอมรับความจริง เห็นทีตระกูลหร่วนคงต้องไม่มีลูกชายแบบแกเสียแล้ว”

คนเป็นพ่อไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อลูกชายคนนี้ปฏิเสธ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปจึงได้วางสายไปด้วยความโมโห

หร่วนเจินฮ่าวยืนอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ด้วยความงุนงง ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่พ่อบอกสักเท่าไร ด้วยไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองไปสร้างความเสียหายให้กับใคร ถึงทำให้ฝ่ายนั้นไปเล่นงานตระกูลหร่วนจนย่อยยับ

แต่ในเมื่อตัวเขาเองคล้ายกับถูกเนรเทศมาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อใช้แรงงาน ไม่ว่าตระกูลหร่วนเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเขาแล้ว

จากนั้นชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องสำนักงานกองพลน้อย แล้วรีบกลับมากินข้าวต่อเพื่อจะทำงานในเวลาต่อมา 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   ตอนพิเศษ 2

    ตอนพิเศษ 2 5 ปีผ่านไปตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวของหลี่เหมยก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ลูกฝาแฝดของเธออย่างหยางกวนโม่กับหยางเสี่ยวเหมยก็อายุครบห้าขวบในวันนี้ ดังนั้นวันนี้ที่บ้านตระกูลหยางจึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกทั้งสองครอบครัวลงไปจัดเตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้ามืด แขกที่มาก็จะเป็นทั้งญาติพี่น้อง และคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีแต่ในห้องนอนของหยางอี้ข่ายนั้นมีแสงส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาเล็กน้อย และในห้องนั้นก็กำลังร้อนระอุกับบทรักยามเช้าที่สามีกำลังมอบให้ภรรยา“อา....เสียวมากครับอาเหมย ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปน้องก็ทำให้มีความสุขทุกครั้ง” หยางอี้ข่ายถึงกับแหงนหน้าครางออกมาอย่างสุขสม“ฮึก...ฉันก็เสียวและมีความสุขค่ะ แต่พี่ต้องทำเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ทุกคนตื่นแล้ว ซี้ดดด!” หลี่เหมยที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าหันก้นให้สามีอัดกระแทกแก่นกายเข้าในร่องเสียว เธอครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อตอนนี้สะโพกหนากระแทกใส่เธอไม่ยั้งตับ ๆ ตับ ๆ ตับ ๆ“โอ้ววว พี่ก็พยายามอยู่ แต่พี่อยากมีความสุขกับอาเหมยนาน ๆ พี่รักอาเหมยที่สุด จุ๊บ!”ชายหนุ่มที่แหงนหน้าครางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งจับเอ

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1 ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม “อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยากหักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคงไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ” นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   บทที่ 26

    บทที่ 26 หยางอี้ข่ายเดินเข้ามาหาหลี่เหมยที่นั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสาว“ขอโทษนะครับที่พี่เข้ามาช้า พอดีมีแขกดึงไว้น่ะ” เขาพูดขึ้นและหอมแก้มเธอเบา ๆ“ฉันก็นึกว่าพี่จะปล่อยให้ฉันนอนหนาวอยู่คนเดียวในคืนเข้าหอซะอีก” หญิงสาวพูดอย่างหยอกล้อ และเริ่มมือไม้ซุกซนถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ”“พี่จะปล่อยให้คืนแต่งงานของเราไร้ความหมายได้อย่างไร ส่วนเรื่องอาบน้ำ เอาไว้อาบทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ยังไม่มีเหงื่อเลยสักนิด เดี๋ยวเรามาเข้าหอกันดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้นเหมือนกำลังแกะกล่องของขวัญ“พูดแล้วก็ทำให้พี่คิดถึงคืนนั้น ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก พี่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นอีกจังเลย พี่ชอบมากที่ปากน้อย ๆ นี้สัมผัสกับแก่นกายของพี่ ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับพี่มาก่อน พี่ขอแบบนั้นอีกได้ไหมครับ”หยางอี้ข่ายพูดอย่างอ่อนหวาน เขาจูบลงที่ริมฝีปากบางในตอนที่พูดถึงปากของเธอ“งั้นถ้าฉันทำให้พี่ พี่ก็ต้องทำให้ฉันด้วยนะคะ เหมือนวันนั้น” หญิงสาวตอบกลับอย่างเขินอาย เมื่อคิดถึงคืนแรกของทั้งสองคน“ได้สิ เรามามีความสุขด้วยกันนะ”

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   บทที่ 25

    บทที่ 25 หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวขอ

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   บทที่ 24

    บทที่ 24 นายท่านหยางเห็นว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ยังมีความเกรงใจตัวเอง และยังเรียกนายท่านอยู่จึงได้เอ่ยปากบอกออกมา“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เราคนกันเองทั้งนั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าพี่หยางตงเถอะ”“เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนาย ต่อไปก็เรียกว่าพี่ซือเจิน เราสองครอบครัวตอนนี้เกี่ยวดองกันแล้ว”โม่ซือเจินพูดขึ้นมาบ้าง“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับอย่างยินดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนยิ่งใหญ่อย่างนายท่านหยางจะไม่ถือตัวกับชาวบ้านแบบตนเอง“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปในเมืองเพื่อไปเลือกดูเสื้อผ้าและของใช้ในงานแต่งงาน เธออยากจะจัดงานที่ไหนเหรอ”โม่ซือเจินถามความคิดเห็น“ฉันอยากจะย้ายบ้านก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้พ่อสามีให้บ้านมาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้เตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า”หลี่เหมยตอบเอง เธอต้องการทำอย่างที่พูดก่อน ส่วนเรื่องจะเชิญใครไปงานแต่งงานนั้นค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ค่อยเลี้ยงคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเธอ“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อาเหมยก็ค่อยไปดูบ้านกับทุกคนก็แล้วกันว่าชอบหรือเปล่า หากไม่ชอบพ่อจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้ แล้วจะได้ย้ายทะเบียนบ้านทุกคนเ

  • รักร้ายนายคู่หมั้นสุดโหด   บทที่ 23

    บทที่ 23 ครึ่งเดือนต่อมา...แม้ว่าจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ในหมู่บ้านก็ยังพูดคุยเรื่องของถังชุนเป้ยอยู่ เนื่องจากการกระทำของเธอมันโหดร้ายจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครไปโกรธหรือเกลียดคนบ้านถัง นั่นเพราะว่าทุกคนแยกแยะออก และรู้ว่าคนบ้านถังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และที่ทุกคนแปลกใจก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวของหร่วนเจินฮ่าวโดนคำสั่งย้ายอย่างกะทันหัน และเห็นว่าเงินเดือนที่ได้จากกองพลน้อยถูกสั่งหักไว้เพื่อชำระหนี้ให้กับหลี่กวงตามสัญญาที่เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไม่ต่างกันวันนี้หลี่เหมยตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะอยากไปดูที่โรงขยะว่ามีสิ่งของน่าสนใจหรือไม่ อีกอย่างเธอได้ยินสามีพูดว่า พ่อกับแม่สามีใกล้จะกลับมาแล้ว เธอจึงอยากจะหาของเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในระบบออกมาซึ่งในระบบพอมีเครื่องประดับบางอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายในยุคนี้ ส่วนพ่อสามีก็คงจะให้เป็นนาฬิกาข้อมือ ที่หาไม่ได้จากในยุคนี้เหมือนกัน‘เจ้านาย ภาพวาดนั้นมีค่ามาก เจ้านายซื้อเก็บไว้ก่อนเถอะในอนาคต ซื้อขายเป็นร้อยล้านหยวนกันเลยนะ’ลี่ลี่รีบส่งเสียงบอกเมื่อเห็นภาพวาดโบราณที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ แต่ในยุคนี้นั้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status