สัมพันธ์ ผูกมัด พันธนาการ เหนี่ยวรั้ง ความลุ่มหลงเพียงชั่วคืนเปลี่ยนผ่านจากน้องสาว สู่เรื่องราวที่ยากจะเปิดเผย -------- จากน้องสาวเพื่อนสนิทที่ไม่เคยคิดอะไรด้วย ถึงจะสวยมากก็เถอะ.. แต่หลังจากได้ชิมไปทีก็เริ่มติดใจเนื้อชั้นดีเข้าให้แล้วจนหยุดไม่ได้ ส่วนเรื่องเพื่อนจะรู้ตอนไหนก็ชั่งหัวมัน ไว้มาลุ้นตีนกันอีกที -------- "ถ้าพี่เสือรู้ เรามีหวังได้ตายคู่แน่" "เธอไม่พูด พี่ไม่พูด มันจะรู้ได้ยังไงจริงไหม?" แต่อยู่ๆจากความสัมพันธุ์ทางกาย มันกลับมีผลต่อหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเรวัตกลับหวงกรรวีจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว
View More“แต่งงานกับพี่นะ”
“ฮึก~ ค่ะ.. แต่งค่ะ”
สิ้นสุดฉากขอแต่งงานแสนโรแมนติกท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้อง ตามด้วยเสียงโห่ร้องและปรบมือร่วมยินดีกับคู่รักที่กำลังสวมแหวนให้กัน บรรยากาศการขอแต่งงานกลางคลับหรูใจกลางเมืองช่างแสนโรแมนติกและน่าอิจฉาอะไรปานนั้น แล้วทั้งสองก็ประกบจูบดูดดื่มแลกน้ำลายกันอย่างไม่แคร์สายตาใคร
ส่วนฉันที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลก็ได้แต่เบ้ปากมองบน เหอะ! ผีเน่ากับโลงผุชัด ๆ เชิญไปรักกันให้ตายเลยเถอะค่ะ อีนรก!
ทั้งอวยพรและสรรเสริญแฟนเก่ากับชู้รักที่ยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานข้าวหมา ที่ตอนนี้ได้เลื่อนสถานะเป็นว่าที่ภรรยาอยู่ในใจ
“ปากคว่ำจนสันนิบาตกินหน้าไปครึ่งซีกแล้วจ้ะเพื่อนจ๋า เบาได้ก็เบานะ” เสียงเพื่อนชายใจเป็นสาวอย่างแบมพูดแซะ จนต้องหันควับค้อนตาใส่
“สันนิบาตอะไรล่ะ ออกจะสวยขนาดนี้” ตอกกลับไปอย่างมั่นหน้า พร้อมโพสต์ท่าประหนึ่งมิสแกรนด์จนเพื่อนที่มาด้วยกันออกอาการหมั่นไส้ แต่เพราะสนิทและรู้นิสัยกันดีเลยไม่มีใครว่าอะไร เอาแต่กลอกตาแล้วส่ายหน้าเอือมระอาให้เหมือนทุกครั้งที่ฉันอวยตัวเองนั่นแหละ
“สวยให้ห้ามั่นหน้าให้ล้าน”
“ก็สวยจริงอะ ไอ้เวรนั่นมันตาถั่วทิ้งพี่ไปได้ไงก็ไม่รู้เนอะ”
อืม ยกเว้นไว้คนหนึ่งที่ไม่เคยด่า ยังเอาแต่อวยตลอดก็ไม่พ้นน้องแจ๊ครุ่นน้องร่วมอาชีพคนนี้
“น่ารัก” ฉันหยิกแก้มขาวเบา ๆ เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับเขินจนหน้าแดง เข้าใจอยู่นะว่าฉันมันสวย รวย เก่ง เพอร์เฟกต์ขนาดนี้คงไม่แปลกถ้าใครจะชอบ ยกเว้นไอ้บ้านั่นที่เพิ่งมีฉากขอแต่งงานไปเมื่อกี้ กล้าดียังไงถึงเขี่ยฉันทิ้งแล้วไปขอผู้หญิงคนใหม่แต่งงานได้ภายในเวลาไม่กี่เดือนกัน
นี่ใคร! นี่หมอหงส์ กรรวีเลยนะเว้ย
อกหักไม่เจ็บเท่าเสียหน้า ทั้งเจ็บทั้งอายที่มันทิ้งฉันก่อนแถมยังชิงแต่งงานตัดหน้าอีก ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เพียงเพราะไม่ยอมมีอะไรด้วย แถมโดนบรรดาพี่ชายตัวดีส่งคนไปขู่สั่งสอนที่มาแอบคบกับฉัน แค่นั้นเนี่ยนะ!
คนเราถ้ารักกันจริงอุปสรรคแค่นี้หรือแค่ไหนก็ต้องอดทนฝ่าฟันไปด้วยกันได้ แต่นี่อะไรกันไม่ทันไรก็ไม่ทนแล้ว ดีนะที่คบกันได้แค่ไม่กี่เดือน และดีนะที่ถึงฉันจะแรดยังไงแต่ก็ยังมีความยับยั้งชั่งใจไม่ยอมปล่อยตัวไปมีอะไรด้วยง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นคงเสียดายของแย่
“ไปห้องน้ำก่อนนะ” บอกเพื่อนสนิทก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ไปแอบร้องไห้ที่โดนผู้ชายเทเหรอคะ” เฟิร์นหันมาพูด
“โอ๊ย สาบานว่ามึงไม่รู้จักกู” รู้ว่าเพื่อนแซวเล่นขำ ๆ แต่ตอนนี้ฉันขำไม่ออกไง
พวกมันรู้ดีว่าฉันไม่ได้รักอะไรไอ้ธิตนั่นมากมาย แต่ที่คบก็เพราะว่าอยากลองมีแฟนดูบ้างสักครั้ง โพรไฟล์หมอนั่นพอใช้ได้ ทำงานเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวะฯของมหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคใต้ที่เป็นเครือเดียวกันกับโรงพยาบาลที่ฉันทำงานอยู่ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไปมาหาสู่กันง่ายเลยตกลงลองคบดู
เมื่อก่อนเรียกพี่ธิตเพราะแก่กว่าฉันตั้งห้าปี แต่ตอนนี้ขอเรียกไอ้เพราะเกลียดมันเข้าไส้แล้ว
“เออๆ รู้หรอกน่า แค่หยอกเล่นปะล่ะ ปะ! กูไปเป็นเพื่อน” เฟิร์นลุกขึ้นคล้องแขนฉันแล้วทำปากยื่นแก้มป่องใส่
“น่ารักตายแหละอิผี” พูดแล้วก็ยกนิ้วชี้ไปจิ้มนมเพื่อนด้วยความหมั่นไส้คนอะไรนมใหญ่น้อยกว่าลูกมะพร้าว
“นี่มึงปวดฉี่ด้วยหรือแค่อยากเดินไปอ่อยผู้ เอาดี ๆ” จูนที่นั่งจิ้มมือถือส่งข้อความด่าสามีอยู่นานสองนานเงยหน้าขึ้นถามเฟิร์น คู่นี้กัดกันเป็นเรื่องปกติ
ไม่ใช่แค่คู่นี้สิ เรียกว่ายกแก๊งเลยดีกว่า เป็นแก๊งหมอที่ปากหมายกกลุ่มก็ว่าได้ สำหรับคนนอกพวกเราจะวางตัวสุภาพเชื่อถือได้ ด้วยเพราะอาชีพหน้าที่การงาน สังคมที่บ้านหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อรวมกลุ่มกันมันก็จะเป็นตัวเองอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ โปรดอย่าถือสาในความหยาบโลน
“โอ๊ย มองกูดี ๆ หน่อยก็ได้แมะ ก็แค่ห่วงเพื่อนปะล่ะ เดี๋ยวแม่งก็โดนลากไปปล้ำอีกหรอก”
“มึงก็เลยจะเสนอหน้าให้โดนปล้ำแทนว่างั้น”
“ไม่อะ กูจะจับเขาปล้ำเองมากกว่า” แล้วเพื่อน ๆ ฉันก็แซวกันตามประสา เสียงดังลั่นจนโต๊ะข้าง ๆ หันมามองแล้วหัวเราะด้วย
ไม่รู้หรอกนะว่าหลังจากเธอเดินออกมาเรวัตจะพาผู้หญิงคนนั้นไปไหน พยายามไม่คิด พยายามจะไม่รู้สึกอะไรเพราะรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน แต่ในใจลึก ๆ ก็อดรู้สึกไม่ได้อยู่ดี ถ้าเขาพาผู้หญิงคนนั้นเข้าห้องไปแล้วมีอะไรกันต่อล่ะ ห้องที่เธอกับเขาเพิ่งนอนด้วยกันมา ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ มันโคตรเจ็บเลยนะใบหน้าสวยฟุบลงตรงพวงมาลัยรถยนต์กะว่าจะปล่อยโฮร้องไห้ให้สาแก่ใจเสียหน่อย แต่ไม่ทันที่น้ำตาจะไหลประตูรถฝั่งที่เธอนั่งกลับโดนเปิดออกโดยฝีมือใครบางคนอย่างถือวิสาสะ เงยหน้าขึ้นมองก็ต้องเบือนหน้าหนี กลอกตาปั้นหน้าบึ้งตึงทั้งที่ในใจแอบรู้สึกดีที่เรวัตตามเธอมา เขาไม่ได้หิ้วผู้หญิงคนนั้นไปต่ออย่างที่เธอคิด“ลุก” เขาสั่ง เธอขมวดคิ้วถามทางสายตาว่า ‘อะไร!’ เป็นคำพูดที่ไม่มีเสียงแต่เขารับรู้ได้“พี่ขับให้”“จะตามมาเอานอกสถานที่รึไง ค่าตัวหงส์แพงนะ สู้ไหวเหรอ?” ปากอยู่ไม่สุข อดพูดประชดประชันไม่ได้ เรื่องที่โดนเขาว่าเธอไม่มีทางลืมง่าย ๆ หรอกนะ“แล้วได้ปะล่ะ คิดเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย” นี่ก็ปากหมาไม่หาย เพิ่งโดนโกรธไปยังไม่เข็ดใช่ไหมไอ้เหี้ยเรย์!“ถอยไป!” กรรวีหน้าตึงออกปากไล่ เตรียมปิดประตูใส่แต่คนตัวสูงกลับขืนไว้ก่อนจะยกอุ้มร่
“ไปรอพี่ข้างล่างนะครับ เดี๋ยวพี่ลงไป” เรวัตกดเสียงต่ำพูดย้ำอีกครั้ง คาริสาเริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจกว่าเก่าหลายเท่าตัว เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากลงไปรออยู่ข้างล่างตามคำลั่งของเขา แต่ในจังหวะที่คาริสาจะหันหลังเดินกลับมาประตูห้องก็เปิดอ้าขึ้นอีกครั้ง จนทุกสายตาต้องหันไปมองกรรวีที่ยืนฟังเสียงคนคุยกันอยู่หน้าห้องพักใหญ่ ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง แต่ที่รู้แน่ชัดคือผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาตามเขา เธอได้แต่ถามตัวเองว่า... แล้วเราจะนั่งอยู่ทำไม ต้องมาหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วรอให้เขาไปกับใครต่อใครปล่อยให้เธอนั่งอยู่ในเงามืดไร้ตัวตนต่อไปแบบนี้น่ะหรือ เธอไม่ได้เกิดและเติบโตมาอย่างดีเพื่อเป็นคนในความลับของใคร เพราะฉะนั้นจะรออะไรหญิงสาวลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าที่พอจะใส่ออกไปได้ จีสติงยังพอใส่ได้ แต่เสื้อชั้นในขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี เธอจัดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่กำลังสวมใส่ให้เข้าที่เข้า ใช้ทิชชูซับหน้า ปาดน้ำตา จัดทรงผมเสร็จก็สวมส้นสูงเดินออกไปนอกห้อง เมื่อพ้นออกมาจากกรอบประตูห้อง สายตาของผู้หญิงทั้งสองก็ประสานกันอย่างอัตโนมัติ และชัดเจนมากว่าความรู้สึกแรกคือทั้งสองไม่ชอบขี้หน้ากันอย่างแรง'เหอะ อีเตี้ย!' กรรวีด่าในใจ
ขณะที่เรวัตกอดรั้งง้องอนกรรวีไม่ให้จากเขาไปกลับมีใครบางคนเคาะประตูห้องเสียงดังลั่น ดึงสายตาของทั้งคู่ให้หันไปมอง ชายหนุ่มจะทำเป็นไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นลูกน้อง เขาตั้งใจจะอุ้มกรรวีเข้ามาในห้องนอนที่อยู่ในสุด แต่ประตูห้องก็โดนเคาะเรียกอีกครั้งก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เคาะรัวแบบนี้คงเป็นไอ้ฮาซีฟเพราะลูกน้องคนอื่นคงไม่กล้า พวกมันรู้ว่าหากทำแบบนี้เขาจะไม่พอใจ‘เคาะขนาดนี้มีใครมาฆ่ากันตายในผับกูรึเปล่าวะ’ก่อนจะไปเปิดประตูดูว่ามีเรื่องอะไร เรวัตอุ้มกรรวีเข้ามาวางบนเตียงขนาดสี่ฟุตในห้องนอนแล้วสั่งห้ามเธอออกมาเพราะกลัวว่าลูกน้องจะเห็น ไม่ใช่อยากจะปิดแค่ไม่อยากให้ใครเห็นร่างกายหญิงสาว เพราะเชิ้ตของเขาที่เธอกำลังสวมใส่มันสั้นปิดแค่โคนขาอ่อนเท่านั้นเองร่างสูงหยิบกางเกงยีนส์สีเข้มขึ้นมาสวมใส่ ท่อนบนเปลือยเปล่าไม่ใส่อะไรเดินไปเปิดประตูห้องด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ที่โดนขัดคอเวลาเขาจะง้อเมีย“มีเหี้ยอะไร!” สิ้นเสียงตะคอกเรวัตกลับต้องชะงักเมื่อเปิดประตูมาแล้วเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ใช่ฮาซีฟแต่เป็น…“ริสา”“พี่เรย์... ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” คาริสาเอ่ยถาม ทั้งที่สองเบ้าตากำลังมีน้ำตาเอ่อคลอ ดวงตาคู่ส
“โอ๊ย พี่เรย์ หงส์ไม่ไหว อ๊าย!” ฝามือใหญ่ฟาดลงบั้นท้ายอวบขาวจนขึ้นเป็นรอยแดงซ่าน เสียงเนื้อกระทบกันสอดประสานกับเสียงครางหวานดังก้องไม่นานที่เรวัตก็ปลดปล่อยเชื้อพันธุ์อัดเข้าใส่ร่องรักของเธออย่างตั้งใจโดยไร้การป้องกันใด ๆ ทั้งสิ้นแรก ๆ ก็มีใส่ถุงยางบ้างแต่ว่าพักหลังมาเขาไม่เคยที่จะป้องกันกับเลยสักครั้ง วันนี้ก็เช่นกันเขากดท่อนลำย้ำอยู่แบบนั้นเนิ่นนานกว่าจะดึงออกไป เรวัตจับกรรวีพลิกกายให้นอนหงายเพื่อจะเริ่มบทรักบทใหม่ หากแต่ครั้งนี้คนใต้ร่างกลับรวบรวมแรงที่มีทั้งหมดผลักเขาออกห่างไปก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งและตะคอกใส่หน้าออกมาเสียงดังอย่างสุดจะทน“หยุดสักที! หงส์ไม่ใช่กะหรี่ที่พี่จะอยากเอาตอนไหนก็ได้นะ ถ้าอยากนักก็ไปหาผู้หญิงของตัวเองเถอะ อยู่ข้างนอกโน่นไปสิ” อยากจะเอาก็เอาจนได้ไม่ถามความสมัครใจกันเลยสักนิด เวลาคิดจะไปก็ไปไม่เคยสนใจความรู้สึกกัน เธอไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่เสร็จกิจแล้วเขาจะทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ได้นะ!“อย่าว่าตัวเองแบบนั้นสิ เธอจะเป็นกะหรี่ได้ยังไง เพราะเท่าที่จำได้ พี่ไม่เคยเสียตังค์ให้เธอเลยสักบาทเดียว” คำที่พูดพ่นออกไปไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกแต่มันเกิดจากความโมโหที่เห็นว่าเธอเอาต
“ว้าย! พี่ทำบ้าอะไรของพี่เนี่ย อื้อ อย่าทำแบบนี้พี่เรย์” กรรวีกรีดร้องดิ้นเร่าเมื่อเรวัตเริ่มฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอออกมาจนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดีถ้าจะใส่แบบนี้ก็ไม่ต้องใส่ สั้นแค่คืบแทบจะปิดง่ามดากไม่ได้ นั่งทีกระโปรงร่นเห็นไปถึงลำไส้ใหญ่ ไหนจะไอ้หน้าอกหน้าใจล้นทะลักนี่อีก หวงโว้ย!“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ เพิ่งจะมาหวงตัวอะไรเอาตอนนี้” ทีกับผู้ชายคนอื่นเธอยังปล่อยให้กอดได้ แต่กับเขาทำไมไม่ยอมให้เข้าใกล้ทั้งที่เคยไปถึงไหนต่อไหนกันมาแล้วเรวัตใช้ความชำนาญในการปลดบราและแพนตี้ตัวบางออกมาจากร่างหญิงสาวแล้วโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวปลดเข็มขัดจัดการรั้งกางเกงลงมากองตรงหน้าขาแล้วส่งลำกายที่ขยายใหญ่เต็มที่เข้าจ่อยังร่องสาวของคนที่นอนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดใด ๆ“ไม่เอานะพี่เรย์ อย่า!” ใจหนึ่งเธอก็คิดถึงเขาแต่เมื่อนึกถึงหน้าผู้หญิงอีกคน บอกเลยว่าตอนนี้ไม่มีอารมณ์อย่างแรง“ทำไม? หึ ทำเป็นไม่เคยไปได้” มุมปากหยักกระตุกยิ้มพอใจที่เห็นคนใต้ร่างเนื้อตัวสั่นเทาราวกับลูกนก เขาหยัดกายขึ้นมาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเผยให้เห็นร่างกายกำยำเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยสักน่าเกรงขาม ร่
“อีเจ๊ เสร็จยังวะ” ไม้ที่จัดการธุระตัวเองเสร็จแล้วตะโกนเข้ามาในห้องน้ำหญิงฝั่งตรงข้ามเพื่อถามกรรวี ทำไมชะนีมันต้องใช้เวลาเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ด้วยไม่เข้าใจ“ยัง! กลับโต๊ะก่อนก็ได้นะ แต่งหน้าใหม่แป๊บ” เธอตะโกนตอบออกไป ช่วงนี้พักผ่อนน้อย นอนก็ไม่ค่อยจะหลับเพราะมีเรื่องให้คิดในหัวมากมายไปหมด สภาพที่มาวันนี้คือง่วงตาปรือมากเลยกะจะล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วลงแป้งแต่งหน้าใหม่เผื่อเจอหนุ่มงานดีถูกใจจะได้พร้อมอ่อยในเมื่อตั้งใจจะมูฟออนแล้วเราจะโทรมเหมือนผีไม่ได้“ครับ!” ไม้ตอบเสียงเข้มแบบสุภาพมาคำเดียวก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินหายไป‘แหม~ ทำมาคงมาครับนะอีไม้’ถ้าให้เดากรรวีคิดว่าไม้น่าจะเจอคนถูกใจเลยตอบเสียงแมนแบบนั้น หากกลับโต๊ะไปแล้วไม่เจออีไม้แปลว่ามันคงลากผู้ชายไปกินที่ไหนสักที่แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ เห็นว่าหล่อเข้ม แมน กล้ามใหญ่แบบไม้ แต่นางก็กินผู้ชายนะ เป็นสายรุกแต่คนนอกอาจจะมองไม่ออกเท่าไหร่‘ชิ! หมั่นไส้ ทำไมคนอื่นเขาหาคู่กันง่ายจัง’ กรรวีบ่นไปแต่งหน้าไป ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเพราะแค่ลงแป้งบาง ๆ กับปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาด ทาลิปมันเปลี่ยนสีเน้นลุคสดใสกระชากใจวัยรุ่นกรุบกริบ เคยได้คนแก่กว่
Comments