หลังจากกินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว หลี่เหมยไม่สนใจว่าเรื่องของถังชุนเป้ยจะกลายเป็นความสนใจของคนในหมู่บ้านมากกว่าแค่ไหน เพราะเมื่อทุกคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว เธอก็ตัดสินใจเดินเข้าป่า เพื่อไปหาของมาแลกเปลี่ยนกับระบบ เหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำ
แต่ก็มีเสียงของชาวบ้านพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ทว่านั่นก็ไม่ได้สร้างความสนใจอะไรให้เธอ
‘เจ้านาย ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้น จะมั่นใจว่าเจ้านายมีส่วนเกี่ยวข้อง กับใบหน้าของเธอที่อัปลักษณ์อยู่ในตอนนี้’
‘ต่อให้ถังชุนเป้ยคิด แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะมาเอาผิดฉัน ถึงแม้ว่าหล่อนจะมั่นใจ แต่แล้วอย่างไรล่ะ’
ขณะที่เธอกำลังสนทนาพูดคุยอยู่กับลี่ลี่ ป้าสะใภ้ใหญ่อย่างซือถัวได้เดินผ่านมาทางนี้พอดี พอเห็นว่าหลานสาวจากบ้านรองยืนอยู่ตรงหน้า ก็รีบเดินเข้ามาหาเรื่อง
“อย่าคิดว่าสิ่งที่เธอทำจะไม่มีใครรู้ ฉันคนนึงล่ะที่เชื่อว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับโจรพวกนั้น แกเอาเงินของพวกเราไป เอากลับคืนมาเดี๋ยวนี้นะ”
ซือถัวเริ่มพูดเสียงดัง ต้องการให้ชาวบ้านบริเวณนี้ได้ยิน เธอเชื่อเหลือเกินว่าครั้งนี้หลี่เหมยจะไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้อีก
“ป้าสะใภ้เป็นบ้าอีกแล้วเหรอ คิดได้อย่างไรว่าฉันเป็นพวกเดียวกับหัวขโมยนั่น อย่าลืมนะว่าหัวหน้าหมู่บ้านได้ค้นทุกที่แล้ว ก็ไม่เห็นพบทรัพย์สินและข้าวของของบ้านใหญ่เลย การที่ป้าพูดแบบนี้ฉันสามารถฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ จำไว้ด้วย”
หลี่เหมยถอนหายใจหลังจากพูดจบ ไม่คิดว่าป้าสะใภ้จะเดินเข้ามาหาด้วยเรื่องเดิม
“นั่นน่ะสิ หล่อนเป็นบ้าอะไร ถึงไปใส่ร้ายหลานสาวแบบนั้น ถ้าหลี่เหมยเป็นพวกเดียวกับโจร แล้วข้าวของพวกนั้นล่ะไปอยู่ที่ไหน หล่อนอย่าลืมนะว่ามีการตรวจค้นหมู่บ้านแล้ว ไม่พบ
ข้าวของของบ้านใหญ่เลยแม้แต่น้อย โทษแต่คนอื่นไม่เคยคิดจะโทษตัวเองเลย บ้าไปแล้ว”หญิงสูงวัยคนหนึ่งพูดขึ้นมา เธอไม่ได้คิดที่จะเข้าข้างใคร แต่สิ่งที่หลี่เหมยพูดมานั้นคือเรื่องจริงทั้งหมด
“แต่บ้านของฉันก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร”
ซือถัวยังคงเถียงกลับ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะต้องโทษเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลี่เหมย
“ฉันไม่มีเวลามานั่งเล่นสนุกกับป้าสะใภ้หรอกนะ อีกอย่างเราสองครอบครัวก็ตัดขาดกันเรียบร้อยแล้ว จะมาพูดเรื่องนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา ถ้ายังคิดว่าฉันเป็นคนทำ ก็ไปแจ้งเจ้าหน้าที่เถอะ เรื่องราวพวกนี้จะได้จบสักกันสักที ฉันรำคาญเต็มทนแล้ว”
พูดจบเธอก็เดินออกมาจากตรงนั้น และไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร ในเมื่อไม่มีหลักฐานก็อย่ามาโยนความผิดทั้งหมดให้เธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนทำก็ตาม
ส่วนทางด้านหยางอี้ข่ายและหลี่ซือหยวน เมื่อทั้งสองออกมาจากหมู่บ้านแล้วก็ตรงดิ่งไปที่คุมขังนักเลงทั้งสามคนนั้น เพื่อตรวจสอบว่าทั้งสามคนจำคนว่าจ้างได้หรือไม่
“พวกเราบอกไปแล้วว่าจำไม่ได้ รู้แค่ว่าเป็นผู้หญิงแต่เธอก็ไม่ได้บอกชื่อแซ่อะไรนอกจากจ่ายเงินให้ตามปกติ และเธอก็เป็นคนชี้เป้าเองตอนที่เธอมา เธอปิดบังหน้าตาอย่างมิดชิด พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดออกมา และทุกคำพูดของมันก็ยังเหมือนเดิม เรื่องนี้จึงทำให้หยางอี้ข่ายรู้แล้วว่าพวกมันพูดความจริงไม่มีคำโป้ปดมดเท็จเลยสักคำ
“เอาอย่างไรดีพี่อี้ข่าย ดูแล้วพวกมันน่าจะไม่รู้ว่าใครเป็น
ผู้ว่าจ้าง แบบนี้เราจะเอาผิดคนที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างไร”ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ทั้งสามคนนี้ไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้เลย และแม้ว่าตอนนี้ถังชุนเป้ยจะรับกรรมไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สาแก่ใจเขา
“ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็กลายเป็นคนหน้าตาอัปลักษณ์ไปเสียแล้ว ต่อให้พาทั้งสามคนนี้ไปชี้ตัวก็เชื่อเถอะว่าจะไม่มีใครจำได้”
ถึงแม้ว่าถังชุนเป้ยไม่ได้เปิดเผยหน้าตาให้กับสามคนนี้ได้เห็นก็ตาม
ชายหนุ่มทั้งสองคนได้แต่ถอนหายใจออกมา
หลังจากเดินเล่นและเก็บของจนเบื่อแล้ว หลี่เหมยก็เดินลงมาจากเขา แม้ตอนขาไปจะรู้สึกไม่พอใจที่เจอกับป้าสะใภ้ แต่เมื่อได้อยู่กับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ และได้เก็บของที่สามารถแลกเปลี่ยนกับระบบได้จำนวนไม่น้อย ก็รู้สึกหายจากอารมณ์ที่หงุดหงิดก่อนหน้านี้
ระหว่างทางก็มีการทักทายชาวบ้านที่รู้จัก หลายคนรู้สึกพอใจที่หญิงสาวไม่ร้ายกาจเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งยังรู้สึกเห็นใจที่โดนบ้านใหญ่ใส่ร้าย เกิดเป็นหลี่เหมยเมื่อทำตัวดีแล้วก็ยังถูกมองว่าร้ายกาจ
“หลี่เหมย ฉันได้ข่าวว่าถังชุนเป้ยแพ้เครื่องสำอางจนหน้าพัง เธอระวังไว้เถอะว่าจะโดนกล่าวหาอีก ฉันกลัวเหลือเกิน”
หญิงสูงวัยคนนี้พอจะมีความสัมพันธ์อันดีกับแม่เลี้ยงของหลี่เหมย เลยพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ฉันเองก็ได้ข่าวเหมือนกันค่ะ แต่เรื่องนี้ป้าไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะ เพราะฉันไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องนี้เลย
อีกทั้งถังชุนเป้ยก็เป็นเพียงคนในหมู่บ้านที่รู้จักกันแค่ผิวเผิน ไม่ได้มีความสนิทสนมกันสักเท่าไร หากเธอมากล่าวโทษว่าฉันเป็นคนทำ หลี่เหมยคนนี้ก็คงจะไม่นิ่งดูดายอีกแล้ว”แม้น้ำเสียงที่พูดออกมาจะดูเรียบเฉย ทว่าแววตากลับเด็ดเดี่ยวและเอาจริงอย่างที่พูด หากอีกฝ่ายมาระรานเธอก่อน
“ฉันเข้าใจในสิ่งที่เธอบอกนะหลี่เหมย แต่คนเราถ้าจะหาเรื่องมันก็มีข้ออ้างเสมอนั่นแหละ หวังว่าเธอจะรอดพ้นจากสิ่งพวกนี้นะ จริงสิแล้วเมื่อไรจะจัดงานแต่งล่ะ ฉันนี่รอกินอาหารมงคลอยู่นะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับเอ่ยถึงงานแต่งของหลี่เหมยที่ยังไม่ได้จัดขึ้น
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลี่เหมยมีความเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ
“รออีกสักหน่อยนะคะ ตอนนี้พ่อกับแม่ของพี่อี้ข่ายยังอยู่ที่ต่างเมือง เดี๋ยวรอท่านทั้งสองคนกลับมาแล้ว ก็คงจะมีข่าวดีแน่นอน”
“ดี ๆ ฉันจะรอฟังข่าวดีนะ”
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย หลี่เหมยก็ขอตัวเดินออกมา และมุ่งตรงกลับไปที่บ้านตนเอง เพื่อเตรียมอาหารเที่ยงให้กับ
ทุกคนหลี่เหมยสาละวนกับการทำอาหาร เธอไม่อยากรับรู้เรื่องราวของคนในหมู่บ้านอย่างบ้านถังสักเท่าไร ถึงแม้ว่าเธอจะทำให้ถังชุนเป้ยเสียโฉมก็ตาม แต่นั่นก็เพราะเกิดจากการกระทำที่อีกฝ่ายเล่นงานเธอก่อน
ในขณะที่กำลังทำอาหารอยู่นั้น เสียงของระบบก็ดังเตือนขึ้นมา
‘เจ้านาย ถังชุนเป้ยกำลังจะคิดร้ายและตรงดิ่งมาที่นี่ เจ้านายควรเตรียมรับมือไว้ให้ดี เธอต้องการจะเอาชีวิตของเจ้านาย’
‘ขอบใจมากนะลี่ลี่ที่เตือนฉัน คราวนี้ก็คงจะจบเรื่องเสียที ในเมื่อเป็นนางเอกนิยายดี ๆ ไม่ชอบ อยากจะเล่นบทร้าย ฉันก็ยินดีที่จะร่วมแสดงด้วย’
พอได้ยินคำเตือนของระบบ หลี่เหมยไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เธอเองก็อยากจบเรื่องราวนี้เหมือนกัน
‘ช่วยตรวจหน่อยว่าพี่อี้ข่ายกับพี่ใหญ่กำลังจะกลับมาหรือยัง คราวนี้คงต้องเอาถังชุนเป้ยไปดัดสันดานสักที ไม่แน่ข้อหาพยายามฆ่าอาจจะถูกตัดสินประหารเลยก็ได้’
‘ทั้งสองคน เดินทางกลับเข้าหมู่บ้านแล้วค่ะ’
‘ถ้าอย่างนั้นก็หมดห่วง จะได้มีพยานและหลักฐานในการจับกุมถังชุนเป้ย คราวนี้คนบ้านถังจะได้ไม่กล่าวหาว่าเป็นการ ใส่ร้ายลูกหลานของพวกเขา”
ตอนที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกจากหน้าบ้าน เลยทำให้หลี่เหมยเดินออกมา เพราะรู้ดีว่าเสียงที่เรียกเป็นเสียงใคร
“ยอมออกมาแล้วเหรอ นังชั่ว”
ถังชุนเป้ยด่าออกมาอย่างเกรี้ยวกราด มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่ตอนนี้ คือการกระทำของหลี่เหมย
“ทำไมฉันต้องกลัวและไม่ยอมออกมาล่ะ เธอด่าฉันว่านังชั่วแล้วตัวเองดีนักรึไง อย่าคิดว่าสิ่งที่เธอทำคนอื่นจะไม่รู้สิ ความลับมันไม่มีในโลกหรอกนะ” หลี่เหมยพูดสวนกลับอย่างไม่ยินยอม เธอไม่สนใจหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลี่เหมยพูด ถังชุนเป้ยก็ชะงักไปเล็กน้อย และรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายรู้แล้วว่าเธอได้ทำอะไรลงไป แต่ก็พยายามเรียกสติกลับมาโดยเร็ว เพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดตนเอง
“ฉันทำอะไร ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามาพูดให้คนอื่นเสียหาย แต่ดูสิ่งที่แกทำกับฉันสิ หน้าตาฉันที่ต้องอัปลักษณ์แบบนี้ก็เพราะแก”
ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาได้ยินก็หยุดมอง และดูว่าทั้งสองคนโต้เถียงกันด้วยเรื่องอะไร พอได้ยินสิ่งที่ถังชุนเป้ยบอกก็แทบจะไม่มีใครเชื่อเลย เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าเธอหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้ นั่นก็เพราะว่าแพ้เครื่องสำอาง แต่ทำไมถึงต้องมาโยนความผิดทั้งหมดให้กับหลี่เหมยแบบนี้ล่ะ จึงมีชาวบ้านคนหนึ่งโต้เถียงขึ้นมาแทน
“หล่อนจะพูดแบบนั้นได้ยังไง จะมาใส่ความว่าหลี่เหมยเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ หากเป็นอย่างนั้นช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าหลี่เหมยทำอย่างไร หล่อนถึงได้หน้าตาเป็นแบบนี้”
“ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ มันนั่นแหละที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ มันต้องเอาของบางอย่างใส่เครื่องสำอางฉันแน่ มีแค่มันเท่านั้นที่เป็นศัตรูกับฉัน มันอิจฉาที่พี่เจินฮ่าวรักฉันมากกว่ามัน” ถังชุนเป้ยเถียงออกมา
แม้จะพยายามหาเหตุผลมาโต้แย้ง แต่ทุกคนก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะเครื่องสำอางเป็นของส่วนตัว หลี่เหมยจะเอาความสามารถอะไรที่จะเอาสารบางอย่างไปใส่ในเครื่องสำอางของถังชุนเป้ยได้
“เธอมองว่าฉันเป็นคนที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติอย่างนั้นเหรอ จินตนาการของเธอจะล้ำเลิศเกินไปหรือเปล่า งั้นฉันขอถามหน่อย ฉันเอาเวลาไหนไปยุ่งกับเครื่องสำอางของเธอ และขอถามอีกครั้งว่า มีใครเห็นว่าฉันเข้าไปที่บ้านนั้นหรือเปล่า การที่เธอใส่ร้ายฉันแบบนี้ ฉันสามารถฟ้องร้องเธอได้นะ”
หลี่เหมยส่ายหน้าอย่างระอากับความคิดของอีกฝ่าย ถังชุนเป้ยกล่าวโทษได้หมดทุกคน ยกเว้นโทษตัวเอง!!
พอได้ยินคำโต้แย้งของหลี่เหมย ชาวบ้านที่ดูเหตุการณ์อยู่ก็ได้แต่พยักหน้ารัว ๆ เพราะเหตุผลของเธอที่บอกกล่าวออกมานั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด
ตอนพิเศษ 2 5 ปีผ่านไปตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวของหลี่เหมยก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ลูกฝาแฝดของเธออย่างหยางกวนโม่กับหยางเสี่ยวเหมยก็อายุครบห้าขวบในวันนี้ ดังนั้นวันนี้ที่บ้านตระกูลหยางจึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกทั้งสองครอบครัวลงไปจัดเตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้ามืด แขกที่มาก็จะเป็นทั้งญาติพี่น้อง และคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีแต่ในห้องนอนของหยางอี้ข่ายนั้นมีแสงส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาเล็กน้อย และในห้องนั้นก็กำลังร้อนระอุกับบทรักยามเช้าที่สามีกำลังมอบให้ภรรยา“อา....เสียวมากครับอาเหมย ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปน้องก็ทำให้มีความสุขทุกครั้ง” หยางอี้ข่ายถึงกับแหงนหน้าครางออกมาอย่างสุขสม“ฮึก...ฉันก็เสียวและมีความสุขค่ะ แต่พี่ต้องทำเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ทุกคนตื่นแล้ว ซี้ดดด!” หลี่เหมยที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าหันก้นให้สามีอัดกระแทกแก่นกายเข้าในร่องเสียว เธอครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อตอนนี้สะโพกหนากระแทกใส่เธอไม่ยั้งตับ ๆ ตับ ๆ ตับ ๆ“โอ้ววว พี่ก็พยายามอยู่ แต่พี่อยากมีความสุขกับอาเหมยนาน ๆ พี่รักอาเหมยที่สุด จุ๊บ!”ชายหนุ่มที่แหงนหน้าครางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งจับเอ
ตอนพิเศษ 1 ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม “อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยากหักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคงไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ” นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร
บทที่ 26 หยางอี้ข่ายเดินเข้ามาหาหลี่เหมยที่นั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสาว“ขอโทษนะครับที่พี่เข้ามาช้า พอดีมีแขกดึงไว้น่ะ” เขาพูดขึ้นและหอมแก้มเธอเบา ๆ“ฉันก็นึกว่าพี่จะปล่อยให้ฉันนอนหนาวอยู่คนเดียวในคืนเข้าหอซะอีก” หญิงสาวพูดอย่างหยอกล้อ และเริ่มมือไม้ซุกซนถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ”“พี่จะปล่อยให้คืนแต่งงานของเราไร้ความหมายได้อย่างไร ส่วนเรื่องอาบน้ำ เอาไว้อาบทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ยังไม่มีเหงื่อเลยสักนิด เดี๋ยวเรามาเข้าหอกันดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้นเหมือนกำลังแกะกล่องของขวัญ“พูดแล้วก็ทำให้พี่คิดถึงคืนนั้น ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก พี่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นอีกจังเลย พี่ชอบมากที่ปากน้อย ๆ นี้สัมผัสกับแก่นกายของพี่ ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับพี่มาก่อน พี่ขอแบบนั้นอีกได้ไหมครับ”หยางอี้ข่ายพูดอย่างอ่อนหวาน เขาจูบลงที่ริมฝีปากบางในตอนที่พูดถึงปากของเธอ“งั้นถ้าฉันทำให้พี่ พี่ก็ต้องทำให้ฉันด้วยนะคะ เหมือนวันนั้น” หญิงสาวตอบกลับอย่างเขินอาย เมื่อคิดถึงคืนแรกของทั้งสองคน“ได้สิ เรามามีความสุขด้วยกันนะ”
บทที่ 25 หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวขอ
บทที่ 24 นายท่านหยางเห็นว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ยังมีความเกรงใจตัวเอง และยังเรียกนายท่านอยู่จึงได้เอ่ยปากบอกออกมา“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เราคนกันเองทั้งนั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าพี่หยางตงเถอะ”“เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนาย ต่อไปก็เรียกว่าพี่ซือเจิน เราสองครอบครัวตอนนี้เกี่ยวดองกันแล้ว”โม่ซือเจินพูดขึ้นมาบ้าง“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับอย่างยินดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนยิ่งใหญ่อย่างนายท่านหยางจะไม่ถือตัวกับชาวบ้านแบบตนเอง“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปในเมืองเพื่อไปเลือกดูเสื้อผ้าและของใช้ในงานแต่งงาน เธออยากจะจัดงานที่ไหนเหรอ”โม่ซือเจินถามความคิดเห็น“ฉันอยากจะย้ายบ้านก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้พ่อสามีให้บ้านมาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้เตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า”หลี่เหมยตอบเอง เธอต้องการทำอย่างที่พูดก่อน ส่วนเรื่องจะเชิญใครไปงานแต่งงานนั้นค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ค่อยเลี้ยงคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเธอ“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อาเหมยก็ค่อยไปดูบ้านกับทุกคนก็แล้วกันว่าชอบหรือเปล่า หากไม่ชอบพ่อจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้ แล้วจะได้ย้ายทะเบียนบ้านทุกคนเ
บทที่ 23 ครึ่งเดือนต่อมา...แม้ว่าจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ในหมู่บ้านก็ยังพูดคุยเรื่องของถังชุนเป้ยอยู่ เนื่องจากการกระทำของเธอมันโหดร้ายจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครไปโกรธหรือเกลียดคนบ้านถัง นั่นเพราะว่าทุกคนแยกแยะออก และรู้ว่าคนบ้านถังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และที่ทุกคนแปลกใจก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวของหร่วนเจินฮ่าวโดนคำสั่งย้ายอย่างกะทันหัน และเห็นว่าเงินเดือนที่ได้จากกองพลน้อยถูกสั่งหักไว้เพื่อชำระหนี้ให้กับหลี่กวงตามสัญญาที่เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไม่ต่างกันวันนี้หลี่เหมยตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะอยากไปดูที่โรงขยะว่ามีสิ่งของน่าสนใจหรือไม่ อีกอย่างเธอได้ยินสามีพูดว่า พ่อกับแม่สามีใกล้จะกลับมาแล้ว เธอจึงอยากจะหาของเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในระบบออกมาซึ่งในระบบพอมีเครื่องประดับบางอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายในยุคนี้ ส่วนพ่อสามีก็คงจะให้เป็นนาฬิกาข้อมือ ที่หาไม่ได้จากในยุคนี้เหมือนกัน‘เจ้านาย ภาพวาดนั้นมีค่ามาก เจ้านายซื้อเก็บไว้ก่อนเถอะในอนาคต ซื้อขายเป็นร้อยล้านหยวนกันเลยนะ’ลี่ลี่รีบส่งเสียงบอกเมื่อเห็นภาพวาดโบราณที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ แต่ในยุคนี้นั้