หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดหรูของตัวเอง ร่างเล็กไม่อาจอยู่นิ่งได้ เดินวนไปมารอบห้องอย่างกระวนกระวาย ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนอยู่ข้างใน มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นถูกยกขึ้นมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจะโทรออกไปยังหมายเลขที่ห่างหายจากการติดต่อมานาน
ทว่าปลายนิ้วที่เตรียมจะกดโทรกลับต้องชะงัก เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเบาๆ ตริ้ง! เธอแตะเข้าไปดูข้อความนั้น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาคล้ายคนที่ยังถูกความรู้สึกเก่าทำร้ายไม่เลิก “พี่ครับ ออกมาเจอผมที่ร้าน XXX หน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากเล่าความจริงทั้งหมดให้พี่ฟัง ผมขอร้องนะครับ” เอาเถอะ ในเมื่อปัญหาอย่างหนึ่งเพิ่งจะถูกคลี่คลาย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ก็คงถึงเวลาต้องจัดการให้มันจบสิ้นเสียที ส่วนเรื่องที่เธอกำลังจะทำเมื่อครู่ ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ⸻ “พี่ครับ ทางนี้” เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูตามนัด เธอก็พบกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของข้อความนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านใน เขาโบกมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หญิงสาวเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไร้อารมณ์ “เข้าประเด็นเลยดีกว่า” เพิ่งจะนั่งลง เธอก็พูดขึ้นทันที ไม่เปิดโอกาสให้อเล็กซ์ได้เตรียมตัว เขาถึงกับชะงัก คำพูดถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ สีหน้าเจื่อนจัดเพราะรู้ดีว่าในหัวของเธอคงมีแต่ความเกลียดชังเขาเต็มเปี่ยม “เรื่องที่รีน่าพูดไป…ผมยอมรับครับว่าผมผิด ตอนนั้นผมตั้งใจสร้างข่าวลือว่าตัวเองเสียชีวิต เพื่อให้พี่คิดว่าผมหายไปจากโลกนี้แล้วจริงๆ แต่ที่ผมทำแบบนั้น…ผมทำเพื่อพี่นะครับ” “…นายหยุดพูดว่าทำเพื่อฉันสักทีเถอะ!” หญิงสาวแทรกขึ้นทันควัน เสียงเยียบเย็นปานน้ำแข็ง เส้นเสียงสะท้อนด้วยความเจ็บลึก “นายรู้มั้ย…ว่าการที่คนๆ หนึ่งต้องมารู้ข่าวว่าคนที่ตัวเองรัก…ตายไปดื้อๆ โดยไม่ทันตั้งตัว มันทรมานขนาดไหน? แล้วนี่หรอ? นี่น่ะเหรอ ที่นายบอกว่าทำเพื่อฉัน?” ชายหนุ่มก้มหน้างุด ก่อนพยายามอธิบายต่อ “ตอนนั้นผมไม่มีทางเลือก พ่อแม่ผมโดนขู่จากครอบครัวของรีน่า พวกเขาบีบบังคับให้ผมแต่งงานกับเธอ พวกนั้นจัดการคนรอบตัวผมอย่างเงียบเชียบ ผมกลัวมาก…กลัวว่าถ้าเรื่องของพี่หลุดไป พี่จะไม่ปลอดภัย ผมเลยยอมไปมีอะไรกับรีน่า ยอมปล่อยข่าวว่าผมตาย จนพ่อแม่ผมจัดการเรื่องทั้งหมดได้ ผมถึงได้รีบกลับมาหาพี่—” “แต่นายก็ยังโกหกฉันอยู่ดี” เสียงเธอเบา แต่เฉียบคม “นายรู้ดีว่าฉันรับมือกับเรื่องพวกนั้นได้ นายก็รู้ว่าฉันจะช่วยนายได้ แต่นายกลับเลือกที่จะปิดบังฉัน เพราะงั้นหัวใจฉันมันไม่เหมือนเดิมแล้วอเล็กซ์ นายกลับมาช้าเกินไป” เมื่อกล่าวจบ หญิงสาวหยิบกระเป๋าเตรียมจะลุกขึ้นเดินจากไป ทว่าปลายแขนถูกรั้งไว้ด้วยมือของเขา “มันไม่มีเหลือให้ผมเลยเหรอครับ…พื้นที่ในหัวใจของพี่…สักนิดก็ยังดี” เสียงแผ่วเบาของเขาทำให้หัวใจคนฟังสะเทือนเล็กน้อย ดวงตาของเด็กหนุ่มแดงก่ำ น้ำตาเอ่อขึ้นรอบดวงตาสีหม่น หากย้อนกลับไปเมื่อก่อน ใบหน้าแบบนั้นคงทำให้เธอใจอ่อน แต่ตอนนี้ มันกลับไม่สะเทือนใจเธอเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวชักมือกลับทันที พร้อมกล่าวคำที่ตัดเยื่อใยอย่างเด็ดขาด “นายควรจะยอมรับความจริงได้แล้วนะ หัดทำตัวให้สมกับเป็น ‘อเล็กซ์’ หน่อยเถอะ สิ่งที่นายควรทำตอนนี้คือ ‘รับผิดชอบรีน่า’” กล่าวจบ เธอก็เดินจากมา ทิ้งให้เด็กหนุ่มนั่งจมอยู่กับน้ำตาและความเสียใจ ⸻ ในรถส่วนตัวที่แล่นออกจากร้านมา หญิงสาวเอนหลังพิงเบาะ หลับตาลงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความรู้สึกอึดอัดในใจคลายลงเหมือนยกภูเขาออกจากอก เรื่องราวทั้งหมดจบลงแล้วสินะ… สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ หัวใจของตัวเอง เธอจะต้องไปตามมันกลับมา มือบางจับพวงมาลัยแน่นก่อนจะสตาร์ทรถ เตรียมขับตรงไปยังจุดหมายสุดท้าย แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เบอร์แปลก เธอกดรับอย่างลังเล…และคาดไม่ถึงเลยว่าเสียงจากปลายสายจะทำให้โลกของเธอพังทลายลงในชั่วพริบตา “คุณท่านไม่อยู่แล้วนะครับ…” เธอแทบล้มทั้งยืน “ฮึก…มันเรื่องบ้าอะไรวะ!!! ทำไมมันต้องเกิดกับฉันด้วย ฮึก…ฮือ…ฉันจะมีความสุขแบบคนอื่นไม่ได้เลยเหรอ…ฮึก…ทำไมวะ…ทำไมพี่ถึงไม่รอกัน…ฮึก…ฉันก็กำลังจะกลับไปหาพี่อยู่แล้วนี่ไง…ทำไมต้องทิ้งกันไปแบบนี้ ฮือ…” น้ำตาไหลไม่ขาดสาย…เธอบอกตัวเองให้หยุดร้อง แต่ทำไม่ได้ ความเจ็บในอกมันบีบรัดทุกลมหายใจ ⸻ “คุณเจส…” บอดี้การ์ดประจำคฤหาสน์โค้งศีรษะให้เธอ เมื่อหญิงสาวก้าวลงจากรถแล้ววิ่งฝ่าเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยพยายามหลีกหนีมาตลอด ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเขาแล้ว… เธอพุ่งเข้าไปในห้องนอนของชายหนุ่ม และเมื่อเห็นร่างไร้ลมหายใจที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง เธอก็ทรุดลงทันที “ตื่นสิ ฮึก…ไหนพี่บอกว่าจะไม่ปล่อยหนูไปไหนไง! แล้วทำไมถึงยอมแพ้แบบนี้…ฮึก!” หญิงสาวร้องไห้โฮ กอดร่างเขาแน่น เสียงสะอื้นดังสะท้าน แต่ไม่ว่าเธอจะร้อง…จะเขย่า…จะอ้อนวอนยังไง ร่างนั้นก็ไม่มีวันตอบกลับมาอีกแล้ว“คุณเจสครับ…” เสียงของชายหนุ่มร่างสูงในชุดบอดี้การ์ดดังขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังกอดร่างไร้วิญญาณที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนใหญ่แน่นจนตัวสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากไม่หยุดราวกับจะขาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น “ใจเย็นก่อนเถอะครับ…คุณเจส” “ฮึก…จะให้ใจเย็นได้ยังไง!” เธอตะโกนเสียงสั่น “คนที่เป็นเหมือนทั้งชีวิตของฉันจากไปแล้ว…พวกนายยังมีหน้ามายืนอยู่เฉยๆ อีกเหรอ!” บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจแผ่ว ดวงตาเศร้าหมองไม่แพ้กัน “พวกเราก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าคุณหรอกครับ แต่ก่อนที่นายจะจากไป เขาฝากคำขอไว้ข้อหนึ่ง…คำขอสุดท้ายที่สำคัญมาก” หญิงสาวเงียบกริบ ก่อนถามทั้งน้ำตา “เขาขออะไรไว้…รีบไปทำสิ!” “ไม่มีใครทำได้หรอกครับ…นอกจากคุณเจสคนเดียว” “ทำอะไรล่ะ ก็รีบพูดมาสิ!” ชายลูกน้องสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “นาย…อยากให้คุณเจสให้อภัยเขาครับ” เธอสะอื้นหนักกว่าเดิม หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก “ฮึก…ฉันให้อภัยเขาไปตั้งนานแล้ว เรากำลังจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อยู่แล้วแท้ๆ…ฮึก…ทำไมเขาต้องมาทิ้งฉันไปแบบนี้ด้วย…” เธอหันกลับไปมองร่างที่นิ่งสงบ ดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยควา
หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดหรูของตัวเอง ร่างเล็กไม่อาจอยู่นิ่งได้ เดินวนไปมารอบห้องอย่างกระวนกระวาย ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนอยู่ข้างใน มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นถูกยกขึ้นมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจะโทรออกไปยังหมายเลขที่ห่างหายจากการติดต่อมานาน ทว่าปลายนิ้วที่เตรียมจะกดโทรกลับต้องชะงัก เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเบาๆ ตริ้ง! เธอแตะเข้าไปดูข้อความนั้น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาคล้ายคนที่ยังถูกความรู้สึกเก่าทำร้ายไม่เลิก “พี่ครับ ออกมาเจอผมที่ร้าน XXX หน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากเล่าความจริงทั้งหมดให้พี่ฟัง ผมขอร้องนะครับ” เอาเถอะ ในเมื่อปัญหาอย่างหนึ่งเพิ่งจะถูกคลี่คลาย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ก็คงถึงเวลาต้องจัดการให้มันจบสิ้นเสียที ส่วนเรื่องที่เธอกำลังจะทำเมื่อครู่ ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ⸻ “พี่ครับ ทางนี้” เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูตามนัด เธอก็พบกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของข้อความนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านใน เขาโบกมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หญิงสาวเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไร้อารมณ์ “เข้าประเด็นเลยดีกว่า” เพิ่งจะนั่งลง เธอก็พ
“อีเจส มึงรู้ป่ะ กูโคตรเกลียดมึงเลย” “แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ” “มึงโลกสวยไปป่ะ มึงมันอีตัวขัดขวาง… อีตัวทำลายชีวิตกู ถ้าไม่มีมึงเข้ามาในชีวิตกูตั้งแต่แรก กูคงจะมีแต่ความสุข!” “กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ…” “มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ? ไร้ยางอายสิ้นดี! จำใส่หัวมึงไว้ด้วยว่ากูเกลียดมึงเข้าไส้เลย มึงมันอีเพื่อนทรยศ!!!” “ไม่จริง…” อีเพื่อนทรยศ “ไม่จริง!!!!” เฮือก!… แฮก… แฮก… หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ความฝันอันเจ็บปวดนั้นเหมือนจริงยิ่งกว่าความจริง เธอกวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนพบว่าตนเองกำลังสวมชุดผู้ป่วย และอยู่ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล “เจส!! เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงทุ้มด้วยความตระหนกทำให้เธอหันไปมองต้นเสียงทันที แล้วก็พบกับสีหน้าอันเต็มไปด้วยความกังวลของชายหนุ่มที่แม้เธอจะหลบซ่อนจากเขายังไง ก็ไม่มีวันรอดพ้นสายตาเขาได้… และครั้งนี้ก็เช่นกัน “เปล่า… แค่ฝันร้าย” “ดูสิ เหงื่อเต็มเลย” ปอร์เช่รีบยื่นมือมาแตะใบหน้าจิ้มลิ้มเพื่อเช็ดเหงื่อให้เธอ เจสไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด เพียงแต่นิ่งเฉย ปล่อยให้เขาทำไป “กอบัวล่ะ… กอบัวเป็นยังไงบ้าง?”
“เฮ้ย! จัดการดิ รออะไรอยู่ล่ะ? เหยื่อสวยๆ ขาวๆ อึ๋มๆ แบบที่พวกแกชอบเลยไม่ใช่เหรอ เอาให้เต็มที่เท่าที่พวกแกต้องการเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหัวเราะสะใจดังลั่นจากริมฝีปากของ วิว เธอยืนกอดอกด้วยท่าทีพึงพอใจ มองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับเป็นฉากละครที่เธอรอคอยมานานแสนนาน “หึ ได้เลย แบบนี้แหละ…ของชอบ~” หนึ่งในชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น พลางยักคิ้วให้พรรคพวกอย่างพออกพอใจ ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนจะก้าวเท้าเข้าหาเหยื่อสาวสองคนอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวก่อน!!” เสียงหวานแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของ กอบัว ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกความสนใจของพวกมันได้ทันที “อะไรวะ?” “ถ้าจะทำอะไร ก็แก้มัดฉันก่อนสิ! มัดไว้กับเก้าอี้แบบนี้ จะทำอะไรก็ลำบากมั้ยล่ะวะ!” “เออว่ะ จริงของมึง” หนึ่งในชายห้าคนเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวร่างเล็กด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือกับดัก เจส ที่อยู่ข้างกอบัวค่อยๆ ชักมีดพับขนาดเล็กซึ่งเธอซ่อนไว้บริเวณเอวอย่างแนบเนียน เธอเตรียมไว้ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานที่นี่ “เฮ้ย! มันมีมีด!!” ชายที่กำลังจะเข้ามาแก้มัดรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมีดแหลมคมวาววับสะท้อนแสงในมือหญิงสาว
“เฮือก!” หญิงสาวสะดุ้งลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมหอบหายใจแรงเหมือนคนเพิ่งเผชิญกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีด เธออยู่ในสภาพเหมือนช็อก ความรู้สึกเหมือนจิตหลุดออกจากร่าง “นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย…ฝันบ้าอะไรวะ” เธอยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ราวกับจะเรียกสติกลับคืนมา หัวใจยังเต้นระรัวขณะที่เธอครุ่นคิดถึงภาพในฝันเมื่อครู่ มันทั้งน่าอาย น่าเวทนา และเหมือนจริงเสียจนเธอแทบแยกไม่ออก “พึมพำอะไรแต่เช้าครับ…ที่รัก” “เฮือก!!” เสียงทุ้มข้างๆเรียกคนตัวเล็กให้รีบหันควับไปมอง แล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้เธอหยุดหายใจ ชายหนุ่มรูปร่างเซ็กซี่ หุ่นกำยำ นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ ร่างกายเขาถูกคลุมไว้เพียงท่อนล่างด้วยผ้าห่ม บนใบหน้าประกบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขาวข้างหนึ่งยังโอบเธอไว้แน่นราวกับเธอเป็นของเขา “อร๊าย!!” เจสสิก้ากรี๊ดเสียงดังลั่นห้อง พร้อมดีดตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนยิ้มพอใจอยู่บนเตียงกับปฏิกิริยานั้นของเธอ “หึ…เด็กน้อย…” แกร๊ก! ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ร่างเล็กเดินออ
“มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะ ทำไมเรื่องบ้าพวกนี้ถึงต้องเกิดกับฉันด้วย ทำไมมันไม่จบไม่สิ้นสักที” ในที่ที่ดังไปด้วยเสียงเพลง เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แสงสีกระจัดกระจาย หญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวนั่งกระดกเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่สนว่าคนรอบๆ จะมีใครมองหรือพูดจานินทา ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่นั่งดื่มมาตั้งแต่ช่วงเย็น หญิงสาวดื่มพลางถามคำถามตัวเองที่ตอบไม่ได้ “ชอบของขวัญสำหรับงานแต่งวันนี้มั้ยครับ ที่รัก…” ก่อนที่เธอจะกระดกเข้าปากอีกแก้วนั้น ได้มีเสียงชายรูปหล่อกระซิบเข้ามาในหูเธอเสียก่อน หญิงสาวหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว… คนที่เธอแอบรอเขาอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่โผล่มา แต่มาตอนนี้กลับมาถามว่าชอบของขวัญที่เขาให้หรือเปล่า คนตัวเล็กหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลานั้น ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเธอ “หึ… เมื่อกี้คงเป็นแผนของนายสินะ” “เป็นไงครับ ชอบมั้ย” “ชอบหรอ… อืม… คงจะชอบมากกว่านี้ถ้าหากนาย—” ฟึบ! “อ้าว… ทำไมไม่พูดให้จบล่ะ” เมื่อเธอพูดยังไม่ทันจบก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ ทั้งในมือยังคงถือแก้วเหล้าเอาไว้แน่น “พี่เธอมานั่งตั้งแต่ร้านเปิดเลยครับ เหล้าหมดไปเป็นเจ็ดขวดแล้วครับ” ชาย