แชร์

๖๐ เดิมพันสุดท้ายใต้แสงโคม

ผู้เขียน: ต้นไม้แห้ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-07 18:00:47

ความเงียบเข้าปกคลุมห้องประชุมลับราวกับมัจจุราชได้มาเยือน คำว่าคืนพรุ่งนี้ หนักหน่วงดั่งภูเขาไท่ซานที่ทับลงบนบ่าของทุกคนในที่นั้น

“ยี่สิบสี่ชั่วยาม...” จางอู๋จีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบโหย “นี่ไม่ต่างอะไรกับการบอกให้เราไปย้ายมหาสมุทรด้วยสองมือเปล่า เราจะหยุดยั้งเสียงระฆังทั่วทั้งเมืองหลวงได้อย่างไร”

ความสิ้นหวังเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของทุกคน ทว่าท่ามกลางความมืดมิดนั้น ตู้เยี่ยนอวี่กลับเป็นผู้จุดประกายแสงแห่งความหวังขึ้นมา

“ถูกต้อง เราหยุดเสียงระฆังไม่ได้” นางกล่าวขึ้น แววตาของนางฉายประกายแน่วแน่ “แต่หากพวกมันสามารถใช้ระฆังเพื่อกระจายเสียงพิษได้ เราก็ย่อมสามารถใช้ระฆังเดียวกันนั้นเพื่อกระจายเสียงโอสถของเราได้เช่นกัน!”

ความคิดของนางช่างอาจหาญและเหนือความคาดหมาย เสมือนกับการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เปลี่ยนอาวุธของศัตรูให้กลับมาเป็นโล่ของตนเอง!

“เราจะใช้เพลงพิณสลายมายาของเรา เข้าหักล้างซิมโฟนีแห่งความบ้าคลั่งของพวกมัน!” องค์หญิงลี่หัวกล่าวสนับสนุน แววตาของนางลุกโชนด้วยจิตวิญญาณของราชนิกุลผู้ไม่ยอมจำนนต่ออ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๖๘ ค่ายกลร้อยสังหาร

    ณ ที่พำนักลับของสำนักพันเงาบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด แผนที่ของจวนเสนาบดีหลิวถูกกางออกบนโต๊ะ มันเป็นมากกว่าจวนของขุนนางธรรมดา แต่คือป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นอย่างแยบยล“จวนของหลิวเจิ้งถูกขนานนามในยุทธภพว่าหลงเหอ” นายหญิงแห่งเงากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็น ดวงตาของนางจับจ้องไปที่แผนที่ราวกับจะแผดเผามันให้เป็นเถ้าถ่าน “ผู้ที่คิดจะเข้าไป มีแต่เข้าได้... ออกไม่ได้”พวกเขาต้องการข้อมูลจากภายในที่มากกว่าแผนผังทางสถาปัตยกรรมธรรมดา ตู้เยี่ยนอวี่จึงตัดสินใจเข้าพบเยว่ฉานอีกครั้งหนึ่ง“บัดนี้เรารู้แล้วว่าศัตรูที่แท้จริงของท่านคือผู้ใด” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวกับเยว่ฉานที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องขัง “ความแค้นของท่าน จะได้รับการชำระก็ต่อเมื่อหลิวเจิ้งสิ้นอำนาจ และการจะโค่นล้มเขาได้ เราจำเป็นต้องมีบัญชีลับเล่มนั้น ท่านเคยเข้าไปในจวนของเขาหรือไม่”ดวงตาของเยว่ฉานที่เคยไร้แวว บัดนี้กลับฉายประกายความแค้นอันลึกล้ำ“ข้าเคยเข้าไปในฐานะขลุ่ยมายา” นางกล่าว “จวนของมันมิได้มีเพียงองครักษ์ฝีมือดี แต่ยังเต็มไปด้วยกลไกสังหารและค่ายกลที่อำมหิต”ด้วยแรงแค้นเป็นเครื่องนำทาง เยว่ฉานได้วาดแผนผังภายในของจวนเสนาบดีหลิวอย่

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๖๗ เปิดหน้ากากอสรพิษเฒ่า

    “เป็นไปได้อย่างไร...” จางอู๋จีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อ “เสนาบดีหลิวรับใช้ราชสำนักมาตั้งแต่รัชสมัยก่อน ได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทองค์ก่อนอย่างยิ่ง... เขาคือเสาหลักของแผ่นดินมาโดยตลอด”“บางครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนเสาหลักที่ค้ำจุนบ้านเมือง” นายหญิงแห่งเงาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาจับขั้วหัวใจ “แท้จริงแล้วอาจเป็นปลวกที่กัดกินโครงสร้างอยู่ภายในมานานแล้ว ชายผู้นี้คือผู้ที่ทำลายตระกูลมู่หรงของข้า!”บัดนี้ทุกคนได้เข้าใจภาพทั้งหมดแล้ว องค์ชายจ้าวเฟิงมิใช่ผู้ชักใย แต่เป็นเพียงหมากตัวใหม่ที่คมที่สุดที่เสนาบดีหลิวเพิ่งจะหยิบขึ้นมาใช้ ส่วนพรรคเมฆาโลหิตก็อาจเป็นเพียงกองกำลังที่เขาให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังมาตลอดหลายปี...เสนาบดีหลิวเจิ้ง คือผู้เล่นตัวจริงในกระดานหมากที่เดิมพันด้วยชะตากรรมของแผ่นดินนี้!“ในเมื่อเรารู้โฉมหน้าที่แท้จริงของอสรพิษเฒ่าตัวนี้แล้ว” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวขึ้น แววตาของนางสงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว “เราก็มีอาวุธชิ้นสำคัญที่สุดที่จะใช้ต่อกรกับมันได้แล้ว”

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๖๖ ทะเลอักษร

    จอมยุทธ์จากสำนักพันเงาสองคนเคลื่อนไหวราวกับใบไม้ที่ล่องลอยไปตามสายลม พวกเขาปลดสลักประตูและกับดักกลไกง่าย ๆ ที่อยู่เบื้องนอกได้อย่างไร้ร่องรอย ประตูไม้หนักอึ้งของหอจดหมายเหตุถูกแง้มเปิดออกอย่างเงียบงันทันทีที่ก้าวเข้าไป อากาศที่เย็นเยียบและกลิ่นอายของกระดาษเก่าแก่หลายร้อยปีก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของทุกคน ภายในนั้นกว้างใหญ่และมืดมิด ชั้นเก็บม้วนคัมภีร์สูงเสียดฟ้าเรียงรายกันเป็นทิวแถวราวกับป่าหินที่ไร้ที่สิ้นสุด ที่นี่เป็นทะเลอักษรที่เก็บซ่อนความลับของราชวงศ์มาหลายชั่วอายุคน“คดีที่เราต้องการ อยู่ในห้องต้องห้ามที่ลึกที่สุด” จางอู๋จีผู้คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดีกระซิบนำทางทั้งสี่เคลื่อนที่ไปตามเงามืดอย่างระมัดระวัง ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูเหล็กกล้าบานใหญ่ที่ถูกปิดผนึกไว้ด้วยยันต์อาคม“ยันต์นี้มีไว้เพื่อตรวจจับพลังลมปราณของผู้บุกรุก” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าว นางสัมผัสได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ในยันต์ “แต่ข้าพอจะรู้วิธีผ่านมันไปได้”นางใช้ความรู้ทางการแพทย์ สร้างจุดบอดของพลังลมปราณขึ้นรอบตัวของทุกคนชั่วขณะ ทำให้พวกเขาสามารถ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๖๕ รื้อคดีพลิกแผ่นดิน

    ภายหลังจากได้ฟังเรื่องราวของเยว่ฉาน ตู้เยี่ยนอวี่ก็ตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้ง นางตระหนักแล้วว่าศัตรูที่แท้จริงหาใช่บุคคลหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งไม่ แต่เป็นดั่งโรคเรื้อรังแห่งความอยุติธรรมที่กัดกินแผ่นดินต้าเฉินมาอย่างยาวนาน องค์ชายจ้าวเฟิงและพรรคเมฆาโลหิตเป็นเพียงเชื้อโรคฉวยโอกาสที่เข้ามาซ้ำเติมในยามที่แผ่นดินอ่อนแอ“ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราเพียงแค่ต่อสู้กับอาการของโรค มิได้รักษาที่ต้นตอ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวขึ้นในที่ประชุมของเหล่าพันธมิตรในเงามืด แววตาของนางแน่วแน่และเปี่ยมด้วยปัญญา “หากเราต้องการชัยชนะที่แท้จริง เราต้องเปลี่ยนจากการเป็นนักรบมาเป็นแพทย์ผู้รักษาแผ่นดิน”“หมายความว่าอย่างไร?” กู้เหยียนหลงถาม“เราต้องเยียวยาบาดแผลเก่าแก่ที่สุดของแผ่นดิน นั่นคือคดีความที่ไม่เป็นธรรมในอดีต” นางกล่าว “หากเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าราชสำนักเคยตัดสินคดีผิดพลาดอย่างร้ายแรง ก็เท่ากับเป็นการสั่นคลอนความชอบธรรมของเหล่าขุนนางกังฉินที่ยังอยู่ในอำนาจ และเปิดทางให้เราสามารถนำเสนอความจริงเกี่ยวกับคดีของพวกเราเองได้”แผนการของนางช่างอาจหาญและลึกซึ้ง มันคือการใช้ความยุติธรรมในอดีต มาเป็นอาวุธในปัจจุบันนายห

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๖๔ ไขปริศนา

    คุกใต้ดินของสำนักข่าวกรองลับนั้นทั้งเย็นเยียบและอับชื้น เสียงหยดน้ำที่หยดลงบนพื้นหินเป็นจังหวะเชื่องช้า ช่างเป็นเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดนี้ตู้เยี่ยนอวี่ในสภาพที่ร่างกายยังคงอ่อนแอ ต้องมีกู้เหยียนหลงคอยประคอง ค่อย ๆ ก้าวลงมาตามบันไดหินที่สูงชัน นางปฏิเสธคำทัดทานของทุกคนที่ห่วงใยในอาการของนาง เพราะนางรู้ดีว่ากุญแจที่จะไขปริศนาทั้งหมด ถูกขังอยู่ในห้องที่ลึกที่สุดเบื้องหน้า“นางเปรียบดั่งภูเขาน้ำแข็ง” จางอู๋จีกล่าวเตือน “ข้าลองมาแล้วทุกวิธี แต่มิอาจทำให้เปลือกน้ำแข็งนั้นละลายได้แม้แต่น้อย”ตู้เยี่ยนอวี่เพียงยิ้มบาง ๆ “น้ำแข็งที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ย่อมต้องละลายด้วยความอบอุ่นที่เหมาะสมเจ้าค่ะ”เมื่อประตูห้องขังเปิดออก ตู้เยี่ยนอวี่ได้เผชิญหน้ากับเยว่ฉาน นักดนตรีขลุ่ยมายาเป็นครั้งแรกโดยไม่มีม่านลูกปัดขวางกั้น เยว่ฉานนั่งนิ่งอยู่บนเตียงฟาง ดวงตาที่งดงามคู่นั้นจ้องมองมายังนางด้วยความว่างเปล่าและเย็นชา ไม่มีความกลัว ไม่มีความโกรธ มีเพียงความเฉยเมยราวกับว่านางได้ตายไปจากโลกนี้แล้วตู้เยี่ยนอวี่ให้นางกำนัลนำเก

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๖๓ รอยแผลแห่งวีรชน

    รุ่งอรุณได้ขับไล่ความมืดมิดของรัตติกาลไปจนสิ้น ทว่าไอสังหารและความโกลาหลของค่ำคืนที่ผ่านมายังคงทิ้งร่องรอยไว้ในใจกลางเมืองหลวง ภาพของตู้เยี่ยนอวี่และองค์หญิงลี่หัวที่ถูกหามลงมาจากหอชมดาวในสภาพหมดสติ ได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ทุกคนในวังหลวงหมอหลวงชางและเหล่าแพทย์หลวงต่างวิ่งวุ่นกันราวกับมดแตกรัง ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความกังวลอย่างสุดซึ้ง“นี่มิใช่บาดแผลทางกาย แต่เป็นภาวะที่พลังลมปราณและแก่นแท้แห่งชีวิตถูกสูบไปจนหมดสิ้น” หมอหลวงชางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาหลังจากตรวจพระอาการขององค์หญิงและชีพจรของตู้เยี่ยนอวี่ “เปรียบดั่งตะเกียงที่ถูกเผาไหม้จนน้ำมันเหือดแห้ง การฟื้นฟูจะต้องใช้เวลายาวนานและต้องอาศัยโอสถทิพย์ล้ำค่าที่สุด”กู้เหยียนหลงยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงของตู้เยี่ยนอวี่ เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด บัดนี้เขาคือแม่ทัพใหญ่ผู้มีอำนาจล้นฟ้า สามารถบัญชาทหารได้นับแสน แต่กลับมิอาจทำสิ่งใดเพื่อช่วยเหลือสตรีที่เขารักสุดหัวใจได้เลย ความรู้สึกไร้พลังนี้ช่างกัดกินใจเขายิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับคมดาบนับพันเล่มเขาจ้องมองใบหน้าอันซีดเซียวของนาง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status