เข้าสู่ระบบ
โรงแรมอินทูทัช
02.35 น.
ห้อง 1203
ตื๊ด~
‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ’
‘คาริสา’ กดวางสายอีกครั้งหลังจากที่พยายามติดต่อ ‘ปัตถ์พงษ์’ อยู่ทั้งคืน แต่จนตอนนี้ตีสองครึ่งแล้วก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ เธอเป็นห่วงและเริ่มรู้สึกกังวล เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วที่เธอจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเขา
ตื๊ด~
“ฮัลโหล ติดต่อปัตถ์ได้ไหมแก้ม”
[ยังไม่ได้เลยว่ะ]
เสียงเครียดของ ‘แก้มหอม’ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นหัวใจ
ตอนนี้เป็นเวลาที่เธอและเขาควรต้องแต่งหน้าทำผมเตรียมตัวสำหรับพิธีแห่ขันหมากในช่วงเช้า แต่เจ้าบ่าวของเธอกลับหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน หนำซ้ำยังติดต่อไม่ได้
เมื่อคืนนี้เธอกับเขาพักด้วยกันที่โรงแรมที่จองเอาไว้สำหรับจัดงานแต่งงาน แต่เมื่อช่วงหัวค่ำเขาบ่นว่าหิว ก่อนจะขับรถออกไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ โรงแรม
ตอนแรกเธอจะไปด้วยกันกับเขา แต่เขาบอกให้เธอรอเขาอยู่ที่ห้องเพราะเห็นว่าเธอเหนื่อยจากการเดินเตรียมโน่นเตรียมนี่มาตลอดทั้งวัน ไม่คิดว่าเขาจะมาหายตัวไปแบบนี้
ตื๊ดดือ~
เสียงออดที่หน้าประตูทำให้เธอรู้สึกมีความหวัง
“แป๊บนะแก เขาน่าจะกลับมาแล้ว”
เธอบอกกับแก้มหอมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดเช็กอินเตอร์คอมที่หน้าประตู ทว่าใบหน้าของคนที่ปรากฏบนจอกลับไม่ใช่ ปัตถ์พงษ์ที่เธอกำลังรอ แต่เป็นทีมช่างแต่งหน้าทำผมที่เธอติดต่อเอาไว้
คาริสาเปิดประตูต้อนรับทีมช่างสามสี่คนเข้ามาในห้อง ก่อนที่เธอจะหลบเข้ามาคุยโทรศัพท์ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงทีมช่างช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณ์แต่งหน้าทำผมแล้วเธอยิ่งกระวนกระวายใจ
“ฮัลโหล”
[ใช่ปัตถ์ไหมแก]
“ช่างแต่งหน้าน่ะ”
ตื๊ด~
ระหว่างที่กำลังคุยกับแก้มหอม ก็มีสายซ้อนจาก ‘ภูมิพัฒน์’ เพื่อนอีกคนที่เธอให้ช่วยติดต่อและตามหาปัตถ์พงษ์
“ภูมิโทรมา แค่นี้ก่อนนะยัยแก้ม ขอบใจมาก แกกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”
[เออๆ เจอกันที่งานเช้า ถ้ามีอะไรจะรีบโทรบอก]
“ฮัลโหลภูมิ ติดต่อปัตถ์ได้ไหม”
วางสายจากแก้มหอม คาริสาก็รับสายภูมิพัฒน์ต่อทันที
[ไม่ได้]
คาริสาอยากจะร้องไห้ เธอทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง นาทีนี้เรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับเรื่องความปลอดภัยของเขาอีกแล้ว
[แต่เจอตัวแล้ว]
“ที่ไหน เขาปลอดภัยใช่ไหม”
คาริสาถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
[เดี๋ยวฉันเปิดกล้องให้ แล้วเธอดูเอาเองก็แล้วกัน]
แต่น้ำเสียงที่ภูมิพัฒน์ตอบกลับมา ฟังแล้วรู้สึกไม่ดีสักเท่าไร คาริสาหายใจไม่ทั่วท้อง มือไม้เย็นเฉียบ นึกกังวลไปต่างๆ นานา
รอจนภูมิพัฒน์เปิดกล้องโทรศัพท์มือถือพร้อมกับสลับกล้องจากด้านหน้าไปเป็นกล้องด้านหลัง ภาพบนหน้าจอที่คาริสาเห็นไม่ค่อยสว่างนัก เหมือนจะเป็นในผับบาร์
เธอเพ่งหน้าจอเพื่อมองหาเจ้าบ่าวของตัวเอง ภูมิพัฒน์หมุนกล้องไปจนทั่วร้าน กระทั่งหยุดอยู่ที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังพลอดรักกันอยู่ที่มุมอับ
ร่างกายของเธอชาดิกจนแทบขยับไม่ได้ กำโทรศัพท์แน่นจนสั่น สายตายังคงจับจ้องใบหน้าของผู้ชายที่กำลังจะมาเป็นคู่ชีวิตของเธอ แต่ตอนนี้เขากลับกำลังกอดจูบอยู่กับผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย
หน้าอกของหล่อนแทบจะทะลักออกมาจากเกาะอกตัวจิ๋วสีแดง ซึ่งเขากำลังขยำมันเต็มไม้เต็มมือ ร่างกายของทั้งคู่เบียดเสียดแนบชิดกันในช่องแคบๆ เคลื่อนไหวเป็นจังหวะเดียวกัน ใบหน้าของหล่อนเริ่มเหยเก
แม้เสื้อผ้าจะยังอยู่บนร่างกายครบทุกชิ้น ไม่มีชิ้นไหนหลุดร่วงหรือถูกเปลื้องออกไป แต่กลับไม่มีสักชิ้นที่อยู่ในสภาพปกติ
กระบอกตาของคาริสาร้อนผ่าว ในอกวูบวาบราวกับมีลูกไฟปะทุขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ทั้งที่เธอเป็นกังวลเพราะเขาอยู่ทั้งคืน นึกเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะประสบอุบัติเหตุ แต่เขากลับไปยืนเอากับผู้หญิงอื่น ในวันที่กำลังจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเธอ
ติ๊ด!
คาริสาตัดสายทิ้งในไม่กี่วินาทีต่อมา มือไม้ของเธออ่อนแรงจนแทบประคองโทรศัพท์ไม่ไหว น้ำตาไหลอาบแก้ม
“กรี๊ดดด!!!”
ที่สุดแล้วเธอก็กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ใคร”[ต้นปาล์มครับ เพื่อนคาริสา]คาริสาเป็นอีกคนที่แค่ได้ยินชื่อ เขาก็รู้สึกไมเกรนจะขึ้น “เมา?”[ใช้คำว่าเละเทะจะเหมาะกว่าครับ]“แชร์โลเคชันมาก็แล้วกัน” สั่งเสียงเข้มแล้ววางสายด้วยความหงุดหงิด สมุทรเหลือบมองแวบหนึ่งเพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยจะสู้ดี“มองอะไร”[วุฒิรายงานว่าตอนนี้ปัตถ์พงษ์อยู่ที่ร้านคาราโอเกะแถวๆ ผับที่เราเจอกับคุณคริสครั้งแรกครับ]“ครั้งแรกที่โรงแรม”[ผับที่เจอครั้งแรกครับ] ภากรมองตาขวางใส่เมื่อถูกย้อน แต่เมื่อครู่เขาหัวร้อนจนไม่ทันฟังให้ดีเอง เห็นคนสนิทยิ้มแห้งแล้วได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้ทำไมเขาเป็นคนจ่ายเงินเดือน แต่คนของเขากลับดูเข้าข้างคนอื่นมากกว่า“ยังไม่รีบไปอีก!”[ครับๆ] สมุทรรับคำสั่งแล้วเร่งความเร็วของรถขึ้นทันทีภากรกำหมัดแน่น เขาสั่งให้คนจับตาดูปัตถ์พงษ์อยู่ตลอด แต่ทุกครั้งที่คนของเขารายงาน มักพบว่าสถานที่ที่มันอยู่ คือที่เดียวกันกับที่คาริสาอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกันตอนนี้แม้จะยังไม่มั่นใจว่าเงินที่มันได้ไปจากภากานต์ทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าไร แต่หลังจากนี้ไปมันจะไม่ได้อีกแม้แต่บาทเดียวสมุทรรู้จุดหมายปลายทางอยู่แล้ว แต่ภากรเพิ่งได้รับข้อความเป็นกา
โรงพยาบาล“นายลองดูนี่แล้วกัน” ขนมผิงยื่นโทรศัพท์มือถือที่ค้นเจอจากใต้หมอนของภากานต์ให้เขาก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง พยาบาลเข้ามาทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้กับภากานต์ตามปกติ แต่พบว่ามีโทรศัพท์ซุกอยู่ใต้หมอนหนึ่งเครื่องจึงรีบโทรบอกเธอ เธอโทรบอกภากรในทันที แต่ภากานต์ได้ยินเข้าจึงไม่พอใจ อาละวาดพังข้าวของในห้อง สุดท้ายจึงต้องฉีดยาคลายเครียดเพื่อทำให้เธอหลับ เหตุการณ์จึงสงบลงได้“ขอบใจ ผิงไปพักเถอะ เราอยู่กับกานต์เอง”“วันนี้เราอยู่เวรต่อน่ะ มีอะไรก็เรียกแล้วกัน”“ไม่ต้องพักเหรอ ไม่มีเวลานอนบ้างหรือไง”“ร้อนเงินน่ะสิ ไปนะ น้องกานต์เพิ่งได้ยาไป น่าจะตื่นอีกทีพรุ่งนี้ บอกเผื่อกรอยากกลับไปพัก ท่าทางกรดูง่วงกว่าเราเสียอีก” ขนมผิงพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปภากรถอนหายใจหลังจากได้ยินเสียงปิดประตูห้อง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาแล้วเริ่มเปิดเช็กโทรศัพท์มือถือที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่ใต้หมอนของภากานต์ได้อย่างไรรหัสปลดล็อกโทรศัพท์ของภากานต์คือสิ่งที่เขาไม่ต้องคาดเดา เพราะตัวเลขหกตัวที่เป็นแทบจะทั้งหมดของเธอคือวันเดือนปีเกิด เคยบอกให้เปลี่ยนแล้ว แต่เธอเคยชื่ออะ
ตื๊ด~ยกโทรศัพท์ขึ้นมองหน้าจอแล้วรีบปาดน้ำตา“ฮัลโหล”[คืนนี้แกว่างไหม วันเกิดยัยปั้น มันชวนไปกินหมูกระทะ] แก้มหอมทำเสียงกระซิบกระซาบ น่าจะเพราะยังทำงานอยู่“ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ”[อ้าว แกเป็นอะไรไหม หรือเมื่อคืน...]“เปล่า ไม่มีอะไร แค่นี้ก่อนนะแก ฝากเบิร์ดเดย์ยัยปั้นด้วย บอกมันว่าโอกาสหน้าฉันเลี้ยงเอง แต่วันนี้ปวดหัวว่ะ”[เออๆ หายไวๆ นะแก บาย]โชคดีที่แก้มหอมไม่ใช่คนเร้าหรืออะไรจึงยอมวางสายไปง่ายๆคาริสาปิดเครื่องทันที ดีดตัวเองขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปเปิดแมคบุ๊คทิ้งไว้ ก่อนจะเดินกลับมาเปิดตู้แขวน หยิบมาม่าคัพออกมาแกะฝาแล้วกดน้ำร้อนใส่ลงไปเพราะตั้งแต่เช้าที่กลับมาจากคอนโดของภากร เธอยังไม่ได้กินอะไร ตอนนั่งกินข้าวที่บ้านก็ได้แค่นั่งเขี่ย ตักใส่ปากไปคำหนึ่งก็กลืนแทบไม่ลง จนตอนนี้เริ่มรู้สึกแสบท้องแล้วมาม่าในถ้วยยังไม่ทันสุก อยู่ๆ ประตูห้องของเธอก็ถูกเปิดเข้ามาโดยภากร คาริสาช้อนตามมองเขาด้วยความตกใจ แต่พอเห็นคีย์การ์ดในมือเขาแล้วจะโทษใครได้นอกจากตัวเอง ผิดที่อ่อยเขาวันนั้น แต่พอเขาเล่นด้วยแล้วตัวเองดันคิดจริงจัง ลืมไปว่าเขาแค่เล่นด้วย“มาทำไมคะ” ภากรหยุดยืนอยู่ที่ฝั่งตรงกันข้ามกับที่เธ
“ไอ้ตุลย์”ภากรเดินมาเจอพอดี แต่คาริสาก็ไม่ได้คิดจะหลบหน้าเขาตั้งแต่แรก ที่ดึงตุลามาหลบอยู่ตรงนี้เพราะต้องการได้ยินอะไรที่น่าจะช่วยให้เธอหาบทสรุปความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้เร็วมากขึ้นเท่านั้นเองคาริสายิ้มให้ทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นปกติ และกำลังพยายามทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่ใจสั่นระรัว ยิ้มให้ตุลาที่เหลือบมองเพราะอยากให้เขาทำตัวปกติเหมือนกัน“กูกำลังจะขึ้นไปพอดี”“ตุลย์ ตุลาเหรอ”“อืม ฉันเอง”ไหงกลายเป็นตุลากับเธอคนนั้นรู้จักกันเสียได้คาริสามองหางตาใส่ ตุลารีบฉีกยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นโอบไหล่เธอไว้อย่างคนร้อนตัว“กลับมาตั้งแต่เมื่อไร”“เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันหรอก แล้วนี่เธอกับไอ้กร...”“เปล่าๆ เราแค่มาช่วยดูแลน้องกานต์น่ะ” เธอรีบปฏิเสธแล้วเว้นระยะห่างจากภากรในทันที“คิดว่ามีข่าวดีเสียอีก”“มึงมานานหรือยัง” ภากรถามแทรก น้ำเสียงแข็งกระด้างผิดไปจากที่พูดคุยกับพยาบาลพิเศษก่อนหน้านี้จนคาริสารู้สึกได้เทียบกันแล้ว ไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือสายตา หากเป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาคนนั้น เขาก็ดูอ่อนโยนกับเธอมากกว่าจริงๆ“เพิ่งถึง”“แล้วนี่...”“นี่น้องคริส แฟนฉันเอง น้องคริสครับ นี่พี่ขนมผิง เพื่อนพี่”
“บอกพี่ได้ไหมเผื่อพี่ช่วยได้”“คริส...”“ถ้าไม่สบายใจจะเล่าก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยู่ข้างเราเสมอนะ” ตุลารีบพูดแทรกเพราะไม่อยากให้เธอเล่าเพียงเพราะรู้สึกกดดัน คาริสาได้แต่ยิ้มขอบคุณเขาจากใจ“น้องสาวของคุณกร เคยคบกับปัตถ์ค่ะ”“ไอ้ปัตถ์เนี่ยนะ”“ค่ะ เหตุผลที่เธอฆ่าตัวตาย เป็นเพราะคุณกรเขาสั่งห้ามไม่ให้เธอพบกับปัตถ์อีก เพราะเขารู้ว่าปัตถ์กำลังจะแต่งงานกับคริส”“เดี๋ยวๆ นี่เราหมายความว่าน้องกานต์ก็ถูกไอ้ปัตถ์หลอกงั้นเหรอ”เธอพยักหน้ายืนยันคำตอบ เพราะไม่ว่าจะเธอหรือภากานต์ ต่างก็ถูกมันหลอกทั้งนั้น“ก่อนหน้านี้คริสรู้จักกับคุณกรเพราะเราต่างคนต่างมีความแค้นกับไอ้สารเลวปัตถ์ ก็เลยทำความจักกัน”“แต่เท่าที่พี่เห็นเมื่อวาน ก็เหมือนว่ามันกับเราจะใจตรงกันไม่ใช่เหรอ”คาริสายิ้มขื่นเพราะไม่ค่อยแน่ใจในคำตอบ หากถามเธอ เธอคิดว่าตัวเองรู้สึกดีกับเขา ส่วนหนึ่งเพราะทุกอย่างที่เขาทำให้ ทั้งคอยช่วยเหลือ คอยเตือนสติ ทำให้เธอผ่านช่วงเวลาแย่ๆ นั้นมาได้จริงๆ แต่เรื่องความรู้สึกของเขา เธอไม่แน่ใจเธอเคยบอกกับเขาว่าเธอไม่มีหัวใจจะรักเขา นั่นเพราะเธอไม่อยากให้ตัวเองหวั่นไหวไปกับเขาและสิ่งที่ตัดสินใจทำ จำได้ว่าเขาตอบเธ
“คริส”“คะแม่”“อาหารไม่อร่อยเหรอลูก” แม่ถามยิ้มๆ เพราะเห็นเธอเอาแต่นั่งเขี่ยกับข้าวในจาน แต่ไม่ตักเข้าปากสักคำ“อร่อยค่ะ” ยิ้มแห้งแล้วตักข้าวใส่ปากคำแรกให้แม่สบายใจ กวาดสายตามองไปที่ทุกคนแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจ บรรยากาศมื้อกลางวันวันนี้น่าอึดอัดตั้งแต่เห็นหน้าปัตถ์พงษ์แล้ว “ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องฝืน เดี๋ยวเสร็จเรื่องแล้วพี่พาไปหาอะไรอร่อยๆ กิน” ตุลาที่นั่งอยู่ข้างๆ กระซิบบอก เห็นเขาแล้วเธอก็จำต้องฝืนยิ้มอีกรอบ วันนี้นัดกันเอาไว้สามคน เธอ เขาและภากร แต่ภากรเพิ่งจะโทรมาบอกตุลาว่าเขามาไม่ได้ เหตุผลเพราะต้องรีบไปดูแลน้องสาวที่โรงพยาบาลส่วนเหตุผลที่เขาโทรบอกตุลา ไม่ได้บอกเธอตรงๆ ก็เพราะเธอไม่รับสายเขาวันนี้เธอออกจากคอนโดของเขาตั้งแต่เช้าตรู่ อาศัยช่วงเวลาที่เขาน่าจะเพิ่งนอนไปได้ไม่นานเพราะมั่นใจว่าเขาจะไม่ตื่นมารั้งหรือตั้งคำถามใส่เธอ หรือแม้แต่สั่งให้สมุทรขับรถมาส่งเธอเพราะเธอไม่อยากเสียเวลาและจะไม่ให้โอกาสเขาอีกแล้วเมื่อคืนนี้เป็นอีกครั้งที่เขาปล่อยให้เธอรอเก้อ ต่อให้เขาจะนั่งทำงานอยู่ข้างนอก ส่วนเธอนอนอยู่ในห้องนอน แต่จะต่างอะไรกับการปล่อยเธอทิ้งไว้ในห้องเพียงลำพังอย่างคืนแรก สุดท้าย







