ฮ่องเต้เลิกคิ้ว มององค์รัชทายาทแวบหนึ่งเรายังไม่เอ่ยปาก เจ้ารีบร้อนอะไร?องค์รัชทายาทหดคอ ชั่วขณะนั้นไม่กล้าพูดสิ่งใดนิสัยฮ่องเต้ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ยังยิ้มแย้ม แต่ปุบปับก็อาจโกรธเคือง อย่างไรระวังไว้ก่อนดีกว่าโชคดีที่ฮ่องเต้ไม่ได้จ้ององค์รัชทายาทตลอด หันมองฉู่หนิง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เงื่อนไขของเจ้า เราสามารถรับปาก”ฉู่หนิงตาลุกวาวทว่าต่อมาฮ่องเต้กลับส่ายหน้า “แต่สิบปี นานเกินไป!”หลังหยุดไปชั่วครู่ ฮ่องเต้ยื่นฝ่ามือขวาออกมา แล้วเอ่ยเชื่องช้า “เอาอย่างนี้ เราให้เวลาเจ้าห้าปี ว่าอย่างไร?”ฉู่หนิงหน้าเศร้า “ห้าปีน้อยเกินไปแล้ว เสด็จพ่อ พระองค์ก็ต่อรองโหดเกินไปแล้วกระมัง หั่นครึ่งเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”“แต่ในเมื่อเสด็จพ่อเอ่ยปาก กระหม่อมก็ต้องให้เกียรติพระองค์ เอาอย่างนี้ แปดปี แปดปีเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ทั้งสองต่อรองกันไปมาเหล่าองค์ชายและเหล่าขุนนางรอบข้างต่างตะลึงนี่เป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง ไฉนทั้งสองจึงทำตัวเหมือนแม่ค้าตลาดสดซะอย่างนั้น?ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของทุกคน ฮ่องเต้เลิกคิ้ว “แปดปีหรือ? นานไปหน่อย เอาอย่างนี้ เรากับเจ้าถอยกันคนละหนึ่งก้าว เจ็ดปี
“เงื่อนไขหรือ?”ฮ่องเต้ตะลึงเรามอบอำนาจทางทหารให้เจ้า เจ้ายังยื่นเงื่อนไขกับเราหรือ?หรืออำนาจทางทหารของต้าฉู่ตกต่ำจนถึงขั้นนี้แล้ว?“ถูกต้อง หากเสด็จพ่อยอมรับเงื่อนไขของกระหม่อมได้ กระหม่อมถึงจะกล้ารับช่วงทหารแนวหน้า ไม่อย่างนั้นกระหม่อมยอมถูกพระองค์ตำหนิก็จะทิ้งตราอาญาสิทธิ์ไว้พ่ะย่ะค่ะ!”ท่าทางของฉู่หนิงหนักแน่น ขณะกล่าว ตราอาญาสิทธิ์ในมือถูกเขาวางไว้บนโต๊ะมุมปากฮ่องเต้กระตุก ในใจไม่ค่อยสบอารมณ์องค์รัชทายาทข้างกันสังเกตเห็นสีหน้าผิดปกติของฮ่องเต้ จึงอดไม่ได้ต้องหรี่ตา ทั้งมีความแปลกใจแวบผ่านหากคืนนี้ไม่ให้ฉู่หนิงรับตราอาญาสิทธิ์ไป เสด็จพ่อต้องเลือกให้ข้าหรือหนึ่งในท่ามกลางองค์ชายอื่นรับตราอาญาสิทธิ์เอาไว้ ถึงยามนั้น เรื่องยุ่งยากกลับมาตกอยู่ที่ข้าไม่ได้ ต้องทำให้ฉู่หนิงรับตราอาญาสิทธิ์ไว้“เสด็จพ่อ น้องสิบแปดเพิ่งชนะศึกกลับมา อย่างไรลองฟังเงื่อนไขของเขาก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทยิ้มอย่างประนีประนอม “หากเงื่อนไขของน้องสิบแปดมีเหตุผล ทางราชสำนักจะพิจารณาอย่างเหมาะสม”ใครก็รู้ว่าฮ่องเต้รักหน้าตา หากไม่ให้ทางลงแก่ฮ่องเต้ ฮ่องเต้คงไม่ยอมรับปากโดยง่ายองค์ชายอื่น
“ทันทีที่ดองกับตระกูลเสิ่นแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมย่อมมีอำนาจโยกย้ายเสบียงของตระกูลเสิ่น ด้วยเสบียงสำรองของตระกูลเสิ่น จะเลี้ยงกองกำลังที่กระหม่อมสร้างขึ้นมาเองคงไม่มีปัญหาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินดังนั้น องค์รัชทายาทดีใจทันใด“น้องสิบแปดพูดถึงประเด็นสำคัญแล้ว!”องค์รัชทายาทยืนขึ้นกล่าวเสียงดัง “ในเมื่อตระกูลเสิ่นเลี้ยงกองกำลังที่เจ้าสร้างขึ้นมาได้ ย่อมเลี้ยงทหารแนวหน้าได้ เพียงแค่มีคนเพิ่มมาไม่กี่หมื่นเท่านั้น สำหรับตระกูลเสิ่น ไม่น่าจะเป็นไร!”ขอเพียงฉู่หนิงบัญชาการทหารแนวหน้าต่อไป เสด็จพ่อจะไม่มอบเรื่องนี้ให้คนอื่น ยิ่งไม่ให้คนอื่นบริจาคเงินและเสบียงองค์ชายรองรู้สึกตัวแล้ว ทันใดนั้นจึงรีบสำทับ “ท่านพี่องค์รัชทายาทพูดถูกแล้ว ในเมื่อน้องสิบแปดมีตระกูลเสิ่นสนับสนุน เรื่องนี้คงต้องเป็นเจ้าเท่านั้น”องค์ชายอื่นๆ ก็ไม่ใช่คนโง่ ไฉนเลยจะไม่เข้าใจความหมายของทั้งสองคน พวกเขาเองก็รีบสำทับพร้อมกันทันทีเหล่าขุนนางที่อยู่ตรงนี้ก็กลัวมากว่าไม่มีคนรับช่วงต่อทหารแนวหน้า ถึงตอนนั้นฮ่องเต้คงให้พวกเขาออกเงินและเสบียง!ไม่สู้ให้ฉู่หนิงบัญชาการทหารแนวหน้าต่อไป อย่างน้อยหากเป็นเช่นนั้น พวกเขาไม่
เมื่อลมหนาวภายในอุทยานหลวงพัดผ่าน กลิ่นหอมร้อยพันลอยโชยมาฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ภายในศาลาพักร้อนเย็นแผ่นหลังกะทันหัน ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อยไม่รู้ว่าเป็นความเย็นที่ลมในยามค่ำคืนนำพามา หรือการแสดงออกเมื่อครู่ของเหล่าขุนนางทำให้ผิดหวัง ฮ่องเต้ในขณะนี้รู้สึกโศกเศร้ากำลังทหารหกหมื่นนาย ทว่าราชสำนักไม่มีเสบียงให้ ช่างน่าเศร้าเพียงใด!เหล่าขุนนาง เหล่าองค์ชาย ได้แต่บ่ายเบี่ยง ไม่กล้ารับภาระหน้าที่หนัก ช่างน่าเศร้าเพียงใด!ราชวงศ์ต้าฉู่ สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน กลับเลี้ยงดูให้กลายเป็นคนเช่นนี้ ช่างโชคร้ายเพียงใด!วินาทีนี้ ฮ่องเต้รู้สึกอับจนหนทางอย่างสุดซึ้งเมื่อเห็นตราอาญาสิทธิ์ที่ฉู่หนิงถือไว้ไม่ไกล ฮ่องเต้ถอนหายใจยาว “เรื่องนี้เราใจร้อนเกินไป เดิมทีคิดว่าฉู่หนิงได้บริจาคเสบียงและเงินทองแล้ว น่าจะยืนหยัดได้ไม่นาน ถึงอยากจะเปลี่ยนคนมารับช่วงต่อนึกไม่ถึงว่าขุนนางเต็มราชสำนักกลับไม่มีใครกล้ารับช่วงต่อ ช่างทำให้เราผิดหวังเหลือเกิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กำลังทหารแนวหน้ายังคงให้ฉู่หนิงบัญชาการต่อไป”เมื่อได้ยินดังนั้น องค์รัชทายาทและเหล่าองค์ชายต่างโล่งอกตอนนี้พวกเขากลัวแค่ว่าฉู่หนิงจะนำเ
เหล่าองค์ชายลนลานมากแม้จะอยากได้อำนาจทหารมาก แต่ยิ่งไม่อยากออกเสบียงและเบี้ยหวัดเองฉู่หนิงเห็นทุกคนปฏิเสธทั้งหมด ใบหน้าจึงเผยความร้อนใจ “ท่านพี่ทุกท่าน พวกท่านอย่าลืมนะ ศึกนี้น้องยังยึดเสบียงมาได้บ้าง เพียงพอจะเลี้ยงกองทัพเราได้สองเดือน!”เลี้ยงได้สองเดือน?แล้วหลังจากสองเดือนล่ะ?ถึงตอนนั้นก็ต้องออกเองใช่หรือไม่?ฮึ เจ้าฉู่หนิงเจ้าเล่ห์ซะเหลือเกิน ถึงขนาดคิดจะใช้วิธีนี้มอบตราอาญาสิทธิ์ออกไปเหล่าองค์ชายแค่นหัวเราะในใจไม่หยุด รู้สึกว่าตัวเองมองแผนการฉู่หนิงออกในสายตาพวกเขา ยามนี้การกระทำที่ฉู่หนิงเป็นฝ่ายมอบตราอาญาสิทธิ์ออกมาไม่ต่างจากตัวตลกทุกคนไม่มีใครหวั่นไหว ฉู่หนิงร้อนใจ จึงหันมองเหล่าขุนนาง“ใต้เท้าทุกท่าน ไม่ทราบว่ามีผู้ใดยินดีรับกองทัพแนวหน้าไป?”เหล่าขุนนางต่างทยอยก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตากับฉู่หนิง กลัวฉู่หนิงจะมองมาที่ตัวเองฉู่หนิงขมวดคิ้ว หันมองพร้อมเอ่ยถามมหาราชครูที่อยู่ด้านหน้าสุด “ไม่ทราบว่าใต้เท้ามหาราชครูยินดีรับตราอาญาสิทธิ์นี้หรือไม่?”มุมปากมหาราชครูกระตุก “องค์ฉู่อ๋อง กระหม่อมอายุมากแล้ว จะออกรบได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”“นั่นก็ใช่อยู่!”ฉู่หนิงพยักหน้า
องค์รัชทายาทมองตราอาญาสิทธิ์ตรงหน้า ทว่าไม่กล้ารับแม้จะอยากได้ตราอาญาสิทธิ์ ควบคุมอำนาจทางทหาร ขยายอำนาจของตัวเอง แต่เมี่อใดที่รับตราอาญาสิทธิ์ นั่นคือต้องจัดการเรื่องการศึกแนวหน้าด้วยศึกนี้สามารถชนะได้ ล้วนเป็นเพราะฉู่หนิงจวนตายแล้วจึงหาทางรอดมาได้ เพราะเรื่องนี้ยังบริจาคเสบียงและเงินทองอย่างไม่เสียดายหากเปลี่ยนเป็นเขา ไม่มีทางทำได้แน่นอนสำหรับสงครามที่ไม่มีโอกาสชนะ เขาจะมอบเสบียงและเงินทองของตัวเองออกไปได้อย่างไรตราอาญาสิทธิ์ ไม่เอาก็ไม่เป็นไร!เมื่อคิดได้ดังนั้น องค์รัชทายาทยิ้มเจื่อน “น้องสิบแปดหมายความว่าอย่างไร เจ้าเพิ่งกลับเมืองหลวงก็มอบตราอาญาสิทธิ์ให้ข้า คนที่รู้คิดว่าน้องสิบแปดเป็นคนจงรักภักดี หากใครไม่รู้ยังคิดว่าข้าบังคับเจ้า”ฉู่หนิงหัวเราะเสียงดัง ก้าวเข้าไปเป็นฝ่ายวางตราอาญาสิทธิ์ไว้ในมือองค์รัชทายาท “ต่อหน้าใต้เท้าทุกท่าน น้องจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร แต่ตราอาญาสิทธิ์ถือเป็นเผือกร้อนมือจริงๆ ขอท่านพี่องค์รัชทายาทรีบรับไปจะดีกว่า”องค์รัชทายาทตกใจจนสะดุ้ง รีบดันตราอาญาสิทธิ์กลับไปในมือฉู่หนิง ร่างกายยังเผลอถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัวตราอาญาสิทธิ์นี้ใครร