@VENIKA CLUB : [เวนิก้า คลับ]
บนชั้นลอยภายในโซน VIP สุดหรูของ VENIKA CLUB ร่างสูงของเวกัสนั่งเอนหลังพิงกับโซฟาตัวยาวในท่วงท่าสบาย ๆ มือหนาหมุนแก้ววิสกี้ไปมา ทว่าไม่ได้ยกขึ้นดื่ม สายตาคมกริบดูว่างเปล่าและเหม่อลอย ราวกับมีเรื่องต้องให้คิดมากมาย
ในหัวของเขาตอนนี้ไม่ได้เงียบเชียบเหมือนดวงตาที่ดูว่างเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถูกรบกวนด้วยเสียงดังกระหึ่มของเพลงที่เปิดในผับ ทว่าเสียงนั้นกลับเป็นเสียงครวญครางแหบแผ่วของเธอคนนั้น ที่ดังก้องหูซ้ำ ๆ ในความทรงจำอันน่าขนลุก
เสียงนั้นรบกวนสมาธิของเขาจนแทบหายใจไม่เป็นจังหวะ นอนหลับไม่เต็มตาเลยสักวัน จนต้องพาตัวเองออกมาระบายความอัดอั้นและกลบมันด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเช่นตอนนี้
“เป็นอะไรไป? ทำหน้าอย่างกับคนกำลังอกหัก...”
นิกา หรือ ชานิกา พิบูลไกรศร สาวสวยเซ็กซี่ในชุดเดรสคัตเอาต์สีแดงสด เอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างเวกัส แค่เห็นเขาแวะเวียนเข้ามาที่ผับเธอก็แปลกใจมากแล้ว แต่อาการเหม่อลอยของเขากลับทำให้นิกาแปลกใจยิ่งกว่า
เวกัสตวัดสายตาดุใส่เธอเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา อย่างไม่สบอารมณ์
“คนอย่างเรา ไม่เคยได้ใช้คำนั่นหรอก...” เวกัสตอบ ก่อนจะยกแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด นั่นยิ่งทำให้เพื่อนที่สนิทและรักกันมานานอย่างชานิกาเกิดข้อสงสัย ว่าอะไรหรือใครกัน? ที่ทำให้เพื่อนของเธอตกอยู่ในอาการหัวร้อนได้ขนาดนี้
“จริงเหรอ...แต่อาการมันฟ้องนะ ดูตาของเวตอนนี้สิ มันดูล่อกแล่กผิดปกตินะ” ชานิกาเอนตัวเข้ามาใกล้เขา ด้วย สายตาอยากรู้เต็มที
“นิกา!” เวกัสทำเสียงดุ จนชานิกาต้องทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา พลางหัวเราะชอบใจที่ได้ยั่วโมโหเขา
“นิกาก็แค่สงสัย...ปกติตัวแรงอย่างเวไม่เคยอยู่ในโหมดเหม่อลอยแบบนี้นี่...มันต้องมีอะไรสักอย่างสิน่า พอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“นาน ๆ เราจะมาที่ผับครั้ง แทนที่นิกาจะพูดถึงเรื่องผลกำไร แต่มานั่งสอบสวนเรายังกับตำรวจ บางที่เราก็คิดนะ...ว่าการถอนตัวออกจากการเป็นหุ้นส่วน อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี” เวกัสโพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย
“เฮ้! นิกายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ นิกาก็แค่เป็นห่วง เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เวมีเรื่องไม่สบายใจทำไมนิกาจะดูไม่ออก อยู่ ๆ มาหัวร้อนพาลใส่นิกาได้ไง ถ้าเวยังคิดถึงความเป็นเพื่อนก็ควรจะแบ่งทุกข์แบ่งสุขกัน ไม่ใช่ปล่อยให้นิกาเป็นห่วงอยู่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าไม่เห็นนิกาเป็นเพื่อน...เวก็ไม่ต้องพูดก็ได้”
ชานิกาเองก็เริ่มงอน เมื่อเวกัสแสดงออกถึงอาการที่เขาไม่เคยเป็นใส่เธอ เขาไม่เคยหัวร้อนใส่เธอแบบนี้มาก่อน แม้เธอจะยั่วให้เขาโกรธมากแค่ไหน เวกัสก็ไม่เคยอารมณ์เสียใส่เธอแบบนี้
แม้ตอนนี้ชานิกาจะงอนเขา แต่พ่อตัวแรงของเธอก็ไม่ยอมตอบหรือบอกอะไร จนชานิกาแทบจะถอดใจไม่เซ้าซี้
“เฮ้อ! รำคาญคนคนหนึ่ง ใจก็อยากจับมาหักคอให้ตาย ที่เราหงุดหงิดจนนอนไม่หลับ ก็เพราะกำลังคิดวิธีจัดการกับยัยโหดนั่นอยู่ คิดว่าจะทำยังไงให้ยัยนั่นคลานมาสยบแทบเท้าเรา และขอร้องให้เรายอมยกโทษให้”
พอชานิกาทำเป็นงอนก็เข้าตามสูตร เวกัสจะอ่อนข้อทันที เพราะชานิการู้ว่าเขาไม่เคยปล่อยให้ชานิกาโกรธได้นาน มีแค่เธอคนนี้...ที่ตัวแรงอย่างเวกัสจะยอมใจอ่อนและตามง้อ ถ้าไม่ใช่...ก็อย่าหวังว่าเขาจะยอม
“ผู้หญิงเหรอ? ฟังดูโกรธแค้นจัง” ชานิกาสังเกตจากน้ำเสียง
“ถ้าฆ่าได้...ก็อยากจะฆ่า” เวกัสสบถออกมาอย่างหนักแน่น
“ปกติเวไม่ค่อยมีเรื่องกับผู้หญิงเชิงพยาบาทแบบนี้ ส่วนมากจะมีเรื่องในเชิงพิศวาสมากกว่า”
ชานิกาถามราวกับสงสัย ปกติเวกัสไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องกับผู้หญิงในเชิงอาฆาตแค้นแบบนี้ เธอเห็นแต่เขาหิวผู้หญิงเข้าม่านรูด ก็ไม่เคยได้ยินว่าจะปาดคอหั่นศพอย่างตอนนี้เลย
“อย่าพูดให้ชวนอ้วก...”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ ถามจริง...สวยไหม?” ชานิกาถาม
“อย่างยัยโหดนั่น ไม่คู่ควรกับคำนี้” เวกัสว่า พลางกลอกตาจนชานิกานึกหมั่นไส้
“ที่พูดถึงน่ะ คนหรืออะไร ฟังดูไม่มีข้อดีเลย...เขาทำอะไรให้เวไม่พอใจขนาดนั้น”
“อย่างยัยนั่น...แค่เกิดมาแย่งอากาศคนอื่นหายใจก็ผิดแล้ว”
“ดูโกรธแค้นนะเราน่ะ หาสวย ๆ แถวนี้เยียวยาไหม?” ชานิกาเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจ คนอย่างเวกัสเวลาอารมณ์บูดต้องใช้สาวสวยเยียวยา
“เป็นความคิดที่ดี...หามาให้สูบวิญญาณสักคนดิ ถ้าดีขึ้นจะคืนปันผลหุ้นให้สักสิบเปอร์เซ็นต์”
“จริงนะ...เดี๋ยวจัดให้เลย”
ชานิกายยิ้มให้เวกัสเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันหน้าออกไปยังระเบียงชั้นลอยมองผ่านกระจกใสที่กลั้นกลางความเป็นส่วนตัวให้กับโซน VIP เพียงแค่มองออกไปตามความลึกของร้าน สายตาก็เหลือบไปเจอความสดใสน่ารักน่าขยี้ ตรงตามแบบที่เพื่อนรักของเธอต้องการ กำลงนั่งอยู่ตรงมุมห้องอีกฟากฝั่งเพียงลำพัง
“ตรงมุมห้องฝั่งนั้นน่าสนนะ...เฮียเวนึกอยากหิ้วกลับไปทานที่บ้านไหม?”
ชานิกานำเสนอมาก จนเวกัสยกยิ้มพอใจ ก่อนจะสาดวิสกี้อึกสุดท้ายเข้าคอ แล้วลุกขึ้นเดินมาดูทันที
แต่แล้วหัวใจของเขาก็เหมือนหยุดเต้นไปชั่ววินาที เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างบางในชุดเดรสสีครีมอ่อน นั่งยิ้มอยู่ตรงมุมห้องนั้น
“ใบหยก...” เวกัสเอ่ยชื่อเธอราวกระซิบ ดวงตาคมกริบเบิกกว้างเล็กน้อยด้วยความไม่เชื่อสายตา
ภาพของเธอตอนนี้แตกต่างจากสิ่งที่เขาเห็นที่มหาลัยทุกวัน ราวกับคนละคน ร่างเพรียวบางในชุดเดรสโทนสีสดใส ที่ตัดกับผิวขาวผ่องจนออร่า ใบหน้าที่เคยดุดันฉาบเคลือบไปด้วยรอยยิ้มน่ารัก สลับกับการหัวเราะจนเห็นคมฟันซี่เล็กๆ แหลม ๆ อย่างมีเสน่ห์ เธอไม่ได้เต้นอย่างคนอื่น เพียงแค่นั่งดูเพื่อน ๆ เต้นและยกแก้วนมปั่นขึ้นมาจิบเป็นครั้งคราว แต่ภาพนั้นกลับดึงดูดสายตาเขาให้นิ่งมองจนไม่สามารถละสายตาหนีไปที่อื่นได้
ชานิกามองตามสายตาของเวกัสแล้วก็หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ เพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอทำราวกับโดนมนต์เสน่ห์ของน้องนมปั่นคนนี้เข้าแล้ว
“ชอบแบบนี้นี่เอง…ชอบนมปั่น ฮ่า ๆ”
เวกัสถึงกบเลื่อนสายตากลับมาโฟกัสที่แก้วในมือ แล้วก็ยกขึ้นมาดื่มแก้เก้อ ทั้งที่เขาพึ่งจะดื่มมันหมดไปเมื่อกี๊ ทำให้ชานิกายิ่งหัวเราะแรงขึ้นไปอีก
“ประสาท...จืดชืดไร้อารมณ์ขนาดนั้น” เวกัสกลบเกลื่อนความรู้สึก เพราะกลัวว่าชานิกาจะรู้ว่ายัยนั่นคือคนคนเดียวกันกับยัยประธานโหดที่เขาอยากจะบีบคอให้ตาย
“แหม...แต่เวมองแบบตาไม่กะพริบเลยนะ...เอาไลน์ไหม?” ชานิกายังไม่เลิกล้อ
“ไม่ได้อยากได้เลย...” เวกัสหันหลังให้กับภาพของเธอคนนั้น เพราะยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“เฮ้! เห็นไหม...เวมัวแต่ชักช้าโดนไอ้หน้าตี๋นั่นปาดหน้าให้แล้ว”
คำพูดของชานิกาทำให้เวกัสหันกลับไปมอง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาหันหลังให้เธอ จะมีผู้ชายร่างสูงก้าวเข้าไปนั่งข้างเธอ แล้วโน้มตัวลงไปพูดใกล้ ๆ หูของเธอจนเกินสิ่งที่คนเพิ่งรู้จักกันควรทำ
เสียงดนตรีที่ดังลั่นเหมือนจะหายออกไปจากโสตประสาทในทันที เวกัสวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะด้วยแรงโทสะ จนทำให้แก้วกระแทกกับโต๊ะไม้ราคาแพงเสียงดัง และเกิดรอยร้าวที่ก้นแก้วในทันที
“หึ...ยัยโหด...ที่แท้ก็แรดตัวแม่แบบที่เขาว่าจริง ๆ”
ชานิกาขมวดคิ้วงุนงง กับใบหน้าที่แทบจะฆ่าคนได้ของเวกัสตอนนี้
“เว...อย่าบอกนะว่า...” เธอพยายามเดาสุ่ม แต่กลับถูกสายตาของเขาตวัดจ้องจนดูน่ากลัว
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ...ไม่ต้องอยากรู้...”
เขาตวาดเธอเสียงดังอย่างไม่เคยทำมาก่อน แต่แววตาคมเข้มเริ่มดุดันมากขึ้น จนดูอันตราย สันกามข้างแก้มนูนจนขึ้นสัน ราวกับว่าเขากำลังกัดฟันแน่นและอดทนกับอะไรสักอย่าง
“ใจเย็น...” ชานิกาพยายามเอาน้ำลูบใจ เพราะคนอย่างเวกัส เวลาโกรธหรือโมโหไม่ได้น่ารักเลยสักนิด คนที่อยู่รอบข้างพร้อมชะตาขาดได้ทุกเมื่อ และเธอก็ไม่อยากเสี่ยงเป็นคนคนนั้น...
แหม...พ่อตัวแรง ปากแซ่บนะพ่อนะ ว่าแต่...โกรธอะไรก๊อนนนน ใบหยกหนีไปลูกกกก
“อย่าเฮีย! ผมยอมแล้วเฮีย...ผมยอมแล้ว...”ใบหยกถึงกับรีบถอยออกห่างจนชิดกำแพง พลางถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่คนเข้ามาช่วยคือ...เวกัส ตัวแรงตัวพ่อแห่งความเสเพล แต่ใบหยกกลับรู้สึกว่าเขาคือคนที่ไว้ใจได้ที่สุดในตอนนี้ ซึ่งมันขัดแย้งกับจิตใต้สำนึกของเธออย่างแรง “ผู้หญิงไม่เล่นด้วยมึงก็ควรถอย...อย่าเอาสันดานเหี้ย ๆ มาใช้ในถิ่นกู...ออกไป!” เวกัสเปล่งเสียงตวาดไล่จนชายคนนั้นสะดุ้งเฮือก แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่ใบหยก ราวกับจะฝากฝังความอาฆาตแค้น เวกัสจึงคว้าข้อมือของใบหยกแล้วดึงให้เธอมาหลบอยู่ข้างหลัง จนใบหยกงุนงงกับสิ่งที่เขาทำ “ออกไป!” เวกัสตลาดไล่อีกครั้ง พลางจ้องชายคนนั้นตาเขม็ง เพียงเห็นสายตาดุดันของเขา ชายคนนั้นก็รีบลนลานออกไป จนภายในห้องน้ำเกิดความเงียบงันเข้าปกคลุม“ทีอย่างนี้...ทำไมไม่เห็นเก่งเลย...ฮึ!”เวกัสเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเชียบที่แสนอึดอัด จนใบหยกต้องพยายามสะบัดข้อมือออกจากการกอบกุมของมือใหญ่“ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง...ไอ้บ้านี่!” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเวกัสไม่ยอมปล่อยแถมยังกำข้อมือเธอแน่นจนใบหยกเกิดความไม่พอใจ“เธอพูดอย่างนี้
บนชั้น VIP ที่มีแสงไฟนุ่มสลัวเล็กน้อย เสียงเบสก็ไม่ได้ดังกระแทกจนหูชาเหมือนข้างล่าง วิเวียนกับมินตราขึ้นมาเจอฟลอร์เต้นรำก็กรี๊ดกร๊าดกันอย่างตื่นเต้น จนเผลอทิ้งใบหยกให้นั่งเฝ้าโต๊ะเพียงคนเดียว เพื่อที่จะไปออกสเต็ปกันอย่างเมามันใบหยกถึงกับส่ายหัวให้กับความรักสนุกของเพื่อน ๆ ถึงเธอจะไม่ได้ออกไปแจมกับทั้งสองสาว แต่ก็เลือกที่จะนั่งดูและยิ้มออกมาเบา ๆ อย่างมีความสุขพักใหญ่ ๆ ที่สองสาวสนุกสนานกับการเต้นจนลืมกลับโต๊ะ ใบหยกจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถดูเพื่อฆ่าเวลา~ อย่าอดทนกับความสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด เพราะคำว่ารักที่เท่าเทียมกัน จะไม่ทำให้เราต้องอดทนจนเกิดความอึดอัดใจ ~รอยยิ้มบาง ๆ ฉาบเคลือบบนมุมปากสวย เมื่อข้อความในโพสต์ของเพจที่เธอติดตามมานานอย่างเพจ...เมื่อลมหนาวมาเยือน ซึ่งใบหยกรู้ดีว่าเจ้าของเพจและโพสต์นี้คือใคร แม้เขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นหนึ่งในแฟนคลับก็เถอะ แต่สำหรับเธอ...เธอรู้แค่ว่าทุกครั้งที่เธอเหนื่อยและกำลังลำบากใจ เธอได้รับการเยียวยาและได้พลังงานบวกจากเพจนี้มาโดยตลอด มันทำให้ใบหยกผ่านช่วงแย่ ๆ ในทุกบททดสอบของชีวิต แต่โชคดีที่เธอได้รับกำลังใจจากเจ้าของเพจนี้สนใจหน้าจอได้เพ
เสียงเพลงภายในผับยังคงดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง จนสั่นสะเทือนยันพื้นห้อง ในขณะที่สองสาวกลับมานั่งลงข้าง ๆ ใบหยกหลังจากออกไปโยกย้ายจนได้เหงื่อกันพอใจแล้ว“เพลงสนุกมากเลย ระบบเสียงโคตรดี” วิเวียนเริ่มรีวิวให้คะแนนความหรูหราของผับ สมกับที่เธออยากพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวตั้งแต่แรก“อาหารก็อร่อยนะ เครื่องดื่มก็ของดีทั้งนั้นเลย...เต็มสิบไม่หักเลย” มินตราที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องอาหาร ยังยอมรับว่าอาหารของที่นี่ดีเยี่ยมจริงๆ“จริง...ดีงามมาก” และใบหยกก็เห็นด้วยเช่นกัน“เอ้า! ดื่มฉลองวันเกิดฉันหน่อย” วิเวียนชวนเพื่อน ๆ ชนแก้วกันเพื่อเป็นการฉลองวันเกิดของเธอ ใบหยกเองก็ยื่นแก้วนมปั่นของเธอชนกับเพื่อน ๆ แม้ทั้งสามสาวจะคนละไลฟ์สไตล์ แต่ก็เป็นเพื่อนกันได้อย่างลงตัวขณะที่ทั้งสามสาวนั่งคุยกันพลางฉลองกันอย่างคึกคัก พลันสายตาของใบหยกก็เหลือบไปเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้าม พลางทอดสายตาที่เต็มไปด้วยนัยชัดเจนว่าสนใจเธอ มองมาที่เธอพร้อมส่งรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์มาให้เธอใบหยกเห็นเช่นนั้นก็พยายามฝืนยิ้มตอบอย่างสุภาพ แต่มือเรียวกุมแก้วนมปั่นแน่นด้วยความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกและใบหยกก็ไม่คิดเล
@VENIKA CLUB : [เวนิก้า คลับ]บนชั้นลอยภายในโซน VIP สุดหรูของ VENIKA CLUB ร่างสูงของเวกัสนั่งเอนหลังพิงกับโซฟาตัวยาวในท่วงท่าสบาย ๆ มือหนาหมุนแก้ววิสกี้ไปมา ทว่าไม่ได้ยกขึ้นดื่ม สายตาคมกริบดูว่างเปล่าและเหม่อลอย ราวกับมีเรื่องต้องให้คิดมากมายในหัวของเขาตอนนี้ไม่ได้เงียบเชียบเหมือนดวงตาที่ดูว่างเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถูกรบกวนด้วยเสียงดังกระหึ่มของเพลงที่เปิดในผับ ทว่าเสียงนั้นกลับเป็นเสียงครวญครางแหบแผ่วของเธอคนนั้น ที่ดังก้องหูซ้ำ ๆ ในความทรงจำอันน่าขนลุกเสียงนั้นรบกวนสมาธิของเขาจนแทบหายใจไม่เป็นจังหวะ นอนหลับไม่เต็มตาเลยสักวัน จนต้องพาตัวเองออกมาระบายความอัดอั้นและกลบมันด้วยเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มเช่นตอนนี้“เป็นอะไรไป? ทำหน้าอย่างกับคนกำลังอกหัก...”นิกา หรือ ชานิกา พิบูลไกรศร สาวสวยเซ็กซี่ในชุดเดรสคัตเอาต์สีแดงสด เอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่างเวกัส แค่เห็นเขาแวะเวียนเข้ามาที่ผับเธอก็แปลกใจมากแล้ว แต่อาการเหม่อลอยของเขากลับทำให้นิกาแปลกใจยิ่งกว่าเวกัสตวัดสายตาดุใส่เธอเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา อย่างไม่สบอารมณ์“คนอย่างเรา ไม่เคยได้ใช้คำนั่นหรอก...” เวกัสตอบ ก่อนจะยกแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกรวดเดียวจ
ณ ห้องชมรมภายในศูนย์สาธิตวิทยาของสถาบัน EST ตอนช่วงเวลาบ่ายคล้อย ใบหยกยังคงนั่งก้มหน้าอยู่กับแบบแปลนชิ้นงานบนโต๊ะออกแบบอย่างเคร่งเครียด ดินสอไม้ด้ามยาวหมุนไปมาอยู่ระหว่างนิ้วเรียว ราวกับกำลังใช้ความคิดในหัวไม่หยุด“ใบหยกจ๋า!”เสียงหวานใสแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ของวิเวียนดังขึ้นจากข้างหลัง เพื่อย้ำกับใบหยกว่าตอนนี้จบชั่วโมงเรียนแล้ว เธอควรจะวางงานในมือแล้วกับบ้านกับพวกเธอได้แล้ว“พวกเรามีเรื่องสำคัญมากจะบอก”มินตราเอ่ยขึ้นเป็นการเสริมทัพ ด้วยน้ำเสียงจริงจังจนใบหยกต้องเงยหน้าขึ้นจากแปลนงาน เพื่อมาให้ความสนใจกับพวกเธอแทน“เรื่องอะไร? ถ้าเป็นเรื่องให้ไปช่วยพวกเธอแฮ็กระบบอีกล่ะก็ ไม่เอาแล้วนะ ฉันงานเยอะทำยังไม่เสร็จถึงครึ่งเลย”ใบหยกถอนหายใจ ก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกลับแปลนงานอีกครั้ง วิเวียนจึงเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงข้าง ๆ พลางกอดคอเพื่อนรักแน่น“ไม่ใช่จ้ะ…คราวนี้เป็นเรื่องความสุขของพวกต่างหาก”“ความสุข? ความสุขอะไรอ่า?” ใบหยกเลิกคิ้วอย่างสงสัยมินตราที่ยืนกอดอกพิงโต๊ะอยู่ก็ไขข้อสงสัยในทันที“วันนี้เป็นวันเกิดของวิเวียนไง...อย่าบอกนะว่าใบหยกมัวสนใจแต่โปรเจกต์ของสถาบันจนลืมวันเกินวิเวียนไปแล้ว เร
(5ปีก่อน...)ภายในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากการจับฉลากของขวัญของพนักงานทั้งบริษัท ชายคนหนึ่งได้รับของขวัญเป็นกล่องคุกกี้หอมหวานกับตุ๊กตาหมีขนฟูตัวใหญ่เป็นรางวัล แนบมากับซองเงินโบนัสของปีนี้ ซึ่งเขาจะได้ใช้จ่ายสำหรับค่าเล่าเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา“เอาไปให้ใบหยกดีกว่า...ต้องดีใจมากแน่ๆ”เขามองตุ๊กตาในมือ พลางยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงใบหน้าของลูกสาววัย 17ปี นาน ๆ ทีพ่อที่บ้างานอย่างเขาจะได้มีของขวัญไปฝาก ลูกสาวเขาต้องดีใจมากแน่ ๆ เพียงแค่คิดเขาก็สัมผัสได้ถึงความสุขที่เต็มตื้นในหัวใจแล้วเขาวางตุ๊กตาหมีตัวนั้นไว้บนโต๊ะเอกสาร ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เครื่องจักรตัวใหญ่ซึ้งเขามีหน้าที่ควบคุมดูแล ก่อนจะหันไปทำงานกับเครื่องจักรอีกตัว ที่อยู่ด้านตรงข้ามกันอย่างคุ้นชินเสียงเครื่องจักรกำลังทำงาน ดังเป็นจังหวะคงที่ พร้อมกับมีเขาคอยดูแลและระบบควบคุมอยู่ไม่ห่างแต่แล้ว...กึก! ครืนนนน...ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงบางอย่างก็แทรกเข้ามาในโสตประสาทของ เขา จนเขาต้องรีบหันกลับไปดู และหัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบรัดแน่นขึ้นทันที“ฉิบหายแล้ว...”เ