บ้านพิบูลย์ลักษณ์
“พ่อรับปากเองก็แต่งเองสิครับผมมีแฟนแล้วจะให้ผมไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง”
“บ๊ะ..ไอ้ลูกคนนี้ ดูมันพูดดูสิคุณเดี๋ยวนี้ชักลามปามใหญ่แล้วไม่รู้เหมือนใครไม่ได้อย่างใจเลยจริงๆ”
“ใจเย็นก่อนเถอะน่าคุณ..ลูกโตแล้วค่อยๆพูดค่อยๆ จากกันก็ได้”
“ถูกต้องครับคุณแม่ผมโตแล้วนะครับจะมาบังคับคุมถุงชนกันแบบนี้ได้ยังไง”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิลูกนี่เป็นคำสัญญาของพ่อกับแม่ที่ให้ไว้กับเพื่อนรักนะ ลูกจะให้พ่อกับแม่ผิดสัญญากับเพื่อนที่ช่วยเหลือกันมาจนเรามีทุกวันนี้ได้ยังไงหนูอรก็เป็นเด็กดีมากนะการศึกษาก็ไม่น้อยหน้าใครรับรองว่าถ้าลูกได้เห็นน้องลูกเองก็จะต้องหลงรักน้องเหมือนพ่อกับแม่แน่ๆ ”
“ไม่มีทางหรอกครับแม่ผมรักปัดคนเดียวผมจะแต่งงานกับลูกปัดครับ”
“โอ๊ยคุณผมปวดหัวเราออกไปดูเรือนหอกันดีกว่าว่าสร้างไปถึงไหนแล้วนะ”
“อุ้ยดีเลยค่ะคุณถ้าอย่างนั้นรอแป๊บนะคะฉันไปหยิบกระเป๋าก่อน ”
“อ้าวทำไมจบแบบนี้ล่ะครับพ่อ..แม่ นี่ถึงขนาดสร้างเรือนหอเลยเหรอครับปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่สิครับพ่อกับแม่ทำแบบนี้กับผมได้ยังไง”
“ทีอย่างนี้แล้วจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมทีตอนแกเป็นเด็กพ่อกับแม่เลี้ยงแกมายากลำบากขนาดไหนไม่เห็นแกจะอยากตอบแทนเลยพอๆ ไม่ต้องมาพูด”
“พร้อมแล้วค่ะคุณไปกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวสิครับแม่กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิครับ..แม่..พ่ออย่าเพิ่งไป”
“อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกาเลยเราไปกันดีกว่า…”
เมื่อพูดจบสุเมธและทัศนีย์ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของจอมทัพก็เดินควงแขนกันออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ทั้งสองมั่นใจว่าถึงแม้ตอนนี้ลูกชายของเขาและเธอจะค้านหัวชนฝายังไงแต่เมื่อถึงเวลาที่เขาได้เจอกับว่าที่ภรรยาของเขาแล้วจะต้องหลงรักเธออย่างแน่นอน
“เฮ้อ…”
จอมทัพทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาตัวใหญ่ก่อนจะหลับตาลงด้วยความรู้สึกเซ็งกับชีวิตที่ถูกพ่อและแม่จับคู่ให้แต่งงานกับลูกของเพื่อนที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ทั้งสองครอบครัวยังไม่มีลูกว่าถ้าหากลูกของทั้งสองครอบครัวเกิดมาเป็นผู้หญิงและผู้ชายก็จะให้แต่งงานกันแต่ถ้าหากเป็นเพศเดียวกันก็ให้นับเป็นพี่น้องกัน
แล้วก็ดันเป็นไปตามที่ทั้งสองครอบครัวหวังเอาไว้พวกเขาได้ลูกสาวและลูกชายคำสัญญาที่ให้ไว้ในวันนั้นวันนี้กำลังจะเป็นเรื่องจริง
บ้าน เศรษฐสิริ
“แต่ว่าอรยังไม่พร้อมเลยนะคะคุณแม่.. คุณพ่อช่วยอรพูดหน่อยสิคะอรยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยนะคะยังมีอะไรที่อรยังไม่ได้ทำอีกตั้งหลายอย่างแน่ะ”
“แต่งงานแล้วก็ทำได้นะลูกแถมดีซะอีกที่จะได้มีคนคอยช่วยคิดคอยดูแลพ่อกับแม่จะได้สบายใจที่เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝามีครอบครัวกับเขาสักที”
“ที่แม่พูดก็ถูกนะลูก..พ่อกับแม่ก็แก่ลงทุกวันไม่รู้ว่าจะอยู่ดูแลลูกไปได้อีกนานแค่ไหนการที่ลูกแต่งงานมันคือความฝันสูงสุดของพ่อกับแม่พี่เขาก็ไม่ใช่คนไม่ดี เดี๋ยวแต่งกันไปแล้วก็รักกันเอง”
“แต่อรยังไม่เคยเจอกันเลยนะคะ ไม่เคยรู้นิสัยใจคอกันเลยจะอยู่ด้วยกันได้ยังไงคะ”
“ลุงสุเมธกับป้าทัศนีย์ เป็นคนดีขนาดนั้นต้องเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเป็นคนดีได้แน่ๆ จากที่แม่เห็นมาพี่จอมเขาก็เป็นคนดีสุภาพบุรุษมากนะลูกพ่อกับแม่มองคนไม่ผิดแน่ๆ เชื่อแม่นะ”
“โธ่แม่คะ..”
“อรก็รู้ว่าแม่มีโรคประจำตัวไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนแม่ขอแค่เรื่องนี้ได้ไหม..เรื่องเดียวทำให้แม่ก่อนที่แม่จะเป็นอะไรไปได้ไหมลูก..”
“อย่าใช้ไม้นี้สิคะแม่พูดแบบนี้แล้วอรจะขัดใจแม่ได้ยังไง”
เมื่อได้ยินอรหรือดีลูกสาวคนสวยพูดอย่างนั้นคนเป็นแม่อย่างสิริวดีก็อ้าแขนโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขบนใบหน้า ซึ่งแตกต่างกับอรฤดีที่ ครุ่นคิด หาทางทำให้ตัวเองรอดพ้นจากการแต่งงานที่ไม่เต็มใจครั้งนี้ไปได้
“อรก็ยังไม่มีใครนี่ลูกเรียนก็จบมาหลายปีแล้วพ่อว่าควรเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้วนะ”
คเชนทร์เดินมาลูบหัวลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองเบาๆ ถึงแม้สิ่งที่อรฤดีพูดนั้นจะถูก แต่สิ่งที่คนเป็นพ่อและแม่อย่างเขาสองคนเลือกให้เธอก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเหมือนกัน
ความคิด
[ คอยดูเถอะฉันจะทำให้เธอทนไม่ได้จนต้องหนีงานแต่งไปเลย ]
[ คอยดูเถอะงานแต่งงานครั้งนี้จะต้องไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ]
ทั้งสองต่างคิดออกมาพร้อมๆ กัน ก่อนจะยิ้มออกมากับภาพในหัวที่จินตนาการไว้ว่าอีกฝ่ายจะต้องขนหัวลุกกับแผนการของตัวเอง…
.
.
.
“เห้อ… บอกตรงๆ นะ ไม่รู้จะช่วยยังไงดีเลยว่ะงานนี้ คุณลุงกับคุณป้าเล่นใหญ่ซะขนาดนั้นอะไรก็หยุดไม่อยู่แล้วแหละ ”
“แล้วที่สำคัญนะชั้นยังไม่เคยเจอกับผู้ชายคนนั้นเลย ไม่รู้จักนิสัยใจคอ หน้าตาเป็นยังไงถึงคุณลุงกับคุณป้าจะเป็นคนดีก็เถอะแต่ถ้าเกิดลูกชายดันผ่าเหล่าขึ้นมาจะทำยังไงเล่า ”
อรฤดีทำหน้าสยดสยองเมื่อจินตนาการภาพของอีกคนไว้ในหัว
“นั่นสิ เวรกรรมแท้ๆ เลย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วชั้นพาไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ที่วัดนะ วัดนี้เด็ดขออะไรไม่เคยพลาด”
กรองขวัญเพื่อนสนิทของอรฤดีพูดออกมาด้วยความเห็นใจเพื่อนสาว ถ้าเป็นเธอก็คงจิตตกเหมือนกันที่จะต้องแต่งานกับคนที่ตัวเองไม่เคยเจอมาก่อนแบบนี้
เมื่อมาถึงวัดแล้วสองสาวเพื่อนสนิทก็พนมมือพร้อมกับท่องบทสวดบูชาพระพุทธรูปที่ตั้งใจว่าเพื่อความสิริมงคลในชีวิต โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลัง ถูกจดจ้องอยู่ด้วยคนที่ เต็มไปด้วยความเกลียดชังและแค้นเคือง
“เพราะแกทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้อีนังผู้หญิงหน้าด้าน เกลียด..ฉันเกลียดแก”
แววตาอาฆาตมาดร้ายจากหญิงสาวใบหน้าสวยที่เธอเองก็ตั้งใจมากราบพระขอพรที่นี่เช่นเดียวกันแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับศัตรูหัวใจผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เธอไม่อยากจะหายใจร่วมโลกด้วยเลยสักนิด
ถึงจะไม่ใช่ความผิดของผู้หญิงตรงหน้าแต่แล้วยังไง..ในเมื่อถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้เรื่องวุ่นวายทั้งหมดก็คงจะไม่เกิดขึ้นคนที่จะได้แต่งงานกับจอมทัพป่านนี้ก็คงจะเป็นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ผมรักแต่คุณ คุณก็รู้เรื่องการแต่งงานผมไม่ได้ยินยอมแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ขัดใจพ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ดี”
จอมทัพเอ่ยพูดพร้อมกับโอบกอดเอวบางของแฟนสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดเขาด้วยความน้อยอกน้อยใจเมื่อคนรักของตัวเองกำลังจะต้องถูกทางครอบครัวคลุมถุงชนให้แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
“ปัดทำอะไรผิดคะถึงต้องเจอกับเรื่องแบบนี้แล้วอีกหน่อยจอมต้องใช้ชีวิตร่วมกับแม่นั่นทุกวันเดี๋ยวจอมก็คงต้องลืมปัดไป..แล้วก็หลงรักผู้หญิงคนนั้นเหมือนที่พ่อกับแม่ของคุณตั้งใจเอาไว้”
ลูกปัดแฟนสาวคนสวยของจอมทัพเธอกับเขาตกหลุมรักกันตั้งแต่เรียนอยู่ที่เมืองนอกครอบครัวของ ลูกปัดเป็นไฮโซทางเธอเองก็มีคนที่ทางครอบครัววางตัวเอาไว้อยากให้เป็นลูกเขยซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่จอมทัพแต่เป็นลูกชายของรัฐมนตรีที่มีหน้ามีตาในแวดวงสังคมเดียวกัน…ถูกต้องลูกปัดเองก็ฝืนคำสั่งพ่อแม่มาคบกับจอมทัพเช่นกันเดียวกันเธอเลือกที่จะทำตามหัวใจของตัวเองจนต้องมาพบกับความเจ็บปวดอยู่เช่นนี้
“คุณเชื่อใจผมนะผมจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงานให้ได้หรือถ้าไม่เป็นตามที่คิดผมก็จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหย่ากับผมให้เร็วที่สุด”
”ปัดเชื่อคุณนะคะ ปัดรักคุณค่ะ…“
พี่ชายที่รักน้องสาวมากกว่าสิ่งใดเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดไปไม่น้อยกว่ากันถึงน้องเขาจะเคยทำเรื่องไม่ดีกับจอมทัพในอดีตแต่เมื่อได้โอกาสแก้ตัวเธอก็พยายามอย่างมากจนผ่านพ้นมาได้.. แต่เหมือนเวรกรรมจะไม่ได้ปล่อยผ่านไปเหมือนใจคน .. เลยสักนิด นี่สินะที่เขาว่ากฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ..เขาส่ายหน้าไปมาเบาๆ อย่างคิดไม่ตกเขาเข้าใจความรู้สึกของน้องสาวตัวเองดีและก็เข้าใจความรู้สึกของอรฤดีแน่นอนว่าเข้าใจความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจอมทัพด้วยเช่นกัน..แต่จะให้ทำอะไรโจ่งแจ้งได้ล่ะ .. ตืดดด ตืดดดด “อืมว่าไง..”“โอกาศมาถึงแล้วครับนาย” ขณะที่กำลังคิดไม่ตกอยู่สายสำคัญจากลูกน้องคนสนิทก็ดังขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่น่าพอใจริมฝีปากหนาก็เหยียดยิ้มออกมาจางๆ ก่อนจะรีบขับรถออกจากบ้านไปทางฝั่งขออรฤดีเองที่ปุบปับออกมานั้นก็ไม่รู้จะไปที่ไหนถ้ากลับบ้านแม่ของเธอจะต้องรู้เรื่องแน่ๆ แล้วยิ่งช่วงหลังๆ มานี้ทัศนีย์ขอให้เธอเฝ้าจอมทัพแทนในช่วงกลางคืนด้วยโดยอ้างว่าตนเองติดงานสำคัญในช่วงนี้ ยิ่งใกล้ค่ำแล้วด้วยไม่ได้มีแผนว่าจะไปไหนเลย แต่ด้วยความโมโหจึงปากไวเท้าไวไปหน่อยพูดปุ๊บก็เดินออกมาโดยไม่มีจุดหมายปลายทางเลย
“ผมต้องหล่อให้ทันวันแต่งงานสิ” ไม่รู้ทำไม คำพูดนี้พาให้สองสายตามาบรรจบสอดประสานกันโดยอัตโนมัติแล้วหัวใจดวงน้อยๆ ในอกของคนทั้งสองอยู่ๆ ก็เต้นแรงผิดจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น…“อะ เอ่อ.. เสร็จแล้ว สะ เสร็จแล้ว”อรฤดีใบหน้าแดงก่ำพูดออกมาตะกุกตะกักก่อนจะหลบสายตาของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วขยับตัวลงจากเตียงคนป่วยไปซึ่งก็ไม่ต่างกันจอมทัพเองก็หันหน้ามองซ้ายมองขวาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรหรือทำตัวยังไงต่อได้แต่ล้มตัวลงนอนแล้วเปิดทีวีดู เพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องตอนนี้มันอึดอัดมากจนเกินไปก๊อก ก๊อก ก๊อก แกร่กก..เสียงประตูที่ดังขึ้นไม่ได้ทำให้เขาและเธอให้ความสนใจมากนักเพราะถ้าไม่ใช่คุณหมอหรือพยาบาลก็ต้องเป็นพ่อหรือแม่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน..“จอมขาาาาา” “ปัด..”ขวับ! ..ทั้งจอมทัพและอรฤดีเหมือนจะตกใจชะงักนิ่งไปชั่วครู่พร้อมๆ กันเพราะคิดไม่ถึงว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาจะเป็นผู้หญิงคนนี้…“ปัดคิดถึงคุณจังเลยค่ะ ใจร้ายที่สุดเลยไม่ยอมบอกต้องให้สืบเองถึงได้รู้ว่าจองพักรักษาตัวอยู่ที่นี่”ลูกปัดเดินตรงไปที่ชายหนุ่มแล้วโอบกอดเขาเต็มสองแขนก่อนจะหอมแก้มทั้งซ้ายขวาของเขาราวกับในห้องนี้มีกันอยู่เพียงสองคนอร
ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ” “ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”“ฮ่าๆๆ”แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี “
“มาคนเดียวเหรอครับ ..” เสียงที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักแต่ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงใครดังขึ้นดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด“เอ่อ ค่ะ” “ผมขอนั่งด้วยได้ไหม” “หืมม ค่ะ” คนที่ยังเบลอๆ ตอบอึกอักออกไปไม่ทันได้ใช้ความคิดคนตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ เรียบร้อย“คุณอรมีธุระแถวนี้เหรอครับ” ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาสักเท่าไหร่แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเธอยังไม่มีเจ้าของเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือไง“ใช่ค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วอรว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”ถึงเพิ่งจะลงมาเพราะต้องการให้อีกคนมีเวลาส่วนตัวแต่เมื่อพูดออกไปแล้วแบบนี้ก็คงต้องไปเดินเตร่อยู่ในโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน“อย่าตัดสัมพันธ์ผมขนาดนั้นเลยครับคุณอรผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณอรได้ไหม”เปรมรีบพูดความในใจออกมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งความรู้สึกที่เขามีให้เธอตั้งแต่วินาทีแรกมันออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานแต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย