หน้าหลัก / รักโบราณ / หวนคืนครานี้มิอาจปล่อยนาง / บทที่ 1 ความทุกข์ระทมในอดีต (3/4)

แชร์

บทที่ 1 ความทุกข์ระทมในอดีต (3/4)

ผู้เขียน: ไฉ่เลี่ยงหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-12 22:18:08

            “ได้เจอพวกท่านข้าดีใจยิ่ง” หลังสิ้นบิดามารดา ชีวิตนางก็คล้ายจะสูญสิ้นตามนอกจากจะไม่ได้ทวงความยุติธรรมให้บิดาแล้ว ทรัพย์สมบัติยังถูกยึด เนื่องจากไม่เคยสนใจเรื่องในจวนจึงไม่รู้ว่าเงินทองของตระกูลหลี่มีมากมายเท่าใด เครื่องประดับล้ำค่าที่นางเคยมีก็ถูกใช้เป็นของกำนัลยามต้องขอความช่วยเหลือซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมมีวันหมดไป สุดท้ายการได้เข้าใกล้บุรุษที่นางพึงใจกลับทำให้นางไม่หลงเหลือสิ่งใดเลย แม้แต่ชีวิต

            “ดีใจถึงเพียงนั้นเชียว” หลี่ฮูหยินรู้สึกงุนงง

            “พ่อก็ดีใจที่ได้เจอเจ้า ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง อยากได้สิ่งใดหรือไม่ พ่อจะหามาให้เจ้า” เนื่องจากตนเป็นเจ้ากรมโยธามักจะต้องเดินทางไปต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บุตรสาวคนเดียวของเขาได้มีของหายากและล้ำค่าอยู่ในครอบครองไม่น้อย

            “ข้าอยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่เลี้ยงข้าไปชั่วชีวิตเจ้าค่ะ” นางจะไม่ออกเรือน จะอยู่กับบิดามารดาหวงแหนช่วงเวลาที่ล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้ให้นานที่สุด

            “หากเจ้าไม่อยากออกเรือนพ่อย่อมไม่คัดค้าน” นายท่านของจวนกล่าวกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

            “ได้อย่างไรกันเจ้าคะ เป็นสตรีก็ต้องออกเรือน ประเดี๋ยวคนก็เอาไปเล่าลือเสียหาย”

            “หากลูกไม่อยากออกเรือนเจ้าก็อย่าบังคับเลย มาเถิดเย่หรง มารับสำรับกับพ่อและแม่เจ้า” หลี่จื่อห่าวประคองบุตรสาวให้ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ข้างกายที่ว่างอยู่

            “ท่านก็เป็นเช่นนี้ ชอบตามใจบุตรสาวจนนางแทบจะเมินเฉยต่อคำสั่งสอนของข้าแล้ว” จินเฟยจูบ่นอย่างไม่จริงจังนัก

            “เรามีบุตรสาวคนเดียว หากนางไม่อยากออกเรือน ก็ไม่เป็นไร บุตรสาวคนเดียวข้าเลี้ยงได้สบาย”

            “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ” นางโผกอดบิดาด้วยความรู้สึกรักและคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่น แม้จะเป็นเวลาแค่สองปีที่นางต้องทุกข์ระทมในตำหนักอ๋อง แต่ทว่ามันกลับเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก

            “ข้าจนใจจะต่อว่าพวกท่านพ่อลูกแล้ว” หลี่ฮูหยินยกมือนวดขมับคล้ายจนใจ

            “ท่านพ่อในจวนของเรามีผู้คุ้มกันหรือไม่เจ้าคะ” นางผละออกห่างก่อนจะเอ่ยถามบิดา

            “ย่อมมี เพื่อความปลอดภัยของพวกเจ้าทั้งสอง จวนตระกูลหลี่จึงต้องมีผู้คุ้มกัน”

            “แล้วผู้คุ้มกันเหล่านั้นมาจากที่ใดหรือเจ้าคะ สามารถเชื่อใจได้หรือไม่” สิ้นวาจาของบุตรสาว สองสามีภรรยาหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย

            “ผู้คุ้มกันเป็นคนที่ท่านตาของเจ้าชุบเลี้ยงเอาไว้ แม้ฝีมือจะไม่เก่งกาจเทียบเท่าองครักษ์หลวงแต่ทว่าก็ไม่อาจดูแคลนได้” เป็นหลี่ฮูหยินที่กล่าวขึ้น

            “เช่นนั้นท่านแม่คิดว่าบ่าวรับใช้ในจวนของเราไว้ใจได้มากน้อยเพียงใด”

            “เจ้าอยากบอกเรื่องใดกันแน่ พูดจาให้มันชัดเจนได้หรือไม่”

            “ท่านพ่อท่านแม่ ข้าขอให้พวกท่านเชื่อในสิ่งที่ข้าจะบอกสักครั้งนะเจ้าคะ เมื่อทุกอย่างกระจ่างชัดข้าถึงจะบอกที่มาที่ไปของมัน”

            “อืม” เจ้ากรมโยธามีสีหน้าเคร่งเครียดในทันที

            “อีกสิบวันข้างหน้าสะพานที่เพิ่งสร้างเสร็จที่เมืองหลัวตงจะถูกน้ำป่าพัดพังเสียหายเจ้าค่ะ”

            “เจ้าหมายถึงสะพานที่เพิ่งสร้างเสร็จไปเมื่อเดือนก่อน”

            “เจ้าค่ะ”

            “เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้กังวล พ่อไปตรวจสอบแล้วมันแข็งแรงมากทีเดียว”

            “ที่ท่านพ่อกล่าวมาไม่ผิด สะพานมันแข็งแรงมาก แต่ทว่าอีกสิบวันมันจะพังเพราะมีคนจงใจใส่ร้ายว่าท่านพ่อทุจริตยักยอกเงินมาใช้ส่วนตัว นอกจากเราจะต้องเตรียมคนไปล้อมจับผู้ที่จะลงมือทำลายสะพานแล้ว ท่านพ่อยังต้องหาหนอนบ่อนไส้ข้างกายที่สามารถปลอมแปลงลายมือของท่านพ่อได้เจ้าค่ะ”

            “นี่มันเรื่องอันใดกัน ข้างงไปหมดแล้ว” เป็นหลี่ฮูหยินที่เอ่ยวาจาออกมาอย่างรู้สึกงุนงง

            “ท่านพ่อท่านแม่ ได้โปรดเชื่อใจข้าโดยไร้เงื่อนไขสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ การป้องกันเอาไว้ย่อมดีกว่าการแก้ไขเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็ลุกจากเก้าอี้แล้วทรุดกายคุกเข่าลงบนพื้น

            “ลุกขึ้นมาสนทนากันดี ๆ เถิด”

            “ท่านพ่อท่านแม่ได้โปรดเชื่อข้าสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ”

            “เอาล่ะ พ่อจะเชื่อที่เจ้ากล่าว เจ้าบอกกล่าวพ่ออีกครั้งได้หรือไม่ว่าพ่อต้องทำสิ่งใดบ้าง”

            “สิ่งแรกที่ท่านพ่อต้องทำคือหาหนอนบ่อนไส้ที่อยู่ใกล้ตัวท่านพ่อ คนผู้นั้นต้องรู้จักลายมือท่านพ่อเป็นอย่างดี และสามารถเข้าออกห้องทำงานของท่านพ่อได้ง่ายดายเพื่อสะดวกแก่การซุกซ่อนหลักฐานทุจริตเท็จที่พวกเขาสร้างขึ้นมา”

            “ได้พ่อจะทำตามที่เจ้าแนะนำ แต่เจ้าพอจะบอกได้หรือไม่ว่าคนพวกนั้นต้องการสิ่งใดจากการใส่ร้ายป้ายสีพ่อ” ยามอยู่ในท้องพระโรงเขาก็ไม่เคยเลือกข้างใดข้างหนึ่งชัดเจน จึงไม่กระจ่างในใจจริง ๆ ว่าคนที่บุตรสาวกล่าวถึงจะทำไปเพื่ออันใด

            “ตำแหน่งเจ้ากรมโยธาของท่านพ่ออย่างไรเจ้าคะ ท่านพ่อลองไตร่ตรองดูเถิด หากไม่มีท่านพ่อแล้วใครจะได้ประโยชน์มากที่สุด ราชสำนักเวลานี้ก็ใช่ว่าจะสงบสุข ดังนั้นหากท่านพ่อและตระกูลหลี่รอดพ้นเรื่องนี้ไปได้ ข้าอยากให้ท่านพ่อคิดเรื่องลาออกจากตำแหน่งเจ้าค่ะ” สีหน้าจริงจังของบุตรสาวทำให้เจ้ากรมโยธาและฮูหยินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

            “...”

            “แต่เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคิดก็ได้เจ้าค่ะ ท่านพ่อมีเวลาไม่ถึงสิบวันในการสังเกตจับตามองคนรอบตัวรวมทั้งค้นหาหลักฐานเท็จที่ข้าไม่แน่ใจว่าคนพวกนั้นได้เอามาซ่อนไว้หรือยัง”

            “เช่นนั้นเราคงต้องใช้คนของท่านพ่อ ท่านพี่มิต้องห่วงเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะส่งม้าเร็วไปที่จวนตระกูลจินที่ซีเหลียงไม่เกินวันพรุ่งนี้คนของท่านพ่อน่าจะเดินทางมาถึง”

            “ท่านพ่อท่านแม่ต้องกระทำการทุกอย่างให้เงียบที่สุดเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากให้นกขมิ้น[1]ที่เฝ้ารออยู่บินหนีไปเสียก่อน”

            “ได้ พ่อจะจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ”

            “แม่ก็จะทำความสะอาดจวนของเราให้เรียบร้อยไม่หลงเหลือหนอน[2]แม้แต่ตัวเดียว”

            “ในระหว่างที่รอคนของท่านตา วันนี้หากท่านพ่อไม่ได้ไปที่ใด เรามาเริ่มจากการตรวจสอบห้องทำงานของท่านพ่อที่อยู่ในจวนก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

            “ย่อมได้”

            สามพ่อแม่ลูกมองหน้ากัน ยามนี้ทั้งสามคนจะต้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรื่องราวเลวร้ายในครั้งนี้จึงจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น

[1] มาจากสำนวนที่ว่า ตั๊กแตนจับจักจั่นนกขมิ้นรออยู่ด้านหลัง

[2] ในที่นี้ขออนุญาตใช้แทนคำว่า ‘ไส้ศึก’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หวนคืนครานี้มิอาจปล่อยนาง   บทที่ 7 ชาตินี้คล้ายจะแตกต่างกว่าเดิม (4/5)

    “มิเป็นไรเพคะ” หลี่เย่หรงกล่าวพลางเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนรอยยิ้มมุมปาก “เรื่องสตรีในตำหนักหลังพวกนั้น ข้าย่อมจัดการให้แล้วเสร็จและรื้อมันทิ้งก่อนจะแต่งพระชายาเข้าจวนแน่นอน” “ที่แท้เป็นเช่นนั้น” นางตอบรับอย่างสั้น ๆ “ยามนี้ตำแหน่งพระชายาของข้ายังว่าง หากเจ้าปรารถนาอยากมีบุตรชายหญิงที่รูปงาม สามารถสนทนากันได้” “หม่อมฉันมิกล้าอาจเอื้อมหรอกเพคะ” “อย่าเพิ่งปฏิเสธเลย ลองไตร่ตรองดูก่อนเถิด เอาล่ะข้าหายเหนื่อยบ้างแล้ว วันนี้รบกวนเจ้าเพียงเท่านี้” เพราะไม่อยากฟังคำปฏิเสธจากปากนางอีก เขาจึงรีบกล่าวแล้วลุกขึ้น “เช่นนั้

  • หวนคืนครานี้มิอาจปล่อยนาง   บทที่ 7 ชาตินี้คล้ายจะแตกต่างกว่าเดิม (3/5)

    หลังจากสาวใช้ออกจากห้องไปแล้ว คุณหนูหลี่นั่งอ่านตำราต่ออีกสักเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นถอดอาภรณ์ตัวนอกออกเหลือเพียงอาภรณ์ตัวใน แต่ในขณะที่กำลังจะดับไฟนั้น นางก็ได้ยินเสียงดังขึ้นที่ข้างหน้าต่าง ตุ๊บ! เสียงคล้ายของหนักตกลงพื้นทำให้นางใจเต้นเร็วเนื่องจากคิดว่าเสียงที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากผู้บุกรุก นางรีบเอื้อมมือไปควานหายาพิษร่างระทวยมาถือเอาไว้ หากเป็นคนร้ายนางจะหาโอกาสสาดมันออกไปทันที “ท่านอ๋อง ไหวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของม่อฉินคล้ายช่วยชีวิตผู้เป็นนายเอาไว้ “เจ้าล่วงหน้าไปก่อนเถิด ข้าขอพักชั่วครู่” “ระวังตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะจากไปด้วยความคิดในใจที่ว่า ‘ท่านอ๋องช่างชอบเล่นงิ้วเสียจริง' หากไม่ใช่เพราะตนเห็นพระชายาถือขวดยาบางอย่างไว้ในมือ ยามนี้อ

  • หวนคืนครานี้มิอาจปล่อยนาง   บทที่ 7 ชาตินี้คล้ายจะแตกต่างกว่าเดิม (2/5)

    คราแรกก็คิดว่าจะให้คนสรรเสริญด้วยการละเว้นสตรีตระกูลเฉวียนลดโทษเหลือเพียงเนรเทศ ในเมื่อพวกเขามีผู้อาวุโสของตระกูลที่มีเมตตาเช่นนี้ ข้าจะเปลี่ยนเป็นให้พวกนักโทษได้หาความสุขจากเรือนร่างของพวกนางก่อนสักปีสองปีแล้วค่อยประหารดีหรือไม่ พวกนางจะได้รู้สึกขอบคุณเจ้าที่ช่วยให้พวกนางได้ใช้ชีวิตต่ออีกสักเล็กน้อย” “อื้อ ๆ” อดีตสตรีสูงศักดิ์ดิ้นไปมา สายตาคล้ายกำลังต่อว่า “เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้อาณาประชาราษฎร์ของข้าจะไม่ทราบเรื่องนี้หรอก ข้าจะประหารแค่พวกบ่าวรับใช้และสาวใช้ทั้งหมดรวมทั้งนางกำนัลและขันทีของตำหนักนี้ ส่วนการตายของไทเฮาแซ่เฉวียนผู้สูงศักดิ์เจิ้นจะประกาศไปว่าทรงตรอมตรมจึงปลิดชีพตามตระกูลของตนไป เป็นอย่างไรบ้างเจิ้นแต่งเรื่องได้น่าประทับใจหรือไม่” “อื้อ ๆ”

  • หวนคืนครานี้มิอาจปล่อยนาง   บทที่ 7 ชาตินี้คล้ายจะแตกต่างกว่าเดิม (1/5)

    7 ชาตินี้คล้ายจะแตกต่างกว่าเดิม ในที่สุดจุดจบของคนที่ปรารถนาในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองก็มาถึงตระกูลเฉวียนที่สั่งเตรียมกำลังพลหวังเข้ายึดบัลลังก์มังกร ตระกูลเฉวียนถูกชินอ๋องนำกำลังทหารเข้าจับกุมอัครเสนาบดีเฉวียนและบุตรชายทั้งหมด ส่วนคนที่เหลือถูกกักบริเวณห้ามออกจากจวนจนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติม 

  • หวนคืนครานี้มิอาจปล่อยนาง   บทที่ 6 ชินอ๋องคือ ‘ตัวซวย’ (6/6)

    ‘น่าแปลกที่วันนี้เขาไม่โผล่หน้ามา’ ไม่ ๆ นี่นางกำลังคิดอันใดอยู่ ผู้สูงศักดิ์เช่นเขาไม่มาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว นางกำลังคาดหวังอันใดอยู่ “ข้าจะนอนแล้ว เจ้าไปนอนเถิด ประเดี๋ยวข้าดับไฟเอง” “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวจะอยู่กับคุณหนู” “ว่านเถา เจ้าไปเถิด ข้าจะเข้านอนจริง ๆ แล้ว” นางกล่าวก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วปลดอาภรณ์ตัวนอกออก “ขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” สุดท้ายแล้วว่านเถาก็ต้องยอมล่าถอยไปปล่อยคุณหนูได้อยู่ลำพังตามที่ต้องการ คล้อยหลังสาวใช้ไม่นานหลี่เย่หรงก็ดับไฟแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว&

  • หวนคืนครานี้มิอาจปล่อยนาง   บทที่ 6 ชินอ๋องคือ ‘ตัวซวย’ (5/6)

    "นอกจากนางแล้วกระหม่อมจะไม่แต่งกับผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ ๆ ข้ารับปากเจ้า” มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดน้องชายผู้นี้ถึงรีบส่งคนมายับยั้งฎีกาลาออกของหลี่จื่อห่าว เป็นถึงเชื้อพระวงศ์หากแต่งกับบุตรสาวพ่อค้าย่อมถูกเหล่าขุนนางมองถึงความเหมาะสม แม้จะไม่ได้สนใจแต่ทว่าก็ไม่อาจทำให้สตรีที่รักถูกตราหน้า ดังนั้นจึงยอมประนีประนอมเพื่อให้ว่าที่พ่อตายังอยู่ในตำแหน่งขุนนาง ดูแล้วน้องชายของพระองค์ผู้นี้คงหมายตาคุณหนูหลี่เอาไว้นานแล้ว “เมื่อจบเรื่องแล้วความดีความชอบที่กระหม่อมอยากขอนอกจากสมรสพระราชทานกับบุตรสาวของรองเจ้ากรมพิธีการหลี่แล้ว กระหม่อมอยากให้เสด็จพี่มอบราชโองการให้กระหม่อมสามารถแต่งกับสตรีได้เพียงคนเดียวชั่วชีวิต มิอาจรับชายารองหรืออนุฯ ได้อีก”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status