แชร์

บทที่ 1 : เกิดใหม่

ผู้เขียน: MIN-G
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-03 21:32:32

“ที่นี่มัน ที่ไหนเนี่ย?!” เขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้ตัวเขานั้นอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักและไม่คุ้นเคย เหมือนว่าอยู่ในห้องกระจกสีแดงที่เต็มไปด้วยความร้อนระอุ

“หืม ทำไมตอนนี้ฉันถึงจำได้ว่าฉันตายไปแล้ว... โดนรถชนเพราะช่วยคุณยายข้ามถนน อืม... คิด ๆ ดูแล้วทำไมพระเจ้าถึงเล่นตลกกับฉันแบบนี้กันฟร้ะ!!!”

“ดีจ้า การตายของนายจบสวยดีไหมเอ่ย?” ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าเขา ราวกับว่ามาจากอีกมิติหนึ่ง

“เอ่อ น..นี่เธอเป็นใคร? หรือว่าจะพาฉันมานรก” เขาถามออกไปด้วยความงุนงง เพราะเขาคิดว่าตนเองจะได้ไปบนสวรรค์เสียอีก

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายนี่ตลกดีนะ! ฉันคงคิดถูกแล้วล่ะที่เลือกนายมา จะบอกให้ว่าฉันน่ะ.. คือผู้คัดเลือก และนายก็คือผู้ถูกเลือกไงเล่า”

“ผู้คัดเลือก? ผู้ถูกเลือก? อะไรของเธอน่ะ” สำหรับเขาแล้วนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งงุนงง เพราะเขายังไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งที่เขาควรจะได้ไปบนสวรรค์แล้วแท้ ๆ แต่กลับได้มาเจอหญิงสาวในสถานที่แปลกประหลาด

“เฮ้อ! "ยามะ โชจิ" อายุ 31 ปี ตายเมื่อสักครู่นี้.. ตายพร้อมคุณยายด้วย นายนี่ตัวอัปมงคลหรือไงเนี่ย ทำไมต้องพาคนอื่นมาตายด้วย” หญิงสาวคนนั้นพูดออกไป

“ยามะ โชจิ นั่นคือชื่อเรางั้นเหรอ?” เขาพูดถามกับตนเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริกและสีหน้าที่ตกใจ

“โอ๊ะ! ฉันว่ามันคงถึงเวลาของนายแล้วล่ะ ฉันจะส่งนายไปยังโลกใหม่ที่มีแต่เวทมนตร์ ไปใช้ชีวิตใหม่ในเมืองเล็ก ๆ ที่มีแต่ความสงบสุขและการทำความดี ฉันว่านายก็คงจะทำความดีด้วยนั่นแหละนะ แต้ม B (Black) และแต้ม W (White) จะเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตของนายเองว่านายจะได้ไปไหน ขอให้โชคดี”

“เดี๋ยว อย่าเพิ่ง...” ทันใดนั้น เขาก็หายไปพร้อมกับแสงสีแดงที่พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า

“...นายจะเป็นหายนะของโลกใบใหม่หรือเปล่าน้าา หรือจะเป็นคนดีเหมือนเดิม หุหุ น่าสนใจซะจริง” เธอพูดก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา

...

ณ จักรวรรดิไดจิ

เมืองชิโตเสะ

ในโลกแห่งเวทมนตร์ เมืองชิโตเสะคือเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจักรวรรดิไดจิ ซึ่งเมืองนี้ก็คือเมืองที่ผู้คัดเลือกพูดถึงนั่นเอง จักรวรรดิไดจิซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง 4 จักรวรรดิใหญ่ จึงทำให้ตกเป็นเป้าหมายของจักรวรรดิรอบด้านที่จะบุกเข้ามายึดครองได้ทุกเมื่อ

‘เอ๊ะ?’

“ได้ลูกชายล่ะครับ แต่แปลกที่เด็กไม่ส่งเสียงร้องสักนิดเลยนะครับ” เสียงของหมอพูดขึ้นมา ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะยกยิ้มด้วยความปิติยินดี แต่แม่ผู้ให้กำเนิดนั้นกลับยิ้มด้วยความขมขื่น พี่ชายที่อยู่ข้าง ๆ นั้นก็ดูไม่ค่อยยินดีนัก

“ลูกคนที่ 2 ของเรา หวังว่าจะเป็นคนดีเหมือนพี่ชายนะ ถึงแม้ในคืนก่อนคลอดฉันจะฝันร้ายก็เถอะ” ทางด้านของ "คาอิดะ ฮารุโนะ" ผู้เป็นแม่พูดด้วยสีหน้าที่ดูหดหู่

“เอาน่าที่รัก ลูกก็คงจะเป็นคนดีนั่นแหละนะ เพราะว่า...” "คาอิดะ อิซามุ" ผู้เป็นพ่อนั้นยังพูดไม่ทันจบประโยค ฮารุโนะก็เกิดอาเจียนออกมาเป็นเลือดที่มีสีดำ

“แม่ครับ!”

“ฮารุโนะ!”

เมื่อเห็นอย่างนั้นพี่ชายที่มีนามว่า "คาอิดะ เก็น" ก็ลุกขึ้นมาในทันที เพราะไม่เคยเห็นแม่เป็นแบบนี้มาก่อน อิซามุก็ตกใจเป็นอย่างยิ่งจึงได้แต่ประคองให้เธอนั้นนอนลง

“นี่มันไม่ใช่ผลข้างเคียงนะครับ.. หมอเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร” หมอและพยาบาลก็ตกใจไปตาม ๆ กัน แต่ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ทันใดนั้นเอง ฮารุโนะที่นอนอยู่ก็กระอักเลือดออกมา และมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ราวกับว่ากำลังกลัวอยู่

“เจ้า.. เด็กนี่เป็น...” ฮารุโนะสลบไปในทันที หัวใจและชีพจรของเธอหยุดเต้นไปหลังจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นและผ่านไปรวดเร็วมาก หมอและพยาบาลก็ทำได้แค่ปั๊มหัวใจ ซึ่งนั่นก็ไม่สามารถกู้ชีวิตของเธอคืนมาได้

“แม่!!”

“ฮารุโนะ!”

‘อย่าบอกนะว่าตายเพราะคลอดฉัน?’

ทั้งอิซามุและเก็นต่างก็เศร้าโศกเสียใจ ทางด้านของอิซามุนั้นคิดว่าคงจะเป็นผลข้างเคียงของบางอย่างที่รุนแรงเกินไป แต่ว่าเก็นไม่คิดอย่างนั้น..

“แก.. ถ้าแกไม่ได้เกิดมา แม่ก็คงไม่ตาย”

“หยุดนะเก็น! เพราะยังไงเขาก็คือน้องชายแท้ ๆ ของลูก ยังไงเขาก็เป็นคนในครอบครัวของเราที่มีสายเลือดเดียวกันนะ!” อิซามุพยายามพูดเพื่อที่จะทำให้เก็นนั้นเปลี่ยนความคิด แต่ทว่า.. กลับไม่เป็นเช่นนั้น

“ผมไม่นับมันเป็นน้อง!” เขาตวาดกลับมาด้วยอารมณ์พร้อมกับเดินออกไปในทันที

‘เอ๋? นี่ฉันผิดอะไรเนี่ย?’

“เติบโตมาเป็นคนที่ดีนะลูก” อิซามุพูดพร้อมกับลูบหัวลูกชายที่นอนอยู่อย่างอ่อนโยน

‘คนดี? ก็แปลกแล้วล่ะ ฮิฮิ’ ตัวเขาในตอนนี้นั้นยังคงมีความทรงจำเมื่อชาติที่แล้วหลงเหลืออยู่ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาก็ไม่สามารถนึกชื่อตนเองเมื่อชาติที่แล้วออกได้ แต่ที่จำได้แม่นเลยก็คือการตายของเขา.. ที่ตายเพราะทำความดี

‘เป็นคนดีแล้วมันแย่ ผมไม่เป็นหรอกครับพ่อ’ ...

6 ปีต่อมา

หลังจากวันที่เขาเกิดก็ผ่านมาหกปีแล้ว เขามีชื่อว่า "คาอิดะ อาคุมุ" นั่นคือชื่อของเขา แน่นอนว่าเดี๋ยวเขาต้องได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ จากพ่อและพี่ชายรวมถึงคนอื่น ๆ ซึ่งอย่างแรกเลยก็คงจะเป็นเรื่องของแต้ม W (White) และแต้ม B (Black)

แต้ม W จะอยู่บริเวณซีกซ้ายของร่างกาย ถ้าหากใครมีแต้ม W ถึง 1,000,000 ก็จะได้ไปบนสวรรค์ แน่นอนว่าอาคุมุนั้นไม่เชื่อเป็นแน่แท้

แต้ม W ก็คือแต้มการทำความดี ตัวเลขนั้นจะปรากฏขึ้นบนซีกซ้ายของร่างกายแบบสุ่ม ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา ไหล่ ชายโครง แก้ม หรือแม้กระทั่งหน้าผากด้านซ้าย ซึ่งการทำความดีแต่ละอย่างนั้นจะได้รับแต้ม W ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความอยากจะทำของแต่ละคน

แต้ม B จะอยู่บริเวณซีกขวาของร่างกาย ถ้าหากใครแต้ม B ถึง 1,000,000 ก็จะมีพลังที่สูงมากจนไม่มีใครเทียบเคียงได้ ที่เปิดเผยเพราะคนส่วนใหญ่จะทำแต่ความดี เนื่องจากเชื่อในเรื่องของสวรรค์และนรกนั่นเอง จึงมีแค่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่ต้องการพลังมหาศาล

แต้ม B ก็คือแต้มการทำความชั่ว ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงในสิ่งที่ทำ เช่นการฆ่าพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด ก็อาจจะได้รับแต้ม B มามากพอสมควร รวมไปถึงการทรมานก่อนที่จะลงมือฆ่า นั่นก็จะเพิ่มไปอีกครึ่งหนึ่งของแต้มที่ได้รับ เช่นฆ่าคนได้รับแต้ม B มา 500 แต้ม แต่ก่อนฆ่าก็ทรมานด้วย ก็จะได้รับเพิ่มอีก 250 แต้ม กลายเป็น 750 แต้มนั่นเอง

ตัวเลขของแต้มทั้งสองบนร่างกายอาคุมุนั้น แต้ม W ทางซีกซ้ายนั้นอยู่ที่หลังมือ และแต้ม B ทางซีกขวานั้นอยู่ที่หัวไหล่ ทั้งสองตำแหน่งนั้นปรากฏให้เห็นเลข 00

“นี่ อาคุมุ.. ลูกน่ะต้องเป็นคนดีนะ จะได้มีแต้ม W เยอะ ๆ เราจะได้ไปสวรรค์กัน ส่วนแต้ม B ถ้ามีบ้างเราก็จะไว้ใช้ป้องกันตัว เดี๋ยวพ่อจะสอนการใช้เวทมนตร์และอีกหลาย ๆ อย่างให้เอง” อิซามุนั้นจะบอกทั้งคู่อยู่เสมอว่าให้เป็นคนดี และให้ทำความดี ซึ่งทางด้านของเก็นนั้นเชื่อฟังมาโดยตลอด แต่...

“ครับคุณพ่อ”

‘แต่ว่าเรื่องทำความดี.. คิดว่าผมจะทำเหรอครับพ่อ? พ่อหรือไม่ก็พี่ คนใดคนหนึ่งนั่นแหละจะตายด้วยมือของผมเองเมื่อถึงเวลา หึหึ’

สิ่งที่อิซามุพูดกับสิ่งที่ตัวเขาทำนั้นอาจไม่สอดคล้องกันสักเท่าไร เพราะบ่อยครั้งที่อาคุมุนั้นคิดจะแอบดูแต้ม W และแต้ม B ของอิซามุเพราะตัวเลขทั้งสองอย่างของอิซามุนั้นอยู่ที่แผ่นหลัง แต่ทุกครั้งก็ถูกอิซามุจับได้ตลอด ราวกับว่าผู้เป็นพ่อนั้นรู้อยู่แล้วว่าลูกคิดจะทำอะไรในตอนไหน

และบ่อยครั้งที่เวลาอาคุมุถามเกี่ยวกับเรื่องการทำความดีของอิซามุ ซึ่งอิซามุนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นการย้ำเตือนผู้เป็นลูกทั้งสองคนอยู่ทุกครั้ง

นั่นจึงทำให้อาคุมุเริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของอิซามุผู้เป็นพ่อของเขาเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

    บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 59 : หนึ่งรุมหก

    บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก

    บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์

    บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่ม

    บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?

    บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status