“อ๋อ..”อินถาลากเสียงยานคาง หันไปมองเจ้าของชื่อที่แฟนหนุ่มแนะนำ จงใจยียวนกวนประสาท ก่อนจะโน้มตัวลงโค้งคำนับ“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่จินดา หนู..อินถา แฟนพี่ราล์ฟนะคะพี่”ฝ่ายชายถึงกับทำปากอมลมขณะยืดอก พลางหันไปทางอื่น รู้สึกร้อนวูบวาบทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเด็กผู้หญิงตรงหน้ามีดีอะไร ทำไมถึงเลือกที่จะปกป้องด้วยการเงียบ ปล่อยให้เธอจิกกัดอีกฝ่าย“จริงเหรอ ราล์ฟไม่เห็นเคยพูดเรื่องนี้เลย พี่ก็นึกว่าโสดอยู่ซะอีก ยินดีที่ได้รู้จักนะคะน้องอิน”“อินถาค่ะ ชื่อมีสองพยางค์”ถ้าไม่นับว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังเคร่งเครียดอยู่ละก็ เขาคงขำไปแล้ว ขำให้กับความก๋ากั่นของเธอเขาเองรับรู้ถึงความอึดอัดของจินดา แต่ช่วยไม่ได้หล่อนอยากวอนหาเรื่องเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับเรื่องสถานะ และความสัมพันธ์ที่ใคร่จะเปลี่ยนแปลงไปอนาคตจินดาเองก็ลากเสียง แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นใหญ่ที่เธอจะเอาเรื่อง คนข้างๆต่างหากที่จะต้องรับผิดชอบ หญิงสาวปรายตาหันไปมองพร้อมกอดอกราล์ฟถึงกับถอนหายใจ“โอเค..”พยักหน้าเป็นอันเข้าใจในความต้องการ ก่อนจะจูงมือบาง พาเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่คิดจะเอ่ยลาจินดาสักคำ ชายหนุ
“มากับไอ้ราล์ฟมันหรือ”ดวงตาพร่ามัวขึงขึ้นและเปลี่ยนเป็นชัดแจ๋วในเวลาต่อมา หลังต้องใช้ม่านตาเพ่งเล็งคนตรงหน้า ชายปริศนาที่เธอไม่รู้จัก“คะ?”“เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสินะ" เธอไม่รู้ประโยคที่เขาพูดหมายถึงอะไร อีกนัยคือเสียงดนตรีดังซะจนฟังไม่ถนัด แต่ก็พออ่านปากออกและเข้าใจได้ "ผมเป็นเพื่อนมันฮะ”สาวเจ้าพยักหน้า ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะใช่ ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร“สวัสดีค่ะ”“รอมันอยู่ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ อีกเดี๋ยวคงมา เขาบอกแบบนั้น”“ราล์ฟงานเข้าแบบนี้จะนานนะ อย่ารอมันเลย”คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหา มองคนตรงหน้าผ่านกระจกแว่นกรองแสงที่ใส่ พลางขยับให้เข้าที่หลังประหม่าจนขาแว่นกระโดด“อย่ารอ? อ่อไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมากับเขา”“มากับมัน?" การถามย้ำ ทำให้เธอเริ่มรับรู้ถึงแรงกดดันปนไม่น่าไว้ใจสุด "อยู่ด้วยกันจริงๆสินะ ไอ้ที่บอกว่าย้ายออกแล้ว จริงๆคือย้ายไปอยู่ห้องเธอ?”“เดี๋ยวค่ะ ฉันไม่รู้คุณหมายถึงอะไร แต่คุณไม่ควรมาพูดกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้นะคะ”ดวงตาทรงพระจันทร์เสี้ยวหรี่เข้าหากันเป็นวงรี พร้อมแสงประกายเจิดจรัสขณะมองเธออยู่ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา ถึงขนาดทำอังครชะงักค้างกลางคันได้ ยาม
ติ๊ด!เสียงเครื่องสแกนดังก่อนประตูถูกผลักเข้า ดวงตาเฉี่ยวรีปะทะกับกลมโตแต่เศร้ามอง ราวกับคนไม่ได้นอนมาหลายคืน พลางเลิกคิ้ว เลือกที่จะปิดประตูแล้วเดินเข้ามาก่อนจะตั้งคำถาม“ทำไมขอบตาดำแบบนั้นละคะ”คนมาใหม่ทำตัวไม่ทุกข์ร้อน ทั้งที่เป็นต้นเหตุเพราะเขานั้นหายไปทั้งวันทั้งคืน“นอนไม่ค่อยหลับค่ะ”เธอตอบ ไม่ได้มองหน้า ยังคงจ้องมองจอโทรศัพท์ตัวเองทำทีไม่สนใจ ทั้งที่น้ำเสียงในประโยคไม่ใช่แบบนั้น ซึ่งชายหนุ่มเองก็รู้ สาวเจ้าโกรธเขาเรื่องกลับบ้านไม่ตรงเวลาเขายิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู สูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึก มือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินมาหยุดฝั่งตรงข้าม ก่อนจะโน้มตัวลงใบหน้าอยู่ระดับเดียว ที่ห่างกันสองคืบ“เนี่ย ปากกับจมูกมันจะชนกันแล้วค่ะ”แหย่เธอพร้อมยักคิ้วอินถาละสายตาจากสิ่งที่ถือขึ้นมามองเขา สีหน้าแปรเปลี่ยนทันที“ไม่ต้องเลย”“โอ๋~ ก็พี่บอกหนูแล้วไงคะ ว่าพี่ติดประชุม”“ประชุมอะไรตอนดึก รุ่งสาง เช้าตรู่..”เธอแวดใส่ ชายหนุ่มหลุดเสียงขำ“ไม่เอาน่า อย่าเป็นอย่างนี้ดิ ก็นี่ไงพี่กลับมาแล้วไง ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย”“หาย หายไปทำงาน หนึ่งวันหนึ่งคืน..”“โอเค..” แขนแกร่งยกขึ้นราวกับยกธงขาว พร้อมพยักหน้
จินดาหน้าชา ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มอ้าขึ้นอัตโนมัติ และขยับภายหลังโดยไม่มีเสียง หล่อนคงตกใจหนักซะจนลืมพูด หรือไม่สมองก็ขาวโพลนหยุดทำงานชั่วคราวหมายความว่าไง?การเลื่อนสถานะจากบุคคลที่เคยถูกหลอก เข้าหาเพื่อหวังผลประโยชน์ กลายเป็นคนพิเศษในเวลาต่อมา ต่อจากนี้จะไม่ได้มีแค่หล่อนเพียงคนเดียวแล้ว แต่จะมีอีกบุคคลปริศนาหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหลงรักซะมากกว่าจะทำยังไงดี..สาวเจ้าขบริมฝีปากตัวเอง รู้สึกถึงกลิ่นคาวรสชาติปะแล่มของเลือด แต่ความเจ็บปวดตรงนี้ยังเทียบไม่เท่ากับหัวใจเสียงถามตัวเองกึกก้องไปทั่วทั้งหัว“แล้วยังไง ยูจะไปจากไอเหรอ”ราล์ฟเงียบ ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความเมตตา ต่างกันกลับถัดไปฝั่งตรงข้ามมากกว่า ราวกับเขาเตรียมการเอาไว้แล้วชายหนุ่มส่ายศีรษะ“ยังไม่ได้พูดสักคำ”“ถ้างั้น?”“ยูอยู่ได้ไหมล่ะ”“ฮะ..”ความรู้สึกราวตะคริวกินอก เพิ่มเติมเป็นใบหน้าชาวาบและหูดับ หัวใจเต้นแรงเร็วเสี่ยงทะลุออกมาดิ้นพล่าน มือบางผสานกุมกันเอาไว้“ถ้ายูอยู่ได้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม”ดวงตาเคยสดใสเต็มไปด้วยหยดน้ำตา อันที่จริงหล่อนทราบดีคนตรงหน้าโคตรเห็นแก่ตัว ไม่เคยสนใจ ไม่เคยมองเห็นหัวใครหน้าไหน ทว่าไม
บ้านหลังหนึ่ง สร้างด้วยช่างฝีมือดี ตั้งตระหง่านอยู่บนเขตนอกชานเมือง ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และพืชเขียวขจี ราวกับอาณาเขตนั้นจงใจถูกจัดแต่งโดยเจ้าของบ้านที่รักอิสระทว่าไม่ใช่ ไม่เลย..เพราะนั่นคือตรงกันข้ามหล่อนมักจะอ้างว้างทุกครั้งยามต้องอยู่คนเดียว และยิ้มดีอกดีใจก็ตอนประตูรั้วค่อยๆเลื่อนเปิด ตอนรถหรูคันหนึ่งเคลื่อนผ่านเข้ามา ใช่เลยเป็นเขาคนที่รออยู่“มาแล้วเหรอ”เสียงหวานถามทันทีที่เห็นร่างสูงหลุดวงกบประตูเข้ามา“เป็นไงบ้าง”เสียงแหบพร่าถามกลับ ไม่ได้มองหล่อนเต็มตาสักเท่าไหร่ เลือกที่จะเดินไปทิ้งตัวลงบนฟูกพร้อมพ่นลมหายใจเขาคงเหนื่อยมาก มากซะจนไม่มีอารมณ์จะมองตากันดวงตากลมโตของจินดาขึงกว้างขึ้นเล็กน้อย หล่อนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งจัดว่ารู้จักเขาดีมากกว่าใครอื่น ถึงได้รู้อารมณ์ที่แสดงออกมาตอนนี้นั้นยากจะควบคุมของเขา หากพูดผิดหูไปเพียงนิดเดียว อาจจะโดนตะเพิด และทำเขาหายไปจากบ้านหลังนี้ได้ จึงเลือกที่จะกลืนน้ำลายดับความน้อยใจลงก่อน ถึงจะเอาตัวเข้าไปใกล้“อะไรเย็นๆหน่อยไหม”แม้ว่าจินดาจะจัดไปทางคนเจ้าอารมณ์ ชอบเหวี่ยงชอบวีน แต่หล่อนก็อยู่เป็น เลือกที่จะใช้ท่าทางและคำพูดได้ดีและถู
นับตั้งแต่นั้น ความระแวงก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจ ภายในห้องใหญ่แต่เบาเสียง ชนิดไร้ซึ่งการหยอกล้อระหว่างคนสองคน และกำลังเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ ที่อาจทำให้เกิดการสั่นคลอนได้ราล์ฟกลับบ้านดึกทุกวัน บางครั้งอินถาหลับไปแล้ว กว่าจะเห็นเขานอนอยู่ข้างๆก็ตอนเช้าตรู่ความตึงเครียดจึงเริ่มมีอิทธิพล สาวเจ้าในวันทำงานไร้รอยยิ้มและวันผ่อนคลายเหมือนเช่นเคย จนนักรบเพื่อนร่วมงานทันสังเกต และเริ่มสงสัยจริงจังก็ตอนอยู่กันตามลำพังในร้านกาแฟของบริษัท“มีปัญหากันใช่ไหม”“อืม”“ตั้งแต่เมื่อไหร่”“สักพักละ”“ตั้งแต่ตอนนั้นเหรอ”“อืม”คนถูกถามเอาแต่พยักหน้า ขณะสายตาหลุบต่ำจ้องเพียงแก้วกาแฟที่เพิ่งจะลดลงไปไม่ถึงคืบ เพียงเพราะมันขมกว่าวันปกติจนกลืนไม่ลงชายหนุ่มถอนลมหายใจพรืด ฉุดมือนั้นไว้และบังคับให้แก้วลดลง เพื่อจะเห็นสีหน้าบูดบึ้งอย่างชัดเจน“อิน..”“หืม?”“รบหวังดีนะ”ประโยคบอกเล่า ให้ความรู้สึกถึงคนพูดไม่สู้ดีนัก ทำคนฟังชะงักกึก ยอมที่จะละทิ้งความตะขิดตะขวงใจไว้เบื้องหลัง ความประหม่าถูกทาบทับลดระดับลง หลงเหลือความซึ้งใจให้พึงระลึกแทน“เรารู้” หญิงสาวพยักหน้า ช้อนตาขึ้น “แยกแยะได้แหละน่า มันไม่เกี่ยวกับร