แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: ต้าซ้อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-03 13:04:32

[ฟังอยู่ขอรับ นายหญิงต้องการสิ่งใด]

"พาข้าไปยังห้องลับที่อยู่หลังห้องหนังสือในเรือนใหญ่ ข้าคิดว่าข้ายังจำทางเข้าได้"

เมิ่งซีรู้ว่าต้องผ่านเวรย่ามที่ตรวจตราตอนกลางคืน ที่บอกอาเป่าก็เผื่อว่าจะมีวิธีไหนที่สามารถหลีกหนีหูตาคนพวกนั้นได้

[การเคลื่อนย้ายในระยะนี้ปลอดภัย อาเป่าสามารถพานายหญิงไปยังเป้าหมายได้ทันที เริ่มต้นการเคลื่อนย้าย...]

ทันใดนั้น ร่างของเมิ่งซีก็หายวับไปราวกับละอองหมอก ลมหายใจของนางขาดห้วงชั่วขณะ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้งในห้องมืดสลัว ครู่เดียวก็มีแสงสว่างส่องขึ้นจากแสงไฟของระบบ ทำให้นางเห็นภาพได้ชัดขึ้น

"อาเป่า! เจ้ามีความสามารถแบบนี้ด้วยเหรอ?" เมิ่งซียังตกใจไม่หาย เดิมทีนางคิดว่าจะต้องเดินออกจากเรือนโดยไม่ให้ใครเห็น

[นี่เป็นเพียงความสามารถพื้นฐานของอาเป่าขอรับนายหญิง สถานที่ในรัศมีไม่เกิน 100 จั้ง อาเป่าสามารถพานายหญิงไปได้ทุกที่ภายในพริบตาขอรับ]

"100 จั้ง คือเท่าไหร่?"

[หากคำนวณเป็นระยะทางของกาลเวลาที่นายหญิงจากมาก็คือ..ประมาณ 300 เมตรขอรับ]

"อื้อ เข้าใจแล้ว"

เมิ่งซีหันมาสนใจสิ่งของตรงหน้าต่อ เบื้องหน้าคือผนังไม้บุนวมหนังสัตว์เก่า ๆ โคมไฟน้ำมันวางอยู่มุมห้องให้ยังไม่ถูกจุดติด หีบเหล็กและหีบไม้จำนวนมากเรียงรายอยู่ตรงหน้า บางหีบถูกคลุมด้วยผ้าขาว ปิดทับตราตระกูลเหยียนเอาไว้อย่างแน่นหนา

"ช่วยข้าเปิดหีบเหล่านั้นที" เมิ่งซีกลืนน้ำลาย ฝ่ามือชื้นเหงื่อด้วยความตื่นเต้น

ระบบไม่ตอบ แต่วงแสงบางเบาก็สว่างวาบขึ้น หีบทุกใบเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นทองแท่ง เครื่องหยก เหรียญเงิน เหรียญทอง ตั๋วเงิน และแจกันหยกโบราณประดับลายมังกรเก่าแก่

"ของเหล่านี้…บิดาของร่างนี้ได้มาจากการรับสินบนทั้งนั้น"

เมิ่งซีหอบหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่น

"เก็บเข้ามิติทั้งหมด"

ทันใดนั้น ทรัพย์สมบัติที่กองอยู่ตรงหน้า ก็ล่องลอยหายไปอย่างเงียบงัน

"มีสิ่งใดอีกที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญในระบบได้บ้าง" เมิ่งซีเอ่ยถาม

[มีแจกันโบราณจำนวนสี่ใบ และภาพวาดของปราชญ์ชื่อดัง เป็นสมบัติราชวงศ์ก่อนที่สูญหาย หากนายหญิงยินยอม ระบบจะนำไปยังพิพิธภัณฑ์ในอนาคต ชิ้นละหนึ่งพันเหรียญเงินขอรับ]

"ของจากราชวงศ์ก่อน!…เจ้าคิดว่าควรทำยังไงดีอาเป่า?" เมิ่งซียกคิ้ว

[สมบัติเหล่านี้หากอยู่ที่นี่อาจสูญหาย ถูกทำลาย หรือถูกขายทิ้งโดยผู้ที่ไม่รู้คุณค่า แต่ถ้าขายให้ร้านเถาเป่า ของพวกนี้จะถูกส่งต่อไปยังอนาคต ของทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาในสถานที่ปลอดภัย เพื่อให้ผู้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและชื่นชม]

ระบบกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น

"เช่นนั้น…ข้ายอมขาย"

เพียงพริบตาเดียว แสงสีทองก็แวบวาบ แจกันทั้งสี่ใบและภาพวาด 2 ภาพที่แขวนอยู่หายไปจากสายตา ทันใดนั้นเสียงระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

[ยอดคะแนนปัจจุบัน: 6,000 เหรียญเงิน]

"เรื่องนี้ข้าก็อยากถาม เหรียญในระบบสามารถนำออกมาใช้ในโลกนี้ได้ไหม? แล้วมูลค่าของมันคือเท่าไหร่บ้าง เหมือนเงินเหวิน ตำลึงเงิน หรือตำลึงทองไหม?"

นางกล่าวถามเรื่องที่คาใจออกมา ในเมื่อนางต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่นี่ นางก็ควรเรียนรู้เอาไว้ทั้งหมด

[เรียนนายหญิง ค่าเงินในระบบจะมี

1000 เหรียญทองแดง เท่ากับ 1 เหรียญเงิน

10 เหรียญเงิน เท่ากับ 1 เหรียญทอง

ก็เหมือนกับค่าเงินของโลกในกาลเวลานี้

1000 เหวิน เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน

10 ตำลึงเงินเท่ากับ 1 ตำลึงทอง

เพียงแต่เงินทั้งสองส่วนแยกกันอย่างชัดเจน เหรียญในระบบไม่สามารถนำออกมาได้ แต่สามารถนำไปซื้อของในร้านเถาเป่าของระบบได้

ส่วนเงินหรือสมบัติของการเวลานี้ นายหญิงสามารถนำไปเก็บในพื้นที่มิติได้ แต่ซื้อของในร้านเถาเป่าไม่ได้ อยากนำออกมาตอนไหนก็แจ้งอาเป่าได้ตลอดขอรับ ส่วนสิ่งของที่นายหญิงขายให้ร้านเถาเป่าในระบบไปแล้ว จะไม่สามารถหาซื้อกลับคืนมาได้อีก]

"เข้าใจแล้ว แสดงว่าตอนนี้มีเหรียญในระบบ 6,000 เหรียญเงิน หรือ 600 เหรียญทองสินะ! แค่นี้…ก็พอจะใช้ตั้งต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว อาเป่าพาข้ากลับ"

เมิ่งซีถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พลางก้มมองมือตนเองเบา ๆ

เสียงจากระบบดังขึ้น

[เปิดระบบทำลายหลักฐาน ยืนยันการกลับไปยังตำแหน่งก่อนหน้า... เริ่มต้นการเคลื่อนย้าย]

ร่างของเมิ่งซีปรากฏอีกครั้งบนเตียงไม้ผุพัง ริมฝีปากซีดเซียวเม้มแน่นอย่างคิดไม่ตก มือบางกุมผ้าห่มผืนเก่าแน่น ก่อนจะหลับตาลง…เตรียมใจสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะเปลี่ยนชีวิต

เช้ามืดของวันใหม่มาเยือน

เมิ่งซีตื่นขึ้นมาในเรือนเล็กที่แสนคุ้นตา นางนั่งพิงเสาหลังอย่างอ่อนล้า ทั่วร่างยังระบมจากการถูกเฆี่ยนและความเหนื่อยล้าที่ฝังลึกอยู่ในเส้นเอ็น ไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้นางเพิ่งถูกใส่ร้าย ไล่ตะเพิด ถูกตัดขาดจากสกุลเหยียนผู้เคร่งในศักดิ์ศรีและหน้าตา บัดนี้นางกลับกลายเป็นเพียงหญิงสาวสกุลฉินที่ต้องระเห็จออกจากจวนสกุลเหยียน

เช้ามืดอากาศเย็นยะเยือก พัดโชยผ่านประตูไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด อนุฉินถือห่อผ้าผืนเล็ก เดินออกมาส่งบุตรสาวถึงประตูหลังเรือน หญิงวัยกลางคนผู้มีใบหน้าอ่อนล้าและแววตาเว้าวอน กำมือแน่นราวกับกลัวจะเสียสิ่งสุดท้ายในชีวิตไป

"ลูกแม่...ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ถ้าเจ้าเจ็บป่วยไม่มีใครช่วย เจ้าต้อง...ต้องอดทนผ่านไปให้ได้ แม่ช่วยเจ้าสุดกำลังได้เพียงเท่านี้ โทษแม่ที่เกิดมาต่ำต้อย"

นางว่าพลางยื่นห่อผ้าเล็ก ๆ และถุงเงินที่ผูกอย่างเรียบร้อยในห่อเดียวกัน เมิ่งซีรับไว้แน่น น้ำตาคลอในดวงตา แต่ใบหน้านิ่งสงบ

"ท่านแม่...วันใดที่ท่านหมดหวังกับคนในสกุลเหยียน อย่าลืมว่าท่านยังมีลูกสาวคนนี้รออยู่ที่บ้านนะเจ้าคะ"

หยวนอี สาวใช้ข้างกายของอนุฉินกับเสี่ยวซือ รีบยกหีบเล็ก ๆ ขึ้นรถม้าหลังบ้านที่ซื้อมาเตรียมพร้อมเอาไว้ พร้อมกับจัดวางเสบียงอาหารแห้ง หม้อใบเล็ก กาน้ำร้อน ถ้วยชามอย่างเรียบร้อย ในรถม้านั้นเรียบง่ายแต่สะอาดตา เห็นถึงความตั้งใจของผู้เป็นแม่

"หยุดนะ!"

ขณะที่เมิ่งซีกำลังก้าวไปยังรถม้า เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังขึ้นไม่ห่างนัก เสียงก้าวกระแทกพื้นหินกรวดดังกังวานก่อนที่ประตูเรือนจะถูกผลักเปิดออกจนสุด ฮูหยินผู้เคร่งขรึมเดินนำมาพร้อมกับเหยียนซูหนิง เหยียนหมิงเจี๋ย และเหยียนอวี่หนาน สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยการสบประมาท

"นี่เจ้าคิดจะพาลูกออกไปจากจวนโดยไม่บอกกล่าว หรือว่าเจ้ากับลูกสาวคิดจะขโมยของในจวนแล้วหนีไปกันแน่ อนุฉิน!"

ฮูหยินตวาดเสียงเข้ม แววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปกปิด อนุฉินแม้จะหวาดหวั่นแต่ก็ยังยืดอกตอบกลับเสียงนิ่งตอนที่คุณหนูใหญ่วางแผนทำร้ายลูกสาวของนาง นางไม่อาจยื่นมือเข้าไปถึงในวังได้ แต่ครั้งนี้นางต้องปกป้องลูกสาวให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องยืนหยัดจนกว่าเมิ่งซีจะออกไปพ้นจากจวนนี้

"เสบียง เงินทอง รถม้า ทุกอย่างล้วนมาจากสินเดิมของข้า มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับของในจวนเลยสักนิด หากไม่เชื่อ ท่านก็ให้คนไปตรวจเถิดเจ้าค่ะฮูหยิน!"

ใต้เท้าเหยียนเดินตามออกมาพร้อมหน้าตาบึ้งตึง ครั้นได้ยินดังนั้นก็ไม่รอช้า ออกคำสั่งพ่อบ้านทันที

"ไปตรวจของในรถม้าให้ละเอียด หากมีของในจวนแม้แต่ชิ้นเดียว พวกเจ้าจะไม่ได้ออกไปโดยง่าย!"

คนงานและพ่อบ้านรีบขึ้นไปตรวจค้นอย่างถี่ถ้วน ไม่นานนักก็กลับมารายงาน

"เรียนใต้เท้า...ของทุกชิ้นล้วนเป็นของใหม่ ไม่มีตราประทับหรือสัญลักษณ์ของจวนเลยขอรับ"

เหยียนซูหนิงยังไม่วางใจ เดินไปตรวจด้วยตนเอง ครั้นพบว่าเป็นจริงดังคำนั้น ก็ค่อยยอมถอยกลับมา แต่แววตาไม่ยอมหยุดความชิงชัง

เมิ่งซีปรายตามองเหยียนหรูอิ๋ง ซึ่งยืนตัวลีบอยู่หลังคนรับใช้ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

"ข้าถูกกำจัดออกจากบ้านนี้เพราะแผนชั่วของเหยียนซูหนิงแล้ว ต่อไปนี้...พี่หญิงรองได้โปรดระวังตัว ต่อไปคงเป็นท่านที่จะถูกเล่นงาน"

สีหน้าของเหยียนซูหนิงเปลี่ยนทันทีเป็นโกรธเกรี้ยว แต่ก็ยังแสร้งว่าใจเย็น ตีหน้าเศร้าเดินไปกอดแขนบิดา

"ท่านพ่อเจ้าขา ดูคนเนรคุณผู้นั้นสิเจ้าคะ ยังกล่าววาจาให้คนในบ้านแตกร้าวอีก คนเช่นนี้ช่างใจคดยิ่งนัก"

ใต้เท้าเหยียนได้ยินแบบนั้นก็ตวาดลั่นสุดเสียง

"เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระ! คิดจะยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกันรึอย่างนั้นรึ! ช่างใจคดยิ่งนัก!"

เมิ่งซีสบตาบิดาตรง ๆ อย่างไม่เกรงกลัว แววตาคู่นั้นเยือกเย็นและซ่อนรอยแค้นเอาไว้ เธอบอกกับเจ้าของร่างนี้ในใจ

สิบปีค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สาย เหยียนเมิ่งซีเจ้าอย่าได้ห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ได้ตายดีแน่นอน...

"ท่านเป็นคนฉลาด เป็นไปไม่ได้หรอกที่ท่านจะไม่รู้ว่าเรื่องครั้งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง เพียงแค่ท่านไม่พูดความจริงเพราะไม่ยอมเสียหมากในมือ ท่านมันก็แค่พวกเห็นผลประโยชน์เป็นใหญ่ มีลูกหลานไว้เป็นเครื่องขยายอำนาจทางการเมืองเท่านั้น ถูกต้องหรือไม่ใต้เท้าเหยียน?"

คำพูดนั้นกระแทกใจชายชราอย่างจัง ใบหน้าของใต้เท้าเหยียนแดงเถือก โกรธจนมือสั่น ต้องให้คนช่วยประคองกลับเข้าจวน

อนุฉินรีบจูงมือลูกสาวพาไปขึ้นรถม้า มืออีกข้างยื่นถุงเงินเล็ก ๆ แผนที่และจดหมายมอบให้เสี่ยวซือ

"เสี่ยวซือ ดูแลคุณหนูให้ดี มีเรื่องใดให้ส่งข่าวมา"

รถม้าเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ออกจากจวนสกุลเหยียน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังตลาด เมิ่งซีให้เสี่ยวซือแวะหน้าร้านเสื้อผ้า ไปซื้อชุดบุรุษมาสำรองเอาไว้หลายชุด พร้อมกับซาลาเปาและแป้งทอดไส้เนื้ออีกหลายชิ้นหน่อย

ขณะนั้น เมิ่งซีก็ลูบหน้าอกเบา ๆ แล้วเอ่ยกับระบบในใจ

"อาเป่าตื่นรึยัง ข้าอยากได้ยาเม็ดฟื้นฟูร่างกาย"

เสียงในใจดังขึ้นทันที

"ยาฟื้นฟูร่างกายขั้นต้น 1 เม็ด ใช้ 10 เหรียญทองแดง...ยืนยันหรือไม่?"

"ยืนยัน"

[ขณะนี้เหรียญในระบบของนายท่านเหลือ 599 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 990 เหรียญทองแดง ]

ทันใดนั้นเม็ดยาสีอำพันปรากฏในมือ นางกลืนลงไปทันทีพร้อมกับยกน้ำในกระบอกขึ้นมาดื่ม ความเย็นซึมผ่านหลอดอาหาร ร่างกายรู้สึกเบาสบายขึ้นทันตา แต่ก็ยังไม่หายเป็นปลิดทิ้งเสียทีเดียว เพียงแค่ไม่ทรมานเหมือนเดิมก็เท่านั้น

ไม่นานเสี่ยวซือก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้า ซาลาเปาไส้เนื้อและแป้งทอดมาใส่ห่ออย่างดี รถม้าจึงเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง ตรงสู่เส้นทางใหม่ทิศตะวันออก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   บทที่ 262

    หลี่เหมยมองหน้าเซียวติ้งเซิงแล้วยิ้ม นางพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป ในที่สุด ความสุขที่เธอโหยหาก็กลับคืนมาอีกครั้ง...***********ค่ำคืนแห่งเทศกาลโคมไฟถูกประดับไปด้วยแสงสีทองและแดงสด เสียงพลุไฟดังก้องสะท้อนอยู่รอบลานกว้างหน้าเรือน เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ผสมผสานกับกลิ่นอาหารที่อบอวลจากหม้อไฟขนาดใ

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   บทที่ 261

    การสูญเสียที่ไม่อาจยอมรับได้ทำให้หลี่เหมยเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลงด้วยอาการตรอมใจ แต่ในห้วงเวลาสุดท้ายของการจากไป จิตใจของเธอกลับสงบและเต็มไปด้วยความรักที่บริสุทธิ์ การยอมสละทุกสิ่งในชีวิตเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้า ทำให้เธอได้สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ที่ได้กลายเป็นสะพานเชื่อมให้เธอกลับไปสู่จุดจุดเดิมท

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   บทที่ 260

    "อาหยวน! อาจื้อ อาหนิง มานั่งกินข้าวกันเร็ว!"แต่สิ่งที่ตอบกลับมานั้นมีเพียงเสียงสะท้อนแว่ว ๆ ของตนเองในความว่างเปล่า...รอบกายของนางไม่มีใครอีกแล้ว ไม่มีรอยยิ้มสดใสของลูก ๆ ไม่มีเสียงหัวเราะคิกคักของหลาน ๆ ที่วิ่งเล่นซุกซนอยู่ในบ้าน หัวใจของหลี่เหมยบีบรัดแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   บทที่ 259

    เสียงเครื่องวัดชีพจรในห้องคนป่วยดัง "ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด…" เนิ่นนานกว่าหนึ่งปีเต็ม ที่ร่างของหลี่เหมยนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแห่งนี้ สีหน้าของเธอนั้นสงบราวกับคนที่หลับใหลไปในห้วงนิทราอันยาวนานข้างกายของหลี่เหมย มีเพียงป้าหลัว หญิงวัยกลางคนที่จงรักภักดี คอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดไม่เคยห่างกาย ถึงจะมี

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   บทที่ 258

    เขานั่งนิ่ง ร่างสูงใหญ่สั่นเทา ดวงตาที่เคยเด็ดเดี่ยวกลับพร่ามัวไปด้วยน้ำตา ทุกคนจึงได้ตระหนักในชั่วขณะนั้นว่า... หลี่เหมยมีความสำคัญต่อเขามากเพียงใด บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยเสียงสะอื้นขาดห้วง อากาศหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออกทว่าในท่ามกลางความเศร้าโศกนั้น เสี่ยวม่ายที่พยายามควบคุมน้ำตา เดินไปยังโต๊ะกลา

  • เคียงพยัคฆ์บุพเพรักข้ามภพ   บทที่ 257

    เสียงสะอื้นแผ่วเบาของเด็ก ๆ ทั้งสามดังลอดออกมาจากเรือนนอนที่เงียบสงัด ราวกับสายลมเศร้าที่กำลังร่ำร้องปลุกปลอบวิญญาณของผู้เป็นย่าให้ตื่นขึ้นมา ทว่า...ความเงียบวังเวงกลับเป็นสิ่งเดียวที่โอบล้อมอยู่เซียวติ้งเซิงก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าหนักอึ้ง ใจที่เคยแข็งแกร่งยิ่งกว่าหินผากำลังแหลกสลายอย่างไม่อาจต้าน ดวง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status