Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 118: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

Share

บทที่ 118: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-05 12:27:52

"ผู้เงียบที่เริ่มพูด” – คนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่

ลมฤดูหนาวร่วงผ่านยอดไม้ในเขตตะวันออกของแคว้นยามาโนะ เสียงของสายลมยังไม่ดังเท่าเสียงในใจคนที่กำลังเปลี่ยนไป

ณ ปราสาทฮิรายามะ ปราสาทที่สูงตระหง่านกลางหุบเขา เคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของอำนาจเก่า ภายใต้การปกครองของตระกูลอาโออิ — ตระกูลที่ภายนอกดูแข็งแกร่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ภายใน…เริ่มแตกร้าวโดยไม่มีใครกล้าเอ่ย

ชายหนุ่มนามว่า อาโออิ อาคินาริ

เขาเป็นบุตรคนรองของผู้นำตระกูล

ไม่มีตำแหน่งในสภา

ไม่มีบทบาทในกองทัพ

ไม่มีเสียงในพิธีใหญ่

และที่สำคัญ…ไม่มีใครเคยเห็นเขาพูดเกินสามคำในที่สาธารณะ

เขาคือ “คนเงียบ” แห่งตระกูลอาโออิ

แต่เมื่อเงาเริ่มเดินกลางเมือง

เมื่อสมุดที่ไม่มีชื่อกลายเป็นสมบัติประจำหมู่บ้าน

และเมื่อเสียงของเด็กๆ แทรกซึมเข้าสู่ห้องที่เคยปิดตาย…

เสียงของผู้เงียบ…เริ่มก้องดังกว่าธงใด

เงาที่ไม่มีใครฟัง

อาคินาริเติบโตมาท่ามกลางคำสั่งของพี่ชายและกฎของบิดา

เขาฝึกดาบตั้งแต่ห้าขวบ

อ่านตำราศาสนจักรตั้งแต่เจ็ดขวบ

และเรียนรู้วิธีไม่พูดตั้งแต่อายุเก้าขวบ

เพราะในบ้านของเขา การแสดงความเห็นถือเป็นความอ่อนแอ

การตั้งคำถามคือการทรยศ

และการพูดถึงผู้ที่ “ไม่มีบทสวด” คือการกระทำที่ใกล้บาป

เขาเรียนรู้ที่จะยิ้มแบบไร้เสียง

คำนับอย่างไร้คำ

และใช้ชีวิตเหมือนใบไม้ที่ติดอยู่ในลำธาร ไม่สามารถว่ายทวนได้

กระทั่งวันหนึ่ง…

สมุดฟังจากหมู่บ้านอุซึมิถูกวางเงียบ ๆ ในห้องสมุดเก่าของปราสาท

ไม่มีใครรู้ว่าใครนำมา

ไม่มีตรา

ไม่มีคำอธิบาย

ไม่มีชื่อผู้ส่ง

แต่เมื่ออาคินาริเหลือบเห็น และเปิดอ่านในคืนที่ทุกคนหลับ

เขาพบชื่อที่เขาเคยจำ...แต่ไม่มีสิทธิ์พูด

พบเรื่องราวที่คล้ายกับบาดแผลของตัวเอง

และพบประโยคหนึ่งที่เปลี่ยนวิธีหายใจของเขาไปตลอดชีวิต:

“บางครั้ง การเงียบคือเสียงที่ยังไม่มีพื้นที่”

ความสั่นสะเทือนในงานประชุม

สองวันถัดมา

ในที่ประชุมใหญ่ของตระกูลอาโออิ ผู้นำสายอำนาจจากทั่วแคว้นถูกเรียกประชุม

หัวข้อคือ “ภัยจากแนวคิดใหม่” และ “ศาสนจักรที่เริ่มแตกร้าว”

ผู้พูดหลักล้วนคือขุนศึก ผู้เฒ่า และพระในศาสนจักรเก่า

ทุกคนกล่าวโทษสมุดฟังว่าเป็นอาวุธของพวกไร้ศรัทธา

กล่าวหาพิธีที่ไม่มีพระว่าเป็นพิธีของความมืด

และกล่าวโทษเสียงของเด็กว่าเป็นการบ่อนทำลายรากของแผ่นดิน

อาคินารินั่งอยู่ท้ายสุด เหมือนทุกครั้ง

ไม่มีใครหันมามอง

จนกระทั่งเขาลุกขึ้น…

ชั่ววินาทีนั้น ห้องทั้งห้องหยุดนิ่ง

คนที่ไม่เคยพูด กำลังเปิดปาก

และเสียงของเขา ไม่ได้แผ่วเบา

แต่ชัดเจน…เหมือนระฆังในหุบเขา

“หากความทรงจำของคนที่ไม่มีชื่อ

คือภัยต่อศรัทธาของท่าน

งั้นข้าขอเลือก ‘ภัย’ นั้น…มากกว่า ‘คำสวด’ ที่ลืมชื่อแม่ข้าเสียอีก”

ไม่มีใครกล้าตอบกลับ

แม้แต่พี่ชายของเขา

เสียงจากเงากลายเป็นคำมั่น

วันถัดมา

ข่าวของ “ชายเงียบที่เริ่มพูด” แพร่กระจายไปราวเปลวไฟในหญ้าแห้ง

หมู่บ้านรอบปราสาทเริ่มนำสมุดฟังออกวางกลางลาน

พ่อค้าที่เคยหวาดกลัวศาสนจักร เริ่มนำกระดาษเปล่ามาวางในร้านตน

แม่บ้านในตลาดเริ่มสวด “ชื่อ” แทน “บท”

และเด็กๆ เริ่มเดินจากบ้านหนึ่ง ไปอีกบ้านหนึ่ง พร้อมเสียงอ่านชื่อคนตาย

ไม่กี่วันหลังจากนั้น

อาคินาริถูกขอให้ขึ้นพูดต่อหน้าคนทั้งแคว้น

ในพิธีใหญ่ซึ่งศาสนจักรเรียกขึ้นเพื่อต่อต้าน “พิธีฟัง”

เขาก้าวขึ้นแท่นไม้

ไม่มีกลอง

ไม่มีธง

ไม่มีพระสวด

มีเพียงชายหนุ่มที่เคยเงียบ

พูดเพียงว่า…

“ข้าจะไม่เป็นผู้นำ

ข้าจะไม่ตั้งศาสนาใหม่

ข้าจะเป็นเพียงที่…ให้ทุกเสียงไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป”

เขาวางสมุดฟังเล่มหนึ่งไว้กลางลาน

แล้วถอยหลัง…ปล่อยให้เด็ก ๆ และชาวบ้านเดินเข้ามาทีละคน

เขียน

ร้องไห้

นั่งเงียบ

หรือแค่เอามือวางบนปกหนังที่ไม่มีชื่อ

ผลสะเทือน: ตระกูลอื่นเริ่มสั่น

การเปลี่ยนแปลงของอาคินาริ เริ่มกลายเป็นแรงสะเทือนระดับแผ่นดินไหวในโลกการเมือง

ตระกูลอาซูมะส่งคนมาสังเกตการณ์

ตระกูลยามาโนะเริ่มเรียกประชุมภายในว่า “เสียงเงา”

แม้ศาสนจักรจะยังคงตราหน้าการกระทำนี้ว่าเป็น “เงาที่ล่อลวง”

แต่ไม่มีใครสามารถหยุดจำนวนสมุดฟังที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน

แม้ไม่มีใครแต่งตั้งอาคินาริเป็นผู้นำ

แต่เขากลับกลายเป็น “ผู้นำ” ในแบบที่ไม่มีใครเคยเห็น

ผู้นำ…ที่ไม่สั่ง

ผู้นำ…ที่ไม่เรียกร้อง

ผู้นำ…ที่ฟังจนคนอื่นอยากพูดเอง

บทสรุป: เสียงที่กล้าแรก อาจไม่ดังกว่าใคร

แต่เมื่อมันมาจากผู้ที่เคยเงียบที่สุด

มันจึงสะท้อนลึก…และเปลี่ยนโลกได้

จากเด็กที่เคยเขียนว่า “อยากให้ชื่อแม่ยังอยู่”

ถึงคนเงียบที่พูดคำแรกเพื่อแม่ที่ไม่มีชื่อในบทสวด

โลกใหม่จึงเริ่มจากคนที่ “ไม่ได้ต้องการนำ”

แต่ “ต้องการให้ใครสักคน…ได้มีเสียง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 122: เสียงของพระที่เงียบงัน

    เสียงของพระที่เงียบงันบ้านหลังเล็กใต้เขาตะวันตก อยู่ห่างจากศาลาเงาไปครึ่งวันเดินเท้า ไม่มีระฆัง ไม่มีแท่น ไม่มีธูปสักดอกแต่ภายในบ้านไม้หลังนั้น มีโต๊ะหนึ่งตัว ตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง และสมุดวางเรียงอยู่สิบห้าเล่ม — หน้าปกเป็นเพียงผ้าขี้ริ้วพันไว้ ไม่ต่างจากผ้าพันแผลของคนเจ็บฮากุโร่ไม่ได้พูดอะไรเลย นับแต่เขาก้าวเข้าสู่บ้านนั้น เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ ข้างหน้าเขา…คือหญิงชราเงียบงันผู้หนึ่ง และสมุดเล่มหนึ่ง…ซึ่งเปิดค้างไว้ที่หน้าเก่า หน้าแรกเขียนด้วยลายมือที่สั่น…แต่มั่นคง ว่า…

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 121: พระที่ล้มแท่นของตน

    พระที่ล้มแท่นของตน — พระบางคนเผาตำราเก่าและฟังเสียงเด็กแทนในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินโยะริมิยะมีวัดหนึ่งที่ชื่อว่า โฮเซ็นจิเป็นวัดไม้สูงเจ็ดชั้น ตั้งอยู่กลางผืนป่ามีระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่งมีตำราสวดร้อยกว่าเล่มมีพระผู้เฒ่าสามสิบรูปและคำสวดที่เหมือนกันหมดทุกเช้าเย็นแต่ในวันที่พระรูปหนึ่งเดินลงจากแท่นเอื้อมมือหยิบตำราหนึ่งมา…และวางมันลงในกองเพลิงตรงลานกลางวัดเสียงไฟที่แตกเปรี๊ยะ…เงียบกว่าการสวดพันบทพระที่ไม่สวดอีกต่อไปเขาชื่อว่า คันริวในสมัยหนุ่ม คันริวเป็นผู้เทศน์ที่เข้มงวดที่สุดในโฮเซ็นจิเขาสามารถท่องตำราสิบสามเล่มโดยไม่หยุดเขาเคยคัดลอกบทสวดด้วยหมึกดิบทุกคืนจนมือช้ำเขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิดด้วยการไม่ให้สวดหนึ่งสัปดาห์แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทุกคืน…นั่งอยู่ใต้ต้นสน นอกหอและจดสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา“เสียงที่แม่ร้องไห้”“คำสุดท้ายของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่”“ชื่อที่ถูกลืมในพิธีศพ”“เรื่องเล่าในความเงียบที่ไม่มีใครอยากฟัง”เขาไม่เคยพูดถึงสมุดเล่มนั้นกับใครจนกระทั่งเด็กชายคนหนึ่งปีนข้ามกำแพงวัดมาในคืนฝนตกเด็กที่ไม่ต้องการให้ใครสวดให้พ่อเด็กคนนั้นชื่อว่า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 120: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำรา – พื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึงเริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนาในแผ่นดินที่หมึกของตำราไม่เคยเปื้อนในหมู่บ้านที่พระไม่เคยสวดถึงในหุบเขาที่เสียงระฆังไม่เคยเดินทางไปถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ศรัทธาที่ไม่มีตำรา”หรือที่คนบางกลุ่มเรียกกันเบา ๆ ว่า...“พิธีฟัง”หมู่บ้านอิวาเระ — ดินแดนที่ไม่เคยมีแท่นบูชาหมู่บ้านอิวาเระอยู่ลึกในหุบเขาโซเซ็นต้องข้ามหินร้อยลูก ต้องเดินผ่านป่าไร้ทางไม่มีวัดไม่มีศาลเจ้าไม่มีพระไม่มีธงตระกูลมีเพียงกระท่อนไม้สิบห้าหลัง กับเสียงลมที่โหยหวนในคืนฝนตกแต่เมื่อข่าวของ “สมุดฟัง” แพร่ไปทั่วแคว้นหญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน — โยรุมิ — ตัดสินใจใช้ผ้าเก่าเย็บเป็นเล่มสมุดบนหน้าปก นางเขียนว่า“สำหรับชื่อที่ไม่มีใครฟังอีกแล้ว”ไม่มีพิธีเปิดไม่มีโฆษณาไม่มีคำประกาศจากตระกูลไม่มีบทสวดเริ่มพิธีแต่ในคืนเดือนดับชาวบ้านสิบหกคนรวมตัวกันใต้ต้นสนเก่าและเริ่มอ่านชื่อของคนที่จากไปในจังหวะที่ไม่เท่ากันในเสียงที่สั่นในอารมณ์ที่เปลือยเปล่าเด็กชายผู้ไม่เคยเห็นพระเด็กคนหนึ่งชื่อ “ชิน”อายุสิบขวบเขาไม่รู้ว่าพระคืออะไรไม่รู้ว่าพิธีกรรมต้องทำอย่างไรรู้เพียงว่าแม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 119: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง – คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นฤดูใบไม้ผลิในปีที่เรียกกันภายหลังว่า “ปีแห่งการฟัง” มิได้มาพร้อมเสียงนกร้อง หรือการเบ่งบานของซากุระเช่นทุกคราแต่มันเริ่มด้วยเสียงเรียกชื่อคนตายเสียงที่ไม่มีบทไม่มีผู้นำไม่มีธงและไม่มีคำสั่งลมจากภูเขาเหนือในหุบเขาอันห่างไกลทางตอนเหนือของแคว้นยามาโนะมีหมู่บ้านที่ไม่มีแม้แต่ชื่ออยู่บนแผนที่แต่กลับมีโต๊ะไม้เก่า ๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางลานเปล่าบนโต๊ะวางสมุดเล่มหนึ่ง ปกหนังสีเข้ม ขอบลุ่ยเช้าของวันนั้นหญิงชราในชุดทอมือสีน้ำหม่นเดินมาช้า ๆเธอเปิดสมุดเขียนชื่อของน้องชายที่ถูกสังหารเมื่อห้าสิบปีก่อนแล้ววางดอกไม้แห้งหนึ่งดอกจากนั้น...ก็เดินกลับบ้าน โดยไม่พูดอะไรบ่ายวันนั้น เด็กวัยสิบสามเดินมาจากอีกหมู่บ้านเขียนชื่อของแม่ที่ไม่เคยพบแล้วนั่งอ่านชื่อทั้งหมดในสมุดเบา ๆ คนเดียวและเมื่อดวงจันทร์ลอยเหนือเงาไม้...โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ไม่มีใครรู้ว่าใครวางแต่ทุกดอกมีความหมายเท่ากันต่อให้วางด้วยมือที่เคยจับดาบหรือมือที่เคยล้างจานการเดินทางของสมุดภายในสัปดาห์เดียวโต๊ะแบบเดียวกันผุดขึ้นในอีกสามสิบหม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 118: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    "ผู้เงียบที่เริ่มพูด” – คนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ลมฤดูหนาวร่วงผ่านยอดไม้ในเขตตะวันออกของแคว้นยามาโนะ เสียงของสายลมยังไม่ดังเท่าเสียงในใจคนที่กำลังเปลี่ยนไปณ ปราสาทฮิรายามะ ปราสาทที่สูงตระหง่านกลางหุบเขา เคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของอำนาจเก่า ภายใต้การปกครองของตระกูลอาโออิ — ตระกูลที่ภายนอกดูแข็งแกร่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ภายใน…เริ่มแตกร้าวโดยไม่มีใครกล้าเอ่ยชายหนุ่มนามว่า อาโออิ อาคินาริเขาเป็นบุตรคนรองของผู้นำตระกูลไม่มีตำแหน่งในสภาไม่มีบทบาทในกองทัพไม่มีเสียงในพิธีใหญ่และที่สำคัญ…ไม่มีใครเคยเห็นเขาพูดเกินสามคำในที่สาธารณะเขาคือ “คนเงียบ” แห่งตระกูลอาโออิแต่เมื่อเงาเริ่มเดินกลางเมืองเมื่อสมุดที่ไม่มีชื่อกลายเป็นสมบัติประจำหมู่บ้านและเมื่อเสียงของเด็กๆ แทรกซึมเข้าสู่ห้องที่เคยปิดตาย…เสียงของผู้เงียบ…เริ่มก้องดังกว่าธงใด เงาที่ไม่มีใครฟังอาคินาริเติบโตมาท่ามกลางคำสั่งของพี่ชายและกฎของบิดาเขาฝึกดาบตั้งแต่ห้าขวบอ่านตำราศาสนจักรตั้งแต่เจ็ดขวบและเรียนรู้วิธีไม่พูดตั้งแต่อายุเก้าขวบเพราะในบ้านของเขา การแสดงความเห็นถือเป็นความอ่อนแอการตั้งคำถามคือการทรยศและการพูดถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status