/ อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

공유

บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

작가: mafath9
last update 최신 업데이트: 2025-07-07 18:06:00

ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์

แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”

แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์

เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอ

พระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตก

ในมือเธอไม่มีตำรา

ไม่มีลูกประคำ

ไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใด

มีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่า

รอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในสำนัก และผู้แทนจากศาสนจักรกลาง

ที่เดินทางมาร่วมพิธีเทศน์ใหญ่ในรอบปี

แต่สิ่งที่พวกเขาได้ยินในวันนั้น

ไม่ใช่เสียงของพระที่จดจำตำราได้แม่นยำที่สุด

แต่เป็นเสียงของหญิงคนหนึ่ง ที่ประกาศจะไม่เทศน์อีกต่อไป

“ข้าขอถอนตนออกจากวิถีแห่งคำที่ถูกสั่ง

ข้าขอฟังเสียงที่ไม่อยู่ในตำรา

ข้า…ไคเซ็น ขอเป็นเพียง ‘ผู้ฟัง’ ไม่ใช่ผู้บอกทาง”

เสียงนั้น แตกกลางวิหาร

ราวกับสายลมบาดแผ่นน้ำ


เสียงที่กล้าผิดบท

ย้อนไปก่อนหน้าวันนั้นเพียงหนึ่งเดือน

ไคเซ็นลอบเดินทางไปยังหมู่บ้านร้างชายแดน ที่มีข่าวว่า
“ไม่มีบทสวดใดถูกเอ่ยถึงอีกเลย”

แต่มีเด็กคนหนึ่ง อ่านชื่อผู้ตายทุกคืนต่อหน้าเปลวไฟ

นั่นคือคืนที่เธอได้พบ “อิโตะ” — เด็กชายที่เคยทำให้พระคันริวเผาตำรา

เธอไม่กล่าวอ้างชื่อเธอในวันนั้น

เพียงนั่งฟังเขาเล่าเรื่องพ่อ

และบรรจงจดคำลงในสมุดของเธอ

“เขาเคยบอกว่า กลิ่นหอมของดินหลังฝน ดีกว่าธูปในวัด”

“เขาไม่เคยเทศน์ แต่ทุกครั้งที่เขาฟัง ข้ารู้สึกเหมือนข้ามีตัวตน”

คืนนั้น ไคเซ็นไม่ได้สวมชุดพระ

ไม่มีสายรัดผ้า ไม่มีลวดลายศักดิ์สิทธิ์

แต่ดวงตาของเธอกลับสว่างที่สุดตั้งแต่เคยเปิดออก


การสลายของสิทธิในการพูด

เมื่อไคเซ็นกลับมายังซุยเร็นจิ เธอเริ่มทำบางสิ่งที่สั่นคลอนรากของศาสนจักร

เธอเปิดวิหารให้เด็ก ๆ เข้ามาเขียน “สมุดฟัง” แทนการท่องบทสวด

เธอให้พระในสำนักล้อมวงกับชาวบ้าน เพื่อฟังเรื่องราวที่ไม่มีใครเขียน

เธอลบคำว่า “เทศน์” ออกจากกำหนดพิธี และเปลี่ยนเป็น “การฟังร่วม”

พระรูปหนึ่งถามด้วยเสียงสั่น

“ศรัทธาที่ไม่มีบท…จะคงอยู่ได้อย่างไร?”

ไคเซ็นไม่ตอบทันที

แต่หยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา — เปิดไปที่หน้าแรก

มีเพียงชื่อ “อากิระ” — เด็กชายที่ถูกฆ่าในพิธีล้างเงาของแคว้นเหนือ

เธอเพียงพูดว่า

“ข้าจำชื่อของเขาได้ เพราะมีคนกล้าพูดมัน…แม้ไม่มีบทสวดรองรับ”


สนธิสัญญาแห่งการฟัง

ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ตระกูล ยามาโนะ แห่งตะวันตก

ส่งสารลับถึงไคเซ็น พร้อมลายเซ็นจากหัวหน้าตระกูล

และคำว่า:

“หากท่านกล้าฟัง ข้าจะกล้าปกป้อง”

นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโยะริมิยะ

ที่ศาสนจักรไม่ได้รับการอุปถัมภ์จากตระกูล เพราะการเทศน์

แต่เพราะความกล้าฟัง


การประชุมลับในคืนไร้แสง

ผู้แทนศาสนจักรกลางเดินทางมาถึงซุยเร็นจิในคืนที่ไร้จันทร์

เขาไม่ได้เปิดพิธี ไม่สวมชุดขาว

แต่พก “คำสั่งถอดถอน” จากสภาศาสนจักรสูงสุด

ไคเซ็นรับคำสั่งนั้นอย่างสงบ

แล้วยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้แทนคำพูด

ในนั้นมีข้อความเพียงสั้น ๆ:

“หากการฟังคือความผิด

ข้ายินดีผิด เพื่อให้ใครบางคนไม่ถูกลืม”


คืนที่ไม่มีใครเทศน์

ค่ำคืนนั้น เด็ก ๆ กว่าร้อยชีวิตล้อมวงในลานวัด

ไม่มีบทสวด ไม่มีพระเทศน์

มีเพียง “เสียงเล่า” ที่แต่ละคนจดไว้ในสมุด

พวกเขาเริ่มอ่าน

เริ่มฟัง

เริ่มจำชื่อของกันและกัน

โดยไม่ต้องมีผู้สั่ง หรือผู้ให้พร

ไคเซ็นนั่งตรงกลาง

ไม่พูดแม้คำเดียว

แต่ทุกเสียง…ก็ดังราวกับเป็นเสียงของเธอ


เสียงที่เปลี่ยนศาสนจักร

ข่าวของไคเซ็นแพร่ไปทั่ว

หลายวัดเริ่มเงียบเสียงสวดในคืนหนึ่งของทุกเดือน

เปลี่ยนจากการเทศน์เป็น “พิธีฟังร่วม”

บางพระเริ่มแอบคัดลอกสมุดฟัง

บางศาลากลาง เริ่มมีเด็กนั่งเขียนชื่อของผู้ตาย

แทนการขอรับคำสวดจากพระ

คำว่า “ศรัทธา” เริ่มไม่มีตำรา

แต่มีการฟัง…ที่ไม่มีผู้สั่งให้เริ่ม หรือหยุด


คำสุดท้ายของพระหญิง

ก่อนจะถูกเรียกตัวกลับไปยังศาสนจักรกลาง

ไคเซ็นพูดต่อหน้าผู้คนในวิหารเพียงประโยคเดียว

“หากวันใด ข้าไม่มีสิทธิพูด

ก็ขอให้ยังมีสิทธิฟัง”

และเธอก็จากไป

ทิ้งไว้เพียงศาลาฟังที่ไม่มีแท่น ไม่มีผู้นำ

แต่มีเด็กคนหนึ่งที่ยังเขียนชื่อของพ่ออยู่ทุกคืน

ด้วยหมึกดิบ และมือสั่น ๆ


เสียงที่พระเคยใช้สวด

บัดนี้กลายเป็นเสียงที่ฟังชื่อของผู้อื่น

และนั่นคือการแปรพักตร์ที่เปลี่ยนยุค

จบบทศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 122: เสียงของพระที่เงียบงัน

    เสียงของพระที่เงียบงันบ้านหลังเล็กใต้เขาตะวันตก อยู่ห่างจากศาลาเงาไปครึ่งวันเดินเท้า ไม่มีระฆัง ไม่มีแท่น ไม่มีธูปสักดอกแต่ภายในบ้านไม้หลังนั้น มีโต๊ะหนึ่งตัว ตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง และสมุดวางเรียงอยู่สิบห้าเล่ม — หน้าปกเป็นเพียงผ้าขี้ริ้วพันไว้ ไม่ต่างจากผ้าพันแผลของคนเจ็บฮากุโร่ไม่ได้พูดอะไรเลย นับแต่เขาก้าวเข้าสู่บ้านนั้น เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ ข้างหน้าเขา…คือหญิงชราเงียบงันผู้หนึ่ง และสมุดเล่มหนึ่ง…ซึ่งเปิดค้างไว้ที่หน้าเก่า หน้าแรกเขียนด้วยลายมือที่สั่น…แต่มั่นคง ว่า…

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 121: พระที่ล้มแท่นของตน

    พระที่ล้มแท่นของตน — พระบางคนเผาตำราเก่าและฟังเสียงเด็กแทนในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินโยะริมิยะมีวัดหนึ่งที่ชื่อว่า โฮเซ็นจิเป็นวัดไม้สูงเจ็ดชั้น ตั้งอยู่กลางผืนป่ามีระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่งมีตำราสวดร้อยกว่าเล่มมีพระผู้เฒ่าสามสิบรูปและคำสวดที่เหมือนกันหมดทุกเช้าเย็นแต่ในวันที่พระรูปหนึ่งเดินลงจากแท่นเอื้อมมือหยิบตำราหนึ่งมา…และวางมันลงในกองเพลิงตรงลานกลางวัดเสียงไฟที่แตกเปรี๊ยะ…เงียบกว่าการสวดพันบทพระที่ไม่สวดอีกต่อไปเขาชื่อว่า คันริวในสมัยหนุ่ม คันริวเป็นผู้เทศน์ที่เข้มงวดที่สุดในโฮเซ็นจิเขาสามารถท่องตำราสิบสามเล่มโดยไม่หยุดเขาเคยคัดลอกบทสวดด้วยหมึกดิบทุกคืนจนมือช้ำเขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิดด้วยการไม่ให้สวดหนึ่งสัปดาห์แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทุกคืน…นั่งอยู่ใต้ต้นสน นอกหอและจดสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา“เสียงที่แม่ร้องไห้”“คำสุดท้ายของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่”“ชื่อที่ถูกลืมในพิธีศพ”“เรื่องเล่าในความเงียบที่ไม่มีใครอยากฟัง”เขาไม่เคยพูดถึงสมุดเล่มนั้นกับใครจนกระทั่งเด็กชายคนหนึ่งปีนข้ามกำแพงวัดมาในคืนฝนตกเด็กที่ไม่ต้องการให้ใครสวดให้พ่อเด็กคนนั้นชื่อว่า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 120: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำรา – พื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึงเริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนาในแผ่นดินที่หมึกของตำราไม่เคยเปื้อนในหมู่บ้านที่พระไม่เคยสวดถึงในหุบเขาที่เสียงระฆังไม่เคยเดินทางไปถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ศรัทธาที่ไม่มีตำรา”หรือที่คนบางกลุ่มเรียกกันเบา ๆ ว่า...“พิธีฟัง”หมู่บ้านอิวาเระ — ดินแดนที่ไม่เคยมีแท่นบูชาหมู่บ้านอิวาเระอยู่ลึกในหุบเขาโซเซ็นต้องข้ามหินร้อยลูก ต้องเดินผ่านป่าไร้ทางไม่มีวัดไม่มีศาลเจ้าไม่มีพระไม่มีธงตระกูลมีเพียงกระท่อนไม้สิบห้าหลัง กับเสียงลมที่โหยหวนในคืนฝนตกแต่เมื่อข่าวของ “สมุดฟัง” แพร่ไปทั่วแคว้นหญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน — โยรุมิ — ตัดสินใจใช้ผ้าเก่าเย็บเป็นเล่มสมุดบนหน้าปก นางเขียนว่า“สำหรับชื่อที่ไม่มีใครฟังอีกแล้ว”ไม่มีพิธีเปิดไม่มีโฆษณาไม่มีคำประกาศจากตระกูลไม่มีบทสวดเริ่มพิธีแต่ในคืนเดือนดับชาวบ้านสิบหกคนรวมตัวกันใต้ต้นสนเก่าและเริ่มอ่านชื่อของคนที่จากไปในจังหวะที่ไม่เท่ากันในเสียงที่สั่นในอารมณ์ที่เปลือยเปล่าเด็กชายผู้ไม่เคยเห็นพระเด็กคนหนึ่งชื่อ “ชิน”อายุสิบขวบเขาไม่รู้ว่าพระคืออะไรไม่รู้ว่าพิธีกรรมต้องทำอย่างไรรู้เพียงว่าแม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 119: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง – คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นฤดูใบไม้ผลิในปีที่เรียกกันภายหลังว่า “ปีแห่งการฟัง” มิได้มาพร้อมเสียงนกร้อง หรือการเบ่งบานของซากุระเช่นทุกคราแต่มันเริ่มด้วยเสียงเรียกชื่อคนตายเสียงที่ไม่มีบทไม่มีผู้นำไม่มีธงและไม่มีคำสั่งลมจากภูเขาเหนือในหุบเขาอันห่างไกลทางตอนเหนือของแคว้นยามาโนะมีหมู่บ้านที่ไม่มีแม้แต่ชื่ออยู่บนแผนที่แต่กลับมีโต๊ะไม้เก่า ๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางลานเปล่าบนโต๊ะวางสมุดเล่มหนึ่ง ปกหนังสีเข้ม ขอบลุ่ยเช้าของวันนั้นหญิงชราในชุดทอมือสีน้ำหม่นเดินมาช้า ๆเธอเปิดสมุดเขียนชื่อของน้องชายที่ถูกสังหารเมื่อห้าสิบปีก่อนแล้ววางดอกไม้แห้งหนึ่งดอกจากนั้น...ก็เดินกลับบ้าน โดยไม่พูดอะไรบ่ายวันนั้น เด็กวัยสิบสามเดินมาจากอีกหมู่บ้านเขียนชื่อของแม่ที่ไม่เคยพบแล้วนั่งอ่านชื่อทั้งหมดในสมุดเบา ๆ คนเดียวและเมื่อดวงจันทร์ลอยเหนือเงาไม้...โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ไม่มีใครรู้ว่าใครวางแต่ทุกดอกมีความหมายเท่ากันต่อให้วางด้วยมือที่เคยจับดาบหรือมือที่เคยล้างจานการเดินทางของสมุดภายในสัปดาห์เดียวโต๊ะแบบเดียวกันผุดขึ้นในอีกสามสิบหม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 118: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    "ผู้เงียบที่เริ่มพูด” – คนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ลมฤดูหนาวร่วงผ่านยอดไม้ในเขตตะวันออกของแคว้นยามาโนะ เสียงของสายลมยังไม่ดังเท่าเสียงในใจคนที่กำลังเปลี่ยนไปณ ปราสาทฮิรายามะ ปราสาทที่สูงตระหง่านกลางหุบเขา เคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของอำนาจเก่า ภายใต้การปกครองของตระกูลอาโออิ — ตระกูลที่ภายนอกดูแข็งแกร่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ภายใน…เริ่มแตกร้าวโดยไม่มีใครกล้าเอ่ยชายหนุ่มนามว่า อาโออิ อาคินาริเขาเป็นบุตรคนรองของผู้นำตระกูลไม่มีตำแหน่งในสภาไม่มีบทบาทในกองทัพไม่มีเสียงในพิธีใหญ่และที่สำคัญ…ไม่มีใครเคยเห็นเขาพูดเกินสามคำในที่สาธารณะเขาคือ “คนเงียบ” แห่งตระกูลอาโออิแต่เมื่อเงาเริ่มเดินกลางเมืองเมื่อสมุดที่ไม่มีชื่อกลายเป็นสมบัติประจำหมู่บ้านและเมื่อเสียงของเด็กๆ แทรกซึมเข้าสู่ห้องที่เคยปิดตาย…เสียงของผู้เงียบ…เริ่มก้องดังกว่าธงใด เงาที่ไม่มีใครฟังอาคินาริเติบโตมาท่ามกลางคำสั่งของพี่ชายและกฎของบิดาเขาฝึกดาบตั้งแต่ห้าขวบอ่านตำราศาสนจักรตั้งแต่เจ็ดขวบและเรียนรู้วิธีไม่พูดตั้งแต่อายุเก้าขวบเพราะในบ้านของเขา การแสดงความเห็นถือเป็นความอ่อนแอการตั้งคำถามคือการทรยศและการพูดถ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status