Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 119: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

Share

บทที่ 119: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-05 20:08:32

พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง – คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้น

ฤดูใบไม้ผลิในปีที่เรียกกันภายหลังว่า “ปีแห่งการฟัง” มิได้มาพร้อมเสียงนกร้อง หรือการเบ่งบานของซากุระเช่นทุกครา

แต่มันเริ่มด้วยเสียงเรียกชื่อคนตาย

เสียงที่ไม่มีบท

ไม่มีผู้นำ

ไม่มีธง

และไม่มีคำสั่ง


ลมจากภูเขาเหนือ

ในหุบเขาอันห่างไกลทางตอนเหนือของแคว้นยามาโนะ

มีหมู่บ้านที่ไม่มีแม้แต่ชื่ออยู่บนแผนที่

แต่กลับมีโต๊ะไม้เก่า ๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางลานเปล่า

บนโต๊ะวางสมุดเล่มหนึ่ง ปกหนังสีเข้ม ขอบลุ่ย

เช้าของวันนั้น

หญิงชราในชุดทอมือสีน้ำหม่นเดินมาช้า ๆ

เธอเปิดสมุด

เขียนชื่อของน้องชายที่ถูกสังหารเมื่อห้าสิบปีก่อน

แล้ววางดอกไม้แห้งหนึ่งดอก

จากนั้น...ก็เดินกลับบ้าน โดยไม่พูดอะไร

บ่ายวันนั้น เด็กวัยสิบสามเดินมาจากอีกหมู่บ้าน

เขียนชื่อของแม่ที่ไม่เคยพบ

แล้วนั่งอ่านชื่อทั้งหมดในสมุดเบา ๆ คนเดียว

และเมื่อดวงจันทร์ลอยเหนือเงาไม้...

โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ไม่มีใครรู้ว่าใครวาง

แต่ทุกดอกมีความหมายเท่ากัน

ต่อให้วางด้วยมือที่เคยจับดาบ

หรือมือที่เคยล้างจาน


การเดินทางของสมุด

ภายในสัปดาห์เดียว

โต๊ะแบบเดียวกันผุดขึ้นในอีกสามสิบหมู่บ้าน

ไม่มีผู้ใดเป็นผู้สั่ง

ไม่มีประกาศจากตระกูล

ไม่มีตราศาสนจักรรับรอง

มีเพียงกระแสใจที่ไหลรวมกันโดยไม่ต้องวางแผน

คนเดินทางจากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง

เพียงเพื่อเขียนชื่อของคนที่เคยหัวเราะกับเขา

หรือบางคนที่เขาไม่รู้จัก

แต่รู้ว่า “ไม่มีใครเคยเรียกชื่อเขาดัง ๆ อีกเลย”

ในบางหมู่บ้าน

เด็กคนหนึ่งจะเริ่มอ่านชื่อทั้งหมดในสมุด

ไม่เรียงลำดับ ไม่แยกชั้น ไม่คัดเลือก

บางชื่อซ้ำกัน

บางชื่อสะกดผิด

แต่ทุกชื่อมีเสียง มีจังหวะ มีเงา


ไม่มีเครื่องแบบ ไม่มีคำนำ

ในพิธีแบบเก่า

ต้องมีผู้นำ

ต้องมีพระ

ต้องมีตำรา

ต้องมีธูป ต้องมีกลอง ต้องมีลำดับ

แต่ใน “พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง”

ผู้หญิงแถวตลาดอาจเดินขึ้นกลางลาน แล้วอ่านชื่อสามี

ถัดมา เด็กหญิงอาจอ่านชื่อแมว

ตามด้วยชายชราที่อ่านชื่อเพื่อนร่วมรบซึ่งเขาฆ่าด้วยมือ

ไม่มีใครหยุดอีกคน

ไม่มีใครยืนเหนืออีกคน

ไม่มีการเงียบเพื่อฟัง

เพราะทุกเสียงคือการฟัง


ตระกูลเริ่มสั่น

ข่าวของพิธีแบบนี้แพร่กระจายเร็วกว่าที่ศาสนจักรจะตามทัน

ตระกูลใหญ่อย่างคุเสะและทาเคมารุออกแถลงการณ์เตือนว่า

“การสวดโดยไม่มีลำดับ จะพาเข้าสู่ความโกลาหล”

แต่แทนที่ผู้คนจะกลัว

พวกเขากลับตั้งโต๊ะเพิ่ม

แม้แต่ในเมืองหลวงของแคว้นมิสุโนะ

หน้าศาลาหินที่เคยปิดเงียบ

หญิงรับใช้จากตระกูลสูงศักดิ์คนหนึ่งกลับเป็นผู้วางสมุดฟังเล่มแรก

เธอเขียนชื่อของน้องสาวที่หายตัวไปเมื่อห้าปีก่อน

ไม่มีใครอนุญาตให้สวด

ไม่มีพิธี

แต่คนสามสิบคนที่เดินผ่าน…หยุดฟัง

แล้วคนแรกที่เดินไปต่อคือพระจากวัดใกล้เคียง

แต่ก่อนจากไป ท่านก็เขียนชื่อของโยไค…เพื่อนสมัยเด็กที่ถูกตราว่าเป็นปิศาจ


เมื่อชั้นวรรณะละลายด้วยหมึก

ในบางหมู่บ้าน

คนที่เคยเป็นผู้นำ

ต้องรอคิวอ่านชื่อถัดจากเด็กหญิงหกขวบ

ไม่มีใครได้ขึ้นแท่นเพราะตำแหน่ง

ไม่มีใครได้นั่งหน้าเพราะอำนาจ

คนที่เคยฆ่ากัน…ยืนข้างกัน

คนที่เคยรักกันแต่ไม่ได้พูด…อ่านชื่อกันคนละบรรทัด

“พิธีจำ” กลายเป็นเวทีที่ไม่มีเวที

กลายเป็นเสียงที่ไม่มีผู้สั่ง

กลายเป็นเครื่องหมายว่ามนุษย์…เท่ากันเมื่อถูกจดจำ


ข้อความที่เดินทางโดยไม่มีเท้า

ในวันที่สิบของพิธี

มีสมุดฟังเล่มหนึ่งถูกส่งต่อไปยังปราสาทอาโออิ

บนหน้าสุดท้าย

มีเด็กหญิงคนหนึ่งเขียนไว้ว่า:

“ข้าไม่รู้ว่าข้าจะอยู่ถึงปีหน้าไหม

แต่อยากให้ชื่อของข้า…อยู่ในปากใครสักคน”

อาโออิ อาคินาริ อ่านแล้วนิ่งไปนาน

จากนั้นเขาพลิกไปหน้ากลางเล่ม

เขียนชื่อของชายที่เขาฆ่าในสงคราม

แล้ววางเล่มนั้นไว้หน้าประตูปราสาท

คนในปราสาทเดินผ่าน

ไม่มีใครกล้าหยิบ

แต่ทุกคนอ่าน

และบางคนร้องไห้


บทสรุปที่ยังไม่จบ

“พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง” ไม่จบในวันใดวันหนึ่ง

มันยังคงดำเนินในลานว่าง

ในศาลาที่ไม่มีพระ

ในบ้านที่ไม่มีแท่น

ในหมู่บ้านที่ไม่มีชื่อ

และในใจของผู้คนที่ไม่มีใครสั่งให้จำ


โลกไม่เคยเปลี่ยนเพราะเสียงที่ดังที่สุด

แต่มันเปลี่ยน…เพราะเสียงมากมายที่ไม่ต้องการอนุญาตอีกต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 122: เสียงของพระที่เงียบงัน

    เสียงของพระที่เงียบงันบ้านหลังเล็กใต้เขาตะวันตก อยู่ห่างจากศาลาเงาไปครึ่งวันเดินเท้า ไม่มีระฆัง ไม่มีแท่น ไม่มีธูปสักดอกแต่ภายในบ้านไม้หลังนั้น มีโต๊ะหนึ่งตัว ตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง และสมุดวางเรียงอยู่สิบห้าเล่ม — หน้าปกเป็นเพียงผ้าขี้ริ้วพันไว้ ไม่ต่างจากผ้าพันแผลของคนเจ็บฮากุโร่ไม่ได้พูดอะไรเลย นับแต่เขาก้าวเข้าสู่บ้านนั้น เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ ข้างหน้าเขา…คือหญิงชราเงียบงันผู้หนึ่ง และสมุดเล่มหนึ่ง…ซึ่งเปิดค้างไว้ที่หน้าเก่า หน้าแรกเขียนด้วยลายมือที่สั่น…แต่มั่นคง ว่า…

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 121: พระที่ล้มแท่นของตน

    พระที่ล้มแท่นของตน — พระบางคนเผาตำราเก่าและฟังเสียงเด็กแทนในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินโยะริมิยะมีวัดหนึ่งที่ชื่อว่า โฮเซ็นจิเป็นวัดไม้สูงเจ็ดชั้น ตั้งอยู่กลางผืนป่ามีระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่งมีตำราสวดร้อยกว่าเล่มมีพระผู้เฒ่าสามสิบรูปและคำสวดที่เหมือนกันหมดทุกเช้าเย็นแต่ในวันที่พระรูปหนึ่งเดินลงจากแท่นเอื้อมมือหยิบตำราหนึ่งมา…และวางมันลงในกองเพลิงตรงลานกลางวัดเสียงไฟที่แตกเปรี๊ยะ…เงียบกว่าการสวดพันบทพระที่ไม่สวดอีกต่อไปเขาชื่อว่า คันริวในสมัยหนุ่ม คันริวเป็นผู้เทศน์ที่เข้มงวดที่สุดในโฮเซ็นจิเขาสามารถท่องตำราสิบสามเล่มโดยไม่หยุดเขาเคยคัดลอกบทสวดด้วยหมึกดิบทุกคืนจนมือช้ำเขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิดด้วยการไม่ให้สวดหนึ่งสัปดาห์แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทุกคืน…นั่งอยู่ใต้ต้นสน นอกหอและจดสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา“เสียงที่แม่ร้องไห้”“คำสุดท้ายของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่”“ชื่อที่ถูกลืมในพิธีศพ”“เรื่องเล่าในความเงียบที่ไม่มีใครอยากฟัง”เขาไม่เคยพูดถึงสมุดเล่มนั้นกับใครจนกระทั่งเด็กชายคนหนึ่งปีนข้ามกำแพงวัดมาในคืนฝนตกเด็กที่ไม่ต้องการให้ใครสวดให้พ่อเด็กคนนั้นชื่อว่า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 120: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำรา – พื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึงเริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนาในแผ่นดินที่หมึกของตำราไม่เคยเปื้อนในหมู่บ้านที่พระไม่เคยสวดถึงในหุบเขาที่เสียงระฆังไม่เคยเดินทางไปถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ศรัทธาที่ไม่มีตำรา”หรือที่คนบางกลุ่มเรียกกันเบา ๆ ว่า...“พิธีฟัง”หมู่บ้านอิวาเระ — ดินแดนที่ไม่เคยมีแท่นบูชาหมู่บ้านอิวาเระอยู่ลึกในหุบเขาโซเซ็นต้องข้ามหินร้อยลูก ต้องเดินผ่านป่าไร้ทางไม่มีวัดไม่มีศาลเจ้าไม่มีพระไม่มีธงตระกูลมีเพียงกระท่อนไม้สิบห้าหลัง กับเสียงลมที่โหยหวนในคืนฝนตกแต่เมื่อข่าวของ “สมุดฟัง” แพร่ไปทั่วแคว้นหญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน — โยรุมิ — ตัดสินใจใช้ผ้าเก่าเย็บเป็นเล่มสมุดบนหน้าปก นางเขียนว่า“สำหรับชื่อที่ไม่มีใครฟังอีกแล้ว”ไม่มีพิธีเปิดไม่มีโฆษณาไม่มีคำประกาศจากตระกูลไม่มีบทสวดเริ่มพิธีแต่ในคืนเดือนดับชาวบ้านสิบหกคนรวมตัวกันใต้ต้นสนเก่าและเริ่มอ่านชื่อของคนที่จากไปในจังหวะที่ไม่เท่ากันในเสียงที่สั่นในอารมณ์ที่เปลือยเปล่าเด็กชายผู้ไม่เคยเห็นพระเด็กคนหนึ่งชื่อ “ชิน”อายุสิบขวบเขาไม่รู้ว่าพระคืออะไรไม่รู้ว่าพิธีกรรมต้องทำอย่างไรรู้เพียงว่าแม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 119: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง – คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นฤดูใบไม้ผลิในปีที่เรียกกันภายหลังว่า “ปีแห่งการฟัง” มิได้มาพร้อมเสียงนกร้อง หรือการเบ่งบานของซากุระเช่นทุกคราแต่มันเริ่มด้วยเสียงเรียกชื่อคนตายเสียงที่ไม่มีบทไม่มีผู้นำไม่มีธงและไม่มีคำสั่งลมจากภูเขาเหนือในหุบเขาอันห่างไกลทางตอนเหนือของแคว้นยามาโนะมีหมู่บ้านที่ไม่มีแม้แต่ชื่ออยู่บนแผนที่แต่กลับมีโต๊ะไม้เก่า ๆ ตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางลานเปล่าบนโต๊ะวางสมุดเล่มหนึ่ง ปกหนังสีเข้ม ขอบลุ่ยเช้าของวันนั้นหญิงชราในชุดทอมือสีน้ำหม่นเดินมาช้า ๆเธอเปิดสมุดเขียนชื่อของน้องชายที่ถูกสังหารเมื่อห้าสิบปีก่อนแล้ววางดอกไม้แห้งหนึ่งดอกจากนั้น...ก็เดินกลับบ้าน โดยไม่พูดอะไรบ่ายวันนั้น เด็กวัยสิบสามเดินมาจากอีกหมู่บ้านเขียนชื่อของแม่ที่ไม่เคยพบแล้วนั่งอ่านชื่อทั้งหมดในสมุดเบา ๆ คนเดียวและเมื่อดวงจันทร์ลอยเหนือเงาไม้...โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ไม่มีใครรู้ว่าใครวางแต่ทุกดอกมีความหมายเท่ากันต่อให้วางด้วยมือที่เคยจับดาบหรือมือที่เคยล้างจานการเดินทางของสมุดภายในสัปดาห์เดียวโต๊ะแบบเดียวกันผุดขึ้นในอีกสามสิบหม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 118: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    "ผู้เงียบที่เริ่มพูด” – คนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ลมฤดูหนาวร่วงผ่านยอดไม้ในเขตตะวันออกของแคว้นยามาโนะ เสียงของสายลมยังไม่ดังเท่าเสียงในใจคนที่กำลังเปลี่ยนไปณ ปราสาทฮิรายามะ ปราสาทที่สูงตระหง่านกลางหุบเขา เคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของอำนาจเก่า ภายใต้การปกครองของตระกูลอาโออิ — ตระกูลที่ภายนอกดูแข็งแกร่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แต่ภายใน…เริ่มแตกร้าวโดยไม่มีใครกล้าเอ่ยชายหนุ่มนามว่า อาโออิ อาคินาริเขาเป็นบุตรคนรองของผู้นำตระกูลไม่มีตำแหน่งในสภาไม่มีบทบาทในกองทัพไม่มีเสียงในพิธีใหญ่และที่สำคัญ…ไม่มีใครเคยเห็นเขาพูดเกินสามคำในที่สาธารณะเขาคือ “คนเงียบ” แห่งตระกูลอาโออิแต่เมื่อเงาเริ่มเดินกลางเมืองเมื่อสมุดที่ไม่มีชื่อกลายเป็นสมบัติประจำหมู่บ้านและเมื่อเสียงของเด็กๆ แทรกซึมเข้าสู่ห้องที่เคยปิดตาย…เสียงของผู้เงียบ…เริ่มก้องดังกว่าธงใด เงาที่ไม่มีใครฟังอาคินาริเติบโตมาท่ามกลางคำสั่งของพี่ชายและกฎของบิดาเขาฝึกดาบตั้งแต่ห้าขวบอ่านตำราศาสนจักรตั้งแต่เจ็ดขวบและเรียนรู้วิธีไม่พูดตั้งแต่อายุเก้าขวบเพราะในบ้านของเขา การแสดงความเห็นถือเป็นความอ่อนแอการตั้งคำถามคือการทรยศและการพูดถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status