Home / รักโบราณ / เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด / 4.ไม่ปรารถนาสะใภ้ที่เป็นลูกอนุ

Share

4.ไม่ปรารถนาสะใภ้ที่เป็นลูกอนุ

last update Last Updated: 2025-06-20 20:24:35

4.ไม่ปรารถนาสะใภ้ที่เป็นลูกอนุ

“ใช่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าซูหนี่ของเราเหมาะสมกับตำแหน่งว่าที่ลูกสะใภ้ใหญ่ของซีฮันอ๋องมากที่สุดแล้วเจ้าค่ะ” เจียวเหมยเมื่อเห็นผู้เป็นสามีคล้อยตาม นางจึงเอ่ยคำพูดที่น่าเชื่อถือลงไปอีก อย่างน้อยหากบุตรสาวได้แต่งเข้าจวนอ๋องนางก็จะพลอยมีหน้ามีตาตามไปด้วย

“ไม่ได้นะเจ้าคะท่านพี่!”

ซินหยางแย้งขึ้น หากเปลี่ยนตัวว่าที่ลูกสะใภ้ก็เท่ากับว่าเสวียนหนี่ต้องถูกส่งตัวไปหุบเขาอูยาเป็นแน่นอน นางรู้ดีว่าผู้เป็นสามีหลงใหลในลาภยศ ไม่ได้รู้สึกรักหรือหวงแหนบุตรสาวเลยแม้แต่น้อย มีเพียงระยะหลังมานี้ที่เขามาทำดีกับพวกนางสองแม่ลูกเพราะรู้ว่าซีฮันอ๋องโปรดปรานเสวียนหนี่ถึงขั้นอยากได้มาเป็นสะใภ้

“ท่านพี่ ท่านจะเปลี่ยนตัวไม่ได้เป็นอันขาด อย่าให้ลูกของเราต้องไปหุบเขาอูยาเลยนะเจ้าคะ ข้าขอร้อง... ท่านพี่ได้โปรด!”

ซินหยางคลานเข่าเข้าไปกอดขาของสามีเอาไว้แน่น นางร้องไห้อ้อนวอนขอร้องเขาอย่างน่าสงสาร ในใจของนางรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวยิ่งนัก ทว่ามู่เฉินกลับไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือเกิดความสงสารแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาบึ้งตึงก่อนจะสะบัดนางออกด้วยความรำคาญ สตรีอ่อนแอและโง่เขลาอย่างซินหยางไม่คู่ควรให้เขาต้องใส่ใจเลยสักนิด

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านอ๋องไปบ้างแล้ว” มู่เฉินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำเอาสองแม่ลูกต่างหันมองหน้ากันอย่างฉงน

“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ หนี่เอ๋อร์ของเราขาดคุณสมบัติอันใดไปอย่างนั้นหรือ?” เจียวเหมยถามด้วยความเป็นกังวล

“ท่านอ๋องไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ที่เกิดจากลูกอนุ” มู่เฉินมีสีหน้าลำบากใจ เดิมทีเขาเองก็อยากให้ซูหนี่ได้แต่งเข้าจวนอ๋องมากกว่า เพราะบุตรสาวคนรองเป็นเด็กฉลาด อีกทั้งยังมีนิสัยทะเยอทะยานไม่ต่างจากเขาเลยสักนิด ดังนั้นหากนางได้กลายเป็นสะใภ้แผนการของเขาก็คงราบรื่นกว่านี้

“อะไรนะเจ้าคะ ท่านอ๋องไม่ต้องการว่าที่ลูกสะใภ้ที่เกิดจากอนุ?” นางทวนคำเสียงแผ่ว มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ซูหนี่ของนางเพียบพร้อมหมดทุกอย่าง ไฉนเรื่องมันถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

เจียวเหมยกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บแปลบ พลางเงยหน้ามองบุตรสาวซึ่งมีอาการไม่ต่างกัน ยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าโล่งใจของอีกฝ่าย นางก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นใจที่พวกมันสองคนแม่ลูกกำลังจะได้ดี แต่กระนั้นนางก็ไม่สามารถกรีดร้องหรือโวยวายได้เลย

เสวียนหนี่หลับไปนานถึงสามวันเต็ม และยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา ซินหยางเมื่อเห็นบุตรสาวหลับใหลนานเกินไปเช่นนี้ จึงทำให้นางเริ่มเกิดความกังวลใจ แม้กระทั่งหมอยังไม่สามารถตอบได้ว่าบุตรสาวของนางทำไมถึงยังไม่ฟื้น

มู่เฉินร้อนใจจนแทบนั่งไม่ติด เขารู้สึกกระสับกระส่ายเดินไปเดิมมาในห้องของบุตรสาวหลายรอบ พลันสายตาทอดมองเห็นซินหยางกำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดฝ่ามือให้ลูกเขาก็พาลโมโหใส่นางอีกจนได้

“จนป่านนี้แล้วเสวียนหนี่ยังไม่ฟื้นอีก หากท่านอ๋องเปลี่ยนใจไม่อยากได้เสวียนหนี่ไปเป็นสะใภ้ข้าจะให้เจ้าชดใช้

ฮูหยินใหญ่”

ระบายอารมณ์จนสาแก่ใจแล้วมู่เฉินก็เดินออกจากห้องไป ซินหยางทำได้เพียงนั่งก้มหน้ารับฟังไม่กล้าโต้เถียงเขาสักครึ่งคำ ภายในใจของนางนั้นมีวูบหนึ่งที่คิดโทษตัวเองไม่ผิดไปจากคำพูดเขา เป็นเพราะนางนั้นดูแลลูกได้ไม่ดีลูกถึงได้รับอันตรายเกือบสิ้นชีพ ซินหยางลูบปอยผมของลูกสาวตัวน้อยอย่างอาวรณ์

จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้นเสียใจ แต่เมื่อนางฟุบหน้าลงกับฝ่ามือตนเองทันใดนั้นมือเล็กก็ค่อย ๆ เอื้อมมาแตะที่ตัวนาง ซินหยางรีบหันกลับมามองร่างที่นอนอยู่บนเตียงก็พบกับดวงตาใสซื่อของเสวียนหนี่กำลังจ้องมองมาที่นาง

“เสวียนหนี่ ลูกฟื้นแล้ว! ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว” ซินหยางอุทานออกมาอย่างดีใจ จากนั้นนางก็พร่ำขอโทษบุตรสาวไม่หยุด ทว่าเด็กหญิงกลับเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จนคนเป็นแม่รู้สึกแปลกใจ

“เสวียนหนี่เจ้าเป็นอันใดไป” นางกล่าวขึ้นอย่างร้อนรน

“...”

“ส... เสวียนหนี่ เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดกับแม่! หรือว่า... ใครอยู่ข้างนอกไปตามหมอมาที”

ราวหนึ่งก้านธูปต่อมา...

“นางเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”

มู่เฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หลังจากที่ท่านหมอตรวจดูอาการของบุตรสาวเสร็จ แต่ทว่าท่านหมอกลับส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย พลางทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อได้ตรวจดูอาการป่วยของคุณหนูอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

นางคล้ายกับคนเป็นใบ้ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ เห็นเพียงริมฝีปากที่ขยับแต่ไม่อาจเปล่งเสียงออกมาให้ผู้ใดได้ยิน อาจจะเป็นเพราะผลข้างเคียงจากการได้รับพิษแมงมุมสือยี่

เหยียนจึงทำให้นางพูดไม่ได้ ดูจากร่างกายภายนอกนางดูเป็นปกติดีมาก เว้นเสียแต่รอยที่ถูกกัดบริเวณปลายนิ้วชี้ข้างซ้ายยังปรากฎจุดสีแดงหนึ่งจุดไม่ได้จางหายไป

“นาง เอ่อ.. ข้าเองก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกันว่าทำไมนางถึงพูดไม่ได้”

“พะ พูดไม่ได้... นี่หมายความว่านางจะเป็นใบ้ไปตลอดชีวิตเลยอย่างนั้นรึ”

ได้ยินดังนั้น จากที่ซินหยางดีใจเหลือล้นว่าลูกสาวได้ฟื้นขึ้นมาแล้วยามนี้หัวใจของซินหยางเหมือนร่วงหล่นลงพื้นตามเดิม สุดแสนเวทนาลูกสาวที่ฟื้นขึ้นมาแล้วกลับพูดไม่ได้เฉกเช่นคนปกติ เสวียนหนี่อายุยังน้อยอยู่แท้ ๆ เหตุใดต้องมาเจอวิบากกรรมมากมายถึงเพียงนี้

“ทำไม! ทำไมเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้ไม่เกิดขึ้นกับข้าแทน”

นางพึมพำตัดพ้อโชคชะตาทำให้ประโยคเหล่านี้ไปเข้าหูผู้เป็นสามี แทนที่เขาจะเห็นใจนางกลับโกรธนางเพิ่มเป็นทวี

“ถูกแล้ว ทำไมไม่เป็นเจ้าแทน ทำไมต้องเป็นเสวียนหนี่... ลูกกลายเป็นใบ้อย่างนี้แล้วท่านอ๋องยังจะอยากได้เป็นสะใภ้อีกหรือ บัดซบที่สุด!”

“ไม่ถึงตลอดชีวิตหรอกขอรับ” หมอแย้งขึ้น มู่เฉิน

ค่อย ๆ หันกลับไปมองอย่างมีความหวัง

“นางอาจเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น... แต่! แต่ข้าก็ไม่สามารถตอบได้ว่านางจะหายกลับมาเป็นปกติเมื่อใด”

“จริงหรือ”

“ขอรับ อาจจะเป็นหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรืออาจมากหรือน้อยกว่านั้น เอ่อ หรืออาจจะสิบปี ยี่สิบปี ข้าเองก็สุดจะหยั่งรู้”

“แบบนั้นไม่ได้! ถ้าเป็นแบบนั้นท่านอ๋องต้องไม่ยอมรับนางแน่ หากนางถึงวัยต้องแต่งออกไปแล้วยังพูดไม่ได้อยู่อีกข้าจะทำอย่างไรดี”

เวลานั้นท่ามกลางความไม่สบายใจของผู้เป็นบิดามารดา ด้านเจียวเหมยเองก็ได้จูงมือลูกทั้งสองเข้ามาเยี่ยมเยือน เมื่อนางเห็นสีหน้าตึงเครียดของมู่เฉินนางก็รู้ได้โดยทันทีว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

“มีอะไรหรือเจ้าคะ ข้าได้ข่าวว่าเสวียนหนี่ฟื้นแล้วเหตุใดท่านพี่กับฮูหยินใหญ่ถึงได้ทำหน้าเหมือนไม่ยินดี”

“เสวียนหนี่พูดไม่ได้”

“ตายจริง!”

เจียวเหมยอุทานเสียงสูงเหมือนตกอกตกใจ แต่ภายในใจของนางนั้นรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางดันหลังซูหนี่ไปใกล้ ๆ เตียงแล้วเอ่ยขึ้น

“ช่างน่าสงสารเสียจริง ซูหนี่ดูน้องเจ้าสิ ต่อไปนี้เจ้าต้องทำหน้าที่ดูแลน้องของเจ้าให้ดี น้องช่างอาภัพนัก อายุเท่านี้ต้องเผชิญวิบากกรรมยิ่งกว่าผู้ใหญ่ โธ่! ลูกเสวียนหนี่” พูดจบแล้วนางก็บีบน้ำตาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสะบัดต่อหน้าซินหยางเพื่อเป็นการเยาะเย้ยแล้วบรรจงซับน้ำตาที่ไม่มีไหลออกมาสักหยด

“ขออภัยเจ้าค่ะฮูหยินใหญ่ เป็นเพราะข้าสงสารเสวียน

หนี่ไม่อาจหักห้ามใจกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลได้เลย”

“เอาเถิด.. ทุกคนในที่นี้ต่างก็เวทนานาง”

มู่เฉินวางมือบนไหล่เจียวเหมยเพื่อปลอบประโลม การปฏิบัติต่อภรรยาทั้งสองของเขาช่างต่างกันราวกับฟ้ากับเหว เมื่อหันไปพูดกับเจียวเหมยเขาใช้น้ำเสียงนิ่มนวลเห็นอกเห็นใจ แต่ถ้าหากคนผู้นั้นคือซินหยางทุกคำที่เอ่ยออกจากปากล้วนเป็นถ้อยคำตำหนิติฉินและด่าทอระบายอารมณ์ทั้งสิ้น

“ถ้าเช่นนั้น... เรื่องที่ท่านอ๋องทาบทามลูกเสวียนหนี่ไว้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่เจ้าคะ”

“ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ข้าเองก็คงต้องลองคุยกับท่านอ๋องให้พิจารณาซูหนี่ดูอีกครั้ง ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องจบลงแบบนี้แน่”

“จริงหรือเจ้าคะ”

รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเจียวเหมยอย่างไรก็ปกปิดไม่มิด นางไม่อาจหุบยิ้มได้เพราะคิดว่าตนเองน่าจะสมปรารถนาแล้ว แต่การจะให้มู่เฉินไปเจรจาโดยที่นางไม่ต้องออกแรงช่วยซูหนี่เลยเกรงว่าคงจะนิ่งนอนใจเกินไป อย่างไรนางต้องหาแผนการรับรองเอาไว้จะได้ไม่พลาดเป้า

เจียวเหมยคิดเองเออเองว่าที่ซีฮันอ๋องปฏิเสธลูกสาวตนในครั้งแรกเรื่องที่ซูหนี่เป็นลูกอนุนั้นแค่ส่วนหนึ่ง แต่นางก็อุตส่าห์คิดเข้าข้างตนเองว่าหากซีฮันอ๋องได้เห็นความงดงามและความน่ารักของลูกสาวตนอาจจะเปลี่ยนใจได้

“แล้วเสวียนหนี่ล่ะเจ้าคะ”

“ให้นางรักษาตัวไปก่อนก็แล้วกัน ภาวนาต่อโชคชะตาขอให้นางหายเป็นปกติในเร็ววัน”

ที่มู่เฉินพูดทิ้งท้ายไว้ เจียวเหมยแปลความหมายได้ว่าเขาอาจยังอยากรอให้เสวียนหนี่หายเป็นปกติเสียก่อนค่อยไปคุยกับซีฮันอ๋องอย่างเป็นทางการ เห็นเช่นนั้นแล้วเจียวเหมยจึงอยู่ติดเรือนไม่ได้ เช้าวันรุ่งขึ้นนางได้พาซินแสผู้หนึ่งเข้ามาในจวนแล้วเดินเข้ามาหามู่เฉินที่กำลังนั่งทำหน้ากลุ้มใจอยู่ในห้องอ่านตำรา

ซินแสที่เจียวเหมยพามาแต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาว อายุของเขานั้นเทียบได้เท่ากับพ่อเฒ่าวัยใกล้ฝั่งหนวดเคราขาวหงอก ใช้ไม้เท้าพยุงตอนเดินและสะพายย่ามที่ข้างในเต็มไปด้วยตำราโบราณท่าทางดูน่าเชื่อถือ เจียวเหมยลงทุนควักเงินในถุงผ้าตนเองเพื่อว่าจ้างซินแสรายนี้มาเฉพาะกิจด้วยเงินค่าจ้างที่สมน้ำสมเนื้อ

“ท่านพี่เจ้าคะ”

“มีอะไร”

“ท่านนี้คือซินแสเจิ้ง ข้าเห็นว่าช่วงนี้ตระกูลฉู่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมากมายข้าจึงเชิญซินแสเจิ้งมาตรวจดูดวงชะตาของคนในบ้าน หากเกิดอะไรขึ้นมาจะได้มีแนวทางระวังตัว" เจียวเหมยพูดขึ้น

“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ”

"เจ้าค่ะ เมื่อคืนนี้ข้ารู้สึกเป็นกังวลจนนอนไม่หลับ อีกทั้งยังเป็นห่วงเสวียนหนี่ด้วย... คิดไปแล้วนางช่างน่าสงสารเหลือเกิน สิ่งที่ข้าพอจะทำเพื่อนางได้เห็นทีจะมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น ให้ซินแสตรวจดวงชะตานาง เราเองที่เป็นพ่อเป็นแม่จะได้รู้ไปว่าเสวียนหนี่จะหมดวิบากกรรมเมื่อใด นางจะได้หายแล้วกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติ"

“เจ้าช่างมีเมตตาต่อนางนัก ห่วงใยใส่ใจเสวียนหนี่เสียยิ่งกว่าแม่แท้ ๆ ของนางเสียอีก เอาเถิด! ไหน ๆ เจ้าเองก็อยากช่วยเหลือนางด้วยใจบริสุทธิ์ เช่นนั้นก็จงพาซินแสผู้นี้ไปตรวจดูดวงชะตาเสวียนหนี่เถิด”

“เจ้าค่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   6.แสร้งเป็นคนดีอะไรตอนนี้

    แสร้งเป็นคนดีอะไรตอนนี้“ป๋อเหวิน เจ้ารอข้าตรงนี้กับเสวียนหนี่ก่อน ข้ามีธุระต้องไปคุยกับแม่ชีหยูถง”“ขอรับฮูหยิน เชิญท่านฮูหยินคุยธุระตามสบาย ข้าจะรออยู่ที่นี่กับเสวียนหนี่”ป๋อเหวินรับปากแล้วหันไปยิ้มให้เสวียนหนี่อย่างรู้ใจกัน เพราะต่างก็รู้กันดีว่าเมื่อลับตาท่านแม่ไปแล้ว เสวียนหนี่จะได้รับอนุญาตให้ทานขนมได้มากเท่าที่นางพอใจพี่ป๋อเหวินไม่เคยขัดใจนางเลยสักครั้ง ไม่ว่านางจะร้องขอสิ่งใดหลังจากที่ลงเขาไปแล้ว เขาก็จะจัดการหามาให้นางในครั้งถัดไปสองพี่น้องต่างมารดา หนึ่งคนสื่อสารด้วยวาจาอีกคนสื่อสารด้วยภาษามือ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าห้วงเวลาในวัยเยาว์ของทั้งคู่ได้หวนกลับมาอีกครั้ง...ซินหยางที่แยกตัวออกมาจากทั้งสอง ได้เดินเข้ามาหาแม่ชีหยูถงในห้องนั่งสมาธิ นางเห็นแม่ชีกำลังนั่งอยู่หน้าเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ นางจึงเข้าไปคุกเข่าสักการะเทวรูปด้วยจิตศรัทธา ก่อนจะตั้งจิตอธิษฐานอยู่นานความไม่สบายใจใดเล่าจะเท่าความห่วงหาอาลัยอาวรณ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   5.ส่งนางไปอาราม

    ส่งนางไปอารามเจียวเหมยได้พาซินแสเจิ้งมาที่ห้องของเสวียนหนี่ ซินหยางที่กำลังเฝ้าดูอาการลูกน้อยอยู่ลุกขึ้นยืนมองคนทั้งสองด้วยแววตาประหลาดใจ ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างบ่งบอกว่าเจียวเหมยไม่ได้ประสงค์ดีต่อนางสองแม่ลูกเป็นแน่ เจียวเหมยมองหน้าซินหยางวูบหนึ่งก่อนจะแสยะยิ้มอย่างสมเพชเวทนา“ฮูหยินใหญ่ ท่านอาวุโสผู้นี้คือซินแสเจิ้ง ท่านพี่อนุญาตให้ข้าพาซินแสเจิ้งมาเพื่อตรวจดูดวงชะตาเสวียนหนี่”“ตรวจดูดวงชะตา?”“เจ้าค่ะ”“ลูกข้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเมื่อวาน ร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ ข้ายังไม่อยากให้ใครมารบกวนนางในเวลานี้”“ถ้าเสวียนหนี่ได้ตรวจดูดวงชะตา หากพบว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับนางเราก็จะได้หาทางแก้ไขได้ทันท่วงที อีกอย่างท่านพี่ก็อนุญาตแล้วเชิญฮูหยินถอยไปก่อนเถิด” เจียวเหมยตัดความรำคาญ“ไม่! ข้าไม่อนุญาต ซินแสผู้นี้เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด หากตรวจดูดวงชะตาให้เสวียนหนี่มั่วซั่วล่ะใครจะรับผิดชอบ เสวียนหนี่เป็นลูกสาวข

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   4.ไม่ปรารถนาสะใภ้ที่เป็นลูกอนุ

    4.ไม่ปรารถนาสะใภ้ที่เป็นลูกอนุ“ใช่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าซูหนี่ของเราเหมาะสมกับตำแหน่งว่าที่ลูกสะใภ้ใหญ่ของซีฮันอ๋องมากที่สุดแล้วเจ้าค่ะ” เจียวเหมยเมื่อเห็นผู้เป็นสามีคล้อยตาม นางจึงเอ่ยคำพูดที่น่าเชื่อถือลงไปอีก อย่างน้อยหากบุตรสาวได้แต่งเข้าจวนอ๋องนางก็จะพลอยมีหน้ามีตาตามไปด้วย“ไม่ได้นะเจ้าคะท่านพี่!”ซินหยางแย้งขึ้น หากเปลี่ยนตัวว่าที่ลูกสะใภ้ก็เท่ากับว่าเสวียนหนี่ต้องถูกส่งตัวไปหุบเขาอูยาเป็นแน่นอน นางรู้ดีว่าผู้เป็นสามีหลงใหลในลาภยศ ไม่ได้รู้สึกรักหรือหวงแหนบุตรสาวเลยแม้แต่น้อย มีเพียงระยะหลังมานี้ที่เขามาทำดีกับพวกนางสองแม่ลูกเพราะรู้ว่าซีฮันอ๋องโปรดปรานเสวียนหนี่ถึงขั้นอยากได้มาเป็นสะใภ้“ท่านพี่ ท่านจะเปลี่ยนตัวไม่ได้เป็นอันขาด อย่าให้ลูกของเราต้องไปหุบเขาอูยาเลยนะเจ้าคะ ข้าขอร้อง... ท่านพี่ได้โปรด!”ซินหยางคลานเข่าเข้าไปกอดขาของสามีเอาไว้แน่น นางร้องไห้อ้อนวอนขอร้องเขาอย่างน่าสงสาร ในใจของนางรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวยิ่งนัก ทว่ามู่เฉินกลับไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือเกิดความสงสารแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาบึ้งตึงก่อนจะสะบัดนางออกด้วยความรำคาญ สตรีอ่อนแอและโง่เขลาอย่างซินหยางไม่คู่ควรให้เขาต้องใ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   3.นับจากนี้ข้าคือเจ้าของชีวิตนาง

    นับจากนี้ข้าคือเจ้าของชีวิตนาง“ใช่ ใช่แล้วนางคือลูกข้า เสวียนหนี่! เสวียนหนี่!”มู่เฉินกระโดดลงจากหลังม้าตรงเข้าไปหาบุตรสาวที่นอนนิ่งยังไม่ได้สติ เขาเขย่าตัวนางเบา ๆ เพื่อปลุกนางตื่นจากการหลับใหลแต่ยังไม่มีวี่แววว่านางจะลืมตาขึ้นมา“เกิดอะไรขึ้นกับนาง พวกท่านทำอะไรนาง!”“พวกข้าไม่ได้ทำอะไรนางทั้งนั้น เพียงแต่ที่นางยังไม่ได้สติเพราะถูกพิษแมงมุม” โม่โฉวอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ เนื่องจากเกรงว่าหากเข้าใจผิดจะเกิดมาซึ่งหายนะได้“อย่าบอกนะว่าเป็นแมงมุมพิษสือยี่เหยียน!” หงมู่เฉินอุทานออกมาอย่างตกใจ เขารีบคว้ามือลูกสาวขึ้นมามองดูปลายเล็บว่าเป็นสีดำหรือไม่ ปรากฏว่าไม่เห็นมีรอยดำแต่อย่างใด เห็นเพียงรอยแดงที่ปลายนิ้วชี้ข้างหนึ่ง“นางถูกพิษแมงมุมสือยี่เหยียนอย่างที่ท่านเข้าใจ แต่อาจารย์ของข้าได้รักษาจนอาการของนางทุเลาลงแล้ว” หลีเหว่ยอธิบายน้ำเสียงเรียบหลังจากมู่เฉินได้ฟังก็รู้สึกเบาใจขึ้นบ้าง เช่นนั้นเมื่อกลับถึงจวนเขาจะได้ตามหมอมาดูอาการของนางต่อ“ค่อยยังชั่วที่เจอคนดีอย่างพวกท่าน มิเช่นนั้นลูกสาวข้าอาจสิ้นใจตายในป่า หรือไม่อย่างนั้นข้าก็อาจเจอตัวนางช้าไปจนสิ้นหนทางรักษา ขอบคุณ... เอ่อ... ไม่ท

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   2.นางสิ้นใจแล้วหรือ?

    นางสิ้นใจแล้วหรือ?“อาจารย์ นางสิ้นใจไปแล้วหรือขอรับ”“ยัง! ยังหรอก”“ถ้าอย่างนั้นเราช่วยนางดีหรือไม่”“สุดแล้วแต่ท่านประมุขน้อย”บุรุษกลุ่มหนึ่งประกอบไปด้วย อี้เฉิน ที่ถูกเรียกว่าประมุขน้อยวัยสิบสี่หนาว หลีเหว่ย สหายร่วมสำนักวัยสิบสามหนาวและโม่โฉวผู้อาวุโสสุด ซึ่งทั้งสองนับถือเป็นอาจารย์ ร่วมด้วยผู้ติดตามเป็นชายฉกรรจ์ทั้งสิ้นอีกสี่นาย พวกเขาเหล่านี้ได้สัญจรผ่านเส้นทางที่เสวียนหนี่หมดสติและพบนางเข้าโดยบังเอิญ หลังจากที่สังเกตเห็นว่ามีคนนอนหมดสติอยู่ในป่าเขตเมืองหลวงแคว้นเถียน อี้เฉินจึงได้สั่งขบวนรถม้าให้หยุดแล้วรีบลงมาดูอาการเด็กตัวน้อยท่าทางอ่อนแรงนอนแน่นิ่ง ไม่ว่าจะปลุกเช่นไรนางก็ไร้ปฏิกิริยาตอบรับ เสียงลมหายใจของนางแผ่วเบาลงทุกที ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มซีดเซียวดุจกระดาษขาว แวบแรกที่อี้เฉินสะดุดตาเข้ากับร่างของคนที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก น่าแปลกตรงที่ในป่าเช่นนี้เหตุใดถึงได้มีเด็กผู้หญิงมานอนหมดสติอยู่เพียงลำพัง แต่พอคิดได้ว่าจากจุดที่เจอนางไปอีกไม่ไกลน่าจะมีบ้านคน อาจจะเป็นไปได้ว่านางหลงเข้ามาในเขตป่าแล้วหาทางกลับออกไปไม่ได้“ท่านคิดเห็นอย่างไรประมุขน้อย เอ๊ะ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   1.ทาบทามนางไปเป็นสะใภ้

    ทาบทามนางไปเป็นสะใภ้เสียงวิ่งย่ำใบไม้แห้งดังกรอบแกรบตามมาด้วยร่างของเด็กชายคนหนึ่งโผล่พ้นชายป่า ป๋อเหวิน บุตรชายคนโตของฉู่มู่เฉินวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกซูหนี่ซึ่งเป็นน้องสาวร่วมมารดาด้วยอาการตื่นตระหนก เขาและเสวียนหนี่น้องสาวคนเล็กได้ชวนกันเล่นซ่อนหาบริเวณหลังจวน โดยที่ตนเป็นคนซ่อนตัวแล้วให้อีกฝ่ายเป็นคนตามหา เวลาไล่หลังผ่านไปได้หนึ่งเค่อ ป๋อเหวินไม่เห็นเสวียนหนี่จึงออกจากที่หลบซ่อนร้องเรียกหานาง ทว่าไม่พบแม้กระทั่งเงา“ทำเช่นไรดี ฮูหยินใหญ่ต้องตีข้าแน่ ข้าจะทำเช่นไรดีซูหนี่”เขาถามน้องสาวเสียงสั่น ขอบตาแดงรื้นราวกับว่าน้ำตาที่กักเก็บเอาไว้จะหล่นแหมะอยู่รอมร่อ แต่ไหนแต่ไรฉู่ป๋อเหวินมักจะมีนิสัยหัวอ่อนขี้ขลาด และทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง หากพบเจอปัญหาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็มักจะวิ่งเต้นหาคนช่วยอยู่ร่ำไป แม้กระทั่งฉู่ซูหนี่ที่อายุน้อยกว่าเขาก็ยังหวังยึดเอาเป็นที่พึ่งฉู่มู่เฉินเป็นผู้นำตระกูลฉู่ ซึ่งดำรงตำแหน่งขุนนางขั้นสาม มีภรรยาเอกนามว่าซินหยาง เมื่อแปดปีก่อนนางได้ให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคนตั้งชื่อให้ว่าฉู่เสวียนหนี่ นอกจากนั้นเขายังมีบุตรชายและบุตรสาวที่เกิด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status