ตอนที่5 เพียงแค่เงา
พลอยใสในวัย17 ปี เริ่มโตเป็นสาวเต็มตัว กำลังนั่งหัดเล่นกีตาร์อยู่ที่ม้าหินอ่อนในสวนหย่อมที่เดิมในวันหยุดเมื่อเสร็จจากการทำงานในครัวและทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ตามที่ได้รับมอบหมาย เด็กสาวใช้เวลาว่างระหว่างช่วงกลางวันมานั่งทบทวนบทเรียนและฝึกเล่นดนตรีซึ่งเป็นอีกอย่างที่พลอยใสชอบทำ กีตาร์ตัวโปรดเป็นของชิ้นแรกที่เธอเก็บเงินซื้อเองจากค่าขนมที่ชาร์วีให้ในแต่ละวัน พลอยใสชื่นชอบดนตรีเพราะรู้สึกว่าเสียงดนตรีทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย และเธอก็ชอบเสียงกีตาร์โดยเฉพาะแนวอะคูสติก
“ทำไมโน๊ตตัวนี้แกะยากจังนะ” พลอยใสพึมพำกับตัวเองเมื่อนั่งแกะโน๊ตเพลงที่ต้องการไม่ได้สักที อีกไม่กี่วันเธอก็ต้องไปสอบกับอาจารย์ที่สอนวิชาดนตรีแล้ว พลอยใสถอนหายใจออกมาเป็นระยะเมื่อการเล่นกีตาร์ของเธอยังไม่เป็นที่พึงพอใจ
เสียงกีตาร์ดังไปรบกวนการทำงานของเจ้าของบ้านที่วันนี้หยุดทำงานอยู่ที่บ้าน และบังเอิญเปิดหน้าต่างห้องทำงานเพื่อรับลมเย็น ๆ และอากาศบริสุทธิ์ จนต้องหยุดชะงักงานในมือและตั้งใจฟังเสียงกีตาร์ที่ไม่เคยได้ยินในบ้านหลังนี้มาก่อน
“ใครมาดีดกีตาร์แถวนี้” ชาร์วีอดไม่ได้ที่จะโผล่หน้าออกมาดูต้นตอของเสียงนั้นแต่ก็เห็นแค่เพียงแผ่นหลังของเด็กสาวในการปกครอง เพราะพลอยใสนั่งหันหลังให้กับบ้านหลังใหญ่ในท่าไขว่ห้างโดยมีกีตาร์วางไว้บนตักและบนโต๊ะตรงหน้ามีสมุดโน๊ตเพลงเปิดกางไว้ ชายหนุ่มจึงมองเห็นเพียงศีรษะทุยที่กำลังก้มมองกีตาร์ในมือ สายตาคมมองลงมายังบ่าเล็กและแผ่นหลังที่ตั้งตรงสลับกับโค้งนิด ๆ เมื่อเจ้าตัวโน้มลงไปดีดกีตาร์ตามจังหวะเพลงก่อนจะหยุดอยู่ที่เอวคอดโค้งได้สัดส่วน เสียงเพลงจากกีตาร์รวมถึงคนเล่นและบรรยากาศยามเย็นที่มีลมโชยผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องทำงานทำให้ชาร์วีรู้สึกอารมณ์ดีและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ชาร์วียืนมองเด็กสาวผ่านหน้าต่างสีใสอยู่นานจนพลอยใสเล่นเพลงนั้นจบลง
พลอยใสจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาและเก็บหนังสือที่เปิดกางอยู่บนโต๊ะให้ปิดลงแล้วลุกและกำลังหมุนตัวกลับ จังหวะนั้นแหงนหน้าขึ้นมองตรงหน้าต่างชั้นสองของบ้านก็เจอกับร่างสูงของใครบางคน แต่ก็เห็นแค่เพียงแว็ปเดียวม่านสีเทาก็ถูกเลื่อนปิดทันที
“คุณวี” เสียงเล็กพึมพำกับตัวเอง จังหวะหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติดวงตากลมโตยังจ้องมองอยู่ที่เดิมแต่ก็ไร้เงาเจ้าของห้อง เด็กสาวตัดใจหันหลังเดินกลับไปทางเรือนเล็กที่อยู่ถัดไป ชาร์วีที่ยังแอบมองเด็กในปกครองที่ตอนนี้เป็นสาวเกือบเต็มตัวค่อย ๆ เดินห่างออกไป พลางคิดในใจว่าเด็กที่วิ่งชนเขาเมื่อหลายปีก่อนตอนนี้เริ่มโตเป็นสาวเต็มตัว ยามที่ลุกขึ้นยืนเต็มตัวแบบนี้ยิ่งทำให้เห็นชัดว่าเธอมีรูปร่างสูงและสัดส่วนที่เหมาะสมกลมกลึง รวมถึงจังหวะการย่างก้าวในแต่ละครั้งก็ดูดีทำให้เผลอมองเพลินตาจนกระทั่งมีเสียงบอดี้การ์ดดังขึ้น
“นายมีอะไรหรือเปล่าครับ” บอดี้การ์ดที่เดินตรวจตรามาถึงบริเวณนั้นพอดีและเหลือบไปเห็นเจ้านายหนุ่มยืนมองไปยังทางด้านหลังบ้านจึงตะโกนถามออกไปเสียงดัง พลอยใสที่เดินไปยังไม่ไกลนักได้ยินจึงหันกลับมาดูก่อนจะแหงนหน้ามองตามทิศทางที่บอดี้การ์ดมองอยู่
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” พลอยใสที่ตกใจเสียงของบอดี้การ์ดจึงหันกลับมาถาม
“เปล่าครับ พอดีเมื่อกี้เหมือนเห็นนายยืนอยู่ด้านบนแล้วมองลงมาเลยถามดูน่ะครับว่ามีอะไรหรือเปล่า” และหัวใจของเธอก็กลับมาเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง แต่พอหันไปมองก็พบแต่ความว่างเปล่า หน้าต่างห้องปิดสนิทรวมถึงม่านก็ถูกเลื่อนปิดไม่มีแม้แต่เงาของเจ้าของบ้าน
“เอ้า! นายคงกลับเข้าห้องไปแล้วครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มหันมาตอบพลอยใสและหันกลับไปก็ไม่เจอเจ้านายหนุ่มแล้ว พลอยใสจึงเดินต่อไปยังบ้านพักของเธอ
“นายหลบอะไรครับ” เสียงธาราที่เดินเข้ามาในห้องทำงานชาร์วีถามเจ้านายหนุ่มอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทีเจ้านายเหมือนกำลังหลบอะไรบางอย่างก่อนจะเดินไปหาคำตอบเองโดยไม่รอเจ้าของห้อง ชาร์วีไม่ทันจะคัดค้านอะไร ธาราที่ตอนแรกนึกไปถึงความปลอดภัยของเจ้านายเป็นอย่างแรกก็สาวเท้ายาวไปยังหน้าต่างก่อนจะยื่นมือไปเปิดม่านออกทันที
“ไม่มีอะไรหรอกเดินดุ่ม ๆ ไปแบบนั้นเกิดมีใครเล็งปืนมา มึงเปิดม่านแบบนั้นเขายิงแสกหน้าขึ้นมามึงคงตายฟรี” ชาร์วีพูดเสียงเรียบพยายามทำตัวปกติเพื่อไม่ให้มือขวาสงสัย
“ถ้าลูกปืนมันทะลุกระจกกันกระสุนในห้องนี้เข้ามาได้ นายก็เปลี่ยนมาใช้กระจกธรรมดาเถอะครับ” ธาราตอบเจ้านายในขณะที่สายตาก็สอดส่องออกไปด้านนอก ก่อนจะเห็นแผ่นหลังของเด็กในการปกครองที่เจ้านายหลบหน้ามาตลอดเกือบ4ปี
“มึงจะยืนชมวิวอีกนานไหม ห้องกูไม่ใช่จุดที่มึงจะมายืนชมวิวได้ตามใจ” ชาร์วีประชดเสียงเรียบ แต่ธารากลับไม่รู้สึกเกรงกลัว มิหนำซ้ำยังหันกลับมาถามสีหน้าปกติ
“เป็นผู้ใหญ่ถ้ำมองมันไม่ดีเท่าไหร่นะครับ บอดี้การ์ดมันเห็นมันจะเอาไปพูดถึงนายในทางไม่ดีได้”
“ใครมันจะกล้าพูด ถ้ากูได้ยินกูไม่เลี้ยงต่อให้เปลืองข้าวสุกหรอกนะ”
“แล้วเด็กตัวเล็ก ๆ ที่เลี้ยงไว้แต่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับเจ้าของบ้านได้เพียงแค่เดินผ่านนี่ ถือว่าเลี้ยงเสียข้าวสุกด้วยหรือเปล่าครับ” ธาราปิดม่านลงดังเดิมก่อนจะหันมาถามชาร์วีเมื่อแน่ใจบางอย่าง
“มึงชักจะปากดีและทำเป็นแสนรู้ขึ้นทุกวันแล้วนะธารา” ชาร์วีชักสีหน้าเมื่อถูกลูกน้องคนสนิทรู้ทันก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโต๊ะทำงาน
“ไม่อย่างนั้นผมจะทำงานกับนายได้ยังไงล่ะครับ ลูกน้องก็ต้องแสนรู้เหมือนเจ้านายเป็นเรื่องธรรมดา” ธารายังสาดถ้อยคำกวนไม่เลิกเพราะรู้สึกคึกที่วันนี้เจ้านายตนเองทำตัวเหมือนกับแมวที่กำลังมองปลาย่างแต่ถูกจับได้ ชาร์วีตวัดสายตาคมที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดมองลูกน้องก่อนจะหันไปสนใจเอกสารตรงหน้า
“จะไปไหนก็ไปหมดเวลางานวันนี้ของมึงแล้ว” ชาร์วีตัดบทเพราะไม่อยากได้ยินธาราพูดอะไรที่ไม่เข้าหูอีก บอดี้การ์ดหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือแต่ก็ยังไม่ยอมไปไหน จนชาร์วีต้องเงยหน้าขึ้นมาถาม
“คืนนี้มึงจะนอนในห้องทำงานกูใช่ไหม”
“กูไม่ใช่เมียมึง กูแค่อยากจะบอกมึงเรื่องเด็กในอุปการะของมึงก็เท่านั้น” เมื่ออยู่นอกเวลางานซึ่งเป็นเวลาส่วนตัวธาราก็เปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองกับชาร์วีทันที
“มีอะไร” ชาร์วีสีหน้าเคร่งถามขึ้นมาทันที
“ดูแล้วเด็กมันอยากเจอหน้ามึงเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยเจอผู้มีพระคุณเลยสักครั้งมึงจะอนุญาตให้เด็กมาเจอหน่อยไม่ได้เหรอ”
“เด็กที่มึงว่าคนไหนล่ะ” ประมุขบ้านฮาร์เปอร์ถาม ก่อนจะละสายตาจากลูกน้องมาสนใจเอกสารตรงหน้าเหมือนเดิม
“แก้วใส กับผ้าไหม”
“ไม่จำเป็นบอกให้พวกเธอตั้งใจเรียนก็พอ” เสียงเรียบดังขึ้นทันทีที่ธาราเอ่ยชื่อเด็กสาวออกไป
“แล้วถ้าเป็นพลอยใสล่ะ” ปากกาที่กำลังเซ็นเอกสารชะงักทันทีที่ชื่อของเด็กสาวอีกคนดังขึ้น สายตาคมตวัดมองลูกน้องซึ่งคนถูกมองก็ไม่อาจเดาได้ว่าเจ้าของสายตาคมดุจเหยี่ยวนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ในที่สุดเสียงที่นิ่งไม่ต่างจากใบหน้าก็ดังขึ้นมา
“ยังไม่ถึงเวลา”
“ยังไม่ถึงเวลาก็ไม่ต้องไปแอบมองเด็กมัน แต่ถ้าอยากเจอก็บอกจะได้นัดให้มาเจอ” ธาราพูดออกไปหวังจะหยั่งดูปฏิกิริยาของเจ้านาย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการที่จะให้เด็กในอุปการะมาเจอสักครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่และก็คงใช้เวลาไม่มากนักที่จะทักทายพูดคุยเพียงเล็กน้อย แต่เจ้านายเขากลับปฏิเสธซึ่งธาราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
“มึงอย่าจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่องธารา และอีกอย่างหน้าที่ของพวกเธอคือตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ หน้าที่กูคือส่งเสียให้เรียน ส่วนหน้าที่มึงคือคอยดูแลความเรียบร้อยและจัดการสิ่งที่จำเป็นให้เด็กก็แค่นั้น กูยังมองไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่มึงมาพูดแดกดันกูอยู่ตอนนี้" คนที่เริ่มหมดความอดทนกับคำพูดกวนประสาทของลูกน้องร่ายยาวออกมาอย่างหงุดหงิด ธาราเลิกคิ้วเหมือนไม่ใส่ใจกับท่าทางหงุดหงิดของเจ้านายนักก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้และถามออกมา
“เอกสารของพลอยใสล่ะดูเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วขอคืนครับ” จากที่หงุดหงิดอยู่แล้วชาร์วีก็หงุดหงิดเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อถูกทวงในสิ่งที่ยังไม่อยากให้คืน
“มึงจะทวงทำไม เอกสารนั่นสำคัญอะไรกับมึง”
“แล้วประวัติพลอยใสสำคัญอะไรครับมึงถึงต้องเก็บไว้นานขนาดนี้ ปกติไม่เห็นเคยอยากเก็บอะไรที่ไม่สำคัญ ที่ถามก็เพราะเผื่อบางทีเด็กมันอาจจะอยากได้เอกสารที่เกี่ยวกับตัวเองคืน” ธาราไม่เข้าใจการกระทำของเจ้านายหนุ่ม กับแค่รูปถ่ายธรรมดาทำไมถึงหวงอย่างกับโฉนดที่ดินทำเลทอง ส่วนเอกสารสำคัญชาร์วีส่งคืนให้หมดแล้วเหลือเพียงรูปถ่ายและเอกสารส่วนอื่นเท่านั้นที่ชาร์วียังเก็บไว้
“ถ้าเธอจะใช้มึงค่อยมาบอกกู ตอนนี้กูยังดูประวัติเด็กคนนี้ไม่เสร็จ แล้วมึงก็ออกไปได้แล้ว” ชาร์วีตีหน้าขรึมก่อนจะพูดตัดบทเช่นเคย
ในครัว
“ทำไมวันนี้หน้าตาไม่สดชื่นเลยล่ะเป็นอะไรหรือเปล่า โดนคุณธาราดุมาหรือเปล่าลูก” ป้าณีถามพลอยใสเมื่อเห็นเด็กสาวเดินเข้ามาในห้องครัวไม่ร่าเริงเหมือนทุกวัน
“เปล่าค่ะ พลอยแค่กังวลเรื่องแกะโน๊ตดนตรีไม่ได้สักที อีกไม่กี่วันจะสอบกับคุณครูแล้วแต่ก็รู้สึกว่ายังเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่”
“โธ่! นึกว่าเรื่องอะไรอย่าไปคิดมากเลยลูก พลอยเก่งอยู่แล้วเดี๋ยวก็ทำได้ นี่ทำให้ป้านึกถึงสมัยคุณวีเป็นเด็ก รายนั้นก็ชอบเล่นกีตาร์เหมือนกันและก็เล่นเก่งด้วยนะแต่งเพลงเองตั้งหลายเพลง เคยมาเล่นให้ป้าฟังบ่อย ๆ แต่เสียดายที่เดี๋ยวนี้คุณเขางานยุ่งไม่มีเวลามาทำอะไรพวกนั้นแล้ว” แววตาแห่งความสุขดูเศร้าลงเมื่อพูดถึงประมุขของบ้านที่ต้องมารับภาระอันหนักหน่วงหลังจากนายใหญ่ของบ้านนั้นเสียชีวิตลง
“จริงเหรอคะ พลอยพึ่งรู้นะคะว่าคุณวีเล่นกีตาร์เป็น”
“จริงสิจ๊ะ ไม่ใช่แต่กีตาร์นะแต่ยังเล่นเครื่องดนตรีเป็นอีกหลายอย่างเลยแหละแต่ป้าไม่รู้จักหรอกเครื่องดนตรีที่เขาเล่นน่ะ นอกจากดนตรีก็ยังมีกีฬา พอโตมาก็เป็นนักธุรกิจที่เก่งอีกเรียกว่าเก่งรอบด้านก็ว่าได้” ป้าณีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมความสามารถของเจ้านายหนุ่มที่เลี้ยงดูมาแต่เล็ก ชาร์วีถือว่าเป็นผู้ชายที่เก่งรอบด้านมาตั้งแต่เด็กเพราะถูกถ่ายทอดมาจากคนเป็นพ่อและตอนนี้ความสามารถที่มีก็ทำให้ชาร์วีขึ้นมาอยู่ในจุดที่สูงที่สุดทุกด้านในสิ่งที่เขามี
พลอยใสที่มีความชื่นชมในตัวเจ้าของบ้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเมื่อได้ยินในสิ่งที่ป้าณีบอกก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมขึ้นไปอีก จนเผลอคิดไม่ได้ว่าถ้าถึงตอนที่เธอเรียนจบหากเธอมีโอกาสไปช่วยงานแบ่งเบาภาระของเขาบ้างก็คงจะดี แต่พลอยใสก็ต้องรีบสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัวเพราะเพียงแค่คิดเธอก็รู้สึกผิดแล้ว ชาร์วีคือผู้มีพระคุณที่เธอไม่ควรเทียบตัวเสมอท่านแม้แต่คิดก็ไม่ควร
“เย็นนี้มีอะไรทานบ้างครับ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังมาแต่ไกล พร้อมชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปทั้งหน้าตาและความสามารถไม่แพ้เจ้าของบ้านเดินเข้ามาในครัว
“เมนูโปรดคุณธารานั่นแหละค่ะ แล้วนายล่ะคะไม่ลงมาพร้อมกัน” ป้าณีหันไปตอบเจ้าของคำถามที่ตอนนี้เดินมาหยุดยืนข้าง ๆ หม้อต้มที่กำลังตุ๋นกระดูกอ่อนซี่โครงหมูในน้ำซุปรสจัดจ้านที่ธาราชอบทาน
“แล้วเมนูไอ้เจ้าของบ้านล่ะครับ เดี๋ยวมันก็โวยวายอีกว่าป้าณีเอาใจผมคนเดียว” ธาราใช้คำพูดที่ชินปากเหมือนทุกวันโดยลืมไปว่ายังมีเด็กสาวยืนอยู่ในครัวไม่ใช่มีเพียงแค่เขาและแม่บ้านแค่สองคน
“คุณธารา”
“พลอยขอนำอาหารไปจัดขึ้นโต๊ะเลยนะคะ” เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่ควรอยู่ฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสอง พลอยใสจึงเลี่ยงออกมาด้านนอกเพื่อไม่ให้บรรยากาศข้างในอึดอัดรวมทั้งตัวเธอด้วย
ตอนที่ 40 เปลี่ยนบรรยากาศ+ครอบครัว (จบ)“คุณจะให้หนูทำตรงนี้เลยเหรอคะ” พลอยใสถามกลับไม่เต็มเสียงนักเพราะตอนนี้ทั้งสองนั่งอยู่บนรถ และชาร์วีเองก็ทำหน้าที่เป็นคนขับซึ่งตอนนี้รถกำลังแล่นด้วยความเร็ว“ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอจะปล่อยให้ผัวเธอลงแดงตายตรงหน้าเลยหรือไง อยากเป็นหม้ายอย่างนั้นเหรอ”“มันจะไม่อันตรายแน่นะคะ คุณอดทนอีกหน่อยได้ไหมคะ” พลอยใสพยายามต่อรองกับชาร์วีถึงแม้จะสงสารชายหนุ่มมากก็ตาม“ถ้าอดทนได้ฉันจะขอร้องเธอแบบนี้เหรอ หรือต้องให้ฉันจอดรถข้างทางแล้วลากเธอไปกระแทกเบาะด้านหลังรถ” ชาร์วีพูดขึ้นเมื่อความอดทนของเขานั้นแทบจะเหลือไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์“คุณตั้งใจขับรถดี ๆ นะคะ”“อมมันสักทีพลอยใส ผัวเธอจะใจขาดตายอยู่แล้ว”มือเล็กเอื้อมไปปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงพร้อมกับรูดซิปลง แท่งเนื้อสีแดงก่ำถูกควักออกมาพ้นจากบ็อกเซอร์ราคาแพงมาสัมผัสกับอุณหภูมิที่หนาวเย็นภายในรถ“อ่าส์ ปากเธอทำให้ฉันคลั่งได้เลยนะ” เสียงร้องครางออกมาเมื่อปลายลิ้นสัมผัสกับส่วนหัวที่บานราวดอกเห็ด“คุณต้องการมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ เราแค่จูบกันเองนะ” เสียงหวานเอ่ยถามสลับกับดูดเลียแท่งเนื้อที่ผลิตน้ำหล่อลื่นสีใสออกมาไม่ขา
ตอนที่ 39 คลั่ง“ชาร์ถ้ามึงจะขับช้าขนาดนี้มึงไม่ต้องซื้อมาให้เปลืองเงินหรอกนะรถคันละสามสิบสี่สิบล้าน” ธาราพูดขึ้นน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อวันนี้มาเฟียหนุ่มมาทำหน้าที่คนขับรถด้วยตัวเอง“มึงจะรีบไปไหน ขับรถเร็วมันอันตราย” เป็นคำตอบที่ฟังดูไม่จริงใจเอาซะเลย เพราะความเร็วที่ชาร์วีใช้ประจำเวลาที่จับพวงมาลัยเองต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบ“ฟังดูตอแหลนะ ถ้ามึงไม่รีบก็จอดรถแล้วเดินไปกูจะขับไปกับพลอยใสแค่สองคน อีกสิบนาทีไอ้ลุคค์ก็จะขึ้นร้องเพลงแล้วเดี๋ยวพาพลอยใสไปไม่ทัน” ธาราที่หมดความอดทนกับการถ่วงเวลาโง่ ๆ ของเจ้านายด่าออกไปโดยไม่เกรงใจว่าชาร์วีนั้นคือเจ้าของรถ“รถคันนี้ของกู ถ้ามึงรีบก็ลงไปเรียกแท็กซี่”“ถ้างั้นก็จอดรถกูกับพลอยใสจะลงไปเรียกแท็กซี่เอง”“ถ้าหนูไปไม่ทันพี่ลุคค์ร้องเพลงรางวัลที่เราตกลงกันไว้เป็นโมฆะค่ะ”บรึ๊น! บรึ๊น! บรึ๊น!สิ้นเสียงพลอยใสรถยนต์คันหรูก็เร่งความเร็วขึ้นไปแตะที่ระดับปกติที่ควรจะเป็นหรืออาจจะเร็วไปด้วยซ้ำ ฝีมือการขับรถของชาร์วีที่ชำนาญเรื่องการทำความเร็วก็สามารถพาพลอยใสมาทันเวลาที่ลุคค์ขึ้นร้องเพลงพอดี“ไอ้ธาราทำไมมึงพาเมียกูเดินเบียดผู้คนเข้ามาแบบนี้ ประตูด้านหลังมี
ตอนที่ 38 อำนาจเปลี่ยนมือของขวัญวันแต่งงานที่ชาร์วีมอบให้ภรรยาตัวน้อยของเขาทั้งคืนจนเกือบสว่าง ส่งผลให้หญิงสาวนอนหมดแรงและตื่นขึ้นมาอีกทีในช่วงบ่ายของวันใหม่“คุณอื้อ..คุณวี” ดวงตากลมโตกะพริบไล่แสงเพื่อปรับโฟกัสสายตา มาเฟียหนุ่มนั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับถือไอแพดอยู่ในมือ“ตื่นแล้วเหรอ..หิวน้ำไหม” ชาร์วีวางไอแพดในมือลงรีบพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้นนั่ง“กี่โมงแล้วคะ” หลังจากดื่มน้ำไปอึกใหญ่ก็เอ่ยถามขึ้นเพราะมองจากแสงที่ลอดผ่านม่านสีขาวเข้ามาบ่งบอกว่าเป็นช่วงสายหรือไม่ก็ช่วงบ่ายของวัน“บ่ายสองแล้ว หิวข้าวหรือเปล่า”“บ่ายแล้วเหรอคะ ทำไมคุณไม่ปลุกหนูล่ะคะ”“ปลุกทำไม เมื่อคืนเธอใช้พลังงานไปตั้งเยอะนอนหลับพักผ่อนเอาแรงน่ะดีแล้ว คืนนี้จะได้มีแรงทำต่อ” ชาร์วีพูดขึ้นสีหน้าเรียบนิ่ง“พอเลยค่ะ หนูไม่ไหวแล้วคุณกินจุเกินไป”“ไม่ไหวเหรอ ก็เห็นเรียกร้องเอาอีกหนูต้องการคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ”“หยุดพูดเลยนะคะ” ใบหน้าเรียวเล็กซุกเข้าที่อกแกร่งด้วยความอายเมื่อถูกพูดถึงกิจกรรมรักที่เร่าร้อนเมื่อคืนที่ผ่านมา“ไปอาบน้ำไปจะได้ลงไปทานข้าว ธารามันขึ้นมาตามหลายรอบแล้ว” น้ำเสียงอ่อนนุ่มที่ชาร์วีใช้พูดกับหญิงสาวเป็นน้ำเสียงท
ตอนที่ 37 คืนเข้าหอคืนเข้าหอ“เหนื่อยไหมหืม..” เสียงทุ้มอบอุ่นเอ่ยถามขณะที่กำลังช่วยภรรยาตัวน้อยถอดชุดเจ้าสาวหลังจากเสร็จจากงานเลี้ยงฉลองค่ำคืนนี้“นิดหน่อยค่ะ แต่มีความสุขมากกว่า” เสียงหวานตอบกลับไปตามที่รู้สึกรอยยิ้มแห่งความสุขฉายเด่นชัดอยู่บนใบหน้าหญิงสาวตั้งแต่งานเริ่มจนถึงป่านนี้ ความสุขที่เธอไม่เคยได้รับ วันนี้ชาร์วีเป็นคนเข้ามาเติมเต็มส่วนที่เธอขาดทั้งหมด“ขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาเป็นความสุขของหนู” ร่างบางหันหน้ากลับมาสบตากับสามีหมาด ๆ ของเธอ“เธอก็เข้ามาเป็นความสุขของฉันเหมือนกัน ฉันมีของขวัญแต่งงานให้เธอด้วยนะ” แขนแกร่งรั้งเอวคอดเข้าหาตัวและโอบกอดไว้หลวม ๆ ใบหน้าคมก้มลงกระซิบข้างใบหู“ของขวัญอะไรคะ” ดวงตากลมโต แพขนตางอนเหลือบขึ้นมองสบตาก่อนจะเอ่ยถามออกไปสีหน้าตื่นเต้น“ไปอาบน้ำให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาแกะของขวัญของฉัน” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ตอบกลับไป พร้อมกับอุ้มร่างบางในท่าเจ้าสาวเดินเข้าห้องน้ำไป“คุณจะอาบน้ำพร้อมหนูเลยเหรอคะ”“อาบพร้อมกันนี่แหละจะได้ไม่เสียเวลา ฉันอยากให้เธอแกะของขวัญจะแย่หรือจะแกะในห้องน้ำเลยก็ได้นะ”“หนูก็อยากเห็นของขวัญที่คุณจะให้หนูแล้วค่ะ” แววตาใสซื่อไม่ทันคนข
ตอนที่36 สู่ขอชาร์วีในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวดูแปลกตาจูงมือเดินมากับพลอยใสและมีธารามือขวาคนสนิทเดินตามหลังมาห้องรับแขกที่มีป้าณีและแขกคนสำคัญของบ้านฮาร์เปอร์คือ แม่แก้ว คนที่ดูแลพลอยใสเมื่อตอนที่เธออาศัยอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า“แม่แก้วสวัสดีค่ะ แม่แก้วสบายดีนะคะ” หญิงสาวนั่งลงกับพื้นตรงหน้าผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเธอมา“แม่สบายดีจ้ะ” หญิงสูงวัยที่แก่ขึ้นตามกาลเวลาตอบกลับเสียงเบา มือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบศีรษะทุยด้วยความรัก“ลุกขึ้นเถอะลูก”“มานั่งลงตรงนี้” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเมื่อหญิงสาวทำตัวไม่ถูกว่าเธอต้องนั่งลงตรงไหน จะนั่งด้านบนตรงโซฟา หรือลุกไปยืนข้าง ๆ ธาราที่ด้านหลังร่างอรชรลุกขึ้นนั่งข้าง ๆ ชายหนุ่มในที่ที่เธอไม่คุ้นเคยมาก่อน เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสนั่งข้างชายหนุ่มเจ้าของบ้านต่อหน้าลูกน้องและคนในบ้านอย่างวันนี้“ดิฉันในฐานะผู้ใหญ่ของบ้านนี้ขอเข้าเรื่องที่เชิญคุณแก้วมาวันนี้เลยนะคะ” ป้าณีผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดูชาร์วีมาตั้งแต่เด็กพูดขึ้น“อย่างที่เคยแจ้งให้คุณแก้วทราบก่อนหน้านั้นว่าตอนนี้คุณวีและพลอยใสอยู่ในฐานะสามีและภรรยา ทางเราจึงอยากสู่ขอกับผู้ใหญ่ให้ถูกต้องตามประเพณีไทย คุณแก้วในฐานะที่เ
ตอนที่35 เสือสาวเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงบทรักในห้องน้ำจบลง และกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้งบนเตียง“เอาสิ เธออยากจัดการฉันยังไงก็ทำตามอย่างที่ต้องการได้เลย” ชายหนุ่มนอนแผ่หลาความเป็นชายตั้งโด่ล่อตาล่อใจเสือสาว“ถ้าหนูทำอะไรผิด คุณจะไม่ลงโทษหนูแบบแก้มใสใช่ไหมคะ” พลอยใสถามขึ้นขณะที่กำลังคลานขึ้นไปบนตัวชายหนุ่ม“เอาอะไรคิด ฉันจะเอาเมียตัวเองไปให้คนอื่นทำไม โดนกระแทกจนเสียสติแล้วหรือไง” ชาร์วีว่ากลับพร้อมยกคนตัวเล็กลอยขึ้นนั่งบนตัก“ก็แก้มใสทำผิดคุณยังลงโทษเธอแบบนั้นเลย”“ผู้หญิงคนนั้นบ้าเซ็กขนาดไหนเธอไม่รู้เหรอพลอยใส เพื่อนเธอมันชอบไปปาร์ตี้เซ็กหมู่หลายครั้งแล้ว แล้วที่เธอเห็นในห้องใต้ดินนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนเริ่มเองฉันไม่ได้บังคับ” ชาร์วีเล่าความจริงที่เขารับทราบมาตลอดว่าเด็กในการปกครองชอบไปปาร์ตี้มั่วเซ็กอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว“แก้มใสนะเหรอคะ ชอบไปปาร์ตี้เซ็กหมู่” พลอยใสถามกลับอย่างไม่อยากเชื่อที่ชายหนุ่มพูด“ใช่ ถ้าฉันจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นนอนกับผู้ชายมานับร้อยคนเธอจะเชื่อหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ หนูไม่เชื่อเด็ดขาด” พลอยใสส่ายหัวไม่เชื่อสิ่งที่ชาร์ว
ตอนที่34 คลั่งรักบอดี้การ์ดร่างกำยำนับสิบคนเดินเข้ามาตามเสียงเรียกคนเป็นนาย แก้มใสเห็นดังนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น หันไปมองหน้าบอดี้การ์ดที่กำลังมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย“แสดงฝีมือลีลาบนเตียงของเธอให้ฉันดูหน่อยสิ ว่าจะเร้าใจพอที่ฉันจะพาขึ้นเตียงด้วยหรือเปล่า”“คุณวี แต่ว่า..”“ฉันไม่ถือสาเรื่องนี้ เอาสิแสดงให้ฉันเห็นว่าเธอเก่งมากแค่ไหน”หญิงสาวค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปหาบอดี้การ์ดที่ยืนรายล้อมรอบตัวเธอ มือบางค่อย ๆ ปลดเข็มขัดแล้วรูดซิปกางเกงและควักแท่งเนื้อที่ขยายตัวเต็มที่พร้อมใช้งานออกมา ปากบางค่อย ๆ กลืนกินแท่งเนื้อนั้นราวไอติมแท่งโปรด น้ำลายผสมน้ำหล่อลื่นไหลเปื้อนมุมปาก ขณะที่เธอกำลังใช้ปากอยู่นั้นบอดี้การ์ดคนที่เหลือที่ตอนนี้ปลดเปลื้องเสื้อผ้าพร้อมภารกิจเสพสวาทครั้งนี้ก็เดินเข้าหาเธอ บั้นท้ายงอนถูกกางออกลิ้นสากส่งเข้าไปสัมผัสทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เต้าอวบทั้งสองข้างถูกดูดกินด้วยบอดี้การ์ดอีกสองคน แก้มใสร้องครางออกมาด้วยความสุขสม เธอกลายเป็นคนติดเซ็กหมู่มาหลายปีตั้งแต่ครั้งเรียนอยู่ปีหนึ่งที่เธอมีโอกาสได้เข้าร่วมปาร์ตี้สวิงกิ้งและเธอก็ติดใจและทำบ่อยทุกครั้งที่คนในกลุ่มจัดขึ้นภาพหญิงสาว
ตอนที่33 จัดการการเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ของพลอยใสได้สิ้นสุดลงพร้อมกับประสบการณ์มากมายที่เธอได้สัมผัส เครื่องบินลำใหญ่ของฮาร์เปอร์กำลังเทคออฟออกจากสนามบินฮ่องกงมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยเมืองไทยร่างบางนอนหลับในอ้อมแขนแกร่งของชาร์วีตั้งแต่ขึ้นรถมายังไม่ถึงสิบนาที ร่างกายเพลียจากการนั่งเครื่องเป็นเวลานานและเวลาที่ต่างกันของแต่ละประเทศจึงทำให้ร่างกายปรับเวลานอนไม่ทันจึงเกิดสภาพอย่างที่เห็น“นายไม่ปลุกเธอเหรอครับ” ธาราหันไปถามคนเป็นนายที่กำลังตั้งท่าจะอุ้มหญิงสาวลงจากรถ“ไม่”“นายจะอุ้มเธอเข้าบ้านไปแบบนี้ บอดี้การ์ดจะพากันเอาไปพูดเอาได้นะครับ” ธาราเอ่ยเตือนเพราะความสัมพันธ์ของเจ้านายกับเด็กในการปกครองที่เปลี่ยนไปทุกคนในบ้านยังไม่มีใครทราบ“ใครมันกล้าเอาไปพูดกูจะไล่ออกให้หมด” เสียงกร้าวบอกออกไปพร้อมกับอุ้มหญิงสาวลงจากรถเดินเข้าบ้านใหญ่ไป ท่ามกลางสายตาของบอดี้การ์ดและแม่บ้านคนเก่าคนแก่อย่างป้าณี“คุณวีพลอยใสเป็นอะไรคะ”“ไม่ได้เป็นอะไรครับ” คำตอบสั้น ๆ ที่ไม่ขยายความให้คนถามเข้าใจ ก่อนจะอุ้มหญิงสาวเดินผ่านหน้าขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม“คุณธาราพลอยใสเป็นอะไรคะ ทำ
ตอนที่32 ไหว้พ่อแม่หลังจากเสร็จธุระเรื่องงานที่เมืองหลวงแล้วชาร์วีก็พาหญิงสาวไปบ้านที่ตั้งอยู่ชานเมืองห่างไกลผู้คนเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินจากกรุงลอนดอนทะยานสู่เขตนอกเมืองที่โอบล้อมด้วยทะเลและภูเขา คฤหาสน์หลังใจที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่มหญ้าเขียวขจี เฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ลานหญ้าบริเวณหน้าบ้าน“ที่นี่บ้านคุณเหรอคะ” ดวงตากลมโตมองสำรวจบริเวณรอบ ๆ ที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติไกลสุดลูกหูลูกตา“ใช่ บ้านของแด๊ดกับมัม” ร่างสูงเดินนำเข้าไปด้านในที่มีคนดูแลบ้านมายืนรอต้อนรับตรงประตูทางเข้า“สวัสดีค่ะนาย/นายหญิง” ทั้งหมดก้มหัวให้และกล่าวทักทายชายหนุ่มเมื่อเดินผ่านไป รวมทั้งกล่าวทักทายพลอยใสด้วย“สวัสดีค่ะคุณธารา” อยู่บ้านนี้ธาราจะอยู่ในฐานะลูกชายบุญธรรมของบ้านฮาร์เปอร์เพราะครั้งยังเด็กธาราและชาร์วีเกิดและโตที่นี่ ก่อนที่พ่อของชาร์วีจะวางมือจากธุรกิจที่นี่และย้ายถิ่นฐานไปอยู่เมืองไทย“ชาร์วีมึงจะให้พลอยใสพักห้องไหน” ธาราถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาหย่อนสะโพกลงนั่งตรงโซฟาห้องรับแขก“นอนกับกู”“ไอ้ชาร์” ทั้งสองฟาดฟันกันด้วยสายตา ต่างไม่มีใครยอมใคร“พลอยใสขึ้นห้อง” พลอยใสจำเป็นต้องเดินตามชาร์วีขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นห้