ขวัญนภัสเดินคอตกออกมาจากห้องแนะแนวของโรงเรียนหลังจากเข้าไปคุยกับอาจารย์ถึงเงื่อนไขการกู้ยืมเงินกองทุนการศึกษา ซึ่งอาจารย์ยืนยันว่ายังไงก็ต้องให้บิดามารดาเซ็นชื่อในเอกสารกู้ยืมถึงแม้ว่าเธอจะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้วก็ตาม
“อาจารย์ว่ายังไงบ้างเฟิร์น” ชุติมณฑ์เพื่อนสนิทที่ยืนลุ้นอยู่หน้าห้องรีบเข้าไปถามเพื่อนด้วยความร้อนใจ
“คำตอบก็เหมือนเดิมนั่นแหละบิว ถ้าแม่ไม่ยอมเซ็นชื่อในเอกสารกู้ยืมเงินก็คงกู้ยืมเงินไม่ได้” เธอส่ายหน้าด้วยอย่างหมดหวังเพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่จะเรียนต่อก็คงน้อยเต็มที
“แล้วทีนี้จะเอายังไงต่อล่ะเฟิร์น”
“ฉันคิดคิดว่าต้องหางานทำช่วงปิดเทอม เงินเก็บฉันพอมีแต่มันมีไม่มากพอที่จะจ่ายค่าเทอมทั้งหมดหรอกนะ”
ขวัญนภัสคิดเอาไว้ว่าตนเองจะต้องหาเงินก้อนแรกมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในเทอมที่สองก็จะทำงานพิเศษเพื่อเป็นค่าเรียนเนื่องจากตอนนี้เธออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้วสามารถทำงานได้มากกว่าแต่ก่อน
“แกคิดว่าจะหาเงินทันไหม”
“ช่วงปิดเทอมฉันก็ต้องเร่งหาเงิน ฉันยังมีเวลาช่วงปิดเทอม ประมาณสามเดือน ถ้าไม่เลือกงานก็น่าจะทันอยู่นะ ฉันว่าจะลองไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านเหล้าตรงหน้าปากซอยนะฉันถามคนที่ทำงานในนั้นแล้วเขาบอกว่าเงินดี”
“แต่แบบนั้นมันอันตรายนะกลับก็ดึกแล้วแม่จะยอมเหรอ”
“ถ้าออกมาทำงานแม่คงไม่ว่า แต่แม่ก็คงต้องขอส่วนแบ่งไว้แน่ๆ เฮ้อทำไมการอยากจะเรียนต่อมันถึงยากแบบนี้นะ หรือฉันจะไม่เรียนดีล่ะ ออกมาหางานทำอย่างที่แม่บอกดีไหมบิว” ขวัญนภัสเริ่มจะท้อกับการหาเงินเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
“อย่าเพิ่งท้อสิ ฉันว่ามันต้องมีทางออก”
“อิจฉาคนที่เขามีเงินเรียนเหมือนกันนะ เรียนอย่างเดียวไม่ต้องมีเรื่องอื่นคิด”
“เดี๋ยวฉันจะลองถามยายให้นะว่าพอจะมีเงินให้แกยืมก่อนไหม” ชุติมณฑ์อยากช่วยเพื่อนแต่ก็ไม่มีเงินมากพอ การขอยืมจากยายน่าจะเป็นทางออกเดียวที่นึกขึ้นได้
“อย่านะบิว ฉันอยากหาเงินเองมากกว่า ถ้าหาเงินไม่ได้ก็ไม่ต้องเรียน”
“ไม่ได้นะเฟิร์นถ้าไม่เรียนแล้วจะไปทำงานอะไรความฝันของแกคือทำงานในบริษัทผลิตเครื่องสำอางไม่ใช่เหรอ”
“อือนั่นคือความฝัน แต่บางครั้งความฝันกับความเป็นจริงมันก็ต้องแยกออกจากกันนะ” ขวัญนภัสพูดแล้วทรุดนั่งลงบนระเบียงหน้าห้อง
“อย่าพึ่งท้อนะแกฉันจะช่วยหาทางออกเอง แต่แกต้องอ่านหนังสือด้วยนะไม่ใช่เอาเวลาไปทำงานพิเศษหมดล่ะ ตอนนี้ทำงานที่ไหนบ้าง”
“ก็แค่ล้างจานที่ร้านหมูกระทะ ส่วนงานอย่างอื่นก็พักไว้ก่อนอยากอ่านหนังสือ แล้วแกล่ะบิวตกลงจะเลือกเรียนอะไร”
“ฉันจะเรียนพยาบาลน่ะ ยายก็เห็นด้วยแต่ไม่รู้จะสอบได้หรือเปล่า”
“แกเรียนเก่งนะบิวยังไงก็ต้องสอบได้อยู่แล้ว แต่ฉันนี่เลือกเรียนยากเกินตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่หรอกน่าแกมีความตั้งใจและก็ขยันฉันว่าแกก็ต้องสอบได้เหมือนกัน”
“แต่ฉันกลัวคะแนนไม่ถึงคณะที่อยากเรียนนะ” ขวัญนภัสกังวลเพราะคณะที่ตนเองเลือกเรียนรับนักศึกษาน้อยและคะแนนก็ค่อนข้างสูง
“ความฝันของฉันสูงเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่หรอกน่าคนเรามันก็ต้องมีความหวังสิ ยื่นในคณะที่ตัวเองชอบไปก่อนถ้าไม่ได้ค่อยวางแผนกันอีกที ช่วงนี้ต้องอ่านหนังสือกันหนักหน่อย แกมาอ่านหนังสือที่บ้านฉันไหมจะได้มีสมาธิมากขึ้น”
เพราะคบกันมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งชุติมณฑ์เลยพอรู้พื้นฐานครอบครัวของขวัญนภัสว่าเป็นยังไงบ้าง
“ฉันก็อยากไปอยู่หรอกนะ แต่คิดว่าแม่คงไม่ให้ไปเพราะฉันไปใครช่วยแม่ทำงานบ้าน ไหนจะต้องดูน้องอีก”
“แต่ตอนนี้น้องแกก็โตมากแล้วนะ น่าจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้วนะ”
“ก็พอช่วยเหลือตัวเองได้นั่นแหละแต่แม่ก็ยังให้ฉันช่วยดูอยู่ดี แม่ต้องออกไปขายของส่วนลุงเกษมก็ขับรถขนส่งไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกเท่าไหร่”
“แล้วถ้าแกต้องเรียนมหาวิทยาลัยย้ายออกมาอยู่ที่หอใครจะเป็นคนดูแลน้องล่ะ”
“ถ้าสอบได้และได้เรียนจริงๆ แม่ก็คงจะต้องดูแลน้องนั่นแหละ” เมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองจะต้องออกมาอยู่หอพักก็อดเป็นห่วงน้องสาวของเธอไม่ได้
แม้จะมีบิดาคนละคนแต่ความรักและความผูกพันมันก็มากเนื่องจากเธอช่วยเลี้ยงอริสามาตั้งแต่แบเบาะ
หลังเลิกเรียนวันนี้ขวัญนภัสไม่ต้องไปทำงานล้างจานที่ร้านหมูกระทะเนื่องจากทางร้านหยุดหนึ่งวัน เธอจึงนั่งรถเมล์ไปลงที่บ้านของชุติมณฑ์เพราะไม่อยากจะกลับบ้านเร็ว
“สวัสดีค่ะคุณยาย” ขวัญนภัสยกมือไหว้คุณยายของเพื่อนซึ่งเธอจะแวะมาที่บ้านของชุติมณฑ์อยู่บ่อยๆ
“ยายไม่ได้เจอนานเลยเฟิร์นโตขึ้นมากสวยขึ้นมากเลยนะ” ยายศรีจันทร์เห็นขวัญนภัสมาตั้งแต่เด็กจึงอดชมไม่ได้
“ขอบคุณค่ะยาย แต่ยายยังไม่แก่เลยนะคะ”
“ปากหวานอีกแล้วนะ นี่หิวกันมาหรือเปล่า”
“หิวมากเลยค่ะยายทำอะไรให้หนูกับเฟิร์นกินคะ” ชุติมณฑ์
“ยายทำก๋วยเตี๋ยวน่ะ”
“แค่ได้ยินว่าก๋วยเตี๋ยวหนูก็หิวขึ้นมาเลยค่ะ ก๋วยเตี๋ยวฝีมือยายอร่อยกว่าไปซื้อกินอีกนะคะ”
“หนูเฟิร์นนี้ช่างพูดจริงๆ เลยนะไม่เหมือนกับหลานสาวของยายเลย ขานั้นน่ะพูดจาห้วนไม่รู้จักอ้อน ไม่รู้จักเอาอกเอาใจยายเลย”
“แหมก็เราอยู่กันทุกวันนี้คะยาย จะให้หนู้อ้อนยายทุกวันเดี๋ยวยายจะเบื่อ” ชุติมณฑ์หัวเราะก่อนจะเข้ามากอดยายของตนเองอย่างประจบ
“เอาละไปกินกันเถอะ ยายเองก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
ทั้งสามคนนั่งทานก๋วยเตี๋ยวจนอิ่มจากนั้นขวัญนภัสก็อาสาเป็นคนเก็บล้างจานโดยมียายศรีจันทร์นั่งดูอยู่ใกล้ๆ
“หนูเฟิร์นนี่ทำงานบ้านคล่องเหมือนกันนะ”
“ก็ต้องคล่องสิคะยาย เพราะตอนอยู่ที่บ้านยัยเฟิร์นต้องเป็นคนทำความสะอาดบ้าน ซักผ้ารีดผ้าที่บ้านคนเดียวทั้งหมดเลย”
“ตัวแค่นี้ทำงานเยอะขนาดนั้นแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือละ” คุณยายศรีจันทร์พูดด้วยความเป็นห่วง
“ก็ตื่นมาอ่านตอนเช้าแล้วก็ก่อนนอนค่ะ”
“อีกไม่กี่เดือนก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้วแบ่งเวลาให้ดีกันนะลูก”
“ค่ะยาย”
“แล้ววันนี้หนูเฟิร์นเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าตาไม่ค่อยสดใสเลย” คุณยายเป็นคนช่างสังเกตจึงพอมองออกว่าวันนี้เพื่อนของหลายสาวน่าจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่เพราะปกติแล้วขวัญนภัสจะร่าเริงและยิ้มมากกว่านี้
“หนูมีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อยค่ะยาย”
“เรื่องอะไรล่ะลูกปรึกษายายได้นะ คิดว่ายายเป็นยายของหนูก็แล้วกันนะ”
คีรินทร์อุ้มคนรักเข้ามาในบ้านแต่ยังเดินไม่ถึงห้องนอนเขาก็ไปต่อไม่ไหว เพราะทุกจังหวะที่ก้าวขาท่อนเอ็นร้อนก็ครูดกับร่องสวาทจนหญิงสาวได้แต่ครางหวานเพราะเสียวซ่านเกินกว่าจะทนไหว“หมอคีย์ขา...เฟิร์นเสียว”ชายหนุ่มก็รู้สึกเสียวไม่ต่างจากขวัญนภัสเลย เขาหยุดเดินแล้วดันตัวเธอเข้าผนังเพราะเสียวจนก้าวขาไม่ออก“ผมก็เสียวนะเฟิร์น วันนี้เฟิร์นตอดแรงมากเลยรู้ไหม”“ก็เฟิร์นคิดถึงหมอคีย์”“ยั่วเก่งแบบนี้ผมเอาจนหมดแรงอย่ามาบ่นนะที่รัก”คีรินทร์จับสะโพกกลมกลึงไว้แน่น เขายกขึ้นสูงจนท่อนเอ็นเกือบจะหลุดออกจากร่องรักก่อนจะกดต่ำลงเข้าหาตัวในจังหวะที่สะโพกของเขากระแทกสวนเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั้งห้องรับแขก เสียงหวานครางรับกับเสียงครางต่ำ“ชอบไหม เฟิร์น...ซี๊ดดด...”“ชะ..ชอบ..... เฟิร์นชอบคะหมอคีย์...มันเสียวมาก”คนถามครางต่ำเพราะมันทั้งลึกและคับแน่น ช่องทางรักของขวัญนภัสตอดรัดเขาอย่างรุนแรง นั่นยิ่งส่งให้ชายหนุ่มกระแทกเข้าแรงยิ่งขึ้นจนหญิงสาวครางลั่นห้องอีกครั้งเธอกระตุกถี่และหอบเหนื่อยจนตัวโยนคีรินทร์วางขาข้างหนึ่งของเธอลงบนพื้น ส่วนอีกข้างเอาพาดไว้ท่อนแขนของตน แล้วส่งตัวตนเข้าหาเธออย่างบ้าคลั่งก่อนจะ
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่คีรินทร์ไม่สามารถติดต่อขวัญนภัสได้ เขาไปดักรอเธอที่หน้าบริษัทแต่ก็ไม่เจอ พอถามเพื่อนร่วมงานจึงรู้ว่าหญิงสาวแอบติดรถออกไปกับเพื่อนคนหนึ่งตอนนี้คีรินทร์ไม่รู้จะทำยังไงให้ขวัญนภัสยอมคุยกับตนเองเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเธอคนไหนเลยแม้กระทั่งเบอร์โทรของชุติมณฑ์เขาก็ไม่เคยขอไว้ชายหนุ่มได้แต่หวังเพียงว่าระหว่างนี้ขวัญนภัสจะรู้ใจตัวเองและติดต่อกลับมาหาเขาส่วนเรื่องที่มารดาอยากให้แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งนั้นคีรินทร์ปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาดและบอกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการอะไรแบบนั้นเลยเขาอยากมีชีวิตเรียบง่ายมีความสุขอยู่กับคนที่เขารักเขาออกไปทำงานตั้งแต่เช้าพอตกเย็นก็รีบกลับบ้านและหวังว่าเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอคนรักอยู่ในบ้านแต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นคีรินทร์ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดทุกซอกทุกมุม เขาทำหน้าที่แทนขวัญนภัสเพราะกลัวว่าถ้าหากเธอกลับมาแล้วเห็นบ้านสกปรกจะทำให้เธอต้องเหนื่อยไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่คิดถึงขวัญนภัสแต่แมวตัวอ้วนก็เหมือนจะเศร้าไปมากเมื่อไม่เจอกับเธอนานนับสัปดาห์“เจ้านุ่มนิ่มทำไมเฟิร์นเขาถึงใจร้ายกับเราจังเลยนะ เมื่อไหร่เธอจะยอมใจอ่อนกับฉันเสียที” คีริ
หมอคีรินทร์กลับมาถึงบ้านในเย็นวันจันทร์เขารู้สึกแปลกใจมากเมื่อเห็นรถยนต์ที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้านเมื่อชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในบ้านก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องรับแขก แต่พอเดินไปใกล้ๆ เขาก็คลายความสงสัยเพราะยังคงจำหน้ามารดาของตัวเองได้ แม้จะไม่ติดต่อกันมานานหลายปีก็ตาม“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม“มาแล้วเหรอลูก” คุณสุวิมลยิ้มกว้างด้วยความดีใจเพราะเธอรอลูกชายมานานเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง”“ก็นี่เป็นบ้านของลูกชายแม่ แล้วแม่จะเข้ามามันก็คงไม่แปลกเท่าไหร่”“คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ แล้วเฟิร์นไปไหน” เขาถามด้วยความแปลกใจเพราะปกติทุกครั้งที่กลับเข้ามาในบ้านขวัญนภัสจะต้องรอต้อนรับเขาพร้อมกับเจ้าแมวตัวอ้วน“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเธอไปไหน”“แล้วคุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”“คีย์ ทำไมต้องเรียกแม่ห่างเหินแบบนั้นล่ะลูก ถึงเราจะไม่ได้ติดต่อกันแต่ความเป็นแม่เป็นลูกก็ยังเหมือนเดิมนะ”“ผมว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว คุณยังไม่บอกผมเลยว่าเข้ามาได้ยังไง” เขาถามย้ำด้วยสีหน้าไม่พอใจ“วันก่อนแม่บังเอิญผ่านมาแถวนี้เลยแวะเข้ามาหา ผู้หญิงคนนั้นก็เลยให้กุญแจบ้านแ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นหลังจากนั้นไม่นานขวัญนภัสมองหน้าจอเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือคีรินทร์ก็รีบกดรับ“ว่าไงครับเฟิร์นออกจากบ้านหรือยังเดี๋ยวจะตกเครื่องเอานะ” คีรินทร์โทรมาเตือนคนรักและรอคอยที่จะเจอกับเธอในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า“หมอคีย์คะเฟิร์นขอโทษค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่สั่นเพราะตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วว่าตนเองจะไม่ไปหาเขาที่เชียงใหม่“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมน้ำเสียงฟังดูไม่ดีเลยหรือเครื่องมีปัญหา”“คือวันเสาร์ที่บริษัทมีงานด่วนค่ะหมอคีย์ เฟิร์นก็เลยไปหาหมอไม่ได้ขอโทษด้วยนะคะที่ผิดนัด”“งั้นให้ผมจะบินกลับคืนนี้เลยดีมั้ย”“แต่วันจันทร์หมอยังมีงานนี่คะ หมอคีย์อยู่ทำงานต่อนะคะ”“แต่ผมรู้สึกเป็นห่วงเฟิร์นยังไงก็ไม่ รู้น้ำเสียงของเฟิร์นฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะ งานมีปัญหาหรือเปล่า”“ไม่หรอกค่ะ แค่มีงานด่วนเข้ามา เรื่องไปเจอแม่เอาไว้โอกาสหน้าเราค่อยไปหาท่านก็ได้นะคะ”“ไม่เป็นไร ยังเหลือเวลาอีกหลายเดือน เฟิร์นกินอะไรหรือยัง”“ยังเลยค่ะ เฟิร์นว่าจะทำข้าวผัดค่ะง่ายดีและไม่เสียเวลาด้วย”“สั่งเดลิเวอรี่ก็ได้นะ ถ้าไม่อยากทำจะได้ไม่เหนื่อยมาก”“เฟิร์นทำไหว หมอคีย์ก็อย่าลืมทานข้าวด้วยนะคะ”“ผมอย
หมอคีรินทร์เดินทางไปเชียงใหม่ได้สองวันแล้วส่วนขวัญนภัสก็เตรียมตั๋วเครื่องบินและจะเดินทางไปหาเขาในเที่ยวดึกของวันศุกร์ หลังจากเลิกงานเธอจึงรีบตรงกลับมาบ้านทันที แต่เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจเมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน และเมื่อเธอกำลังจะเดินผ่านประตูรถก็เปิดออกมา“นี่ใช่บ้านหมอคีรินทร์ใช่ไหม” ผู้หญิงท่าทางภูมิฐานเปิดประตูออกมาแล้วถามกับขวัญนภัส“ใช่ค่ะ คุณน้ามีธุระอะไรกับหมอคีรินทร์หรือเปล่าคะ พอดีว่าตอนนี้หมอคีย์ไม่อยู่ที่บ้านค่ะ” ขวัญนภัสตอบอย่างสุภาพ เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแต่ที่รู้คงไม่ใช่เพื่อนของหมอคีรินทร์อย่างแน่นอน“แล้วเธอเป็นอะไรกับลูกชายของฉัน”“ลูกชายของคุณน้าคือหมอคีรินทร์เหรอคะ”“ก็ใช่น่ะสิหมอคีรินทร์คือลูกชายของฉัน แล้วเธอล่ะเป็นใคร” ขวัญนภัสมองหน้าผู้หญิงคนนี้ด้วยแววตาสงสัย คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเพราะหมอคีรินทร์บอกว่าไม่ได้ติดต่อกับมารดามานานแล้ว“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเฟิร์นเป็นแฟนหมอคีรินทร์ค่ะ” ขวัญนภัสยกมือไหว้มารดาของคนรักอย่างอ่อนน้อม“แฟนเหรอ ถ้ายังงั้นก็ดีเลยฉันกำลังอยากจะคุยกับเธอพอดี ขอฉันเข้าไปข้างในได้ไหม”“ได้ค่ะคุณน้าเชิญค่ะ” ขวัญนภัสเปิดประต
คีรินทร์มองท่าทางของคนรักแล้วได้แต่ครางอยู่ในลำคอ หญิงสาวมองตาเขาอีกครั้งด้วยสายตาที่ยั่วยวนก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วก้มลงใช้ริมฝีปากสัมผัสส่วนปลายที่ปริ่มน้ำอย่างแผ่วเบา“ซี๊ดดด......เฟิร์น....”เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มขวัญนภัสก็มั่นใจมากขึ้นเธอใช้มือรูดท่อนเอ็นของเขาขึ้นลง ปลายลิ้นเล็กสัมผัสลากไล้ไปทั่วแท่งร้อน กดนวดรอยบุ๋มแล้วตวัดรอบรอยคอดหยักก่อนจะส่งเข้าไปในโพรงปากเล็กจนลึกสุดเท่าที่ตัวเองจะรับไหว“ดีมากเลยเฟิร์นของฉัน เธอเก่งมาก”เสียงเอ่ยชมทำให้หญิงสาวเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น จนชายหนุ่มเสียวซ่านไปทั่วกายแกร่งเขาเอามือมาประคองใบหน้าหวานของขวัญนภัสไว้แล้วยกสะโพกขึ้นสูงส่งแท่งร้อนเข้าออกโพรงปากรัวเร็วตามอารมณ์ดิบเถื่อนจนหญิงสาวแทบสำลัก ตอนนี้คีรินทร์กำลังคุมตัวเองไม่อยู่“ซี๊ด.....เฟิร์นจ๋า เสียวอะไรอย่างนี้ ดีมากมันดีมาก แต่พอก่อนนะผมยังไม่อยากแตกตอนนี้”คีรินทร์รีบดึงความเป็นชายออกจากโพรงปากนุ่ม แล้วรีบพลิกให้ขวัญนภัสนอนราบลงกับเตียง กางขาเธอออกแทรกตัวเข้าไปอยู่กึ่งกลางถูไถท่อนเอ็นร้อนไปบนกลีบกุหลาบและกดย้ำบนเกสรสวาท“อื้อ...หมอคีย์”“พร้อมนะเฟิร์นขอเข้าไปนะ”ชายหนุ่มกดจูบลงบ