เข้ม หนุ่มกรุงเทพ ฯ หลงรักสาวต่างจังหวัด จึงคิดจะย้ายถิ่นฐานมาปักหลักที่บ้านนอก
View Moreณ..ผับที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุดรธานี คืนนี้นักท่องราตรีต่างก็ครึกครื้นและพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันศุกร์ ทุกคนต่างกินดื่มและสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ เสียงดนตรีแนวหมอลำลูกทุ่งกระหึ่มกึกก้องจนพูดกันแทบไม่ได้ยิน แต่นักท่องราตรีหาได้สนใจไม่ต่างโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง เด็กเสิร์ฟเดินกันขวักไขว่ไม่ได้หยุดพัก แต่เด็กเสิร์ฟทุกคนก็สู้ขาดใจลูกค้าเยอะขนาดนี้ทิปที่ได้ก็คงไม่น้อย ผับแห่งนี้มีนายตำรวจใหญ่ที่ลาออกจากราชการเป็นเจ้าของ เริ่มต้นจากเป็นร้านเหล้าเล็ก ๆ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและมีความอินดี้อยู่ในตัว เขาจึงพาผับแห่งนี้ก้าวขึ้นมาเป็นผับที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดลูกค้าของเขามีทุกระดับ ตั้งแต่มหาเศรษฐี ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้าและหรือแม้แต่ชาวนาก็มาเที่ยวผับของเขาได้ และเพลงที่เปิดในผับจะต้องเป็นแนวลูกทุ่งหมอลำเท่านั้น ในผับแห่งนี้ไม่มีโซน VIP ทุกคนต่างเข้ามาเที่ยวได้และจ่ายในราคาเท่ากัน นี่จึงอาจจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้าทุกระดับต่างอยากมาสัมผัสบรรยากาศของผับแห่งนี้
"เร็ว ๆ นังฝนรีบแต่งตัวเข้า ชักช้าอยู่นั่น เห็นไหมนักร้องเค้าแต่งตัวเสร็จแล้ว" เจ๊นกหญิงวัยสี่สิบปีแต่ยังสวยเช้งกระเด๊ะเพราะดูแลตัวเองดีรีบเร่งให้ 'ฝน' แต่งตัวให้ไว ๆ เพราะใกล้จะได้เวลาขึ้นโชว์แล้ว เมื่อมาเร่งฝนแล้วก็เดินไปดูแลความเรียบร้อยของนักร้องและแดนเซอร์คนอื่น ๆ ต่อ ฝนจึงเร่งรีบเปลี่ยนชุดที่ทางผับเตรียมไว้ให้ วันนี้เธอมารับจ๊อบพิเศษที่ผับแห่งนี้ เพราะน้องสองคนของเธอกำลังจะเปิดเทอม คนหนึ่งกำลังจะเข้าม.หนึ่ง ส่วนอีกคนกำลังจะขึ้น ปวช. ปีหนึ่ง ลำพังขายน้ำแข็งใสกำไรวันหนึ่ง ๆ ก็ได้ไม่กี่ร้อย แต่เธอเป็นเสาหลักของครอบครัวจึงต้องดิ้นรนทุกหนทางเพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้องถึงห้าชีวิต พ่อเองก็ไม่ค่อยสบายเจ็บออด ๆ แอด ๆ มาหลายปีแล้ว หน้าที่ในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวจึงตกเป็นของเธอ เมื่อเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยฝนก็เดินไปหาเจ๊นกเพื่อให้เจ๊แกช่วยดูอีกรอบนึง "อือ..สวยแล้ว แต่นมกับตูดเอ็งนี่มันจะล้ำหน้านักร้องไปหน่อยนะ ไม่เป็นไร ไปเต้นอยู่แถวหลังละกันเดี๋ยวจะเกินหน้าเกินตานักร้องเขา" ฝนดีใจเนื้อแทบเต้นที่จะได้ยืนเต้นแถวหลังสุด จะได้อยู่ไกล ๆ สายตาหื่นกามของพวกนักเที่ยวหัวงูทั้งหลายหน่อย อีกอย่างเธอไม่อยากเขม่นกับนักร้องสาวสวย 'ดาว' ประจำผับแห่งนี้ ฝนสาวน้อยวัยยี่สิบปี มีโอกาสเรียนจบแค่ม.ปลายเท่านั้น ความฝันอยากเป็นครูเป็นหมอกับเขาน่ะมันก็มีแหละ แม้จะหัวดีเรียนเก่งแค่ใหน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะความจนเป็นตัวบีบบังคับและเหมือนว่ามันจะกำหนดโชคชะตาของเธอให้ไปทางใหนก็ได้ตามที่มันจะต้องการ ในตอนกลางวันเปิดร้านขายน้ำแข็งใสส่วนในตอนกลางคืนนั้น ทุก ๆ คืนวันศุกร์หรือแล้วแต่ว่าทางเจ๊นกจะเรียกหาเธอจะสลัดภาพแม่ค้าน้ำแข็งใสผู้ก๋ากั่นมาเป็นแดนเซอร์เอวไวเอวเด้งที่ผับแห่งนี้ (อยากให้รี้ดคิดถึงภาพของลำไย) และแล้วก็ถึงเวลาขึ้นโชว์ของฝน นักร้องขึ้นไปก่อนและตามด้วยแดนเซอร์สาวสวยอีกห้าชีวิต นักร้อง สาว สวย เสียงดี สะกดแขกได้อยู่หมัด ทุกสายตาต่างจ้องมองที่นักร้องสาวคนนั้นเป็นจุดเดียว แดนเซอร์ทั้งห้าก็ปล่อยสเต็ปกันอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครมองก็ตาม "เป็นไงบ้างวะ 'เข้ม' ผับเล็ก ๆ ของข้า" พันตำรวจตรีอมร ราชะเทศ อดีตนายตำรวจที่ลาออกจากราชการมาบริหารผับแห่งนี้ วัย 35 ปีของเขานั้นยังดูหนุ่มแน่น รูปร่างสูงใหญ่ เป็นที่ต้องใจของบรรดาสาว ๆ เป็นอย่างมาก แต่เสียดายที่เขานั้นมีเมียแล้วและลูกชายของเขาก็อยู่ในวัยที่กำลังน่ารักสามขวบเท่านั้นเอง "ผับเล็ก ๆ อะไรกัน ใหญ่กว่าที่เราเคยไปเที่ยวกันตั้งหลายเท่า" เข้ม สิงหไกรวงศ์ ตอบเพื่อนไปอย่างจริงจัง อมรรีบเตะขาเพื่อน "เห้ย ! อย่าพูดถึงความหลัง ถ้าเอ็งไม่อยากให้ข้ามีปัญหาครอบครัว" เข้มยิ้มน้อย ๆ ส่ายหน้าให้กับความกลัวเอ้ยความเกรงใจภรรยาของเพื่อน มันจะอะไรกันนักหนาวะก็แค่'เมีย' ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง "เอ็งจะไปเข้าใจอะไร หัวเราะข้าไปเถอะ ถ้าถึงคราวเอ็งแล้ว ข้าจะคอยดู" อมรบอกกับเพื่อนอย่างนึกฉุน เข้มจึงเลิกสนใจเพื่อนหันไปสนใจโชว์บนเวทีแทน เขาไล่สายตาเข้มดุคู่นั้นมองไปบนเวที คราแรกเขาสะดุดตากับนักร้องสาวสวยอยู่เหมือนกันแต่พอได้เห็นสรีระแม่สาวแดนเซอร์ คนที่อยู่หลังสุดแล้ว เลือดในกายเขาก็แล่นพล่านขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่ามุมที่เธอยืนอยู่มันจะมืดสลัวที่สุดบนเวทีก็ตาม แต่สายตาที่เศร้า ๆ และดูเหนื่อยล้านั้นกลับดึงดูดสายตาเข้มดุของเขาเอาไว้จนไม่อยากละสายตาจากเธอเลย เขากวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟผู้ชายคนหนึ่ง เด็กหนุ่มเดินเข้ามาหาอย่างนอบน้อม เพราะรู้กันดีว่าผู้ชายตัวใหญ่ผิวเข้ม ตาดุคนนี้คือเพื่อนของเจ้านาย "คุณเข้มต้องการอะไรเพิ่มครับ" "เอาเงินนี่ไปให้แม่สาวแดนเซอร์คนนั้น แล้วนี่ก็ส่วนของนาย" เขาชี้มือไปที่ฝนซึ่งกำลังยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลงอยู่ เด็กเสิร์ฟคนนั้นกำแบ๊งค์สีเทาสามใบไว้ในมือเพื่อนำไปให้ฝน ส่วนแบ๊งค์ม่วงหนึ่งใบยัดใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง พลางเกาหัวแกรก ๆ แปลกคนแฮะเพื่อนของเจ้านายคนนี้ คนส่วนใหญ่ร้อยละ 99.99 เขาสนใจนักร้องสาวคนนั้นมากกว่า สวยและเซ็กซี่สุด ๆ มีใครเขาสนใจและให้ทิปแดนเซอร์แถวหลังเกือบครึ่งหมื่นแบบนี้กันเล่า เมื่อเดินไปถึงหน้าเวที เด็กเสิร์ฟคนนั้นก็กวักมือเรียกฝน เธอใช้นิ้วชี้จิ้มที่หน้าอกตัวเองเป็นเชิงถาม เขาจึงพยักหน้า เมื่อได้รับการยืนยันว่าเป็นเธอแน่แล้วฝนก็เดินไปที่หน้าเวทีและยื่นมือรับเงินที่เด็กเสิร์ฟคนนั้นส่งให้ เขาชี้มือไปที่ลูกค้าคนหนึ่งซึ่งฝนก็มองไม่ค่อยถนัดเพราะเวทีอยู่ไกลแต่ก็ยังส่งยิ้มให้เป็นการขอบคุณ ยัดเงินใส่ไว้ตรงช่องระหว่างหน้าอก เพราะชุดแดนเซอร์ไม่มีกระเป๋า ถอยกลับไปยืนตำแหน่งเดิมและทำหน้าที่เต้นต่อไปหนึ่งปีต่อมา"อ้ายเข้ม ตื่นได้แล้วจ้า มื้อนี่เฮาต้องไปหว่านข้าวเด้ อ้ายลืมบ่ ?"ฝนเขย่าตัวปลุกสามีของเธอ เข้มงัวเงียลุกขึ้นมาดูเวลาในมือถือ ตีห้าครึ่งแล้ว รีบลุกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน พลางบอกกับตัวเอง ไม่ได้ลืมหรอกว่าวันนี้ต้องหว่านข้าว แต่ว่าเมื่อคืน..กับเมียมากไปหน่อยเลยลุกไม่ขึ้น ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มากินกาแฟอุ่น ๆ กับข้าวต้มมัดที่แม่ยายทำมาให้รองท้อง วันนี้เขาต้องไปไถนาและหว่านข้าวเพราะสองสามวันที่แล้วฝนแรกของฤดูโปรยปรายลงมา ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วงที่ชาวนาจะเริ่มไถและเริ่มหว่านข้าวเข้มกับฝนแต่งงานกันได้ครบหนึ่งปีแล้ว เขาซื้อที่นาเพิ่มอีกหลายสิบไร่ จนคุณวิกรณ์กับคุณหญิงอมรรัตน์บ่น มัวแต่ทำไร่ไถนาจนไม่มีเวลาทำหลานให้ท่าน เมื่อคืนเข้มจึง..กับเมียหวังลบคำปรามาสของพ่อให้ได้'จุ๊บ'ทานกาแฟเสร็จก็จูบแก้มเมียรัก แล้วเดินไปที่รถไถขับออกไปยังท้องนา เพื่อไถนาเตรียมหว่านข้าว เข้มยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรแล้ว การอยู่อย่างเรียบง่ายแบบนี้ก็คือที่สุดของความสุขฝนเลิกขายน้ำแข็งใสเพราะเข้มไม่อยากให้เธอเหนื่อย อีกอย่างเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เดือนละครั้งเพื่อไปดูงานที่บริษัท แน่น
เข้มพาฝนแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างทาง และพาเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านโดยขับมอเตอร์ไซค์คนละคัน เข้มขับมอเตอร์ไซค์ของฝน ส่วนฝนขับมอเตอร์ไซค์ของเข้ม ในตอนแรกฝนก็ไม่กล้าขับเพราะเธอไม่เคยขับรถมีคลัตช์มาก่อน และอีกอย่างมอเตอร์ไซค์ของเข้มคันใหญ่มากด้วย เครื่องยนต์มีขนาดถึง 1252 ซีซี เป็นทรงสปอร์ต แต่เพราะฝนหัวเร็วแทบทุกเรื่องเข้มแนะนำแค่นิดเดียวเธอก็ขับได้ปร๋อ แถมยังติดใจอีกต่างหาก"คุณเข้มขอขี่บ่อย ๆ ได้ไหมอ้ะ"เข้มยิ้มอ่อน"ตอบคำถามมาก่อน ระหว่างฉันกับรถ เธอชอบขี่อะไรมากกว่ากัน ?"ฝนตีผลัวะเข้าที่แขนเขาแก้เขิน"บ้าสิ ฝนยังไม่เคยขี่คุณเข้ม"พูดจบเธอก็หน้าแดง เข้มคิดในใจเดี๋ยวคืนนี้เธอจะได้ลองขี่เขาดู ถึงตอนนั้นเขาจะถามเธออีกทีระหว่างขี่พี่กับขี่รถของพี่อันใหนดีกว่ากันตอนแรกเข้มกะว่าถ้าพาเธอออกไปหาอะไรกินเสร็จแล้ว เขาจะยังไม่พาเธอกลับบ้านกะว่าจะนอนกกเธอสักสามวันสามคืน แต่เจ้าของร้านขายบ้านน็อคดาวน์โทรมาบอกว่ากำลังเอาบ้านเข้ามาส่ง แผนการณ์ที่วางไว้จึงต้องมีอันเปลี่ยนแปลง จำต้องเข้าไปดูเรือนหอสำเร็จรูปของตัวเองก่อน"ว้าว ๆๆ สวยมากเลยคุณเข้ม หลังกะทัดรัดน่ารักด้วย"เมื่อฝนเห็นบ้านไม้ไผ่ท
"อยากให้หยุดไหม ?"ฝนส่ายหน้าและหลับตาลง เข้มจึงอุ้มเธอไปที่เตียง ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างนุ่มนวลโยนออกไปไม่ใส่ใจทิศทาง ฝนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เอนกายลงบนเตียงกว้างช้า ๆ คิดจะคว้าผ้าห่มมาคลุมกาย แต่เข้มรวบมือทั้งสองข้างของเธอไปไว้เหนือหัว พร้อมกับใช้สายตาสำรวจรูปร่างที่แสนงดงามของเธอ หน้าอกอวบที่มีขนาดใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่ว เรียวขายาว และผิวอันเรียบเนียนนั้นเป็นประกายยามต้องแสงไฟ ตัดกับผิวสีเข้มของเขาได้อย่างลงตัว"ไม่ต้องกลัว"เพราะเห็นร่างกายของเธอสั่นสะท้านเขาจึงกระซิบที่ข้างหูของเธอเป็นการปลอบใจ จูบแก้มเธอเบา ๆ และไล่ริมฝีปากอุ่นร้อนนั้นมาประกบกับริมฝีปากของเธออีกครั้ง ปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ เพื่อจะใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพราะเป้าหมายลำดับต่อมาของเข้มก็คือสองเต้าอวบใหญ่นั้น ฝ่ามือร้อนทั้งสองข้างของเข้มประกบลงบนสองเต้าอวบของเธอ ฝนสะดุ้ง เข้มบีบคลึงเบา ๆ สร้างความคุ้นเคยให้เธอผ่านความเสียวซ่าน ก่อนจะออกแรงขยำตามอารมณ์ที่คุกรุ่นของเขา "อือ .."ฝนครางประท้วงในลำคอเพราะความเจ็บ เข้มจึงเบามือลงจากการบีบเค้นเป็นลูบไล้ ถอนริมฝีปากบางออกจากริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเ
ฝนนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เข้มซื้อให้เธอแทนเครื่องที่พวกมันทุบอย่างหงอยเหงาตลอดช่วงบ่ายนั้นเข้มไม่ได้โทรหาฝนเลย ยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดว่าเข้มจะต้องโกรธเธอแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร ฝนจึงโทรไปปรึกษาฟองจันทร์คนที่เธอรักเหมือนพี่สาว ด้วยประสบการณ์อันมากมายของฟองจันทร์จะต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ "ว่าไงฝน ?""พี่ฟอง ฝนมีเรื่องอยากปรึกษาเดี๋ยวไปหาที่ร้านนะ""มีเรื่องอะไร ? ได้ ๆ เข้ามาหาพี่เลย"ฟองจันทร์เองก็รักและเป็นห่วงฝนเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเหมือนกัน ฝนจึงขออนุญาติพ่อกับแม่ไปหาฟองจันทร์ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อไป ตาสอนกับนางฉวีไม่อยากให้ลูกสาวออกจากบ้านไปไหนเลยเพราะเพิ่งเกิดเรื่อง แต่ก็ทนลูกอ้อนและเหตุผลของลูกสาวไม่ไหว"แม่จ๋า พ่อจ๋า ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ คนที่ทำมันก็ถูกจับไปแล้ว อีกอย่างร้านพี่ฟองก็ไม่ไกลสักหน่อยเดี๋ยวหนูจะรีบไปรีบกลับน้า"พูดจบเธอก็รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และขับออกไปทันที ประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงร้านกาแฟของฟองจันทร์"พี่ฟอง สวัสดีจ้า พี่เพชรไปทำงานเหรอจ๊ะ ?""เปล่าจ้ะ พี่เพชรเขาพาแฟนของฝนไปธุระน่ะ นี่คุณเข้มเขาไม่ได้บอกฝนเหรอ"ฝนส่ายหน้า ดวงต
เมื่อจัดการยามหน้าประตูเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยพวกของเข้มก็บุกเข้าไปในโกดังร้าง "หยุด ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ"เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มของคนร้ายและเจ้าหน้าที่ ส่วนอมรกับเข้ม พี่ดำและพี่ขาวรีบตรงไปยังอาคารหลังเล็กที่แยกออกมาจากโกดังหลังใหญ่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีเวรยามเลย ผิดกับตรงโกดังหลักที่มีเวรยามวางอยู่ทั้งห้าคน"สัญญาณแจ้งว่าอยู่ตรงจุดนี้แน่นะครับนาย ?"พี่ดำถาม เข้มพยักหน้า กระชับปืนในมือและค่อย ๆ ย่องไปตรงหน้าประตู ฝนที่ได้ยินเสียงปืนเธอรีบลุกขึ้นและเดินมะงุมมะงาหราในความมืดตรงไปยังประตู เธอวางแผนไว้ในใจว่าถ้ามีคนเปิดประตูเข้ามาเธอจะวิ่งสวนออกไป ตายเป็นตาย เธอเอาหูแนบกับประตูไว้เพื่อฟังเสียงด้านนอกเสียงปืนทางด้านโกดังใหญ่เงียบลงแล้ว อมรจึงขอตัวไปดูทางนั้น เมื่อเป็นดังนี้แล้วเข้มก็รับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว เขาจึงส่งเสียงเรียกออกไป"ฝน ! เธออยู่ในนั้นไหม ?"ฝนดีใจแทบบ้าตาย ในตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป แต่พอเขาตะโกนเรียกอีกเป็นครั้งที่สองเธอก็แน่ใจว่าเป็นเสียงของเข้มแน่ ๆ"คุณเข้ม ! ช่วยฝนด้วยค่ะ"เมื่อได้ย
ในใจของเข้มตอนนี้ร้อนรนราวกับไฟ เขารู้ได้ทันทีว่าคนที่จับตัวฝนไปจะต้องเป็นไอ้หน้าตัวเมียที่ชื่อเก่งคนนั้นแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้มีศัตรูที่ใหนนอกจากมันคนนี้ฝนงัวเงียตื่นขึ้นมาในห้องมืดสลัวห้องหนึ่ง เธอจำได้ว่าหลังจากออกมาจากห้องน้ำมีพวกวัยรุ่นสามคนจับตัวเธอมา โดยคนหนึ่งใช้ปืนจี้ที่เอวของเธอ และอีกสองคนประกบซ้ายขวา ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนวัยรุ่นหนุ่มสาวมาเที่ยวงานบุญบั้งไฟทั่วไป หากไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็นปืนที่จี้อยู่ที่เอวของเธอเลย เพราะพวกมันใช้ตัวบังเอาไว้ เธอพยายามตั้งสติและมองหาเข้มแต่มันพาเธอเดินออกไปทางหลังโรงเรียนซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับสนามฟุตบอลที่กำลังทำการแสดงอยู่ บริเวณนั้นเป็นทุ่งนาและป่ายาง มันบังคับให้เธอขึ้นรถตู้คันสีขาวที่จอดรออยู่ในสวนยางแห่งนั้น และตอนที่เธอขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในสามก็ควักเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและจมูกเธอไว้ ฝนเดาได้ทันทีว่านั่นคือยาสลบเพราะมันเหมือนฉากในละครไม่มีผิด เธอกลั้นหายใจไว้แต่ก็กลั้นไว้ได้ไม่นานจำต้องสูดเอาอากาศเพื่อนำมันเข้าปอดทำให้เธอสูดเอากลิ่นเหม็นเอียนบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้าไปเต็มรูจมูก สติของเธอค่อย ๆ ดับวูบลงเมื่อลำดับเหต
และแล้วก็มาถึงวันงานบุญบั้งไฟ อ้อยตัดเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เสร็จเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวัน เพราะคนงานต่างก็เร่งตัดให้เสร็จก่อนวันงานบุญบั้งไฟ เพื่อที่จะไปเที่ยวงานให้สบายใจไม่มีอะไรค้างคา วันนี้ในตำบลอูบมุงซึ่งประกอบไปด้วยหมู่บ้านทั้งหมดสิบหมู่บ้าน หมู่บ้านของฝนก็เป็นหนึ่งในนั้น ต่างก็คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาเที่ยวงานโดยเฉพาะหมู่บ้านของฝนที่เป็นศูนย์รวมในการตั้งขบวนแห่บั้งไฟ มีการประกวดขบวนเซิ้งบั้งไฟของแต่ละหมู่บ้านข่าวว่าเงินรางวัลก็หลายบาทอยู่ ประเพณีแบบนี้จะเน้นให้ทุกหลังคาเรือนมีส่วนร่วม โดยการออกเงินช่วยเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่นค่าชุดของนางรำ ค่าบั้งไฟที่จะนำไปจุด ค่าแต่งตัวของผาแดงนางไอ่ และอะไรอีกหลายอย่าง โดยที่ไม่ได้กำหนดว่าแต่ละหลังคาเรือนจะต้องออกเท่าไหร่ แล้วแต่ความพร้อมบ้านใหนที่ฐานะดีหน่อยก็ออกเยอะบ้านใหนที่ฐานะไม่ดีก็ออกตามกำลัง บ้านของฝนก็ออกช่วยด้วยเช่นกันผู้คนต่างหลั่งใหลมาจากทุกสารทิศเพื่อมาเที่ยวงานนี้โดยเฉพาะ ทั้งมาจากต่างอำเภอ หรือแม้กระทั่งมาจากต่างจังหวัดเพราะปีนี้เขาจัดยิ่งใหญ่จริง ๆ มีการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงจากหน่วยงานเทศบาลตำบลเพื่อเป็นการส่งเสริมและรณรง
ตื่นเช้าขึ้นมาทุกคนเตรียมพร้อมเต็มที่ ต่างแต่งตัวทะมัดทะแมงพร้อมที่จะไปดูการตัดอ้อย โดยเฉพาะคุณหญิงอมรรัตน์ที่ตื่นเต้นกว่าใคร ๆ เพราะไม่เคยเห็นการตัดอ้อยแบบใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน จะว่าไปตั้งแต่เกิดมาคุณหญิงไม่เคยสัมผัสชีวิตชาวไร่ชาวนาแบบนี้ ไม่ได้รังเกียจรังงอนแต่อย่างใดแต่ไม่มีโอกาสได้มาทำอะไรแบบนี้ต่างหากประมาณเก้าโมงเช้ารถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดก็ไปจอดที่ไร่อ้อยของเข้ม ซึ่งเพชรก็ได้นำเครื่องมือและอุปกรณ์ในการเก็บเกี่ยวอ้อยไปไว้และลงมือเก็บเกี่ยวไปบางส่วนแล้ว ฝนนำเครื่องดื่มชูกำลังไปแจกจ่ายให้คนงานทุก ๆ คนอย่างทั่วถึง พี่ดำกับพี่ขาวไปหาเก้าอี้ชายหาดกับร่มมาจากไหนไม่อาจทราบได้นำมาให้คุณวิกรณ์และคุณหญิงอมรรัตน์นั่ง"เออ..ดี ๆ ขอบใจมาก"คุณวิกรณ์บอกกับพี่ดำและพี่ขาวอย่างชอบใจ พร้อมกับหันไปชวนคุณหญิงอมรรัตน์ให้นั่งลงด้วย ฝนกับเข้มเดินไปคุยกับเพชรที่กำลังสั่งการกับคนขับรถตัดอ้อยอยู่ เมื่อเพชรคุยกับคนขับรถตัดอ้อยเรียบร้อยแล้ว คนงานคนนั้นก็ขึ้นประจำตำแหน่งและเริ่มลงมือขับรถไปตัดอ้อยทันที"น่าจะประมาณสามวันครับถึงจะเสร็จ"เพชรบอกกับเข้ม เขาพยักหน้า"งานนี้ผมให้เพชรจัดการได้เต็มที่เลย"เข้มย้ำกับเ
ไม่นานนักก็มาถึงบ้านของฝนซึ่งในตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว เมื่อมีรถมาจอดที่หน้าบ้านฝนก็รีบเดินออกไปต้อนรับแขกผู้มาเยือน ในคราแรกที่เธอสบตากับพ่อของเขาเธอตกใจแทบเป็นลม แต่ก็ได้สายตาอันอ่อนโยนของแม่ของเขาช่วยปลอบประโลม เข้มรีบเดินมาโอบไหล่เธอและแนะนำให้พ่อกับแม่ได้รู้จัก"แม่ครับพ่อครับนี่..ฝนแฟนของผม""สวัสดีค่ะคุณท่านทั้งสอง"ฝนยกมือไหว้ทั้งสองท่านอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาไม่เลว กิริยาท่าทางก็น่าเอ็นดูได้คะแนนจากคุณหญิงอมรรัตน์ไปไม่น้อย "อือ.."คุณวิกรณ์กล่าวคำออกมาแค่นั้นไม่พูดอะไรต่อ "เชิญนั่งก่อนค่ะ"ทั้งคุณหญิงและคุณวิกรณ์จึงนั่งลงที่แคร่หน้าบ้าน นางฉวีและตาสอนก็เดินออกมากล่าวคำทักทายทั้งสองคน บรรยากาศแม้จะดูแปลก ๆ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว ฝนกับน้อง ๆ จึงได้นำกับข้าวมาเสิร์ฟ ในตอนแรกตาสอนกับนางฉวีไม่กล้ากินข้าวร่วมวงกับคุณวิกรณ์และคุณหญิงอมรรัตน์แต่คุณวิกรณ์ก็เรียกให้ทั้งสองคนมากินข้าวร่วมกัน"ลูกชายของฉันมาสร้างความรำคาญให้พวกคุณไหม ?"ชวนคุยเพื่อลดความตึงเครียด เพราะดูแล้วนางฉวีกับตาสอนดูจะระวังตัวและเกร็งเหลือเกิน"บ่ ๆ จ้า" ( ไม่จ้า)คุณวิกรณ์รู้สึกว่าจะติดใจในรสชาด
Comments