เช้าวันถัดมา แสงแดดแรกของวันยังไม่ทันส่องเต็มฟ้ารถยนต์คันหรูของพรพระพายก็แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เธอเติบโตมา
หัวใจของเธอหนักอึ้งตลอดทางที่ขับกลับบ้าน และยิ่งหนักขึ้นเมื่อประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่น ท่าทางเงียบงันอย่างคนที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ พรพระพายวางกระเป๋าถือไว้ตรงประตู แล้วรีบเดินเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ” เสียงของเธอแม้จะนิ่ง แต่สั่นไหวอยู่ในทุกถ้อยคำ
“พาย” ผู้เป็นพ่อเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว ชายผู้เคยยิ่งใหญ่มั่นคง และเปี่ยมไปด้วยอำนาจ วันนี้กลับดูแก่ลงอย่างเห็นได้ชัดในเวลาเพียงไม่กี่วัน
“ป๊าขอโทษพายทุกอย่างมันผิดที่ป๊าบริหารพลาดเอง ป๊าไว้ใจผิดคนพลาดเรื่องการลงทุน แล้วตอนนี้บริษัทมันแบกรับหนี้ไว้ไม่ไหวแล้ว” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่มากพอจะทำให้หัวใจหญิงสาวเจ็บแปลบ หนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดแต่เกิดขึ้นมานานแล้ว เขาคิดว่าจะสามารถกูวิกฤตกลับมาได้แต่ทุกอย่างกลับแย่ลง
พรพระพายชะงักดวงตาร้อนผ่าว แต่ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลเธอเดินเข้าไปนั่งลงข้างพ่อ ก่อนจะโอบกอดทั้งพ่อและแม่ไว้แน่น
“ไม่เป็นไรค่ะป๊า” เสียงของเธอนุ่มแน่น มั่นคงกว่าทุกครั้ง
“แม่ขอโทษนะลูกที่ต้องทำให้หนูลำบาก” พลอยพระจันทร์รู้ว่าเลี้ยงลูกสาวมาอย่างดี สิ่งที่กลัวต่อจากนี้คือกลัวว่าลูกจะลำบาก
“เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ พายจะไม่หนีพายจะไม่ยอมให้บ้านหลังนี้พัง พายจะหาทางหาเงินมาใช้หนี้ให้ได้เอง”
ผู้เป็นแม่ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะภูมิใจลูกสาวที่ครั้งหนึ่งเธอเคยกังวลว่าเติบโตมาในสังคมฟุ้งเฟ้อ จะเข้าใจความทุกข์ยากได้หรือไม่ แต่วันนี้พรพระพายเข้มแข็งกว่าที่ใครคาดไว้
“ต่อให้เราหาเงินมาคืนเขาชาตินี้ไม่รู้จะหามาได้หรือเปล่า” พัทธ์ธรทำน้าเศร้าเมื่อก่อนเขาคิดว่าเงินแค่นี้นั้นเล็กน้อย พอมาวันนี้มันมากมายเหลือเกิน
“มันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“500 ล้าน”
“...” พรพระพายถึงกับพูดไม่ออกจำนวนนั้นมากมายเหลือเกินต่อให้ทำงานทุกวัน ตลอดทั้งปีก็น่าจะไม่ถึงร้อยล้านด้วยซ้ำไป
“เราหาเงินไม่ได้ในเร็วๆ นี้แน่”
“แล้วเราจะทำยังไงดีคะ”
พัทธ์ธรมองใบหน้าของลูกสาวเพียงคนเดียวที่หวงแหนที่สุดในชีวิต สิ่งมีค่าที่สุดคือลูกสาว เขารับไม่ได้หากพรพระพายจะตกไปอยู่ในมือของคนไม่รู้จักพอ
“คุณบอกลูกไปสิคะ”
“ป๊ายังบอกอะไรไม่หมดอีกคะ” เธอจับมือพ่อกับแม่ไว้แน่น
“คุณคะ เรายื้อเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” พลอยพระจันทร์เองก็คิดหนักไม่ต่างจากสามี อยากให้ลูกมีทางเดินของตัวเอง
“มีทางเดียวที่เราจะรอด...” เขาเงียบเพราะกำลังทำใจพูดออกไป
“พายยอมช่วยค่ะป๊าพูดมาเลย”
“พายต้องแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนพ่อ เดิมทีเรามีสัญญาการหมั้นหมายกันไว้แล้ว”
พรพระพายตกใจเพื่อนพ่อเธอไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าคนไหน และหมั้นหมายกับใครเธอต้องแต่งงานกับใคร น้ำตาไหลอาบแก้มเพราะการแต่งงานครั้งนี้คือคือการชดใช้หนี้สิน
พัทธ์ธรพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เดิมทีฝั่งนั้นจะมาขอลูกสาวตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วัยรุ่น แต่เขาขอร้องไว้ก่อนเพราะลูกสาวยังเด็กเกินไป และกลัวว่าฝ่ายนั้นจะดูแลพรพระพายไม่ดี
“เขาอยากให้พายแต่งงานกับลูกชายของเขาเพื่อแลกกับการจะยื่นมือเข้ามาช่วย”
“เขาคือใครคะบอกพายได้ไหม”
“คุณไทเกอร์ อิงปกรณ์ แลงคาสเตอร์”
พรพระพายเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเขาอยู่แต่ไม่เคยเจอหน้าจริงๆ จังๆ รู้ว่าอีกฝ่ายมีลูกชายและลูกสาว ไม่รู้มาก่อนว่าคุณพ่อมีเพื่อน
“แม่ไม่ได้บังคับ แม่อยากให้ลูกเลือกคนรักด้วยตัวเองเดิมทีเขาจะมาสู่ขอลูกตั้งอายุ 18 แต่พ่อกับแม่เลื่อนออกไปก่อน”
พรพระพายได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปเธอรู้ว่าที่ผ่านมาพ่อกับแม่รักเขาแค่ไหนไม่งั้นคงพูดเรื่องนี้ออก เพราะพวกท่านไม่เคยบังคับเธอเลย
“พาย...”
“พายขอเวลาคิดก่อนได้ไหมคะ” พูดคุยกับพ่อแม่สักพักจึงขอตัวขึ้นไปพักผ่อน โดยมีผู้จัดการเดินตามขึ้นไปด้วยทันทีที่อยู่ลำพัง จึงร้องไห้ออกมา
“เจ้ลี่คะพายจะทำยังไงดี” คนที่จะต้องแต่งงานด้วยหน้าตาเป็นแบบไหนก็ไม่รู้ กลัวว่าเขาจะเป็นคนไม่ดี
“พี่พยายามสืบหารูปแล้ว แต่ไม่มีรูปของไทเกอร์เลย เคยได้ยินมาว่าเป็นเจ้าพ่อมาเฟียอยู่ในตลาดมืด เรื่องผู้หญิงไม่ต้องพูดถึง” ลิลลี่พูดตามที่เคยได้ยินมา พ่อหน้าตาแบบไหนลูกก็หน้าตาคล้ายๆ แบบนั้น
“แล้วจะต้องแต่งอย่างเดียวเหรอ”
“เงินเยอะขนาดนั้นพายหาไม่ได้หรอกค่ะ ป๊ารักบ้านนี้รักบริษัทมากแค่ไหน” เธอทำไมถึงไม่เอาดีด้านบริหารธุรกิจ แต่เลือกที่จะใช้หน้าตาหาเงิน
“ก็ต้องแต่งบางทีเขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้”
“พายขอคิดดูก่อนนะคะ”
“เจ้กลับก่อนนะตอนเย็นแวะมารับมีงานอีเว้น 1 ชั่วโมง”
“ขอบคุณเจ้ลี่มากนะคะ”
หลังจากผู้จัดการกลับไปพรพระพายก็อยู่คนเดียวนั่นคือทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำไงกับเรื่องนี้ดีเธอรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้บังคับเธอแต่ถ้าเธอไม่ช่วยในเรื่องนี้เลยก็คงเหมือนเป็นลูกอกตัญญู
.
เสียงเพลงบรรเลงคลอภายในงานอีเว้นท์เปิดตัวน้ำหอมแบรนด์หรู
พรพระพายในเดรสสีไข่มุกผ่าเว้าหลังบางเบา ยืนอยู่บนเวทีจัดแสดงสินค้าภายใต้สปอตไลต์ เธอดึงดูดสายตาได้ทุกคู่ ไม่ใช่แค่เพราะความงาม แต่เพราะความมั่นใจในบทบาทของพรีเซนเตอร์ที่ต้องขายน้ำหอมกลิ่นใหม่สำหรับผู้ชายให้หมดภายในคืนนี้
เธอกวาดตามองหาชายหนุ่มที่ดูจะเหมาะกับบททดสอบนี้ ก่อนสายตาจะหยุดลงที่เขา
ชายหนุ่มในชุดสูทดำเรียบหรู แว่นดำซ่อนดวงตาเคร่งขรึม รอบตัวเขามีบอดี้การ์ดติดตามอยู่ไม่ห่าง และทุกก้าวเดินของเขาเงียบ แต่อบอวลไปด้วยแรงกดดัน
พรพระพายก้าวลงจากเวที ก่อนจะยกมือเรียกเขาไว้ด้วยรอยยิ้มเจือกล้า
“คุณคะขอลองเทสต์น้ำหอมกับคุณสักครู่ได้ไหมคะ”เสียงเธอนุ่ม
ชายหนุ่มหยุดเดินหันมาช้าๆ และแม้จะใส่แว่นดำ พรพระพายก็สัมผัสได้ถึงแรงจ้องบางอย่างที่เหมือนจะกวาดประเมินเธอทั้งตัว
หญิงสาวก้าวเข้าไปใกล้ ยกขวดน้ำหอมขึ้นฉีดละอองเบาๆ ลงบนข้อมือของเขา จากนั้นก็โน้มหน้าเข้าไปดมกลิ่นอย่างไม่เก้อเขิน
“กลิ่นนี้เหมาะกับคุณผู้ชายมากค่ะเข้มลึกลับน่าค้นหา และอันตรายนิดๆ” เธอยิ้มดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“ลองรับไปใช้ดูไหมคะหรือจะซื้อให้หมดเลยก็ได้”
น้ำเสียงของเธอทิ้งท้ายอย่างท้าทาย เจือความหวังไว้ลึกๆ เพราะคืนนี้เธอจำเป็นต้องปิดยอดขายให้หมด
เขากวาดสายตาจ้องมองเธอไม่หลุดภายใต้แว่นกันแดดสีดำ คนที่ถูกจ้องมองกลับไม่รู้เลยว่าเขากำลังมองทรวงอกที่โผล่พ้นเสื้อออกมาอย่างหยาบโลน
“เอ๊ะ หรือตาบอดมองเห็นไหมคะ” พรพระพายยกมือโบกไปมา เพราะเห็นว่าเขาไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาทำให้เธอผิดหวังเล็กน้อย
คนที่ถูกหาว่าเป็นคนตาบอดถึงกับอยากจะหักคออีกฝ่าย ลูกน้องที่ได้ยินกลั้นเสียงหัวเราะไว้จนตัวสั่นเทาไปหมด ชายหนุ่มยื่นมือเข้ากระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะหยิบแบล็กการ์ดขึ้นมาชู
“เหมา” น้ำเสียงเรียบและหงุดหงิดเล็กน้อย จนทุกคนรอบข้างเงียบกริบ
เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบห้องทันที
“ใครน่ะ”
“เหมาหมด จริงเหรอ?”
“เขาเป็นใคร ทำไมใช้แบล็กการ์ด”
พรพระพายชะงักเล็กน้อย ขณะรับบัตรไว้ในมือหัวใจเธอเต้นแรงไม่ใช่แค่เพราะยอดขาย แต่เพราะแววตาใต้กรอบแว่นดำที่มองเธอมาเมื่อครู่
มันน่ากลัวและในขณะเดียวกันน่าดึงดูดจนเธอไม่อาจละสายตา เขาแค่ส่งรอยยิ้มมุมปากก่อนจะหมุนตัวกลับเดินจากไปช้าๆ พร้อมผู้ติดตาม
“พายผู้ชายคนนั้นใครอ่ะ” ลิลลี่ถามเพราะดูมีมนต์ขลังมาก สะกดทุกสายตาหล่อเท่
“ผู้พิการทางสายตาค่ะคนอะไรจะใส่แว่นดำเดินกลางห้าง”
“เสียดายหน้าตาและความหล่อ”
“พายเหนื่อยแล้วค่ะเรากลับกันดีกว่า”
อีกด้านไทเกอร์ถอดแว่นดำเขวี้ยงดำแบบไม่เสียดายราคา ต่อให้ราคาแพงแค่ไหนเขาก็มีปัญญาซื้อ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจคือเสียงหวานๆ ของอีกฝ่าย
“นายน้อยครับ”
“แม่ง! หาว่ากูเป็นคนตาบอดเอาตาหรือตีนมอง” ไทเกอร์หงุดหงิดฟาดงวงฟาดงา จนลูกน้องต่างพากันเงียบไม่มีใครกล้าปริปากพูด
“คุณหนูอาจจะไม่รู้ก็ได้ครับ”
“ไม่ต้องมาเรียกคุณหนู ยัยเด็กบ้านั่นทำให้กูอับอายมา 2 รอบแล้ว” หากมีครั้งต่อไปอย่าหาว่าเขาไม่เตือน ครั้งแรกว่าอายแล้ว ครั้งนี้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายน่าอับอายยิ่งกว่า
“เราจะไปไหนครับ”
“ไปหาพ่อกูมั้ง ไปลากไอ้เหี้ยชาติมากูจะฉีกเนื้อมันเป็นชิ้นๆ เอง” แววตาของเขาดุร้ายราวกับเสื้อคลั่ง คนที่ทรยศหักหลังเขาไม่ปล่อยไว้แน่
“พรุ่งนี้นายใหญ่สั่งให้นายน้อยกลับบ้านครับ” พายุพูดตามที่ได้รับคำสั่งมา
“กูไม่กลับไม่ว่าง”
“แต่นายหญิงอัญญาสั่งให้กลับครับ ถ้าไม่กลับจะ...”
“พอ! ไม่ต้องพูด”
ดวงตาของไทเกอร์อ่อนลงทันทีที่ได้ยินชื่อของคนเป็นแม่ ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขากลัวคือ แม่อัญญา พ่อของเขาเก่งแต่ปากเอาเข้าจริงก็หวาดเกรงแม่ไม่ต่างกัน ในบ้านหลังนั้นคนที่มีอำนาจเหนือทุกลมหายใจคือแม่ของเขา
เสียงร้องไห้ลั่นบ้านดังแข่งกันราวกับวงดนตรีประสานเสียงยามบ่าย เสียงเด็กน้อยร้องลั่นพร้อมกันจนทำให้คนเป็นพ่อที่ได้ยินถึงกับตกใจ“แง๊งงงงงงงงงงง!!”“อ๊าาาาาาาา!!”ไทเกอร์รีบวิ่งพรวดเข้ามาในห้องนอนลูก เห็นภาพลูกชายฝาแฝดวัยหนึ่งขวบร้องพร้อมกันจนหน้าแดงก่ำ เขารีบอุ้มคนพี่ขึ้นมาก่อน น้องไทก้าตัวโยนเกาะคอพ่อไว้แน่นร้องเสียงดังไม่ยอมเงียบแม้แต่วินาทีเดียว“โอ๋ๆๆๆ ไทก้าใจเย็นลูก ใจเย็นนะครับ” ไทเกอร์พยายามกล่อม แต่เสียงร้องกลับยิ่งดังขึ้นเหมือนตั้งใจแข่งกับพ่อขณะเดียวกัน น้องจากัวร์ที่นอนอยู่ในเปลก็ไม่ยอมแพ้ ร้องจ้าตามพี่ชายน้ำตาคลอจนแก้มเปียกชุ่มไปหมดเขาถึงกับปวดขมับยกมืออีกข้างกุมหัวตัวเอง นี่มันนรกดนตรีเสียงเด็กเวอร์ชันฝาแฝดชัดๆ ไม่น่าอยากได้ลูกหลายคนเลย เหมือนสวรรค์จะได้ยินในสิ่งที่เขาพูดส่งลูกชายมาพร้อมกันถึงสองคน“โธ่เมียจ๋าช่วยพี่ที!!” เสียงทุ้มตะโกนลั่นบ้านเหมือนขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน เขาพยายามโยกตัวปลอบ แต่ยิ่งอุ้มไทก้าเสียงก็ยิ่งแหลมสูงขึ้น ส่วนจากัวร์ก็กระแทกเปลเหมือนประท้วงว่า ไม่ยอมให้พ่ออุ้มแต่พี่คนเดียว สุดท้ายไทเกอร์ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนบ่นเสียงอ่อย “ให้ตายเถอะจะไปทำหมันเ
บนโซฟาหนังสีเข้มกลางห้องรับแขก ชายหนุ่มร่างสูงที่เคยชินกับการเป็นมาเฟีย กลับต้องนอนพาดแขนอย่างหมดแรงเพราะกำลังถูกเจ้านายตัวน้อยเล่นงานอยู่“อื้อออ ทิกเกอร์...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแผ่วๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อร่างเล็กวัย 10 เดือนของน้องทิกเกอร์ กำลังปีนป่ายจากท้องพ่อขึ้นไปบนอกอย่างเอาเป็นเอาตายสองมือเล็กเกาะเสื้อพ่ออย่างมั่นคง ก่อนจะหัวเราะคิกคัก แล้วลงไปนั่งเต็มแรงบนหน้าไทเกอร์พอดี“โอ๊ยยย ลูกกก! นั่นหน้าป๊านะไม่ใช่เบาะเด้งดึ๋งสักหน่อย” แต่เจ้าเด็กน้อยกลับหัวเราะลั่น น้ำลายยืดเล็กๆ หยดลงบนแก้มพ่อเหมือนของฝากพิเศษไทเกอร์นอนตัวเกร็งไม่กล้าขยับแรง กลัวลูกจะหงายหลังตกไป เจ็บแค่ไหนก็ต้องทน ทั้งที่ในใจได้แต่พร่ำบ่นเรียกชื่อภรรยาซ้ำๆ“พายเมื่อไหร่จะกลับมา ซื้อของนี่นานจังเลยใจพี่จะขาดแล้วเนี่ย” เขายอมรับคนที่เลี้ยงลูกเองยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นคนที่เกร็งมากทิกเกอร์ยังคงหัวเราะคิกๆ พลางกระดึ๊บตัวขึ้นไปนั่งคร่อมหน้าพ่ออีกครั้ง คราวนี้ถึงกับดีดขาเล็กๆ เหมือนจะกระโดดต่อย้ำๆ“โธ่เว้ยป๊าเป็นมาเฟียที่ใครๆ ก็เกรงขาม ทำไมวันนี้ถึงต้องมาถูกลูกชายจับกดอยู่บนหน้าแบบนี้นะ” เขาพึมพำในใจอย่างปลงตกสุดท้าย
เมื่อกลับมาถึงบ้านพรพระพายสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินเข้าไปแล้วโผกอดเขาแน่นเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมือความรู้สึกนี้จะหายไป“หายไม่คิดเลยว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แขนแข็งแรงของเขาคลายความเกร็งลง กอดตอบเธอแน่นขึ้น ความเงียบแผ่วผ่านไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นข้างหู“ต้องเป็นพี่มากกว่าที่ต้องพูดประโยคนั้น” เขาเอ่ยช้าๆ ราวกับกลั่นออกมาจากหัวใจ พรพระพายเงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่สวยพราวด้วยน้ำตาแต่เต็มไปด้วยความสุข“พี่จะไม่สัญญา เพราะสัญญามันอาจไม่มีค่าอะไรเลย แต่พี่จะทำให้พายเห็นด้วยตาของพายเอง ว่าพี่รักพายมากแค่ไหน และพี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้พายเสียใจอีก” ไทเกอร์ยกมือขึ้นลูบแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากอย่างแผ่วอ่อน“พายรักพี่ไทเกอร์นะคะ”ไทเกอร์โน้มตัวลงช้าๆ ปลายนิ้วสากประคองใบหน้าหญิงสาวให้แหงนรับสัมผัส ก่อนริมฝีปากร้อนจะกดลงบนกลีบปากนุ่มของพรพระพายจูบครั้งนี้ไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น เขาต้องการบอกทุกสิ่งผ่านสัมผัสเดียวว่ารักและหวงแค่ไหน เธอเผลอหลับตารับความอบอุ่นนั้นอย่างเต็มหัวใจ“เอ่อ...นายน้อยครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหว
พรพระพายนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงมาตลอดทั้งคืน ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้และไม่ได้นอน แต่เธอไม่แม้แต่จะกะพริบตานานๆ เพราะกลัวจะพลาดช่วงเวลาที่เขาฟื้นกระทั่งนิ้วมือหนาที่วางอยู่บนเตียงขยับเล็กน้อย เปลือกตาของไทเกอร์ค่อยๆ เปิดขึ้นดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งแม้จะอ่อนแรงจากบาดแผลก็ยังคงเหมือนเดิม“พาย” เสียงแหบพร่าดังขึ้นแผ่วเบาพรพระพายชะงักหันขวับไปมอง พอเห็นเขาลืมตา น้ำตาก็ไหลพรากทันทีร่างบางโผเข้าหา จับมือหนาขึ้นมากุมแน่น“พี่ไทเกอร์! ฮึก พี่ฟื้นแล้วพายกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพี่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีก” เสียงของเธอสะอื้นปนสั่น เธอก้มลงซบอกเขาอย่างไม่อายใครน้ำตาเปียกซึมเสื้อคนเจ็บแม้ร่างกายยังอ่อนแรง แต่ไทเกอร์ก็พยายามยกมืออีกข้างขึ้นลูบเส้นผมของเธอช้าๆ สายตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความห่วงใย“ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วพี่อยู่ตรงนี้แล้วพายทำไมไม่กลับบ้านแล้วเจ้าตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง”“ลูกปลอดภัยดีค่ะ”“ทุกอย่างเป็นเพราะพาย ถ้าไม่ใช่เพราะพายพี่คงไม่ต้องมาเจ็บหนักแบบนี้”ไทเกอร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนบีบมือเธอเบาๆ ดวงตาคมแน่วแน่เต็มไปด้วยความจริงจัง“ฟังพี่นะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพาย คนที่ผิดคือไอ้พว
แสงอาทิตย์ยามเย็นคล้อยต่ำท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจาก ถนนที่พรพระพายขับรถกลับบ้านมีเพียงรถวิ่งสวนมาเป็นระยะๆ หญิงสาวเพิ่งแยกจากเพื่อนสนิทและตั้งใจจะรีบกลับไปพักผ่อน แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้สึกถึงสายตาที่มองตามมาเธอสังเกตผ่านกระจกมองหลัง รถกระบะสีดำคันหนึ่งขับตามมาติดๆ ระยะห่างไม่มากนักหัวใจของพรพระพายเริ่มเต้นแรงขึ้น“หรือเราคิดไปเอง” เธอพยายามปลอบตัวเอง แต่เมื่อเลี้ยวเข้าซอยรถคันนั้นก็เลี้ยวตามเธอใจหายวาบ ความรู้สึกไม่ปลอดภัยท่วมท้นพรพระพายเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว พยายามหาทางหนี แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถอีกคันพุ่งตัดหน้าอย่างจงใจ เธอตกใจจนแทบหยุดหายใจรีบเหยียบเบรกสุดแรง ล้อเสียดสีกับพื้นถนนดังเอี๊ยดกลิ่นไหม้ลอยขึ้นมา รถหยุดลงได้อย่างหวุดหวิดมือเรียวสั่นเทากำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด หัวใจเต้นโครมครามพรพระพายพยายามตั้งสติ ก่อนรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไปหาเพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจ“คุณไทเกอร์ ฮึก ช่วยพายด้วย...” เสียงของเธอสั่นเครือแทบขาดใจ“อยู่ไหน ตอนนี้พายอยู่ตรงไหน บอกมาเดี๋ยวนี้!” ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนตามมาด้วยเสียงทุ้มจริงจังเธอรีบแจ้งตำแหน่งด้วยเสียงสะอื้น ไ
ค่ำคืนที่เงียบสงัดบรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ไทเกอร์นั่งอยู่หน้าบ้านไม่ยอมไปไหน ดวงตาคมจับจ้องไปยังประตูเหมือนเฝ้ารอใครบางคนอย่างไม่ยอมแพ้พรพระพายยืนนิ่งอยู่หลังบานประตูไม้ เธอสูดหายใจเข้าลึก ความลังเลปนความเจ็บปวดกดทับอยู่เต็มอก สุดท้ายก็ตัดสินใจบิดกลอนออกมา เธอก้าวออกไปช้าๆ แววตานิ่งสงบแต่ภายในกลับสั่นคลอน “พาย...”“ที่พายขอหย่า มันแปลว่าพายไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรจากคุณอีกแล้ว ขอแค่คุณยอมปล่อยพายไปโดยดีแค่นั้นพอ” เธอเอ่ยเสียงเรียบแต่ภายในหัวใจนั้นเจ็บปวดแค่ไหนหัวใจของไทเกอร์สะท้านเขาก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว ดวงตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว“พายพี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม ที่ผ่านพี่มันละ...” เสียงทุ้มต่ำแฝงความสั่นเครือ พูดไม่ทันถูกหญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียก่อน“พายไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว พายไม่เข้าใจทำไมต้องรักผู้ชายแบบคุณด้วย” คำตอบของเธอเหมือนคมมีดกรีดลึกลงในหัวใจไทเกอร์ พรพระพายหลับตาแน่นหยดน้ำใสเอ่อคลอ เธอส่ายหน้าเบาๆ“พายพี่...”“คุณอย่าทำเหมือนรักได้ไหมพายเจ็บ ฮือ” เธอร้องไห้โฮ เพราะการกระทำของเขาเขานิ่งร