ไทเกอร์นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้หนังแท้ สีดำเข้ากับบุคลิกดุดันของเขา แสงไฟสลัวทำให้รอยสักใต้ปลายแขนเสื้อดูน่ากลัวกว่าปกติ สายตาคมกริบดั่งเหยี่ยวไล่ไถ่ตัวเลขบนกระดาษบัญชี รายได้ของกาสิโนประจำเดือน ไม่มีอะไรหลุดจากสายตาเขาได้
ติ๊ง... ติ๊ง...
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแผ่วเบา หน้าจอส่องแสงวูบวาบ แต่เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองปล่อยให้เสียงนั้นดังไปอย่างน่ารำคาญ
“จะโทรอะไรนักหนา” เขาสบถเบาๆ ในลำคอ ขณะยังจดจ่ออยู่กับตัวเลขตรงหน้า ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดอย่างนอบน้อม ร่างสูงของมือขวาคนสนิทของไทเกอร์ ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“นายน้อยครับ...” เขาเดินตรงเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์อีกเครื่องให้ แต่ไทเกอร์ไม่รับปรายตามอง
“บอกนายใหญ่ไปว่าฉันไม่ว่าง!” เจ้าพ่อมาเฟียถอนหายใจหนักๆ ราวกับถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ขัดใจ
“แต่...”
“ไทเกอร์นี่แม่เอง! ไม่ใช่ป๊า” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ผู้หญิงที่เขากลัวที่สุดคือแม่
“ครับคุณแม่ ผมคิดถึงที่สุดเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นอกจากแม่ก็มีน้องสาวที่เขารักมากที่สุด รองลงมาก็เป็นพ่อที่ไม่ค่อยถูกกับเขาเท่าไรนัก
“ไทเกอร์กลับบ้านเดี๋ยวนี้เป็นคำสั่ง”
“ครับผมจะกลับ...” เขายังพูดไม่ทันจบแม่ก็รีบพูดขึ้นมาเสียก่อน
“กลับตอนนี้!!” นี่เป็นคำสั่งสูงสุดที่เขาต้องทำและต้องทำเดี๋ยวนั้น ไม่มีใครขัดใจนายหญิงได้สักคนแม่แต่ไลอ้อนที่แพ้ราบคาบ
“ไม่เกิน 1 ชั่วโมง” เขาปิดแฟ้มเอกสารยืนขึ้นเต็มความสูง ใบหน้ามีหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร
“ผมเตรียมรถไว้รอแล้วครับ” พายุรู้ใจเจ้านาย
“หึ แค่ผู้หญิงคนเดียวจะอะไรนักหนา” เขาเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
พรพระพายเดินลงบันไดด้วยฝีเท้าแผ่วเบา ดวงตาคู่งามคล้ำลึก ใบหน้าอิดโรยจนแม่บ้านยังแอบมองด้วยความสงสาร เธอแทบไม่ได้นอนเลยตลอดคืนที่ผ่านมา เพราะคำพูดของพ่อกับแม่ยังดังก้องอยู่ในหัว
เธอกำชายเสื้อแน่นหัวใจปวดหนึบ แต่ขากลับก้าวเดินต่ออย่างนิ่งเฉย แม่ของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร
“พายจะแต่งงานค่ะ...” เสียงเธอแผ่วเบาแต่ชัดเจนคนเป็นแม่ถึงกับชะงัก มองหน้าลูกสาวด้วยความตกตะลึง
“พายลูกพูดจริงเหรอ?” พัทธ์ธรรู้สึกอับอายที่ต้องให้ลูกสาวเพียงคนเดียวช่วยแก้ปัญหา
“ถือว่าเป็นการใช้หนี้ และช่วยทุกคนให้พ้นวิกฤต” เพราะถ้าไม่ใช่เธอใครจะทำ ถ้าไม่ใช่ทางนี้ครอบครัวจะอยู่กันอย่างไร
แม้ต้องแลกด้วยอิสระแม้ต้องผูกชีวิตไว้กับชายแปลกหน้าที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยม เธอก็จะยอมแม้จะต้องจมอยู่ในขุมนรกที่ชื่อว่าการแต่งงานตลอดชีวิตก็ตาม
รถซีดานสีดำแล่นเข้ามาจอดในคฤหาสน์แลงคาสเตอร์ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย
“คุณแม่อยู่ไหน” เขาถามเสียงนิ่งกับลูกน้องที่เข้ามาต้อนรับ
“ที่ห้องนั่งเล่นครับ”
ชายหนุ่มเดินตรงไป ไม่แสดงท่าทีลังเลแม้แต่น้อย ประตูไม้สักถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่กลางห้องอย่างสง่างาม
“คิดถึงแม่อัญญาที่สุดเลยครับ” เขาโผล่เข้ากอดแม่ซึ่งเป็นแบบนี้ประจำ จนคนในบ้านเห็นภาพนี้จนชินตา
“คิดถึงแต่ไม่ยอมกลับบ้านเลยนะไปติดสาวที่ไหนมา” อัญญาลูบศีรษะลูกชายด้วยความเอ็นดู แม้ลูกชายจะอายุเข้าเลขสามแล้ว แต่ยังเป็นเด็กในสายตาคนเป็นแม่เสมอ
“คิดถึงแต่เมียป๊า ไม่คิดถึงป๊าเหรอไอ้เสือ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น สายตาจ้องมองลูกชาย
“ได้ยินเสียงป๊าจนผมหลอนขึ้นสมองแล้ว”
“ไอ้นี่นิสัยตั้งแต่เล็กจนโตไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” มันเถียงเขาทุกคำ ตอนเกิดมาก็ไม่ชอบให้เขาอยู่ใกล้
“มีเรื่องอะไร เรียกผมมาถึงนี่” ไทเกอร์เอ่ยเรียบๆ นั่งลงตรงข้ามพ่อโดยไม่ทันปลดกระดุมสูท
ไลอ้อนแต่หยิบซองเอกสารบนโต๊ะขึ้นมา แล้วดึงภาพถ่ายหนึ่งใบยื่นให้ ไทเกอร์รับมาอย่างเสียไม่ได้ สายตาเย็นชากวาดมองเพียงครู่ แล้วคิ้วเข้มก็กระตุกเล็กน้อย
หญิงสาวในภาพดวงตากลมโตผิวขาวซีด ใบหน้าสวยแบบไม่ประดิษฐ์ และเขาจำเธอได้พรพระพายเสียงเข้มของผู้เป็นพ่อดังขึ้นขัดความเงียบ
“น้องคือเจ้าสาวของลูก หนูพายลูกสาวของเพื่อนป๊าเอง น้องน่ารักใช่ไหมลูก”
ห้องทั้งห้องเหมือนเงียบลงชั่วขณะ ก่อนที่ไทเกอร์จะหัวเราะในลำคออย่างไม่เชื่อหู
“ล้อเล่นเหรอครับอยู่จะให้ผมแต่งงานกับใครก็ไม่รู้” น้ำเสียงเขาเย็นยะเยือก ดวงตาจ้องมองภาพถ่ายพร้อมหัวเราะเบาๆ
“นี่ไม่ใช่การขอความเห็นนี่คือคำสั่งไทเกอร์” ไลอ้อนเอนหลังพิงพนัก เก็บมือไขว้ไว้บนหน้าตัก
“ผมไม่เคยอยู่ใต้คำสั่งใครแม้แต่ป๊า” แววตาของไทเกอร์คมขึ้นทันที
“ครั้งนี้ลูกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
ไทเกอร์กัดฟันแน่น มองภาพในมืออีกครั้งพรพระพาย ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยกล้าปฏิเสธเขา และตอนนี้จะกลายมาเป็นภรรยาโดยไม่เต็มใจของเขาเองดวงตาเขามืดดำราวกับพายุที่กำลังตั้งเค้า
“ไทเกอร์ฟังแม่นะตอนนี้หนูพายเขาน่าส่งสาร อีกอย่างเราก็มีสัญญาหมั้นหมายกัน” อัญญาไม่อยากบังคับลูกชายเพราะรู้นิสัยของลูกตัวเองดี
“หมั้นหมาย ใครรับหมั้นก็ไปแต่งงานกับคนนั้นสิครับ ป๊ารับหมั้นใช่มั้ย นั้นแต่งงานแทนผมเลย”
“ไอ้เสือ! น้องอายุเพิ่งจะเข้าเลขสองไม่กี่ปีเองฉันไม่นิยมชอบเด็ก” ไลอ้อนสวนขึ้นทันควัน
“ตอนนั้นแม่ก็เด็กพ่อยังเอาจนท้องเลย”
“แกยอกย้อนฉันเหรอ”
“พอทั้งสองคนเลย!” อัญญาเข้ามาห้ามก่อนที่เรื่องจะบานปลาย สองพ่อลูกเขาไม่ยอมกันอยู่แล้ว
“ไทเกอร์ลูกยังมีเวลาคิดอีก ถ้าเจอน้องจะรู้ว่าน้องสวยมาก”
“ผู้หญิงหากินด้วยการขายร่างกายนั่นเหรอครับ”
“น้องเป็นนางแบบลูก”
“มันต่างกันตรงไหนครับ โชว์เนื้อตัวให้ผู้ชายดูครอบครัวเขาก็คนมีเงินนี่มันการขายลูกกินชัดๆ” เขาพูดออกมาด้วยอารมณ์คุกรุ่น เสียงคำรามต่ำลอดผ่านไรฟันของไทเกอร์ ดวงตาเขาวาวโรจน์ด้วยความโกรธเกรี้ยว และลุกขึ้นเต็มความสูงความเอาแต่ใจปรากฏชัดเจน
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือหนักของไลอ้อนฟาดลงที่ใบหน้าลูกชายอย่างไม่ลังเล ห้องทั้งห้องเงียบลงทันที ร่างสูงของไทเกอร์เซไปนิด ก่อนจะหันกลับมาช้าๆ ดวงตาเย็นจัดแทบจะแช่แข็งคนทั้งห้องได้
“พี่ไลอ้อนทำไมถึงตบลูกแบบนั้น” อัญญารีบเข้าไปห้าม เธอเคยสั่งไม่ให้เขาตีลูกเพราะตอนสมัยที่ไทเกอร์เรียนมัธยมก็เคยมีปากเสียงกับไลอ้อน ถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน
“อย่าให้ฉันได้ยินคำนี้จากปากแกอีกไทเกอร์” เสียงของหัวหน้าตระกูลดุดันและเฉียบขาด
“เลี้ยงลูกเอาแต่ใจแบบนี้ไงมันถึงพูดไม่ให้เกียรติคนอื่น” ไลอ้อนชี้หน้าลูกชาย
ไทเกอร์หายใจแรงสีหน้าตึงเครียด มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น พรพระพายทำให้เขาดูแย่ในสายตาคนอื่น
“ผมไม่แต่ง!” เขาตอบกลับเสียงต่ำอย่างหนักแน่น
“ฉันจะสั่งให้คนกำจัดไอ้พยัคฆ์ทิ้งซะ! อย่าคิดจะสู้กับฉัน” เขายื่นคำขาด
“พี่ไลอ้อน” อัญญาเริ่มเสียงแข็งใส่สามี
“นี่เป็นเรื่องของลูกผู้ชายนะเมียจ๋า” เขาพูดเสียงอ่อนโยน
“อย่าทำอะไรไอ้พยัคฆ์นะ”
พยัคฆ์คือสิงโตเพศผู้ที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่มันยังไม่หย่านมแม่เขากับมันผูกพันกันมาก เพราะแม่ไอ้พยัคฆ์โดนกลุ่มคนร้ายไล่ล่าหวังจะเอาลูกสิงโตมาประมูล และเขาเห็นเหตุการณ์จึงช่วยไว้ได้ทัน เขาเสียเงินมหาศาลเพื่อนำมันกลับประเทศไทยด้วย ตอนนี้สามปีแล้วที่อยู่ด้วยกันมา
“สามวันไปตัดสินใจซะ!”
ไลอ้อนลากอัญญาออกมาปล่อยให้ลูกตัดสินใจในสิ่งที่พวกเขาขอ เขามั่นใจว่ายังไงไทเกอร์ต้องรักพรพระพายแน่นอน เขามองคนไม่ผิด
เสียงประตูเซฟเฮาส์เปิดกระแทกอย่างรุนแรง ร่างสูงใหญ่ของมาเฟียหนุ่มก้าวเข้ามาด้วยอารมณ์เดือดดาล ดวงตาคมกริบคล้ายสัตว์ป่าที่กำลังขาดสติ
เพล้ง!!
แก้ววิสกี้ในมือถูกเขวี้ยงลงพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง เศษแก้วกระเด็นกระดอนบนพื้นหินเย็น
“พรพระพาย อะไรก็มีแต่ชื่อนี้!” เขากัดฟันแน่นเอ่ยชื่อของผู้หญิงคนนั้นออกมาอย่างเกลียดชัง เสียงต่ำของเขากระชากออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“อยากเล่นกับไฟใช่ไหม งั้นฉันจะแผดเผาเธอให้ตายทั้งเป็น!”
เสียงฝีเท้าหนักของใครบางคนดังขึ้นที่ด้านหลัง แจ็คสันมือขวาอีกคนของไทเกอร์เดินเข้ามาโดยไม่พูดมาก เขากดรีโมตเปิดกรงเหล็กหนักด้านในเซฟเฮาส์
เสียงขูดกรงดังขึ้นเบาๆ ก่อนร่างมหึมาจะก้าวออกมาอย่างสง่างาม สิงโตเพศผู้ร่างใหญ่ขนคอสีน้ำตาลทองพองฟู ดวงตาสีอำพันจ้องเขม็งแต่เชื่องเฉพาะกับเจ้าของมันเพียงคนเดียว
ไทเกอร์เดินเข้าไปหาเจ้าสิงโตราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งหยิบเนื้อสดชิ้นใหญ่โยนให้ พยัคฆ์ขบเนื้อในอุ้งเท้าท่ามกลางความเงียบ
ไทเกอร์ทรุดตัวลงนั่งข้างกรงลูบขนหนาหนักของมันเบาๆ ขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“มีแต่แกที่ไม่เคยทรยศฉัน” เขาพึมพำ
เสียงคำรามต่ำของพยัคฆ์ดังขึ้นราวกับเข้าใจ มันมองเจ้านายด้วยแววตาเดียวกับไทเกอร์เขาหลับตาลง แต่ภายในสมองกลับมีแต่ใบหน้าเธอคนนั้น
“เจ้านายของผมอยากทำความรู้จักกับคุณผู้หญิงครับ”
“ไปบอกเขาค่ะว่าฉันมาทำงานไม่ได้รักความสบายถึงต้องขายตัว ครอบครัวก็มีเงินไม่จำเป็นต้องขายร่างกายให้ใคร!”
เขาเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วหัวเราะเบาๆ ใครจะไปเชื่อว่าเขาเคยหลอกล่อเด็กอายุสิบแปด แต่เธอไม่เล่นด้วยเขาไม่แน่ใจว่าพรพระพายจะจำเขาได้หรือไม่
เสียงร้องไห้ลั่นบ้านดังแข่งกันราวกับวงดนตรีประสานเสียงยามบ่าย เสียงเด็กน้อยร้องลั่นพร้อมกันจนทำให้คนเป็นพ่อที่ได้ยินถึงกับตกใจ“แง๊งงงงงงงงงงง!!”“อ๊าาาาาาาา!!”ไทเกอร์รีบวิ่งพรวดเข้ามาในห้องนอนลูก เห็นภาพลูกชายฝาแฝดวัยหนึ่งขวบร้องพร้อมกันจนหน้าแดงก่ำ เขารีบอุ้มคนพี่ขึ้นมาก่อน น้องไทก้าตัวโยนเกาะคอพ่อไว้แน่นร้องเสียงดังไม่ยอมเงียบแม้แต่วินาทีเดียว“โอ๋ๆๆๆ ไทก้าใจเย็นลูก ใจเย็นนะครับ” ไทเกอร์พยายามกล่อม แต่เสียงร้องกลับยิ่งดังขึ้นเหมือนตั้งใจแข่งกับพ่อขณะเดียวกัน น้องจากัวร์ที่นอนอยู่ในเปลก็ไม่ยอมแพ้ ร้องจ้าตามพี่ชายน้ำตาคลอจนแก้มเปียกชุ่มไปหมดเขาถึงกับปวดขมับยกมืออีกข้างกุมหัวตัวเอง นี่มันนรกดนตรีเสียงเด็กเวอร์ชันฝาแฝดชัดๆ ไม่น่าอยากได้ลูกหลายคนเลย เหมือนสวรรค์จะได้ยินในสิ่งที่เขาพูดส่งลูกชายมาพร้อมกันถึงสองคน“โธ่เมียจ๋าช่วยพี่ที!!” เสียงทุ้มตะโกนลั่นบ้านเหมือนขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน เขาพยายามโยกตัวปลอบ แต่ยิ่งอุ้มไทก้าเสียงก็ยิ่งแหลมสูงขึ้น ส่วนจากัวร์ก็กระแทกเปลเหมือนประท้วงว่า ไม่ยอมให้พ่ออุ้มแต่พี่คนเดียว สุดท้ายไทเกอร์ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนบ่นเสียงอ่อย “ให้ตายเถอะจะไปทำหมันเ
บนโซฟาหนังสีเข้มกลางห้องรับแขก ชายหนุ่มร่างสูงที่เคยชินกับการเป็นมาเฟีย กลับต้องนอนพาดแขนอย่างหมดแรงเพราะกำลังถูกเจ้านายตัวน้อยเล่นงานอยู่“อื้อออ ทิกเกอร์...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาแผ่วๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อร่างเล็กวัย 10 เดือนของน้องทิกเกอร์ กำลังปีนป่ายจากท้องพ่อขึ้นไปบนอกอย่างเอาเป็นเอาตายสองมือเล็กเกาะเสื้อพ่ออย่างมั่นคง ก่อนจะหัวเราะคิกคัก แล้วลงไปนั่งเต็มแรงบนหน้าไทเกอร์พอดี“โอ๊ยยย ลูกกก! นั่นหน้าป๊านะไม่ใช่เบาะเด้งดึ๋งสักหน่อย” แต่เจ้าเด็กน้อยกลับหัวเราะลั่น น้ำลายยืดเล็กๆ หยดลงบนแก้มพ่อเหมือนของฝากพิเศษไทเกอร์นอนตัวเกร็งไม่กล้าขยับแรง กลัวลูกจะหงายหลังตกไป เจ็บแค่ไหนก็ต้องทน ทั้งที่ในใจได้แต่พร่ำบ่นเรียกชื่อภรรยาซ้ำๆ“พายเมื่อไหร่จะกลับมา ซื้อของนี่นานจังเลยใจพี่จะขาดแล้วเนี่ย” เขายอมรับคนที่เลี้ยงลูกเองยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นคนที่เกร็งมากทิกเกอร์ยังคงหัวเราะคิกๆ พลางกระดึ๊บตัวขึ้นไปนั่งคร่อมหน้าพ่ออีกครั้ง คราวนี้ถึงกับดีดขาเล็กๆ เหมือนจะกระโดดต่อย้ำๆ“โธ่เว้ยป๊าเป็นมาเฟียที่ใครๆ ก็เกรงขาม ทำไมวันนี้ถึงต้องมาถูกลูกชายจับกดอยู่บนหน้าแบบนี้นะ” เขาพึมพำในใจอย่างปลงตกสุดท้าย
เมื่อกลับมาถึงบ้านพรพระพายสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเดินเข้าไปแล้วโผกอดเขาแน่นเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมือความรู้สึกนี้จะหายไป“หายไม่คิดเลยว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แขนแข็งแรงของเขาคลายความเกร็งลง กอดตอบเธอแน่นขึ้น ความเงียบแผ่วผ่านไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะดังขึ้นข้างหู“ต้องเป็นพี่มากกว่าที่ต้องพูดประโยคนั้น” เขาเอ่ยช้าๆ ราวกับกลั่นออกมาจากหัวใจ พรพระพายเงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่สวยพราวด้วยน้ำตาแต่เต็มไปด้วยความสุข“พี่จะไม่สัญญา เพราะสัญญามันอาจไม่มีค่าอะไรเลย แต่พี่จะทำให้พายเห็นด้วยตาของพายเอง ว่าพี่รักพายมากแค่ไหน และพี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้พายเสียใจอีก” ไทเกอร์ยกมือขึ้นลูบแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากอย่างแผ่วอ่อน“พายรักพี่ไทเกอร์นะคะ”ไทเกอร์โน้มตัวลงช้าๆ ปลายนิ้วสากประคองใบหน้าหญิงสาวให้แหงนรับสัมผัส ก่อนริมฝีปากร้อนจะกดลงบนกลีบปากนุ่มของพรพระพายจูบครั้งนี้ไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น เขาต้องการบอกทุกสิ่งผ่านสัมผัสเดียวว่ารักและหวงแค่ไหน เธอเผลอหลับตารับความอบอุ่นนั้นอย่างเต็มหัวใจ“เอ่อ...นายน้อยครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหว
พรพระพายนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงมาตลอดทั้งคืน ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้และไม่ได้นอน แต่เธอไม่แม้แต่จะกะพริบตานานๆ เพราะกลัวจะพลาดช่วงเวลาที่เขาฟื้นกระทั่งนิ้วมือหนาที่วางอยู่บนเตียงขยับเล็กน้อย เปลือกตาของไทเกอร์ค่อยๆ เปิดขึ้นดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งแม้จะอ่อนแรงจากบาดแผลก็ยังคงเหมือนเดิม“พาย” เสียงแหบพร่าดังขึ้นแผ่วเบาพรพระพายชะงักหันขวับไปมอง พอเห็นเขาลืมตา น้ำตาก็ไหลพรากทันทีร่างบางโผเข้าหา จับมือหนาขึ้นมากุมแน่น“พี่ไทเกอร์! ฮึก พี่ฟื้นแล้วพายกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพี่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีก” เสียงของเธอสะอื้นปนสั่น เธอก้มลงซบอกเขาอย่างไม่อายใครน้ำตาเปียกซึมเสื้อคนเจ็บแม้ร่างกายยังอ่อนแรง แต่ไทเกอร์ก็พยายามยกมืออีกข้างขึ้นลูบเส้นผมของเธอช้าๆ สายตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความห่วงใย“ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้วพี่อยู่ตรงนี้แล้วพายทำไมไม่กลับบ้านแล้วเจ้าตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง”“ลูกปลอดภัยดีค่ะ”“ทุกอย่างเป็นเพราะพาย ถ้าไม่ใช่เพราะพายพี่คงไม่ต้องมาเจ็บหนักแบบนี้”ไทเกอร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนบีบมือเธอเบาๆ ดวงตาคมแน่วแน่เต็มไปด้วยความจริงจัง“ฟังพี่นะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพาย คนที่ผิดคือไอ้พว
แสงอาทิตย์ยามเย็นคล้อยต่ำท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจาก ถนนที่พรพระพายขับรถกลับบ้านมีเพียงรถวิ่งสวนมาเป็นระยะๆ หญิงสาวเพิ่งแยกจากเพื่อนสนิทและตั้งใจจะรีบกลับไปพักผ่อน แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็รู้สึกถึงสายตาที่มองตามมาเธอสังเกตผ่านกระจกมองหลัง รถกระบะสีดำคันหนึ่งขับตามมาติดๆ ระยะห่างไม่มากนักหัวใจของพรพระพายเริ่มเต้นแรงขึ้น“หรือเราคิดไปเอง” เธอพยายามปลอบตัวเอง แต่เมื่อเลี้ยวเข้าซอยรถคันนั้นก็เลี้ยวตามเธอใจหายวาบ ความรู้สึกไม่ปลอดภัยท่วมท้นพรพระพายเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว พยายามหาทางหนี แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถอีกคันพุ่งตัดหน้าอย่างจงใจ เธอตกใจจนแทบหยุดหายใจรีบเหยียบเบรกสุดแรง ล้อเสียดสีกับพื้นถนนดังเอี๊ยดกลิ่นไหม้ลอยขึ้นมา รถหยุดลงได้อย่างหวุดหวิดมือเรียวสั่นเทากำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด หัวใจเต้นโครมครามพรพระพายพยายามตั้งสติ ก่อนรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไปหาเพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจ“คุณไทเกอร์ ฮึก ช่วยพายด้วย...” เสียงของเธอสั่นเครือแทบขาดใจ“อยู่ไหน ตอนนี้พายอยู่ตรงไหน บอกมาเดี๋ยวนี้!” ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนตามมาด้วยเสียงทุ้มจริงจังเธอรีบแจ้งตำแหน่งด้วยเสียงสะอื้น ไ
ค่ำคืนที่เงียบสงัดบรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง ไทเกอร์นั่งอยู่หน้าบ้านไม่ยอมไปไหน ดวงตาคมจับจ้องไปยังประตูเหมือนเฝ้ารอใครบางคนอย่างไม่ยอมแพ้พรพระพายยืนนิ่งอยู่หลังบานประตูไม้ เธอสูดหายใจเข้าลึก ความลังเลปนความเจ็บปวดกดทับอยู่เต็มอก สุดท้ายก็ตัดสินใจบิดกลอนออกมา เธอก้าวออกไปช้าๆ แววตานิ่งสงบแต่ภายในกลับสั่นคลอน “พาย...”“ที่พายขอหย่า มันแปลว่าพายไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรจากคุณอีกแล้ว ขอแค่คุณยอมปล่อยพายไปโดยดีแค่นั้นพอ” เธอเอ่ยเสียงเรียบแต่ภายในหัวใจนั้นเจ็บปวดแค่ไหนหัวใจของไทเกอร์สะท้านเขาก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว ดวงตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว“พายพี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม ที่ผ่านพี่มันละ...” เสียงทุ้มต่ำแฝงความสั่นเครือ พูดไม่ทันถูกหญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียก่อน“พายไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว พายไม่เข้าใจทำไมต้องรักผู้ชายแบบคุณด้วย” คำตอบของเธอเหมือนคมมีดกรีดลึกลงในหัวใจไทเกอร์ พรพระพายหลับตาแน่นหยดน้ำใสเอ่อคลอ เธอส่ายหน้าเบาๆ“พายพี่...”“คุณอย่าทำเหมือนรักได้ไหมพายเจ็บ ฮือ” เธอร้องไห้โฮ เพราะการกระทำของเขาเขานิ่งร