Share

บทที่47

last update Last Updated: 2025-06-09 02:04:25

“ข้าหรือ? ยั่วยวนเจ้าหรือ?” หญิงสาวกระพริบตาปริบๆทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทว่ารอยยิ้มมุมปากของนางกลับเผยให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่

โจวจางเหว่ยเลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “อย่างนั้นหรือ?” เขากระซิบเสียงพร่า พลางขยับใบหน้าลงมาใกล้ร่างบางจนปลายจมูกของเขาแทบจะชนกับปลายจมูกของนาง “หากเจ้าไม่ตั้งใจยั่วยวนข้า แล้วเหตุใดถึงกล้าทำเช่นนั้นเล่า?”

“ข้าแค่…” เมิ่งฮวาพยายามเบี่ยงหน้าหนีสายตาร้อนแรงของบุรุษตรงหน้า ทว่ามือหนาของเขากลับเอื้อมมาประคองใบหน้าของนางเอาไว้แน่น ไม่ปล่อยให้นางได้หลีกเลี่ยงสายตาของเขาแม้แต่น้อย “อ่า… ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง…”

“ล้อเล่น?” โจวจางเหว่ยหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ท่าทางของเขาดูอันตรายยิ่งขึ้น “เจ้าน่ะ… ไม่รู้หรือว่ากับบุรุษแล้ว เรื่องเช่นนี้ล้อเล่นไม่ได้”

“ข้าก็แค่…” หญิงสาวเม้มปากแน่น นางรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากร่างสูงที่บดเบียดเข้ามาใกล้ นางอยากจะผละหนีไปเสียให้พ้น ทว่ากลับถูกวงแขนแข็งแกร่งโอบรัดแน่นขึ้น

“หรือว่า… เจ้ากำลังต้องการให้ข้าตอบสนองเจ้าอย่างนั้นใช่หรือไม่?” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังข้างใบหูของนาง ริมฝีปากหนาไล้ไปตามข้างแก้มขาว ก่อนจะเลื่อนไปกระซิบข้างใบหูนุ่ม “หืม?”

“เจ้า… เจ้าคนเจ้าเล่ห์! ฮึ่ม!” หญิงสาวพยายามดิ้นหนี แต่มีหรือที่บุรุษผู้แข็งแกร่งอย่างโจวจางเหว่ยจะปล่อยให้นางหลุดรอดไปได้ง่ายๆ

“ข้าจะเจ้าเล่ห์ก็ต่อเมื่ออยู่กับเจ้าเท่านั้น” เขากระซิบเสียงแผ่ว ก่อนจะใช้ริมฝีปากประทับลงบนหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา

“โจวจางเหว่ย…” นางเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมเข้มของเขา ในดวงตาของบุรุษผู้นี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยนที่นางไม่เคยเห็นจากใครมาก่อน

เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่กอดนางไว้แน่นขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่พร้อม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด “ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า… ไม่ว่าเมื่อใดที่เจ้าเปิดใจ ข้าก็จะรอเจ้าเสมอ”

หัวใจของเมิ่งฮวาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆกับคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจของบุรุษตรงหน้า นางค่อยๆพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะพึมพำเสียงแผ่ว “ขอบคุณนะ…”

โจวจางเหว่ยยิ้มมุมปาก ก่อนจะค่อยๆผละออกไปเล็กน้อย “พักผ่อนเถอะ ข้าจะนอนอยู่ตรงนี้… ข้างๆเจ้า”

เมิ่งฮวาไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นางเพียงแค่ซุกตัวเข้าหาไออุ่นของเขาโดยไม่รู้ตัว

คืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบ และเป็นคืนที่ทำให้หัวใจของทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น…

เช้าวันต่อมา

แสงอาทิตย์อ่อนๆส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ที่ปลูกไว้ริมหน้าต่างลอยมากับสายลมเย็น เมิ่งฮวาค่อยๆขยับตัวอย่างเกียจคร้าน นางรู้สึกถึงไออุ่นบางอย่างที่โอบล้อมร่างกายอยู่

“อื้อ…” นางพึมพำเสียงแผ่ว ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อย ทว่าเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่กำลังกอดรัดร่างของนางไว้ นางก็ต้องลืมตาขึ้นอย่างตกใจทันที!

“อ๊ะ!” นางสะดุ้ง ก่อนจะพบว่าใบหน้าของโจวจางเหว่ยอยู่ห่างจากนางไม่ถึงฝ่ามือ!

“หืม?” บุรุษหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของร่างบางในอ้อมแขน ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น “ตื่นแล้วหรือ?”

“เจ้า… เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย?!” เมิ่งฮวาพยายามดิ้นหนีจากอ้อมแขนของเขา แต่มีหรือที่บุรุษร่างสูงจะยอมปล่อยง่ายๆ

โจวจางเหว่ยกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ก่อนจะยิ้มมุมปาก “ก็นอนกอดเจ้าอยู่ไง”

“บะ… บ้าไปแล้ว! ปล่อยข้านะ!” นางพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหมือนกับว่านางกำลังแนบชิดเขามากขึ้นไปอีก

“ข้ายังง่วงอยู่… นอนต่ออีกหน่อยเถอะ” เขากระซิบเสียงพร่าข้างหูนาง ก่อนจะซุกใบหน้าลงกับกลุ่มผมนุ่มของนางราวกับกำลังอ้อน

หัวใจของเมิ่งฮวาเต้นโครมคราม นางรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ข้างแก้ม นางอยากจะต่อว่าเขาแต่ปากกลับไม่ยอมขยับ!

“เจ้า… อย่ามาทำเหมือนข้าเป็นหมอนข้างของเจ้านะ!” นางพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น

“แล้วจะให้ข้าใช้ใครแทนได้?” โจวจางเหว่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ นางรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ชักจะเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว!

“เจ้าก็ไปใช้หมอนของเจ้าสิ!” นางโวยเบาๆก่อนจะใช้มือทุบแผ่นอกของเขาเบาๆ

“หึหึ… ถ้าเจ้าไม่ดิ้น ข้าจะปล่อย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น

เมิ่งฮวากัดฟันแน่น ก่อนจะหยุดดิ้น แล้วมองเขาตาขวาง “ข้าไม่ดิ้นแล้ว!”

โจวจางเหว่ยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะค่อยๆคลายอ้อมแขนออกอย่างอ้อยอิ่ง “ดีมาก…”

เมิ่งฮวารีบลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ “เจ้าชักจะเคยตัวมากไปแล้วนะ!”

“หืม? ก็ข้าชอบเจ้านี่” เขาตอบหน้าตาย ทำเอานางพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

“อะ… อะไรของเจ้าเล่า!” นางหน้าแดง ก่อนจะลุกพรวดขึ้น “ข้าไปอาบน้ำก่อนล่ะ!”

“อืม… รีบไปเถอะ ข้าจะรอเจ้า”

นางไม่กล้ามองหน้าเขาต่อ รีบเดินหนีเข้าไปในห้องน้ำทันที!

โจวจางเหว่ยมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ‘น่ารักจริง ๆ’

---

หลังจากที่ทั้งสองเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางกลับหมู่บ้าน เมิ่งฮวายังคงทำตัวไม่ถูกหลังจากเหตุการณ์เมื่อเช้า นางนั่งบนรถม้าด้วยท่าทีเงียบๆไม่ยอมสบตากับบุรุษหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

โจวจางเหว่ยเห็นดังนั้นก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้ “ยังโกรธข้าอยู่อีกหรือ?”

“ข้าไม่ได้โกรธ…” นางตอบเสียงเบา

“จริงหรือ?” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ นางสะดุ้งก่อนจะรีบเบี่ยงตัวหนี

“เจ้าอย่าเข้ามาใกล้ข้านะ!” นางขู่

โจวจางเหว่ยหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอนหลังพิงเบาะอย่างสบายๆ “ก็ได้ๆ ข้าจะไม่แกล้งเจ้าแล้ว”

เมิ่งฮวาถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย ทว่ากลับไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของบุรุษข้างกาย

‘เจ้ายังอ่อนหัดนัก ฮวาเออร์’ เขาคิดในใจพลางมองหญิงสาวข้างกายด้วยความเอ็นดู

เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้าน เมิ่งฮวาก็รีบลงจากรถม้าและเดินเข้าบ้านทันที โจวจางเหว่ยเดินตามไปเงียบๆก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นท่านลุงลี่คุนและท่านป้าลี่จูรออยู่ที่หน้าบ้าน

“อาเมิ่ง! เจ้าไปเที่ยวสนุกไหม?” ลี่จูเอ่ยถามทันทีที่เห็นหลานสาวเดินเข้ามา

“สนุกมากเจ้าค่ะท่านป้า!” นางตอบยิ้มๆ พยายามไม่ให้สีหน้าแสดงพิรุธอะไรออกไป

“แล้วเสี่ยวเหว่ยล่ะ? ดูแลอาเมิ่งดีหรือเปล่า?” ลี่คุนหันไปมองโจวจางเหว่ยด้วยสายตาเคร่งขรึม

โจวจางเหว่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น “ข้าดูแลนางอย่างดีเลยขอรับ”

ลี่คุนพยักหน้าอย่างพอใจ “ดี! ถ้างั้นเจ้าก็อยู่กินข้าวเย็นที่นี่ด้วยกันเสียเลยสิ!”

เมิ่งฮวาสะดุ้ง รีบหันไปมองโจวจางเหว่ยทันที “เอ๊ะ?!”

โจวจางเหว่ยหันมายิ้มให้ “ข้าก็คิดจะทำเช่นนั้นอยู่แล้วขอรับ”

‘ให้ตายเถอะ! ข้าเพิ่งจะหนีจากเขามาได้แท้ๆทำไมเขาถึงยังอยู่กับข้าอีกเล่า?!’ นางร้องโอดครวญอยู่ในใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status