ณ บ้านพักตากอากาศ
“เรติกาอยู่ไหน” ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้าน
“จะได้กลับบ้านแล้ว ดีใจไหม” เรติกาพยักหน้าให้เจ้าของประโยคเมื่อครู่
ปีแสงอุ้มทารกน้อยที่ถูกห่อด้วยผ้าห่มมาให้เรติกาอุ้ม เธอรับลูกมาสู่อ้อมอกอย่างละเมียดละไม แต่ยังไม่อยากเชื่อสายตาว่านี้คือลูกของเธอ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าสวยหวานอย่างไม่มีเหตุผล“ให้ลูกกินนมก่อน” ปีแสงพูดพร้อมกับขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เรติกาที่กำลังให้ลูกน้อยเข้าเต้าอย่างทุลักทุเล จนเขาต้องยื่นมือเข้าไปช่วย...“ปีแสง นี่นายจะทำอะไร” เธอตั้งท่าโวยวายเพราะตกใจในการกระทำของเขา“อยู่เฉย ๆ เลย เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เรติกาทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมอุ้มลูกอยู่นิ่ง ๆ ให้ปีแสงช่วยจัดการทุกอย่างให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ หญิงสาวก้มลงไปจูบลูกชายอย่างเต็มรัก ในขณะที่ทารกน้อยดูดนมของเธอ ปีแสงโอบกอดคนตัวเล็กหลวม ๆ เขาก้มมองดูลูกรักด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะฝังปลายจมูกโด่งไปหนึ่งฟอดเพราะรู้สึกมันเขี้ยว“นายตั้งชื่อลูกหรือยัง”“ตั้งแล้ว” ปีแสงตอบเธอทั้งที่ยังมองลูกไม่ละสายตา ทารกน้อยสะกดใจผู้เป็นพ่อให้หลงใหล“ลูกชื่ออะไร?” ปีแสงเงยหน้าขึ้นมองเรติกานิ่ง ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ก่อนจะก้มลงมาจ้องมองลูกอีกครั้ง“ปีแสง
ณ โรงพยาบาลเอกชน“ปากมดลูกเปิดเพิ่มไหม” ปีแสงเอ่ยถามพยาบาลคนหนึ่งหลังจากที่เช็กอุปกรณ์สำหรับทำคลอด และคำตอบที่แพทย์หนุ่มได้รับคือคำตอบเดิมเช่นเคยนานหลายชั่วโมงแล้วที่ปากมดลูกของเรติกาไม่ขยายเพิ่มสักที เขาจึงต้องตัดสินใจที่จะผ่าคลอดให้เธอ“ไม่! ฉันไม่ผ่า ฉันจะรอคลอดเอง ฉันยังทนไหว” ปีแสงเดินเข้ามาในห้องรอคลอด เห็นเรติกายังโวยใส่เหล่าพยาบาลไม่หยุด“เดี๋ยวหมอจัดการ” ปีแสงบอกกับเหล่าพยาบาลขณะเดินมาหาเรติกาใกล้ ๆ พยาบาลทุกคนต่างถอยออกห่างอย่างรู้หน้าที่“...” เรติกามองปีแสงที่เดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในชุดผ่าตัดสีเขียวเข้ม“เรย์”“ปีแสง ฉันอยากคลอดเอง ฉันยังทนไหว”ถึงจะยืนกรานว่าตัวเองทนไหว แต่ทั้งคำพูดและเรี่ยวแรงของเธอมันกลับสวนทาง ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนเพลียเพราะอดทนเจ็บท้องเป็นเวลานาน“เธอไม่ไหวแล้วเรย์”“ฉันไหวจริง ๆ นะ” เรติกาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เธอบีบมือปีแสงไว้แน
อึก!เพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น ที่ปลายมีดผ่าตัดจะทิ่มแทงเข้าที่ก้อนเนื้อบริเวณอกด้านซ้ายของชายหนุ่ม ปีแสงลืมตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาสั่นระริก มือหนากอบกุมสองมือน้อยไว้แน่น หากเขาช้ากว่านี้ ปลายมีดคม ๆ คงไปฝังอยู่ตรงหัวใจของเขาเรียบร้อยเรติกามองปีแสงกลับไปนิ่ง ๆ เธอกำลังสับสนว่าคนอย่างเขาควรตายหรือเปล่า เพราะสองเดือนก่อนหน้านี้เธอเริ่มได้มองเห็นมุมอื่น ๆ ของเขามากขึ้น เขาไม่ได้แย่ไปเสียทุกอย่าง ในหัวของเธอได้แต่คิดว่าทำไม...ทำไม...ทำไม“ปล่อย ปีแสงปล่อย” เรติกาเรียกสติปีแสง พร้อมรั้งปลายมีดไม่ให้ทิ่มแทงเนื้อหนังของเขาด้วยพละกำลังทั้งหมด เพราะตอนนี้เป็นปีแสงเองที่ค่อย ๆ ดันมีดมาปักเข้ากับอกของตัวเอง “ปีแสง!!”“...” เสียงนั้นทำให้ปีแสงหยุดชะงักกะทันหัน เขาลืมตามองเธออีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ คลายมือออกจากการเกาะกุม“นายเป็นบ้าอะไรของนาย อยู่ ๆ ก็เกิดไม่อยากหายใจหรือไง!”ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องตะโกนต่อว่าเขาที่ทำตัวเหมือนคนไม่มีความคิด “ถือว่าเธอสละโอกาส” ปีแสงพูดพร้อมดึงมีดจากมือของเ
ณ บ้านพักตากอากาศ“เรติกาอยู่ไหน” ทันทีที่เข้ามาในตัวบ้าน
“ว้าว นี่ฉันอยู่ที่ไหนกัน รังของแก๊งหมอเถื่อนเหรอ?” ทันทีที่ผ้าคลุมสีดำถูกเปิดออกจากศีรษะ หมอปิ่นก็พูดออกมาอย่างตื่นเต้น เธอไม่ได้เกรงกลัวกับบรรยากาศรอบข้างที่ดูราวกับเป็นห้องเชือด หนำซ้ำยังหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง แม้ตัวของเธอจะถูกเชือกหนามัดติดกับเก้าอี้จนไม่สามารถขยับไปไหนได้“หัวเราะอะไรวะ!” เป็นหมอนนท์ที่พูดออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อได้เห็นท่าทางของหญิงสาวที่ดูราวกับคนโรคจิต ต่างจากหมอเวชที่มองหมอปิ่นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป หลังจากไม่ได้เจอเธอมาเกือบเดือน ท่าทางของหญิงส