เข้าสู่ระบบหลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้ายตอนบ่ายสามพวกเราปีหนึ่งบางส่วนก็นั่งรออยู่ใต้ตึกเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง บางส่วนก็กลับหอพักกันแต่ฉันผู้ที่คอนโดอยู่ไกลนั้นต้องนั่งรออยู่ที่นี่
โชคดีที่ปาล์มมี่อยู่เป็นเพื่อนพร้อมกับเพื่อนสาวสองอีกคนที่ชื่อทิวลิป เมื่อก่อนก็ชื่อไอ้ทิวเฉยๆแต่ให้เรียกทิวลิปเพื่ออรรถรสเหมือนกับปาล์มมี่ที่จริงแล้วมันชื่อไอ้ปาล์ม นี่เป็นเรื่องเล่าจากปากเพื่อสาวทั้งสองของฉันเอง
"แม่นางสตอเบอรี่" ปาล์มมี่ที่หันไปเจอเข้ากับเพลงที่เดินผ่านมาพอดีก็พูดขึ้นมาแต่ยัยนั่นไม่ได้ยินหรอกเพราะอยู่ไกลกันพอสมควร
"อือ แกก็คิดเหมือนฉันเหรอบีหนึ่ง" ทิวลิปหันไปมองเพลงอีกคนแล้วเบะปากคว่ำ "วันก่อนฉันไปร้านเครื่องสำอาง เจอนางเข้าพอดีนางพูดลอย ๆเหมือนดูถูกว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อ นังนี่มันคิดว่าตัวเองเป็นใคร"
"แต่แปลกนะผู้ชายชอบคนแบบนี้ เพราะรุ่นพี่พากันแซวมัน แหม เพื่อนฉันสวยกว่าอีกอย่าให้ดัน" ปาล์มมี่หันมาอวยยศฉันที่นั่งพิจารณาเรื่องของเพลงอยู่
พี่ฮ่องเต้คงจะชอบยัยเพลงนี่แบบไม่ต้องสงสัยหรืออาจจะมีอะไรมากกว่านั้นที่ฉันยังไม่รู้
"เรามาปั้นยัยใบชาเถอะ เอาให้แม่นั่นตกรอบไปเลยค่ะ"
"จัดไปค่ะกระเทย"
แปะ!
แล้วเพื่อนสาวสองของฉันมันก็แปะมือกันพร้อมกับใช้นิ้วมือปัดผมสั้นแค่สองนิ้วของตัวเองตวัดขาขึ้นมาไขว่ห้างพร้อมกันเหมือนซ้อมมาอีกต่างหาก
"พวกแกจะทำอะไรฉัน" เริ่มกลัวแล้วนะดูจากสีหน้าพวกมันแล้วเหมือนอยากจับฉันไปศัลยกรรมทั้งตัว เพื่อให้เอาชนะยัยเพลงนั่นน่ะ
"ก็จับแกมาเป็นนางเอกไง ดูทรงผมแกดิมัดทำไมแบบนี้เหมือนอีป้าข้างบ้านฉันเลย คิ้วน่ะเขียนมั่ง หน้าแกใสอยู่แล้วแต่ก็ต้องทาแป้งบ้าง ปากด้วยไม่รู้เคยแตะลิปสติกบ้างไหม!" แล้วยังปาล์มมีมันมาด่าฉันทำไมกันเนี่ย
"ฉันทาลิปมันมาแล้วเถอะ"
"ไม่ได้!" ทิวลิปตวาดใส่ฉันบ้าง เลื่อนมือมาบีบคางฉันเชยขึ้นอย่างกับพวกตัวร้ายในละคร "แกน่ารักกว่ามันอีก นิสัยก็ดีกว่าถ้าแกเปลี่ยนตัวเองอีกนิดหน่อยก็คงชนะเลิศ"
แล้วฉันต้องเอาชนะยัยนั่นให้ได้เหรอ เฮียเต้จะหันมาสนใจฉันด้วยไหม เอาเป็นว่ามันคือเหตุผลที่ดีพอสมควรในตอนนี้
"แล้วจะให้ฉันทำอะไร"
"ไม่ต้องทำอะไร ฉันจะจัดการเอง" เพื่อนสองคนยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วหยิบมือถือมาหารูปทรงผมอะไรของพวกมันไป คงไม่ได้หามาให้ฉันหรอกนะ กลัวจริงๆ
หลังจากเลิกรับน้องเสร็จแล้วปาล์มมี่ก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งฉันที่คอนโดและอาสาจะมารับฉันไปเรียนทุกวันอีกด้วยถ้าชีวิตตอนนี้เป็นนิยายสักเล่มคงคิดว่ามันปลอมตัวเป็นกระเทยมาจีบฉันอยู่
ก็ดีเหมือนกันไม่อยากจะไปยุ่งกับเฮียเต้เดี๋ยวก็มาโวยวายอีก
แกร๊ก!
พอเปิดห้องเข้ามาก็พบว่าเฮียกลับมาแล้วแถมยังนอนดูโทรทัศน์อยู่ตรงโซฟาอย่างสบายใจอีกต่างหาก
"เฮียก็ว่าง ทำไมไม่ไปรับชาล่ะ"
"..." เขาไม่ตอบทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดเลยสักนิดเดียว หยิบมือถือขึ้นมากดอะไรยุกยิก
หรือว่ากำลังคุยกับยัยเพลงกันนะ
"ชามีเพื่อนแล้วนะ ไม่ง้อเฮียก็ได้" ฉันเดินไปหย่อนตัวนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวอีกตัวที่อยู่ปลายเท้าของเขา
"ก็ดี"
"ชื่อเพลง น่ารักมาก" รองพื้นหนาสามมิลลิเมตรด้วยอันนี้ยัยปาล์มมี่มันบอก
พอพูดชื่อนี้ออกไปเฮียเต้ก็หยุดทุกการกระทำทันทีก่อนจะปรายตามามองฉันที่นั่งยิ้มหวานอยู่ แล้วกลับไปเล่นมือถือต่อเหมือนไม่ใส่ใจ
"มาบอกทำไม"
"ก็อยากเล่าให้ฟัง สามีทั้งคนจะไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ฟังได้ไง" ฉันพูดยียวนแล้วหยัดตัวลุกขึ้น "เดี๋ยวทำสปาเก็ตตี้คาโบนาราของโปรดเฮียให้ทานนะ"
"..." เฮียเต้ไม่ได้ตอบและฉันเองก็ไม่ได้หาเรื่องต่อเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบายๆแล้วออกมาทำกับข้าว ทำตัวเป็นศรีภรรยาที่น่ารักของเฮียสักหน่อยเผื่อสามีจะหันมารักบ้าง
หลังจากฉันทำกับข้าวเสร็จก็จัดใส่จานไว้ให้เฮียแล้วตัวเองก็ไปอาบน้ำ มาทำงานที่อาจารย์สั่งและให้ส่งภายในสองวันนี้
พอออกมาดูก็เห็นเฮียนั่งทานกับข้าวที่ฉันทำให้อยู่คนเดียวเงียบๆ แต่พอเห็นฉันเฮียเต้ก็แกล้งกลืนไม่ลงซะงั้น อะไรของเฮีย วางมาดเหรอ
"ไม่อร่อยเหรอเฮีย"
"ไม่"
"ออ แต่หมดจานเลยนะ" ว่าแล้วฉันก็ฉีกยิ้มให้ก่อนจะเดินไปล้างกระทะล้างจานที่ตัวเองทำกับข้าวทิ้งไว้
"แล้วเธอไม่กิน?"
"ไม่ละชาไม่หิว กลัวอ้วน" เห็นอย่างนี้ฉันก็รักษาหุ่นนะ ถึงจะไม่รักสวยรักงามเหมือนชาวบ้านเขาแต่หุ่นฉันต้องดูดีเสมอ
"เดี๋ยวก็ได้เป็นลมตาย"
"ถ้าเป็นลมเดี๋ยวผัวก็พาไปโรงพยาบาลแหละ"
"ปล่อยให้ตายไปเลยดีกว่า ขี้เกียจตอบคำถามหมอ" เฮียก็ไม่ได้กวนประสาทไปน้อยกว่าฉันหรอก
"ถ้าชาตายไป เฮียมีเมียใหม่ได้เลยนะ"
"..." เฮียเต้เงยหน้าขึ้นมามองฉันไม่รู้ว่าจะสื่อความหมายอะไรแล้วสุดท้ายก็หลุบตาต่ำลงไปมองจานของตัวเองอีกครั้ง "จะบอกว่าถ้าไม่ตายเธอก็ไม่ยอมปล่อยฉันว่างั้น"
"ไม่รู้สิ เดี๋ยววันไหนชาเบื่อเฮียแล้วจะมาบอกอีกทีนะ" ฉันรู้ว่าเขาอยากจะกดดันให้ฉันขอหย่านั่นแหละ เพราะที่เขายอมแต่งด้วยเพราะคิดว่าตัวเองต้องรับผิดชอบ
เอาจริงๆถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันอาจจะไม่ทำแบบนี้ เพราะมันเหมือนเป็นการทรมานเขา และฉันเองก็ทรมานไปด้วย
"เมื่อไหร่เธอจะโตเป็นผู้ใหญ่สักที" พูดจบร่างสูงก็หยัดตัวลุกขึ้นเก็บจานของตัวเองไปล้างแล้วทำเหมือนฉันเป็นอากาศธาตุเหมือนเดิม
"เฮียจะไม่นอนในห้องด้วยกันเหรอ"
"ไม่" เขาตอบสั้นๆแล้วขยับตัวไปนอนห่มผ้าสบายใจ "จะไปไหนก็ไป อย่ามากวนง่วงแล้ว"
"ไม่ได้จะกวนสักหน่อย" ว่าแล้วฉันก็เดินเข้ามานอนในห้อง ไม่อยากจะนอนเตียงนุ่มๆก็แล้วแต่ใครเขาสนกันล่ะ
ฉันนอนเล่นมือถือตัวเองเรื่อยเปื่อยคุยกับสองสาวเพื่อนรักไปด้วยเพราะพวกนั้นบอกว่าพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนตอนเที่ยงจะพาฉันไปแปลงโฉม
อะไรของพวกนี้กันเนี่ย ฉันเองก็ไม่เข้าใจ ต้องลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ แล้วฉันไม่ดีตรงไหนแค่ไม่ชอบแต่งตัว ไม่แต่งหน้า ไม่ทำผมทรงใดๆนอกจากรวบเป็นหางม้าก็เท่านั้นเอง ฉันยึดหลักความเป็นธรรมชาติ จะได้ไม่เสียเวลาชีวิตให้มาก
แต่จะว่าไปแล้ว ที่เฮียไม่ยอมชอบฉันเพราะแบบนี้หรือเปล่านะ ยัยเพลงนั้นตรงกันข้ามกับฉันทุกอย่าง ทั้งทรงผมที่ดัดลอนทำสี การแต่งตัวกระโปรงสั้นพลิ้วจนเห็นขาอ่อนแล้วยังแต่งหน้าจัดมาเรียนอีก คำพูดคำจาก็เพราะเสนาะหู สรุปที่พูดมาทั้งหมดสิ่งที่ยัยนั่นทำอยู่ตรงกันข้ามกับฉันทุกอย่างเลย
งั้นไหน ๆก็ไหน ๆแล้วลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูหน่อยก็แล้วกัน
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ







