ตอนที่3 เจอคุณกัปตันอีกครั้ง
“พร้อมที่จะออกเดินทางหรือยังลูกสาวพ่อ” มิสเตอร์ฟรังโก้ถามลูกสาว หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จสรรพ “ซาร่าพร้อมมากเลยค่ะคุณพ่อ ดูกระเป๋าสิคะ ซาร่าเตรียมเสื้อผ้าไว้หลายชุดมาก ตื่นเต้นสุดๆเลยค่ะ” เธอชี้นิ้วไปยังกระเป๋าถือใบใหญ่ที่วางอยู่บนโซฟา ลลิสาร่าเริงและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “คุณเตรียมของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าครบแล้วใช่ไหม คุณริสา” เขาถามภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ “ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ” “งั้นเราออกเดินทางกันเลยนะ” “เย้ๆ ซาร่ารักคุณพ่อกับคุณแม่ที่สุดในโลกเลยค่ะ” รถบ้านของมิสเตอร์ฟรังโก้หยุดจอดกลางหุบเขาเขียวชอุ่มในเวลาเที่ยงวัน อากาศค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเข้าสู่ฤดูร้อน “ว้าว! สวยมากเลยค่ะ” ลลิสาก้าวขาลงจากรถบ้านวิ่งไปที่ลานทุ่งหญ้าด้วยท่าทางตื่นเต้น ดวงตากลมโตมองดูใบหญ้าและดอกไม้ที่กำลังปลิวไสวไปตามลม เธอสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ สองสามีภรรยามองดูลูกสาวอย่างมีความสุข จากนั้นทั้งสองจึงเดินเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังยืนหลับตาพริ้ม “ลูกอยากพักตรงนี้ใช่ไหมซาร่า หรืออยากจะไปพักที่รีสอร์ทบนภูเขา แล้วแต่ลูกเลยนะ” มิสเตอร์ฟรังโก้พูดกับลูกสาวพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปยังเนินเขาสูง “ซาร่าอยากกางเต็นท์นอนตรงนี้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่นอนในรถก็ได้ ซาร่าจะนอนในเต็นท์” “งั้นพ่อกับแม่ก็จะกางเต็นท์นอนใกล้ๆเต็นท์ของลูกแล้วกัน” “อีกหลายชั่วโมงกว่าจะได้นอน แม่ว่าเราไปชมธรรมชาติแถวนี้ก่อนดีไหม” มาดามริสาพูดขึ้น นางเตรียมรถจักรยานติดมาด้วย สามคนพ่อแม่ลูกปั่นจักรยานคนละคันไปตามเส้นทางที่จะไปร้านกาแฟ “คุณพัฒน์คะ ข้างหน้านั่นร้านอาหารหรือเปล่า เราแวะหาอะไรทานก่อนดีไหมคะ” แอนนี่พูดขึ้นขณะที่รถสปอร์ตหรูคันสีดำขับเข้ามาในเขตเทือกเขาโดโลไมต์ กัปตันพิพัฒน์เลี้ยวรถเข้าไปจอดในร้านอาหารที่ถูกล้อมรอบไปด้วยใบหญ้าและภูเขาสูง ตรงนั้นยังมีร้านกาแฟที่อยู่ติดกับร้านอาหารอีกด้วย ทั้งสองลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งนั้น “คุณพัฒน์สั่งอาหารเลยนะคะ แอนนี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” “ครับ” ขณะที่พิพัฒน์กำลังนั่งก้มหน้าดูรายการอาหาร เขาถึงกับชะงัก เมื่อได้ยินใครบางคนกำลังพูดเสียงเจื้อยแจ้วอยู่หน้าร้านกาแฟ ซึ่งอยู่ติดกันกับร้านอาหารที่เขานั่งอยู่ “อื๊อ...โกโก้มิ้นท์ร้านนี้อร่อยมากเลยค่ะคุณพ่อคุณแม่” หญิงสาวกำลังดูดโกโก้มิ้นท์ที่อยู่ในแก้วอย่างเอร็ดอร่อย “ซาร่าจะซื้ออะไรอีกหรือเปล่าลูก” “ไม่แล้วค่ะคุณแม่ เรากลับไปย่างบาร์บีคิวกันดีกว่านะคะ” เธอพูดพร้อมกับขึ้นคร่อมจักรยาน และปั่นออกไป โดยมีบิดามารดาปั่นจักรยานตามหลังไปติดๆ กัปตันพิพัฒน์มองตามเด็กสาวจนลับสายตา “มองอะไรเหรอคะคุณพัฒน์” “!” เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงแฟนสาวเอ่ยถาม “เปล่าครับ” “คุณพัฒน์สั่งอะไรบ้างคะ” แอนนี่ถามพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม “เอ่อ...ผมยังไม่ได้สั่งครับ คุณแอนนี่อยากทานอะไรสั่งเลยนะ สั่งให้ผมด้วยแล้วกัน” “ค่ะ” ความรู้สึกลึกๆ หญิงสาวค่อนข้างหงุดหงิด แต่ไม่สามารถแสดงอาการออกมาให้เขาเห็นได้ เธอไม่ได้อยากมาที่นี่กับเขาเลยสักนิด “เราจะไปพักที่ไหนกันเหรอคะ” แอนนี่เอ่ยถาม ขณะที่ทั้งสองเดินไปขึ้นรถ หลังจากทานอาหารเสร็จ “ผมว่าจะไปกางเต็นท์นอนตรงหุบเขาข้างหน้าน่ะ” “กางเต็นท์นอนงั้นเหรอคะ แล้วห้องน้ำห้องอาบน้ำล่ะ” “บริเวณนั้นมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำอยู่ไม่ไกล เราจะพักที่นี่สองคืน หรือว่าคุณไม่สะดวก” “ปละ...เปล่าค่ะ แอนนี่อยู่ได้ทุกที่ที่มีคุณพัฒน์อยู่” รถสปอร์ตหรูแล่นเข้ามายังจุดจอดรถ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากางเต็นท์นอนตรงหุบเขาแห่งนั้น พิพัฒน์ถอดแว่นตากันแดดออก เพื่อชมธรรมชาติที่สวยงาม เขานำเต็นท์ที่เตรียมไว้ออกมากาง พิพัฒน์ค่อนข้างมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างจากแอนนี่ที่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่เธอต้องข่มความรู้สึกเอาไว้ข้างในเพื่อไม่ให้เขาเห็น “แอนนี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” “ครับ” “คุณพ่อคุณแม่คะ ดูสิคะ มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่เขากางเต็นท์กันแล้ว เราจะกางเต็นท์กันตอนไหนเหรอคะ” “เดี๋ยวพ่อให้คนขับรถของเรากางเต็นท์ให้ตอนนี้เลยก็ได้” “ดอกไม้ตรงโน้นสวยมากเลยค่ะ ซาร่าขอไปถ่ายรูปก่อนนะคะ” “ตามสบายเลยลูก เดี๋ยวแม่ย่างบาร์บีคิวรอ” ลลิสาเดินไปบริเวณที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง เธอกดมือถือถ่ายภาพดอกไม้และธรรมชาติ ก่อนที่จะชูโทรศัพท์มือถือขึ้น เพื่อถ่ายรูปตัวเองกับธรรมชาติ “ต้องการให้ฉันถ่ายรูปให้หรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามลลิสา เธอถึงกับหยุดชะงักและหันไปมองยังต้นเสียง “คุณกัปตัน!” ลลิสาเรียกคนตรงหน้าด้วยความดีใจ เธอไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอกัปตันผู้หล่อเหลาและใจดีอีกครั้ง “คุณกัปตันมาเที่ยวเหรอคะ” “ใช่ บังเอิญจังเลยนะ เธอก็มาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน” เขาพูดพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาที่ดูอบอุ่น “ค่ะ หนูตั้งใจจะมาเที่ยวที่นี่โดยเฉพาะ กว่าจะอ้อนคุณพ่อกับคุณแม่ให้พามาได้ ถือว่าคุ้มค่าเลยค่ะ ที่นี่สวยมาก” “ไปยืนตรงนั้นสิ ส่งมือถือมา ฉันจะถ่ายรูปให้” “ค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างสดใส เธอส่งโทรศัพท์มือถือให้กับพิพัฒน์ เขาทำหน้าที่ถ่ายรูปให้เธอต่อเนื่อง ก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้เธอ “ขอบคุณนะคะที่ถ่ายรูปสวยๆให้หนู” “คุณพัฒน์คะ!” “ซาร่า ไปทานบาร์บีคิวได้แล้วลูก คุณพ่อรออยู่” ยังไม่ทันที่พิพัฒน์จะได้ตอบกลับลลิสา เสียงของหญิงคนรักกำลังเรียกชื่อเขาดังมาแต่ไกล พร้อมกับเสียงเรียกจากมารดาของลลิสา และนางกำลังเดินมุ่งหน้ามาหาลูกสาว “หนูขอตัวนะคะ คุณแม่กำลังมาตามค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น “แอนนี่ไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว คุณพัฒน์ก็ฉวยโอกาสไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นแล้วเหรอคะ” แอนนี่เดินตรงเข้ามาต่อว่ากัปตันพิพัฒน์ “จะพูดอะไรช่วยถามผมก่อนนะแอนนี่ ไม่ใช่มาจับผิดผมตลอดเวลาแบบนี้ หัดมีเหตุผลบ้างก็ดี” “แอนนี่เป็นแฟนคุณ ก็ต้องหึงหวงคุณเป็นธรรมดา แล้วคุณพัฒน์คุยกับใครเหรอคะ” “คุยกับเด็กรุ่นลูก ผมเคยเจอเธอที่สนามบิน แล้วบังเอิญมาเจอที่นี่อีก เธอมาเที่ยวกับพ่อกับแม่ แค่ทักทายและช่วยถ่ายรูปให้ก็เท่านั้น ผมจะไปคิดอะไรกับเด็กรุ่นลูก” กัปตันพิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างหงุดหงิด “เหรอคะ แอนนี่ขอโทษค่ะ ก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นดูสวยและหุ่นดี ไม่ได้คิดว่าเป็นเด็กน่ะค่ะ” “รุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกสาวผม ผมมองว่าเป็นเด็กทั้งนั้นล่ะ” เขาตอบกลับด้วยอารมณ์หงุดหงิดพอสมควร “แอนนี่ขอโทษนะคะที่รัก ต่อไปแอนนี่จะมีเหตุผลให้มากกว่านี้ เรามาดื่มไวน์กันดีกว่านะคะ ลมเย็นนั่งดื่มไวน์ในเต็นท์ บรรยากาศมันได้จริงๆค่ะ” เธอพยายามเอาใจเขาด้วยการยั่วยวน เพราะมันคือวิธีเดียวที่ทำให้กัปตันพิพัฒน์รู้สึกผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้นมาได้ “ซาร่าคุยกับใครเหรอลูก ตอนที่แม่เดินไปตามน่ะ” มารดาของเธอเอ่ยถาม ขณะที่ลูกสาวของนางกำลังเคี้ยวบาร์บีคิวอย่างเอร็ดอร่อย “กัปตันชาวไทยค่ะ ซาร่าเจอเขาที่สนามบินเมื่อวาน ซาร่าวูบในลิฟต์เพราะง่วงนอน เขาเป็นคนมาช่วยไว้ บังเอิญมาเจอกันที่นี่อีกน่ะค่ะ” “อ๋อ...น่าจะชวนเขามาทานบาร์บีคิวด้วยกันนะ” มาดามริสาบอกลูกสาว “พ่อว่าเราควรจะแบ่งบาร์บีคิวไปให้เขาทานมากกว่านะ เขาไม่ได้รู้จักครอบครัวเรา เขาอาจจะเกรงใจไม่กล้ามาน่ะ” “งั้นแม่แบ่งบาร์บีคิวร้อนๆใส่จานให้ หนูซาร่าเอาไปให้เขานะลูก” “ได้ค่ะคุณแม่” ลลิสายื่นมือไปรับจานบาร์บีคิวจากมารดา เธอยิ้มกว้างและเดินมุ่งหน้าไปที่เต็นท์ของกัปตันพิพัฒน์ “คุณกัปตันคะ” “อ๊า...อ๊าย...อุ๊บ!” ---------------------------------- น้องซาร่าเจอคุณกัปตันอีกแล้ว บังเอิญจังเลย🥰🥰ถ้าชอบนิยายแนวคลั่งรัก NCแซ่บ ฝากกดไลค์ให้ด้วยนะคะสามปีต่อมาพิพัฒน์ในวัย 48 ปี แต่ใบหน้ายังคงหล่อเหลาราวกับหนุ่มในวัยสามสิบปลายๆ ร่างกายของเขายังคงแข็งแรงจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เขาใช้เวลาทุกๆวันดูแลลูกๆและภรรยา แม้จะไม่ได้ทำงานเหมือนแต่ก่อน แต่พิพัฒน์ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสายการบินของครอบครัว และแพรพลอยขึ้นรับตำแหน่งรองประธาน ในขณะที่ภาคินเองก็เพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งประธานไปหมาดๆ พิพัฒน์และลลิสาแต่งงานกันในโบสถ์แห่งหนึ่ง กลางเมืองมิลาน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายต่างร่วมยินดีและเป็นสักขีพยานรักให้กับคนทั้งสอง“มาค่ะ ใครจะนั่งกับคุณยายคุณตาบ้างคะ”คุณยายริสาถามหลานๆ พวกเขากำลังเดินทางไปเที่ยวที่เทือกเขาโดโลไมต์ในช่วงปิดเทอม“ผมจะนั่งกับคุณตาคุณยายครับ”เด็กชายภูผาในวัย4 ขวบ เดินขึ้นรถบ้านไปนั่งตรงกลางระหว่างคุณตาคุณยาย “น้องพราวจะนั่งกับคุณตาคุณยาย หรือจะนั่งกับพี่พลอยคะ”แพรพลอยถามน้องสาว เด็กหญิงแพรวพราวในวัยสองขวบ เด็กน้อยน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาบี้ พี่สาวอย่างแพรพลอยหวงนักหนา“นั่งกับพลอยๆ พี่พลอยฉวยๆ”เด็กหญิงตัวน้อยยื่นมือให้พี่สาวโอบอุ้มขึ้นรถ(พรึ่บ)(ฟอดดดด)“น่ารักที่สุดค่ะ น้องสาวพี่”แพรพลอยหอมหน้าผากน้องสาวและอุ้มขึ้นรถบ้าน
ตอนพิเศษNC20+“เฮียไม่ต้องไปตามลูกหรอกค่ะ ปล่อยให้เขานอนกับพี่สาว เฮียก็รู้ยัยพลอยกับน้องภูตัวติดกันขนาดนั้น เรามาหาความสุขกันเถอะนะคะ ผลิตลูกเพิ่มดีไหม”เธอพูดพร้อมกับยื่นมือไปดึงขอบเอวกางเกงวอร์ม แล้วรูดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าของพิพัฒน์“ดีครับ งั้นเฮียจะผลิตลูกเพิ่มอีกสักสองคน หนูโอเคใช้ไหม”เขาก้มหน้าลงไปจับที่คางภรรยาสาว เธอช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา ขณะที่มือเล็กกำลังรวบรัดแก่นกายลำใหญ่“ดีค่ะที่รัก คืนนี้จัดทั้งคืนเลยดีไหมคะ”(จ๊วบ)“อ่าส์...สะ...เสียว”พิพัฒน์ถึงกับซู้ดปาก เมื่ิอภรรยาคนสวยใช้ริมฝีปากจดจูบที่ปล่ายหัวเห็ดบาน เธอมองจ้องมันอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงอ้าปากครอบกลืนแท่งเอ็นใหญ่ และผงกศีรษะขึ้นลงเรื่อยๆ(บ๊วบบ๊วบบ๊วบ)“อ่าส์...ซี้ด...เสียว...โอ้ว”เขายืนเต็มความสูงและโยกเอวเบาๆเข้าไปในโพรงปากนุ่มนิ่ม ลลิสานั่งอยู่ปลายเตียง เธอช้อนตามองสามีอย่างยั่งยวน มือหนายื่นไปเกี่ยวสายเดี่ยวให้หลุดลงจากไหล่บาง จากนั้นจึงยื่นมือไปบีบคลึงเต้านมอวบใหญ่ ลลิสายังคงเร่งผงกหัวเข้าออกรัวๆ “อ๊าส์...อ่า...สุดยอด...โอย...ซี้ด เร็วอีกครับ”หลังจากที่ภรรยาคนสวยใช้ปากรูดดูดแท่งเอ็นใหญ่หลายนาที พิ
ตอนพิเศษหลายเดือนต่อมา“แว้แว้แว้!”เสียงเด็กทารกเพศชายร้องไห้ในยามเช้า พิพัฒน์ในวัย 45 ปี รีบเดินเข้าไปโอบอุ้มลูกชายวัยสามเดือนขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา“โอ๊ะโอ๋ ลูกชายของคุณพ่อ ตื่นแล้วเหรอครับ ไม่ต้องร้องนะคนเก่ง วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะพาน้องภูกลับประเทศไทย เรากลับไปอยู่บ้านของเรากันนะครับ ให้ลูกโตขึ้นกว่านี้ คุณพ่อจะพากลับมาเยี่ยมคุณตาคุณยาย โอเคไหมครับ”“แอ้”พิพัฒน์พูดราวกับว่าเจ้าตัวเล็กฟังรู้เรื่อง เด็กชายภูผาหยุดร้องไห้ทันที เจ้าตัวกำลังมองดูบิดาที่กำลังทำท่าหยอกล้อและพูดคุยด้วย“ลูกตื่นแล้วเหรอคะเฮีย”ร่างระหง ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอใช้ผ้าเช็ดตัวนุ่งกระโจมอก พิพัฒน์จ้องมองภรรยาสาวด้วยความหลงใหลเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา“ลูกตื่นแล้วครับ น่าจะหิวนมด้วย”“แป๊บนะคะ”เธอตอบสามี ขณะที่กำลังนำเสื้อเชิ๊ตมาสวมใส่“ครับ ที่รัก”“มองทำไมขนาดนั้นคะ”ลลิสาถามถามพิพัฒน์ เขาเอาแต่จ้องมองเธอด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกหลากหลาย“มองคุณแม่คนสวยไงครับ ทั้งสวย ทั้งมีน้ำมีนวล ทั้งน่ารัก น่าขย้ำสุดๆ”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมา ก่อนที่เขาจะหันไปหยอกล้อลูกชาย“อดทน
ตอนที่ 43 ตามหาหัวใจพิพัฒน์และแพรพลอยเดินทางมาถึงประเทศอิตาลีในช่วงเช้าของวันเสาร์ แพรพลอยค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเป็นการเดินทางในต่างประเทศครั้งแรกของเธอ เธอมองซ้ายมองขวาด้วยท่าทางเหมือนเด็ก“เดินเร็วๆสิพลอย พ่อรีบนะ”พิพัฒน์เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ลูกสาว เขาคิดถึงเมียรักจนสุดหัวใจ และหวังว่าลลิสาจะไม่โกรธเขา สองพ่อลูกนั่งรถแท็กซี่ไปตามเส้นทางที่เขาจำได้ดี“ตื่นเช้าจังเลยนะลูก หรือว่านอนไม่หลับอีก”มาดามริสาถามลูกสาวที่กำลังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้“เจ้าตัวเล็กดิ้นแต่เช้าเลยค่ะคุณแม่”เธอยิ้มให้กับมารดาพร้อมกับใช้มือลูบหน้าท้องกลมโตนับตั้งแต่วันที่ลลิสากลับมาอยู่กับบิดามารดา เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ลึกๆในใจเธอเฝ้าแต่คิดถึงคนที่เป็นพ่อของลูกอยู่ตลอด เธอไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บิดามารดาฟัง เธอบอกแค่ว่าพิพัฒน์ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก จนความจำเสื่อม และเขาต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกนาน เธอจึงต้องกลับมาอยู่กับท่านทั้งสอง มิสเตอร์ฟรังโก้และมาดามริสาเข้าใจลูกสาวและลูกเขยเป็นอย่างดี “หลานชายของแม่คงจะแข็งแรงน่าดูเลย คริคริ ดีใจจังเลย จะได้เป็นคุณยายแล้ว”มาดามริสาทั้งตื่นเต้นและมีความสุข“
ตอนที่ 42 สำนึกผิด“ซาร่า! อย่าไป ซาร่ากลับมาก่อน!”(พรึ่บ)พิพัฒน์เอาแต่นอนละเมอ เรียกหาเมียรัก และสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก“อื๊อ...คุณอาละเมอหรือครับ”ภาคินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เพราะเขาเองก็เพิ่งหลับไป และต้องตื่นตอนที่ได้ยินเสียงของพิพัฒน์“ซาร่า ซาร่าไปไหนแล้ว เมียของอาหายไปไหน ไปตามซาร่ามาหาอาหน่อยสิภีม”พิพัฒน์พยายามมองหาเมียรักของเขา ภาคินรีบลุกจากโซฟาเดินเข้ามาหาคุณอาของเขา“อาพัฒน์ว่าไงนะครับ”“ซาร่าไปไหน ทำไมไม่กลับมาหาอา เมียของอาไปไหน”“ใจเย็นๆนะครับคุณอา คุณอาจำผมได้แล้วใช่ไหมครับ”พิพัฒน์จ้องหน้าภาคินทันที“แกพูดอะไรของแกวะไอ้ภีม ทำไมอาจะจำไม่ได้ แกมันก็เป็นหลานชายของอาไง เมื่อก่อนแกก็ตามจีบเมียอา หมั่นไส้ ไอ้หลานบ้านี่”“ฮ่าๆๆ คนแก่จำได้แล้วโว้ย!”ภาคินหัวเราะดังลั่นห้อง“ว่าใครแก่วะ อายังไม่แก่นะเว้ย”“นั่งอยู่ตรงนี้นะครับ ผมจะไปตามคุณหมอ”ภาคินรีบเดินออกจากห้อง เพื่อไปตามแพทย์เจ้าของไข้แพทย์หนุ่มพูดคุยและตรวจอาการพิพัฒน์โดยละเอียด พิพัฒน์ตอบคำถามได้ทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะถามหาเมียรักของเขาอยู่แบบนั้น“คนไข้หายเป็นปกติแล้วนะครับ แต่เรื่องของแขนด้านซ้าย อย่าเ
ตอนที่ 41 ซาร่าจากไปพร้อมกับลูกในท้องพิพัฒน์เอาแต่นอนซึม เมื่อรู้ว่าลลิสาไปจากเขาแล้ว ทุกๆครั้งที่ตื่นมา เขาจะเจอเธออยู่ข้างๆตลอด แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ผู้หญิงที่คอยดูแลเขา ผู้หญิงที่คอยป้อนข้าว คอยเช็ดตัว และคอยเอายาให้เขาทานทุกวัน “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะพี่ภีม พลอยไม่ได้มาเยี่ยมสองวัน คุณพ่อดีขึ้นหรือเปล่า ”แพรพลอยเดินทางมาเยี่ยมบิดาของเธอในเช้าวันเสาร์ และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง แอนนี่คอยติดตามเธอมาตลอด“ก็ตามที่เห็น ดูเอาสิ”ภาคินตอบกลับ แพรพลอยมองดูบิดาที่กำลังนอนหน้าเศร้าไม่สนใจใคร“คุณพ่อไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมดูซึมๆ”เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของบิดา“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ แต่ทำไมถึงดูเหมือนคนเป็นไข้ล่ะ คุณหมอมาตรวจหรือยัง หมอบอกหรือเปล่าว่าคุณพ่อเป็นอะไร”เธอหันไปถามภาคินที่กำลังนั่งก้มหน้าเล่นมือถือ ที่ภาคินต้องทำแบบนั้น เพราะเขาไม่อยากจะใส่ใจแพรพลอยอีกแล้ว“หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรนี่ สงสัยจะเป็นไข้ใจละมั้ง”“ไข้ใจอะไรกัน”“ก็ตั้งแต่ซาร่าไปจากที่นี่ คุณอาก็ไม่ยอมทานข้าว เอาแต่นอนซึมเหมือนที่เห็นนั่นแหละ”“ฮะ ยัยซาร่าไปแล้วเหรอ ไปไหน”แพรพลอยทำหน้าฉงน“ไปอิตาลีไ