ตอนที่7 หนูจะไม่มีวันลืมคุณ
พิพัฒน์ย่อตัวลงเพื่อให้สาวน้อยนั่งที่เก้าอี้ บริเวณหน้าบ้านพักของเจ้าหน้าที่ (พรึ่บ) “คุณพัฒน์เป็นยังไงบ้างคะ แอนนี่เป็นห่วงคุณมากรู้ไหม แอนนี่นอนไม่หลับทั้งคืน กลัวว่าคุณจะไม่กลับมาหาแอนนี่อีก” หญิงสาวสวมกอดชายคนรักไว้แนบแน่น ก่อนจะปลายตามองลลิสาที่กำลังโอบกอดบิดามารดา อยู่ด้านหลังของพิพัฒน์ “ผมไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว คุณไม่ต้องกังวล” มือหนาสองข้างจับที่ไหล่เล็กของแฟนสาว ลำแขนเล็กคลายออกจากร่างหนา พิพัฒน์หันกลับมามองสาวน้อยที่กำลังพูดคุยกับบิดามารดา “ลูกตัวร้อนมากเลยคุณ” มาดามริสาใช้ฝ่ามือแตะที่หน้าผากของลูกสาว “ซาร่าน่าจะมีไข้น่ะครับ รีบพาเธอไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า” พิพัฒน์พูดกับคนทั้งสอง “รถพยาบาลกำลังมาครับ เจ้าหน้าที่ติดต่อมาบอกว่าเจอคุณกับลูกสาวผมแล้ว เจ้าหน้าที่ทางฝั่งนี้โทรแจ้งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วครับ ผมขอบคุณนะครับ ที่คุณช่วยชีวิตลูกสาวผมไว้ ถ้าไม่มีคุณอยู่ตรงนั้น ป่านนี้ลูกสาวของผมจะเป็นยังไงก็ไม่รู้” มิสเตอร์ฟรังโก้กล่าวขอบคุณกัปตันพิพัฒน์ด้วยความซาบซึ้ง ลลิสามองใบหน้ากัปตันผู้ใจดีอยู่ตลอดเวลา (พรึ่บ) ลำแขนแกร่งถูกสองแขนของแฟนสาวกอดรัดไว้แน่น เธอถลึงตาใส่ลลิสาด้วยอารมณ์หึงหวง สาวน้อยถึงกับทำหน้าละห้อย เธอเพิ่งจะรู้ว่าเขามีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว (วี้หว่อ วี้หว่อ) เสียงรถโรงพยาบาลแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพักแห่งนั้น เจ้าหน้าที่นำตัวลลิสาขึ้นรถพยาบาลทันที “คุณก็ควรจะไปโรงพยาบาลเช่นกันนะครับ จะได้ตรวจร่างกาย เกรงว่าจะมีไข้ หรืออาการเจ็บป่วยภายในร่างกายน่ะครับ” เจ้าหน้าที่วัยกลางคนพูดกับพิพัฒน์ “ผมจะขับรถตามหลังรถพยาบาลไปนะครับ อันที่จริงผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ปกติทุกอย่าง แต่ผมก็จะไปตรวจร่างกายครับ” พิพัฒน์ขับรถสปอร์ตหรูตามหลังรถพยาบาลไปติดๆ โดยมีแอนนี่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ “ถ้าคุณพัฒน์ไม่ได้ป่วย ก็ไม่เห็นต้องไปโรงพยาบาลนี่คะ ไปให้เสียเวลาทำไม” แอนนี่นั่งกอดอก แสดงสีหน้าค่อนข้างหงุดหงิด “คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าไม่อยากมากับผมก็ไม่ต้องมา ผมไม่ได้บังคับคุณนะ” “เอ่อ...ขอโทษค่ะ แอนนี่เห็นว่าพรุ่งนี้เราจะต้องเดินทางกลับไทยตั้งแต่เช้า กลัวว่าคุณจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เลยไม่เห็นด้วยกับการที่คุณจะต้องไปโรงพยาบาล มองดูคุณก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรน่ะค่ะ” “...” พิพัฒน์ไม่ได้ตอบกลับอะไร เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถจนถึงโรงพยาบาล “ลูกสาวของผมเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ” มิสเตอร์ฟรังโก้ถามนายแพทย์วัยกลางคน ที่กำลังตรวจร่างกายของลลิสา “ข้อเท้าของคนไข้ปูดบวม เกิดจากแรงกระแทกกับของแข็งน่ะครับ น่าจะโดนกับโขดหิน เธอมีไข้ ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างน้อยสองคืนครับ” ลลิสาถูกนำตัวเข้าไปในห้องวีไอพี เพื่อรักษาตัวตามที่แพทย์สั่ง “เรากลับกันเถอะนะคะคุณพัฒน์ คุณหมอบอกว่าคุณไม่ได้เจ็บปวดตรงไหน ร่างกายปกติ เรารีบเดินทางกลับนาวิกลิกันดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางตั้งแต่เช้า” แอนนี่เดินเกี่ยวแขนแฟนหนุ่มออกจากห้องฉุกเฉิน “คุณไปรอที่รถนะ เดี๋ยวผมมา” (พรึ่บ) พิพัฒน์ดึงมือของแอนนี่ออกจากลำแขนของเขา ก่อนจะเดินจากไปด้วยความเร่งรีบ “อ้าวคุณ ยังไม่กลับเหรอคะ” มาดามริสาเดินสวนทางกับพิพัฒน์ ตรงประตูลิฟต์ “ผมจะมาลาหนูซาร่าน่ะครับ พรุ่งนี้ผมต้องกลับประเทศไทยแล้ว” “เชิญค่ะ หนูซาร่าอยู่ในห้องขวามือ ห้องสุดท้าย สามีของฉันก็อยู่ในห้องค่ะ ฉันขอตัวไปร้านสะดวกซื้อก่อนนะคะ” “ครับ” พิพัฒน์เดินตรงไปยังห้องที่ลลิสานอนพักรักษาตัว (แอ๊ดดดด) “อ้าว...คุณพิพัฒน์ ยังไม่กลับเหรอครับ” มิสเตอร์ฟรังโก้เอ่ยถามคนที่ช่วยชีวิตลูกสาวของเขาไว้ “กำลังจะกลับครับ ผมมาลาหนูซาร่าก่อน” ลลิสานอนสะลึมสะลือ อาการกึ่งหลับกึ่งตื่นด้วยความรู้สึกอ่อนล้า “นั่งก่อนนะครับคุณพิพัฒน์ ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน” มิสเตอร์ฟรังโก้พูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปในห้องน้ำ พิพัฒน์เดินตรงเข้าไปหาสาวน้อยที่กำลังจะหลับ “ฉันต้องไปแล้วนะ หนูรีบหายไวๆล่ะ” “...” ลลิสาไม่ได้ตอบกลับอะไร เธอหลับไปเสียแล้ว มือหนายื่นไปลูบศรีษะเล็กอย่างอ่อนโยน เขายืนมองคนตัวเล็กที่กำลังหลับ พิพัฒน์ยิ้มอย่างเอ็นดู มันคงเป็นการเจอกันครั้งสุดท้าย อยู่ๆพิพัฒน์ก็รู้สึกใจหาย แต่เขาก็รู้สึกดีที่เขาได้ช่วยชีวิตของเธอให้ปลอดภัย (แอ๊ดดดด) พิพัฒน์นั่งรอจนมิสเตอร์ฟรังโก้ออกมาจากห้องน้ำ เขาลุกขึ้นจากโซฟาทันที “ผมลานะครับคุณฟรังโก้” “ครับ ผมต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่คุณช่วยชีวิตลูกสาวผม บุญคุณครั้งนี้ผมจะไม่มีวันลืมเลย ถ้ามีโอกาสผมคงจะได้ตอบแทนคุณ” มิสเตอร์ฟรังโก้พูดกับพิพัฒน์ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจช่วย ผมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ ผมเองก็มีลูกสาว ผมเข้าใจความรู้สึกดี และมันเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำอยู่แล้ว ผมลานะครับ” “ครับ เดินทางปลอดภัยนะคุณพิพัฒน์” กัปตันพิพัฒน์โค้งศรีษะให้ผู้ที่มีอายุมากว่าเขา ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยที่กำลังนอนหลับสนิท จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไปทันที “หายไปไหนมาคะ” แอนนี่ถามในเชิงประชด “ผมไปลาครอบครัวคุณฟรังโก้น่ะ” “เหรอคะ แอนนี่คิดว่าคุณยังอาลัยอาวรณ์เด็กนั่นอยู่” “คุณพูดอะไรของคุณ แอนนี่” พิพัฒน์พูดพร้อมกับจ้องหน้าแฟนสาวด้วยอารมณ์หงุดหงิด ก่อนที่เขาจะขับรถออกไปจากโรงพยาบาลแห่งนั้น “คุณไปติดอยู่ในป่ากับเด็กนั่นสองต่อสอง หวังว่าคงจะไม่พากันไปขึ้นสวรรค์จนน้ำแตกไปหลายรอบนะคะ” “แอนนี่!” (เอี๊ยดดด!) พิพัฒน์ต้องเหยียบเบรคกะทันหัน และจอดรถริมไหล่ทาง เขาไม่พอใจกับสิ่งที่แฟนสาวพูดเป็นอย่างมาก “เมื่อไหร่คุณจะหยุดพูดประชดผมสักทีฮะ ผมบอกคุณแล้ว ซาร่าเป็นเด็กรุ่นลูก ผมจะไปทำแบบนั้นทำไม!” เขาตวาดเสียงดังลั่นรถ “ก็แอนนี่หึงคุณนี่คะ ทำไมแอนนี่จะดูไม่ออก ว่าเด็กนั่นคิดอะไรกับคุณ แค่เห็นแววตาที่มันมองคุณ แอนนี่ก็รู้ว่ามันชอบคุณขนาดไหน ถ้ามันกลืนกินคุณไปได้ มันคงจะกินคุณแล้ว และแอนนี่ไม่เชื่อหรอก ว่าตอนที่คุณค้างคืนกับมัน มันจะไม่อ่อยคุณเลย คนเจ้าชู้อย่างคุณ มีเหรอจะไม่กินผู้หญิงที่มาอ่อย” “อ๋อ คุณคิดว่าคุณง่าย แล้วซาร่าจะง่ายเหมือนคุณสินะ” “คุณพัฒน์! คุณชักจะดูถูกแอนนี่เกินไปแล้วนะคะ” “ถ้าคุณไม่อยากให้ผมพูดแบบนี้อีก คุณก็หยุดใส่ร้ายผมกับซาร่าได้แล้ว!” (บรึ๊นนน!) รถสปอร์ตคันสีดำ แล่นออกไปตามท้องถนนด้วยความรวดเร็ว พิพัฒน์ไม่ยอมพูดจากับแอนนี่แม้แต่คำเดียว จนทั้งสองเดินทางกลับมาถึงโรงแรมหรู (หมับ) “แอนนี่ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณอารมณ์ไม่ดี” เธอใช้สองแขนโอบรัดลำคอแกร่ง พร้อมกับส่งสายตายั่วยวน เพื่อเชิญชวนเขาทำเรื่องบนเตียง (พรึ่บ) “ว้าย!” พิพัฒน์ผลักร่างหญิงสาวออก จนเธอเซถอยหลัง “ทำไมคุณทำกับแอนนี่แบบนี้คะ!” “หลายครั้งแล้ว ที่คุณพูดไม่ให้เกียรติผม แล้วก็เลิกใช้วิธีนี้ง้อผมได้แล้ว หัดปรับปรุงนิสัยตัวเองบ้าง” “คุณพัฒน์! ทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับแอนนี่ จะให้แอนนี่คิดยังไงล่ะ แค่คุณไปหลงป่ากับอีเด็กนั่นคืนเดียว คุณก็เมินเฉยแอนนี่เลยเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ แอนนี่ไม่กลับไทยพร้อมคุณแล้วค่ะ คุณกลับไปก่อนเลย แอนนี่ไม่อยากทะเลาะกับคุณ” “ก็เรื่องของคุณสิ คุณจะกลับไทยหรือไม่กลับก็ไม่ใช่เรื่องของผม ผมกับคุณไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกันสักหน่อย อยากทำอะไรก็เชิญ เชิญเลย! หรือจะลาออกจากงานไปเลยก็ได้!” “กรี๊ดดดด! คุณพัฒน์!” พิพัฒน์ตวาดดังลั่นห้อง จนแอนนี่ส่งเสียงหวีดร้องออกมา เธอกระชากเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ออกมายัดใส่กระเป๋าเดินทาง “คุณจะทำอะไร แอนนี่” “แอนนี่ก็จะไปค้างคืนกับเพื่อนสิคะ คุณพัฒน์อารมณ์แบบนี้ แอนนี่คงคุยอะไรกับคุณไม่ได้แล้ว คุณกลับไทยไปก่อนเถอะค่ะ อีกหนึ่งอาทิตย์เราค่อยเจอกัน” “...” พิพัฒน์ยืนมองแฟนสาวเดินลากกระเป๋าออกจากห้องไป ก่อนที่เขาจะล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ เพื่อต่อสายหาใครบางคน “ว่าใครครับคุณพัฒน์” ปลายสายเอ่ยถามออกมา “ขับรถตามแอนนี่ไป แล้วอย่าลืมเรื่องที่ให้ไปสืบด้วยล่ะ” “ครับ ผมไม่ลืม แค่รอให้ได้หลักฐานที่แน่ชัดน่ะครับ” “อืม ตามนั้น” “อื๊อ” เสียงครางอู้อี้จากคนที่นอนหลับไปหลายชั่วโมง “เป็นไงบ้างลูกแม่ ดีขึ้นหรือเปล่าลูก” มาดามริสาถามลูกสาวที่เพิ่งลืมตาตื่น “กี่โมงแล้วคะคุณแม่” “สองทุ่มจ้ะ หิวไหมลูก ทานอาหารก่อนนะ จะได้ทานยาแก้ไข้” “พ่อสั่งข้าวต้มรสชาติอาหารไทยมาให้ลูกด้วยนะซาร่า” มิสเตอร์ฟรังโก้ถือถ้วยข้าวต้มเตรียมจะป้อนลูกสาว “ซาร่าหลับนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ” “ใช่ลูก ลูกหลับไปตั้งแต่ตอนที่คุณพิพัฒน์เข้ามาเยี่ยมน่ะ” บิดาของเธอบอก “คุณพัฒน์มาเยี่ยมซาร่าเหรอคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงใส หัวใจสาวน้อยเต้นแรง เมื่อรู้ว่ากัปตันผู้หล่อเหลาและใจดีมาเยี่ยมเธอ “ใช่ลูก คุณพิพัฒน์มาลาน่ะ เขาต้องเดินทางกลับไทย ก็เลยแวะมาหาลูกน่ะ เสียดายจัง ครอบครัวเรายังไม่ได้ตอบแทนเขาเลย ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีก พ่อคงจะได้ตอบแทน ที่เขาช่วยชีวิตลูกสาวพ่อเอาไว้” ลลิสารู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก เธอคงไม่มีโอกาสได้เจอกัปตันผู้หล่อเหลาและใจดีอีกแล้ว “โชคดีนะคะคุณกัปตัน หนูจะไม่มีวันลืมคุณค่ะ” ลลิสาพูดพึมพำ ก่อนจะหลับตานอนในช่วงดึก เธอคิดถึงใบหน้าของเขา คิดถึงอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น แม้เธอจะรู้ดีว่า เธอคงไม่มีวันได้เจอกับเขาอีกแล้ว ----------------------------------- ติดตามตอนต่อไปคืนนี้นะคะ ฝากก❤️คอมเม้นท์ เป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยน๊า😍❤️สามปีต่อมาพิพัฒน์ในวัย 48 ปี แต่ใบหน้ายังคงหล่อเหลาราวกับหนุ่มในวัยสามสิบปลายๆ ร่างกายของเขายังคงแข็งแรงจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เขาใช้เวลาทุกๆวันดูแลลูกๆและภรรยา แม้จะไม่ได้ทำงานเหมือนแต่ก่อน แต่พิพัฒน์ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสายการบินของครอบครัว และแพรพลอยขึ้นรับตำแหน่งรองประธาน ในขณะที่ภาคินเองก็เพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งประธานไปหมาดๆ พิพัฒน์และลลิสาแต่งงานกันในโบสถ์แห่งหนึ่ง กลางเมืองมิลาน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายต่างร่วมยินดีและเป็นสักขีพยานรักให้กับคนทั้งสอง“มาค่ะ ใครจะนั่งกับคุณยายคุณตาบ้างคะ”คุณยายริสาถามหลานๆ พวกเขากำลังเดินทางไปเที่ยวที่เทือกเขาโดโลไมต์ในช่วงปิดเทอม“ผมจะนั่งกับคุณตาคุณยายครับ”เด็กชายภูผาในวัย4 ขวบ เดินขึ้นรถบ้านไปนั่งตรงกลางระหว่างคุณตาคุณยาย “น้องพราวจะนั่งกับคุณตาคุณยาย หรือจะนั่งกับพี่พลอยคะ”แพรพลอยถามน้องสาว เด็กหญิงแพรวพราวในวัยสองขวบ เด็กน้อยน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาบี้ พี่สาวอย่างแพรพลอยหวงนักหนา“นั่งกับพลอยๆ พี่พลอยฉวยๆ”เด็กหญิงตัวน้อยยื่นมือให้พี่สาวโอบอุ้มขึ้นรถ(พรึ่บ)(ฟอดดดด)“น่ารักที่สุดค่ะ น้องสาวพี่”แพรพลอยหอมหน้าผากน้องสาวและอุ้มขึ้นรถบ้าน
ตอนพิเศษNC20+“เฮียไม่ต้องไปตามลูกหรอกค่ะ ปล่อยให้เขานอนกับพี่สาว เฮียก็รู้ยัยพลอยกับน้องภูตัวติดกันขนาดนั้น เรามาหาความสุขกันเถอะนะคะ ผลิตลูกเพิ่มดีไหม”เธอพูดพร้อมกับยื่นมือไปดึงขอบเอวกางเกงวอร์ม แล้วรูดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าของพิพัฒน์“ดีครับ งั้นเฮียจะผลิตลูกเพิ่มอีกสักสองคน หนูโอเคใช้ไหม”เขาก้มหน้าลงไปจับที่คางภรรยาสาว เธอช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา ขณะที่มือเล็กกำลังรวบรัดแก่นกายลำใหญ่“ดีค่ะที่รัก คืนนี้จัดทั้งคืนเลยดีไหมคะ”(จ๊วบ)“อ่าส์...สะ...เสียว”พิพัฒน์ถึงกับซู้ดปาก เมื่ิอภรรยาคนสวยใช้ริมฝีปากจดจูบที่ปล่ายหัวเห็ดบาน เธอมองจ้องมันอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงอ้าปากครอบกลืนแท่งเอ็นใหญ่ และผงกศีรษะขึ้นลงเรื่อยๆ(บ๊วบบ๊วบบ๊วบ)“อ่าส์...ซี้ด...เสียว...โอ้ว”เขายืนเต็มความสูงและโยกเอวเบาๆเข้าไปในโพรงปากนุ่มนิ่ม ลลิสานั่งอยู่ปลายเตียง เธอช้อนตามองสามีอย่างยั่งยวน มือหนายื่นไปเกี่ยวสายเดี่ยวให้หลุดลงจากไหล่บาง จากนั้นจึงยื่นมือไปบีบคลึงเต้านมอวบใหญ่ ลลิสายังคงเร่งผงกหัวเข้าออกรัวๆ “อ๊าส์...อ่า...สุดยอด...โอย...ซี้ด เร็วอีกครับ”หลังจากที่ภรรยาคนสวยใช้ปากรูดดูดแท่งเอ็นใหญ่หลายนาที พิ
ตอนพิเศษหลายเดือนต่อมา“แว้แว้แว้!”เสียงเด็กทารกเพศชายร้องไห้ในยามเช้า พิพัฒน์ในวัย 45 ปี รีบเดินเข้าไปโอบอุ้มลูกชายวัยสามเดือนขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา“โอ๊ะโอ๋ ลูกชายของคุณพ่อ ตื่นแล้วเหรอครับ ไม่ต้องร้องนะคนเก่ง วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะพาน้องภูกลับประเทศไทย เรากลับไปอยู่บ้านของเรากันนะครับ ให้ลูกโตขึ้นกว่านี้ คุณพ่อจะพากลับมาเยี่ยมคุณตาคุณยาย โอเคไหมครับ”“แอ้”พิพัฒน์พูดราวกับว่าเจ้าตัวเล็กฟังรู้เรื่อง เด็กชายภูผาหยุดร้องไห้ทันที เจ้าตัวกำลังมองดูบิดาที่กำลังทำท่าหยอกล้อและพูดคุยด้วย“ลูกตื่นแล้วเหรอคะเฮีย”ร่างระหง ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอใช้ผ้าเช็ดตัวนุ่งกระโจมอก พิพัฒน์จ้องมองภรรยาสาวด้วยความหลงใหลเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา“ลูกตื่นแล้วครับ น่าจะหิวนมด้วย”“แป๊บนะคะ”เธอตอบสามี ขณะที่กำลังนำเสื้อเชิ๊ตมาสวมใส่“ครับ ที่รัก”“มองทำไมขนาดนั้นคะ”ลลิสาถามถามพิพัฒน์ เขาเอาแต่จ้องมองเธอด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกหลากหลาย“มองคุณแม่คนสวยไงครับ ทั้งสวย ทั้งมีน้ำมีนวล ทั้งน่ารัก น่าขย้ำสุดๆ”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมา ก่อนที่เขาจะหันไปหยอกล้อลูกชาย“อดทน
ตอนที่ 43 ตามหาหัวใจพิพัฒน์และแพรพลอยเดินทางมาถึงประเทศอิตาลีในช่วงเช้าของวันเสาร์ แพรพลอยค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเป็นการเดินทางในต่างประเทศครั้งแรกของเธอ เธอมองซ้ายมองขวาด้วยท่าทางเหมือนเด็ก“เดินเร็วๆสิพลอย พ่อรีบนะ”พิพัฒน์เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ลูกสาว เขาคิดถึงเมียรักจนสุดหัวใจ และหวังว่าลลิสาจะไม่โกรธเขา สองพ่อลูกนั่งรถแท็กซี่ไปตามเส้นทางที่เขาจำได้ดี“ตื่นเช้าจังเลยนะลูก หรือว่านอนไม่หลับอีก”มาดามริสาถามลูกสาวที่กำลังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้“เจ้าตัวเล็กดิ้นแต่เช้าเลยค่ะคุณแม่”เธอยิ้มให้กับมารดาพร้อมกับใช้มือลูบหน้าท้องกลมโตนับตั้งแต่วันที่ลลิสากลับมาอยู่กับบิดามารดา เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ลึกๆในใจเธอเฝ้าแต่คิดถึงคนที่เป็นพ่อของลูกอยู่ตลอด เธอไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บิดามารดาฟัง เธอบอกแค่ว่าพิพัฒน์ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก จนความจำเสื่อม และเขาต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกนาน เธอจึงต้องกลับมาอยู่กับท่านทั้งสอง มิสเตอร์ฟรังโก้และมาดามริสาเข้าใจลูกสาวและลูกเขยเป็นอย่างดี “หลานชายของแม่คงจะแข็งแรงน่าดูเลย คริคริ ดีใจจังเลย จะได้เป็นคุณยายแล้ว”มาดามริสาทั้งตื่นเต้นและมีความสุข“
ตอนที่ 42 สำนึกผิด“ซาร่า! อย่าไป ซาร่ากลับมาก่อน!”(พรึ่บ)พิพัฒน์เอาแต่นอนละเมอ เรียกหาเมียรัก และสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก“อื๊อ...คุณอาละเมอหรือครับ”ภาคินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เพราะเขาเองก็เพิ่งหลับไป และต้องตื่นตอนที่ได้ยินเสียงของพิพัฒน์“ซาร่า ซาร่าไปไหนแล้ว เมียของอาหายไปไหน ไปตามซาร่ามาหาอาหน่อยสิภีม”พิพัฒน์พยายามมองหาเมียรักของเขา ภาคินรีบลุกจากโซฟาเดินเข้ามาหาคุณอาของเขา“อาพัฒน์ว่าไงนะครับ”“ซาร่าไปไหน ทำไมไม่กลับมาหาอา เมียของอาไปไหน”“ใจเย็นๆนะครับคุณอา คุณอาจำผมได้แล้วใช่ไหมครับ”พิพัฒน์จ้องหน้าภาคินทันที“แกพูดอะไรของแกวะไอ้ภีม ทำไมอาจะจำไม่ได้ แกมันก็เป็นหลานชายของอาไง เมื่อก่อนแกก็ตามจีบเมียอา หมั่นไส้ ไอ้หลานบ้านี่”“ฮ่าๆๆ คนแก่จำได้แล้วโว้ย!”ภาคินหัวเราะดังลั่นห้อง“ว่าใครแก่วะ อายังไม่แก่นะเว้ย”“นั่งอยู่ตรงนี้นะครับ ผมจะไปตามคุณหมอ”ภาคินรีบเดินออกจากห้อง เพื่อไปตามแพทย์เจ้าของไข้แพทย์หนุ่มพูดคุยและตรวจอาการพิพัฒน์โดยละเอียด พิพัฒน์ตอบคำถามได้ทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะถามหาเมียรักของเขาอยู่แบบนั้น“คนไข้หายเป็นปกติแล้วนะครับ แต่เรื่องของแขนด้านซ้าย อย่าเ
ตอนที่ 41 ซาร่าจากไปพร้อมกับลูกในท้องพิพัฒน์เอาแต่นอนซึม เมื่อรู้ว่าลลิสาไปจากเขาแล้ว ทุกๆครั้งที่ตื่นมา เขาจะเจอเธออยู่ข้างๆตลอด แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ผู้หญิงที่คอยดูแลเขา ผู้หญิงที่คอยป้อนข้าว คอยเช็ดตัว และคอยเอายาให้เขาทานทุกวัน “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะพี่ภีม พลอยไม่ได้มาเยี่ยมสองวัน คุณพ่อดีขึ้นหรือเปล่า ”แพรพลอยเดินทางมาเยี่ยมบิดาของเธอในเช้าวันเสาร์ และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง แอนนี่คอยติดตามเธอมาตลอด“ก็ตามที่เห็น ดูเอาสิ”ภาคินตอบกลับ แพรพลอยมองดูบิดาที่กำลังนอนหน้าเศร้าไม่สนใจใคร“คุณพ่อไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมดูซึมๆ”เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของบิดา“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ แต่ทำไมถึงดูเหมือนคนเป็นไข้ล่ะ คุณหมอมาตรวจหรือยัง หมอบอกหรือเปล่าว่าคุณพ่อเป็นอะไร”เธอหันไปถามภาคินที่กำลังนั่งก้มหน้าเล่นมือถือ ที่ภาคินต้องทำแบบนั้น เพราะเขาไม่อยากจะใส่ใจแพรพลอยอีกแล้ว“หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรนี่ สงสัยจะเป็นไข้ใจละมั้ง”“ไข้ใจอะไรกัน”“ก็ตั้งแต่ซาร่าไปจากที่นี่ คุณอาก็ไม่ยอมทานข้าว เอาแต่นอนซึมเหมือนที่เห็นนั่นแหละ”“ฮะ ยัยซาร่าไปแล้วเหรอ ไปไหน”แพรพลอยทำหน้าฉงน“ไปอิตาลีไ