“พี่สาวข้าตามหาท่านทั่วงานเลย ที่แท้ก็อยู่ตรงนี้เอง” เยว่สือที่ได้ข่าวว่าหนิงเซียนติดตามท่านอ๋องเข้าวังมา นางจึงได้อ้อนขอบิดาให้พาตนเองติดสอยห้อยตามมาด้วยได้สำเร็จ
“น้องสาว ข้าคิดถึงเจ้ามากเลย” หนิงเซียนจับมืออีกฝ่ายเขย่าอย่างดีใจ คิดว่าจะไม่พบคนคุ้นเคยภายในงานเสียแล้ว
“ข้าก็คิดถึงท่าน พี่สาวข้ามีเรื่องให้ท่านช่วยเจ้าค่ะ” เยว่สือหาโอกาสพูดคุยกับหนิงเซียนมาหลายวัน แต่ก็ไม่สามารถเข้าพบได้ ก็เพราะพี่เหลียงเฟิงคอยขัดขวาง มิยอมให้นางได้พบพี่สะใภ้
“ข้าน้อยพอจะรู้จักที่เงียบ ๆ เหมาะสำหรับคุยเรื่องสำคัญเจ้าค่ะ” อาผิงยืนเงียบมานานได้เสนอขึ้น เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้เป็นนาย ร่างแน่งน้อยก็ได้นำทางเจ้านายทั้งสองไปที่ที่นางบอกทันที
หลังจากได้ที่เงียบสงบพูดคุยกันสมใจ เยว่สือจึงได้เปิดปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจของนางออกมาจนหมด บิดาไม่ยอมรับหยางจวินเพราะเขาเป็นประเภทถนัดใช้กำลัง ไม่มีความนุ่มนวลอ่อนหวานเอาเสียเลย เกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่รักหยกถนอมบุปผา บุตรสาวสุดที่รักอาจจะต้องชอกช้ำก็เป็นได้ ท่านพ่อจึงไม่ถูกใจสิ่งนี้
“แล้วท่านราชครูว่าอย่างไร” หนิงเซียนยกมือทาบอก นางไม่คิดเลยว่าความรักของพระนางที่โรยด้วยดอกไม้ จะมีอุปสรรคอันใหญ่หลวงนั่นก็คือด้านบิดาผู้ใดกำเนิด แทนที่จะเป็นเหลียงอ๋องตามเนื้อเรื่องเดิม
“ท่านพ่อบอกว่าถ้าพี่หยางผ่านด่านท่านแม่ได้ ท่านก็จะอนุญาตเจ้าค่ะ” เรื่องนี้ทำให้นางยิ่งกลุ้มใจมากกว่าเดิม การให้ผ่านด่านท่านพ่อดูจะง่ายยิ่งกว่าท่านแม่เสียอีก เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะท่านพ่อเกรงใจท่านแม่มากกว่าผู้ใด
“แล้วท่านรองแม่ทัพว่าอย่างไร”
“พี่หยางเพียรเข้าหาท่านแม่มาสามวันแล้วเจ้าค่ะ แต่ก็ถูกไล่กลับจวนทุกวัน” หลังจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถูกเปิดเผย ทำให้มารดาผู้หวังว่าบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนจะตกล่องปล่องชิ้นกับเหลียงอ๋อง ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายสหายสนิท ที่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ฮูหยินเยว่หวังอยากจะให้บุตรของทั้งสองเกี่ยวดองกัน
“เช่นนั้นข้าจะช่วยอะไรเจ้าได้” แม้แต่เรื่องของตนเองนางยังเอาตัวไม่รอด ไม่รู้ว่าหนิงเซียนคนเดิมจะกลับมาทวงร่างคืนเมื่อไร อีกทั้งนางก็เป็นได้แค่ชายารอง ฝ่าบาทจะประทานสมรสให้ท่านอ๋องเมื่อใดก็ไม่อาจจะคาดเดา
“พี่สะใภ้ช่วยข้าคิดได้หรือไม่ จะทำเช่นไรดีท่านแม่ถึงจะยอมรับพี่หยาง” เยว่สือโอดครวญ ทุกเรื่องนางสามารถจัดการได้หมด ยกเว้นมารดา
“ข้าจะลองหาวิธีช่วยเจ้าดูก็แล้วกัน เช่นนั้นอีกสามวันเจ้าค่อยมาหาข้า”
“ขอบคุณพี่สะใภ้ที่ช่วยข้า ข้ารักท่านที่สุดเลย” เยว่สือเข้าไปกอดหนิงเซียนด้วยความดีใจ นางรักพี่สะใภ้ราวกับพี่สาวแท้ ๆ ของตนเอง ทั้งยังดีใจที่พี่เฟิงได้พบสตรีที่นิสัยดีเช่นนี้
อีกด้านหนึ่งของงานเลี้ยง เหลียงเฟิงที่หาเวลาปลีกตัวออกมาได้ยากยิ่ง แม้เสด็จพ่อไม่ได้รั้งให้เขาอยู่นาน พระองค์เพียงแค่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเรื่องทั่วไป รวมไปถึงเรื่องของหนิงเซียนก็ตาม ทุกอย่างจะไม่มีปัญหาอะไรให้เขาต้องขัดเคือง หากไม่บังเอิญพบกับเต๋อคังและบุตรสาวเข้าในตอนนี้
“คารวะท่านอ๋อง ไม่คิดว่าจะได้พบพระองค์เร็วเช่นนี้” เต๋อคังเสนาบดีเฒ่าโค้งกายคำนับ พร้อมกันนั้นก็ยังไม่ลืมจะแนะนำบุตรสาวของตนเองให้รู้จักกับอีกฝ่าย “ซิงเอ๋อร์เจ้าอย่าเสียมารยาท ทำความเคารพท่านอ๋องเร็วเข้า”
“คารวะท่านอ๋องเพคะ” ร่างอ้อนแอ้นคำนับอย่างมีจริต ซิงอีช้อนตาขึ้นมองอ๋องหนุ่ม ก่อนจะยิ้มหวานเพื่อโปรยเสน่ห์ นางมั่นใจเหลือเกิน ไม่ว่าชายใดได้ยลโฉมจะต้องลุ่มหลงตนเองอย่างช่วยไม่ได้
“อืม” แม้น้ำเสียงของเต๋อคังจะค่อนไปทางตำหนิบุตรสาว ทว่าผู้ใดก็ดูออกว่าเขาเสแสร้ง ทำให้เหลียงเฟิงรู้สึกเบื่อหน่าย และยังรู้สึกขัดเคืองตาสตรีตรงหน้า ที่ดูจะเกินงามไปมากโข
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน