Share

งานหมั้น

last update Dernière mise à jour: 2025-09-06 19:37:40

เถ้าแก่เนี้ย! ร้านก๋วยเตี๋ยวเดินเข้ามาหาเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ แล้วมองดูสองสาวยืนคู่กัน ยกยิ้มเบาอย่างยินดี

“ข้าลืมแนะนำตัว ข้าขื่อหยางเหมยซี เรียกเหมยซีก็ได้”

“ทำไมเจ้ายิ้มแบบนั้น”

“เอ้า ก็นางเป็นพี่สาวข้า พี่สาวจะแต่งงานทั้งทีทำไมจะยิ้มไม่ได้ จริงมั้ยเจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านแม่” เหมยซีเดินยิ้ม

“จริง เช่นนั้นพวกพ่อไปก่อน” ทั้งสองรีบเรียกพ่อบ้านเพื่อเตรียมรถม้าไปจวนตระกูลถังทันที

“อะไรจะรีบป่านนั้น”

“จินเซียง เจ้าจงดีใจเถิดที่ได้พี่สาวข้าเป็นฮูหยิน นางทั้งงดงาม หุ่นดี และยังเป็นที่หมายปองของเชื้อพระวงศ์ แม่ทัพใหญ่ รวมไปถึงตระกูลผู้ทรงอำนาจทั้งหลาย” เหมยซีเอ่ยด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ตรงกันข้ามกับเผยอิงที่ทำหน้าหมดอาลัยราวกับยอมรับชะตา ‘หากแต่งจริง คงไม่ได้ลงจากเตียงทั้งวันทั้งคืน ชีวิตคงได้อยู่แต่ในเรือน’

“เหมยซี! เจ้าจะขายพี่เช่นนี้ไม่ได้น่ะ” เผยอิงตวัดเสียงดุ แต่ใบหน้ายังแดงเรื่อ จนต้องทำเป็นพัดมือกลบเกลื่อน

“พี่ใหญ่ ถ้าท่านไม่แต่งกับนาง ก็อาจถูกเข้าวังน่ะเจ้าค่ะ” เหมยซีหันมายิ้มใส่พี่สาว

เผยอิงเม้มปาก “พี่รู้…แต่ก็ยังไม่แน่ใจ หากพี่ตั้งครรภ์ตอนนี้จะเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง”

“ยังหรอก คงอีกนาน” จินเซียงตอบเรียบ ๆ พร้อมเหลือบตามอง “เพราะข้าให้เจ้ากินยาคุมไปแล้ว”

เผยอิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนพยักหน้ารับเบา ๆ “เช่นนั้น…ข้าคงต้องฝากตัวกับเจ้าแล้ว”

“อืม” จินเซียงยิ้มมุมปาก

ภายในจวนตระกูลถัง บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เมื่อคนจากจวนแม่ทัพใหญ่มาถึงพร้อมแม่สื่อและสินสอดเต็มคันรถ

“ตาเฒ่าหยาง! เจ้าจะมาทำอะไรที่นี่” ถังเอี้ยซ่งร้องถามด้วยความตกใจ

“ข้ามาขอแม่นางจินเซียงให้ลูกสาวข้า ตอนนี้ทั้งสองกำลังอยู่ที่จวน คาดว่าคงตามมามิช้า”

“หะ…อะไรนะ!” เสียงอุทานดังระงมทั่วห้องโถง บ่าวไพร่และญาติพี่น้องต่างตะลึง ‘มาอยู่ไม่ถึงเดือน ก็ไปคว้าเอาแม่ทัพหญิงที่แม้แต่รัชทายาทยังหมายปอง ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!’

“เอ่อ~ ฮูหยินหยาง…ช่วยอธิบายให้พวกเราฟังทีเถิด”

ฮูหยินหยางยิ้มบาง “ได้สิ” แล้วก็เล่าเรื่องราวตั้งแต่คืนนั้นจนถึงวันนี้ ทุกคนฟังพลางถอนหายใจปนตกตะลึง จากข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุขเป็นที่เรียบร้อย

“ไม่ได้! อีกสองวันค่อยว่ากัน! พวกเรารอนางมาตั้งแต่วันก่อน แล้วจะให้ยกไปเช่นนี้หรือ” ถังเอี้ยซ่งปัดมือไล่คนตระกูลหยาง “ไป ไป กลับไปเสียเถอะ ข้าไม่ส่งแขก”

“จวนอยู่ติดกันแค่มีกำแพงกั้น จะเสียเวลานั่งรถม้าทำไม” เสียงคุ้นหูดังมาจากประตูใหญ่ ทุกคนหันขวับไปมอง ก็เห็นสามสาวเดินเข้ามาพร้อมกัน

“จินเซียง! เจ้าอย่าบ่นให้มันมาก พวกเราแค่อ้อมนิดอ้อมหน่อยให้ดูมันดูไกลขึ้น”

“เป็นข้าน่ะ จะโดดข้ามกำแพงให้รู้แล้วรู้รอดเลย เรือนข้ากับเรือนเจ้าก็ห่างกันเพียงกำแพงเดียวเท่านั้น”

“ต่อไปท่านก็ทุบกำแพงเลย เรือนพวกท่านจะได้ต่อกัน” หยางเผยอิงพูดทีจริงทีเล่น

บรรดาผู้เฒ่าต่างหันไปมองกำแพงก็เห็นหลังคาเรือนตระกูลหยางอยู่ถัดไปจริงดังว่า

‘ใช่! ทำไมพวกเราคิดไม่ได้นะ’ ผู้นำทั้งสองตระกูลหันมายิ้มให้กันโดยไม่พูดอะไร

สามสาวที่เดินเข้ามาในห้องโถงก็ต่างมองหน้ากันว่าผู้นำตระกูลทั้งสองยิ้มให้กันทำไม แต่ก็มีหลายคนไม่พอใจกับเหตุการณ์นี้เช่นกัน เพราะมันจะทำให้เอี้ยซ่งมีอำนาจมากขึ้นในตระกูล หรือแม้แต่ในทางการเมือง

ขณะที่เสียงฮือฮายังไม่สงบ เอี้ยซ่งก็ลุกขึ้นประกาศ “พรุ่งนี้! ข้าจะรับจินเซียงเป็นลูกบุญธรรม!”

“เอี้ยซ่ง! เจ้าเลอะเลือนไปแล้วรึ เจ้าจะไปรับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาในตระกูลได้อย่างไร!”

เอี้ยซ่งหันขวับ “ท่านอา! ข้ารับนางมาเป็นลูกข้า หาได้เป็นลูกท่านไม่ ข้าทำเพื่อตระกูลของเราทั้งนั้น!” เอี้ยซ่งเถียงกลับอย่างมีเหตุผล

“เจ้ากล้าเถียงข้าเพื่อนั่งผู้หญิงคนนั้นเลยรึ! ช่างบังอาจนัก! อย่างไรเสียเรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วย!” เทียนสงโต้กลับเสียงดัง หลายคนก็ส่งเสียงเห็นด้วย

“ใช่ พวกเราก็ไม่เห็นด้วย” สมาชิกหลายคนต่างเห็นพ้องต้องกันและตะโกนออกมา

“เงียบให้หมด!” เสียงกังวานทำให้ทุกคนสะดุ้ง

“แม่เฒ่า...” คนในตระกูลต่างพากันเงียบ

แม่เฒ่าถังก้าวออกมาช้าๆ สายตาคมกริบ “ข้าไม่เห็นว่าจะเสียหายอันใด เรื่องนี้ยกให้เจ้าใหญ่จัดการ ส่วนเจ้าเทียนสง!...ควรหุบปากไว้บ้างเถิด”

จากนั้นนางกวักมือเรียก “จินเซียง เจ้ามาให้ข้าดูหน้าหน่อย”

จินเซียงก้าวเข้ามาโค้งคำนับ

แม่เฒ่าหยางพยักหน้า “ต่อไปอีกหน่อยเจ้ากับอี้หลางและฟางฟางก็จะเป็นพี่น้องกันแล้ว มีอะไรก็ช่วยเหลือกันเข้าใจหรือไม่”

“เจ้าค่ะแม่เฒ่า” จินเซียงรับคำสุภาพ

“เรียกท่านย่า”

จินเซียงก้มศีรษะ “เจ้าค่ะ....ท่านย่า”

“เอาน้ำชาให้ย่าหน่อย” จินเซียงรินน้ำชาใส่จอกทั้งยังแอบเอากำไลหยกออกมาจากอกเสื้อมอบให้ท่านย่าใหญ่อีกด้วย หยกเนื้อใสสีขาว เกะสลักด้วยทองคำแท้มูลค่าของมันนั้นยากจะเปรียบเทียบ

“สวยมากหลานย่า” แม่เฒ่ายิ้มด้วยความยินดี “เสร็จพิธีแล้ว พ่อบ้านเอาชื่อกับวันเดือนปีเกิดนางไปคัดเข้าชื่อตระกูลเราด้วย” ตั๋วเงินจำนวนหนึ่งถูกมอบให้พ่อบ้าน “จัดการให้เร็ว” พ่อบ้านรับตั๋วเงินแล้วรีบออกไปทันที

บรรยากาศในห้องโถงเงียบลง เหลือเพียงรอยยิ้มบางของแม่เฒ่าที่เหมือนตราประทับความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้มั่นคง

“ห่ะ! อะไรนะ!” ทั้งห้องต่างพากันตกตะลึง

“เสียงดังทำไม! อยู่กันแค่นี้!”

“ท่านแม่ขอรับ!...นี่ท่าน!”

แม่เฒ่าหันไปตำหนิ ก่อนจะหันกลับมาพูดต่อ “ต่อไปนี้ นางเป็นคนของตระกูลถังแล้ว พรุ่งนี้ก็อย่าลืมให้ช่างมาจัดการเรื่องกำแพง ส่วนงานหมั้นก็ให้แม่สื่อจัดการ”

“ท่านแม่เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” หลอหลันยิ้มด้วยความยินดี ที่เรื่องนี้ผ่านไปด้วยดี

“หลอหลันต่อไปเจ้าต้องดูแลนางดี นางจะช่วยเราได้มาก”

“เจ้าค่ะ”

“อืม”

********

เช้าวันต่อมา พ่อบ้านให้นายช่างมาดูบริเวณกำแพง ทว่าจินเซียงก็ยกมือห้ามไว้เสียก่อน “อีกสองวันค่อยมาดูก็ยังไม่สาย” นางพูดพลางยิ้มบาง ๆ พ่อบ้านจึงโค้งรับคำ ก่อนจะรีบไปจัดการธุระอื่นต่อ

ช่วงสาย หลอหลันก็จับมือลูกสาวคนใหม่ พาออกจากจวนไปยังถนนใหญ่ นางดูภาคภูมิใจนักราวกับอยากอวดให้ชาวบ้านทั้งเมืองได้เห็นกันว่า “นี่คือบุตรสาวของตน โดยทิ้งให้ลูกสาวอีกสองคนไว้ที่จวน จนเดินมาที่โรงเตี๊ยมเก่าของหลี่อิงฮูหยินรอง

“ลูกน่ะ… อยากได้ร้านเล็ก ๆ ธรรมดาก็พอแล้ว”

“ท่านแม่ ที่นี่ดูใหญ่มากเลยน่ะเจ้าค่ะ” จินเซียงเอียงคอมองอาคารไม้เก่าแก่ตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ลูกน่ะ…อยากได้เพียงร้านเล็กๆ ธรรมดาก็พอแล้ว”

“เล็กอะไรกัน ข้าเห็นเจ้าแค่กินเองยังไม่พอด้วยซ้ำ จะเล็กเอาร้านเล็กๆ ไปทำไมกัน” หลอหลันหัวเราะเบา ๆ “ต้องให้มันรู้ไปเลยว่านี่แหละตระกูลถัง” ก่อนจะพาเดินเข้าไปภายใน

โรงเตี๊ยมเก่านี้มีสี่ชั้น ตรงกลางเปิดโล่งจนมองเห็นหลังคาสูงโปร่ง แสงแดดอ่อนส่องลอดเข้ามาทำให้ฝุ่นละอองลอยระยิบระยับ มีห้องพักถึงสิบห้าห้อง ด้านหลังยังมีลานกว้างกับครัวแยก และบ้านพักคนงานครบถ้วน

“ท่านแม่เจ้าคะ… ตรงนั้นมีลำธารด้วย!” จินเซียงเบิกตากว้าง รีบวิ่งไปยืนมองกังหันน้ำไม้ที่ยังคงหมุนช้า ๆ “ช่างสวยนัก”

“ใช่สิ ที่นี่สมบูรณ์แบบแล้ว” หลอหลันยิ้มภูมิใจ “ว่าแต่...เจ้าคิดออกรึยังว่าจะขายอะไร”

จินเซียงหันมายิ้มตาหยี “ลูกคิดไว้ว่าจะขายไก่ทอดกับเนื้อย่างเจ้าค่ะ เผยอิงบอกว่าจะช่วยหาคนมาทำงานให้ ที่ร้านของเหมยซีก็ได้ครอบครัวทหารมาช่วยงานอยู่แล้ว”

หลอหลันพยักหน้า “แม่ทัพหยางขึ้นชื่อเรื่องดูแลครอบครัวทหารดีนัก แม่เองก็ได้ยินมาเหมือนกัน” นางมองบุตรสาวอย่างเอ็นดู “แล้วเรื่องตบแต่งร้านล่ะ คิดไว้หรือยัง

“คืนนี้ลูกว่าจะกลับไปเขียนแบบเจ้าค่ะ พรุ่งนี้จะเอามาให้ท่านแม่ดู รวมถึงกำแพงที่บ้านด้วย” จินเซียงตอบพลางหัวเราะสดใส ราวกับมีกำลังใจเต็มเปี่ยม

หลอหลันจึงพานางไปที่กรมที่ดินเพื่อทำเรื่องเปลี่ยนชื่อเจ้าของ โดยมีหลี่อิงฮูหยินรองและพ่อบ้านมารออยู่ เมื่อเสร็จธุระ พ่อบ้านก็ขอตัวกลับ ส่วนจินเซียงนั้นยังไม่วายถูกหลอหลันพาไป “โชว์ตัว” ต่อ

ตกเย็นนางกลับมาถึงจวนก็รีบตรงไปกินข้าว แล้วกลับเข้าเรือนทันที ด้วยความเมื่อยล้าที่ยิ่งกว่าไปออกรบ ทำให้นางอยากแช่น้ำแต่ด้วยที่ยังไม่เลือกสาวใช้ทำให้นางต้องจัดการเองทั้งหมด

“กว่าจะเสร็จ” นางมองอ่างน้ำที่มีควันลอยขึ้นมา “น้ำอุ่นกำลังพอดีรีบล้างตัวจะได้ลงเเช่ตัวสบายๆ ไม่คิดว่าที่นี่จะอากาศเย็นแบบนี้” นางย่อนตัวลงในอ่างน้ำอุ่นช้าๆ และก็เผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น

ภายนอกเรือนของจินเซียง สองพี่น้องตระกูลหยางพากันยืนมองอยู่หน้าประตู เพราะถึงเวลานัดแล้วแต่กลับไม่มีใครออกมาเลย

“ไม่เห็นมีใครเลยท่านพี่”

“นางบอกใช่ไหมว่านี่คือเรือนของนาง”

“ท่านพี่! มีไอน้ำออกมาจากห้องนาง!”

“ทำไมเงียบแบบนี้” หยางเผยอิงมองดูความสงสัย “แปลกเกินไป เรารีบไปดูนางกันเถอะพี่ว่านางต้องหลับแน่”

สองพี่น้องรีบพากันตรงไปที่ห้องอาบน้ำและก็เป็นจริงดังว่า เพราะ จินเซียงนั้นงีบหลับอยู่ในอ่างน้ำ อีกนิดเดียวก็กำลังจะจนน้ำตายแล้ว สองพี่น้องรีบลากนางขึ้นมาจากอ่างน้ำแล้วรีบหาผ้ามาให้ห่ม

“อาเซียงตื่น! ตื่นเดี๋ยวนี่น่ะ! ไม่ได้! ข้าต้องรีบปลุกนางเดี๋ยวนี้”

“เดี๋ยว! ท่านจะทำอะไรนาง” หยางเหมยซีมองพี่สาวง้างมือสุดแขน

เพี๊ยะ!

เพี๊ยะ!

หยางเหมยซีสะดุ้งมือเห็นพี่สาวตบแบบไม่ออมแรง “พะ..พะ...พี่!”

“ตื่นเดี๋ยวนี้!” เพี๊ยะ! “ตื่น!” เผยอิงระดมตบเพื่อปลุกคนตรงหน้าจนหายใจหอบ “ได้!...ไม่ตื่นใช่ไหม!”

“เดี๋ยว! หยุดก่อน! หยุด!” หยางเผยอิงที่ง้างมือเตรียมจะลงมือตบ ก็หยุดชะงักทันที “ไปโมโหใครมาเนี่ย ตบไม่ยั้งมือเลย”

“เห็นเจ้าสลบกลัวไม่ตื่น ขะ...ข้าเลยปลุก” จินเซียงกะพริบตาถี่มองไปที่เจ้าของเสียงหวาน

“มองอะไร รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” หยางเผยอิงรีบโยนชุดใส่หน้า

“ข้าหลับตอนแช่น้ำใช่ไหม แล้วตอนนี้กี่โมงแล้ว” จินเซียงหันไปถามหยางเผยอิงหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว

“น่าจะช่วงซวีสือแล้วล่ะ (19.00-21.00) ”

“ข้าหลับไปนานแค่ไหนกัน พวกเจ้ามีอะไรกินบ้าง”

“ข้าไปเตรียมของก่อน เจ้ากับท่านพี่ก็ค่อยตามข้าไป” หยางเหมยซีพูดจบก็เดินไปที่ห้องครัว

“ขอสักหน่อยก่อนกินอาหารได้ไหม” จินเซียงดึงหยางเผยอิงมาอยู่ในอ้อมกอด

“เจ้าบ้า!...อย่ามาทำเป็นเล่น น้องสาวข้ารออยู่ นางมาเพราะมีเรื่องคุยกับเจ้า ตะ...แต่ว่า...นิดหน่อยก็ได้น่ะ” ประโยคหลังแม้จะพูดเสียงเบาแต่ก็ได้ยินชัดเจน

ลานกว้างหน้าเรือนนอน หยางเหมยซีเติมถ่านใส่เตาไฟเพื่อทำอาหารกลุ่มควันสีขาวขุ่นลอยขึ้นเป็นสายจากเตาไฟถ่านที่ลุกแดงกลางลานกว้าง กลิ่นหอมของเนื้อหมักซอสลอยมาเตะจมูกพร้อมกับเสียง 'ฉ่า' ของเนื้อที่ถูกพลิกบนตะแกรง ความร้อนจากเปลวไฟทำให้ใบหน้าของนางรู้สึกอบอุ่นตัดกับอากาศที่กำลังเย็นในยามค่ำคืน แสงไฟสีส้มแดงสะท้อนบนดวงตาเป็นประกาย เสียงถ่านที่ปะทุ 'เปรี๊ยะ' เป็นระยะ ๆ ดังก้องสลับกับเสียงน้ำมันจากเนื้อที่หยดลงบนถ่านดัง 'ซู่'

หยางเหมยซีหัวเราะร่า พลางโบกมือเรียกสองสาวที่กำลังเดินออกมาจากเรือนนอน "ชักช้าอยู่ได้! กลิ่นหอมๆ นี่ไม่รอใครนะ!" แล้วคีบชิ้นหมูเข้าปากช้าๆ “อ่า...รสชาติมัน...อร่อยจริงๆ”

"มาเร็วเข้าสิ! รีบมากิน!" หยางเหมยซียิ้มกว้าง

จินเซียงสูดหายใจเข้าเต็มปอด "โอ้โห! กลิ่นหอมมากเลย!" เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พลางเหลือบมองอาหารตาเป็นประกาย

หยางเหมยซีทำท่าทางล้อเลียน "เอ้า! ก็รีบมานั่งสิ! เจ้ายืนน้ำลายไหลอยู่ได้ ไม่อายพี่สาวข้ารึไง"

“เจ้านี่จริงๆ เลย” หยางเผยอิงตบบ่าจินเซียงเบาๆ ก่อนจะพากันนั่งลงที่ม้านั่ง

“จริงซิเจ้าอยากรู้อะไร” หยางเผยอิงคีบลูกชิ้นเข้าปากแล้วหันไปถาม แต่ก็ไม่ลืมเอาหมูลงไปย่างเพิ่ม

“ได้มากินหมูกระทะแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” จินเซียงคีบหมูเข้าปาก

“ใช่เลย เห็นด้วยอย่างยิ่ง” หยางเหมยซีคีบชิ้นหมูลงไปคลุกน้ำจิ้ม แล้วเอาเข้าปาก “ว่าแต่เจ้าอยากรู้อะไร”

“ตอนนี้เราอยู่ในยุคราชวงศ์ไหน แล้วปีอะไรใครเป็นฮ่องเต้”

หยางเผยอิงมองแล้วยิ้มเย้ย “เจ้าถามอะไร ไม่รู้จริงดิ” พลางหันไปย่างหมู 'ซู่' เสียงเนื้อหมูแนบลงบนตะแกรงเหล็ก

“ข้ามาจากตะวันออกกลาง ตอนนั้นสงครามศาสนาพึ่งจบ พอข้ามาถึงที่นี่ก็เลือกแยกตัวไปอยู่ในป่า ไม่ค่อยได้เข้าเมือง รู้เพียงว่าโลกเพิ่งผ่านสงครามมาเท่านั้น”

“อ้อ เรื่องนั้นง่ายเลย” หยางเผยอิงยิ้มบาง “เราพึ่งผ่านการรวมแผ่นดิน ตอนนี้เป็นต้นราชวงศ์ซ่ง ฮ่องเต้คือซ่งไทจู ฮองเฮาคือจักรพรรดินีเสี่ยวหมิง สกุลหวังน่ะ”

“แล้วแบบนี้ยังมีศึกกับพวกนอกด่านอยู่ไหม”

“ตอนนี้เงียบมาก” หยางเผยอิงตอบด้วยท่าทีมั่นใจ “อาจเพราะกองทัพเรามั่นคงจนพวกนั้นไม่กล้าบุกลงมา” นางพูดไปก็หัวเราะไป เมื่อมองดูหมูบนตะแกรงเหล็กที่ถูกคีบหายไปอย่างรวดเร็วราวกับสงครามที่ไม่จบสิ้น

ทว่าหลายสิ่งชวนให้จินเซียงรู้สึกแปลก... นางเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าโลกนี้อาจไม่ใช่โลกเดียวกับประวัติศาสตร์ที่นางเคยเรียนรู้มา เพราะหากว่าสงครามครูเสดเพิ่งสิ้นสุดลง แต่ที่นี่กลับเป็นต้นราชวงศ์ซ่ง ทั้งสองยุคห่างกันเป็นร้อยปี แถมยังเพิ่งผ่านช่วงห้าราชวงศ์สิบนครรัฐมาได้ไม่นาน

“เมืองนี้” หยางเผยอิงคลี่แผนที่ผืนใหญ่ปูลงบนลานกว้าง ชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งให้ดู

“เจ้าเอามาตอนไหน” จินเซียงเลิกคิ้ว

“ข้าถือมาด้วย เผื่อเจ้าสนใจ”

“หืม... เดี๋ยวนะ ตรงนี้มัน...” จินเซียงก้มมอง ทว่าตัวอักษรอ่านยากสำหรับนาง

“พุกาม... กับอโยธยา” หยางเผยอิงตอบแทน

เพียงได้ยินชื่อเหล่านั้น จินเซียงก็เงยหน้ามองเหมยซีทันที

“ใช่ มันคือเรื่องจริง” หยางเหมยซียิ้มบาง “ที่นี่แตกต่างจากประวัติศาสตร์ที่เจ้ารู้จัก”

“ไม่ต้องสงสัยหรอก” หยางเผยอิงพูดเหมือนเรื่องธรรมดา “ข้ารู้ตั้งนานแล้วว่านางเป็นคนที่สามารถ...รำลึกชาติได้ อีกอย่าง... วิญญาณบรรพชนเองก็บอกพวกเรามาแล้ว”

“มันไม่ตรงเลย” จินเซียงพึมพำ “สงครามครูเสดเริ่มปี 1097 ราชวงศ์ซ่งก่อตั้งปี 976 ไหนจะอโยธยาอีก ทั้งที่ควรเป็นสุโขทัยหรือล้านนา”

หยางเผยอิงหัวเราะเบา ๆ “เจ้าว่าอย่างนั้นก็คงจริง แต่...ช่างเถอะ”

“ช่างเถอะอะไรล่ะ เจ้าเองก็รู้…!!”

“เจ้าน่ะ นอนละเมอเสียงดังต่างหาก...ยอดรักของข้า” หยางเผยอิงหยอดยิ้ม ราวกับใช้คำล้อเลียนกลบความจริงอันหนักอึ้งที่ต่างก็รู้

จินเซียงถอนหายใจยาว “เฮ้อ~ เรื่องใหญ่ก็รู้แล้ว แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่เข้าใจ... เรื่องของอี้หลัน นางถูกลอบทำร้ายหลายครั้ง แต่เรายังไม่รู้เลยว่าใครอยู่เบื้องหลัง”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการเอง” หยางเผยอิงตอบเรียบ ก่อนจะใช้ตะเกียบชี้ไปทางจินเซียง “ว่าแต่ เจ้า... เล่าเรื่องของเจ้าของร่างนี้ให้พวกเราฟังหน่อยสิ”

“จะเริ่มตรงไหนดี...” จินเซียงนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น “อดีต นางเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าชื่อดัง แต่เกษียณตัวเองออกมา แล้วเดินทางข้ามทะเลทรายมาตามเส้นทางสายไหม จนมาถึง...ที่นี่”

หยางเผยอิงเบิกตากว้าง “กลุ่มนักฆ่าชื่อดัง... เจ้าว่ากลุ่ม ฮัสซาซิน ใช่หรือไม่ ใช่พวกมันไหม”

จินเซียงพยักหน้าแทนคำตอบ

“ชื่อเดิมนางคือ อันเตรียย่าร์... แต่ก็สิ้นใจเพราะไข้ป่า แถมถูกโจรฆ่าซ้ำอีก” จินเซียงเอ่ยพลางยิ้มจาง “ตอนนี้นางไปสบายแล้ว”

“เอาเถอะ เรื่องผ่านไปแล้ว รีบกินเถอะ เดี๋ยวก็ดึก” หยางเหมยซีรีบตัดบท พลางคีบหมูเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ

ไม่นานอาหารก็หมดลง หลังจากที่สองสาวแยกย้ายกลับไป จินเซียงก็นั่งลงต่อหน้าโต๊ะ เขียนแบบตามที่ใจนางต้องการอย่างเงียบ ๆ ...

รุ่งเช้ามาเยือน แบบแปลนสำหรับร้านใหม่ที่นางเขียนก็เสร็จพอดี นางใส่ชุดสบายๆ มาออกกำลังกายที่หน้าเรือน ก่อนจะกลับไปอาบน้ำล้างตัว

ไม่นานก็มีสาวใช้เดินมาเคาะประตูเรือน

“คุณหนู! คุณหนูเจ้าค่ะอาหารพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”

พอได้ยินเสียงสาวใช้เรียก จินเซียงก็ตะโกนออกมา

“เจ้าเข้ามาช่วยข้าหน่อย”

สาวใช้ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ไม่กล้ามองตรง ๆ ไปที่นายหญิงคนใหม่ ร่างสูงผิวสีน้ำผึ้ง อกผายไหล่กว้าง สัดส่วนกล้ามเนื้อที่แม้บุรุษยังอิจฉา สตรีด้วยกันก็ยังเหลียวมอง ดวงตาคมสะกด รอยยิ้มบางกลับแฝงเสน่ห์ชวนให้หัวใจสั่นไหว

“มาช่วยข้าแต่งตัวหน่อยจะได้เร็วขึ้น”

“เจ้าค่ะ”

การอาบน้ำและแต่งกายจึงเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่นาน เมื่อแต่งองค์เสร็จ จินเซียงถือแบบร่างที่วาดไว้ เดินตามสาวใช้ไปยังห้องทานอาหาร หลังมื้อเช้า นางจึงนำแบบให้พ่อบุญธรรมดู

จินเซียงเดินถือแบบที่วาดเสร็จแล้วเดินตามสาวใช้มาที่ห้องทานอาหาร หลังจากทานกันเสร็จแล้ว นางจึงเอาแบบให้พ่อบุญธรรมดู

ฮูหยินผู้เฒ่าที่ได้เห็นก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่หลานสาวคนใหม่มีความรู้หลากหลายและอาจพาตระกูลไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่

“ท่านย่าว่าเช่นไรเจ้าค่ะ”

“ดูดีทีเดียว... อ้อ จริงสิ วันนี้ช่วงสายแม่สื่อจะเข้ามา เจ้าก็ไปเตรียมตัวเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างยินดี

ถังอี้หลันหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยขึ้น “จินเซียงข้าไม่คิดเลยมาเจ้าจะกลายมาเป็นพี่สาวข้าภายในเวลาไม่ถึงเดือน”

“อาหลัน ข้าเองก็ยังงงเหมือนกัน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาเถอะเดี๋ยวก็ชินเอง” เอี้ยซ่งยิ่งมองก็ยิ่งยินดี ลูกสาวบุญธรรมคนนี้ดูมีพรสวรรค์ ทั้งการคำนวณและการออกแบบ ราวกับได้เพชรเม็ดงามมาไว้ในมือ

ไม่นาน แม่สื่อก็มาถึงพร้อมข้าวของหลายอย่าง รวมทั้งคนงานที่เข้ามาจัดเตรียมสถานที่สำหรับพิธีหมั้นระหว่างสองตระกูล

“ฮูหยินหยาง ทำไมถึงจัดเร็วนักเล่า” ผู้ใหญ่ฝ่ายหนึ่งเอ่ยถาม

“เจ้าอาวาสท่านบอกว่าวันนี้ยามบ่ายเป็นฤกษ์งามยามดี ข้าจึงปรึกษาแม่สื่อและนางก็เห็นด้วย อีกไม่กี่วันลูกอิงก็ต้องกลับชายแดนแล้ว”

จินเซียงหันไปมองคนข้างกาย “กลับเร็วเช่นนี้... หรือว่าพวกนอกด่านเริ่มเคลื่อนไหวอีกแล้ว”

“ยังไม่แน่ แต่ข้าก็คิดว่าอาจเป็นเช่นนั้น”

จินเซียงที่ได้ยิน รีบจูงมือเผยอิงไปคุยในสวนด้านหลัง

“เกิดอะไรขึ้น”

“พวกคนเถื่อนเริ่มปล้นสะดมตามชายแดน”

พอเห็นคนรักเป็นแบบนี้ก็อดห่วงไม่ได้ “เป็นราชโองการหรือ”

“อืม...ปู่ข้าขอพระราชทานสมรส แต่ฮ่องเต้มีเงื่อนไข...ว่าข้าต้องปราบพวกคนเถื่อนให้ได้ก่อน จึงจะอนุญาต”

จินเซียงขมวดคิ้วทันที “กลิ่นไม่ดี... เหมือนพวกขุนนางบางกลุ่มไม่พอใจ และอาจต้องการกดดันเจ้า เพื่อเปิดทางให้องค์ชายบางคนได้ผลงานแล้วทูลขอสมรสพระราชทานแทน”

หยางเผยอิงนิ่งไปชั่วครู่

“.......”

จินเซียงบีบมือคนรักแน่น “ไม่ต้องห่วง ข้าทำงานตรงนี้เสร็จแล้วจะรีบตามไปหาเจ้าทันที”

“เช่นนั้น หลังงานเสร็จ เราไปเดินเล่นกันหน่อยดีไหม ข้าอยากซื้อของบางอย่าง” เผยอิงชวนจินเซียงไปตลาดท่าเรือ

“อืม ได้สิ” จินเซียงดึงเผยอิงมากอด แผ่วจูบบนเส้นผม

งานหมั้นในยามบ่ายดำเนินขึ้นอย่างเรียบง่ายตามความประสงค์ของคู่หมั้น ทั้งสองตระกูลยอมรับโดยมีข้อตกลงว่า พิธีแต่งงานจริงจะต้องจัดให้สมเกียรติใหญ่กว่านี้

หลังเสร็จงาน ทั้งสองสาวก็ขอออกไปเดินเล่นในเมือง ปล่อยให้ผู้อาวุโสได้พูดคุยสังสรรค์กันเอง ทว่าในเวลาเดียวกัน คุณชายใหญ่ “เค่อเต๋อร์” ผู้ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพ และเพิ่งกลับมาจากชายแดนก็มาถึงจวนพอดี...

“ท่านพ่อ ที่จวนเรามีงานอันใดรึขอรับ” เค่อเต๋อร์ที่พึ่งลงม้า เอ่ยทักบิดาที่กำลังยืนคุยอยู่

“เค่อเต๋อร์! มาดีแล้ว มานั่งก่อนเถิด พวกเจ้าทั้งหลายก็ตามสบายนะ” เอี้ยซ่งพาบุตรชายเข้ามา

“เป็นเรื่องน่ายินดีอันใดหรือขอรับ...หรือว่าจะมีผู้มาสู่ขอฟางเอ้อร์”

“หาใช่เช่นนั้นไม่ พ่อเพิ่งรับบุตรบุญธรรม อีกทั้งยังตกลงหมั้นหมายกับตระกูลหยางแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”

คำพูดนั้นทำให้เค่อเต๋อร์ชะงัก สีหน้าเคร่งตึงขึ้นมาในบัดดล ความกังวลปนยินดีปรากฏบนใบหน้า คนตระกูลหยางที่ยังมิได้หมั้นหมายมีเพียง “เผยอิง” เท่านั้น...

“อิงอิงหรือขอรับ...นางหมั้นกับผู้ใดกัน” เค่อเต๋อร์ถามพลางบีบจอกในมือแน่นด้วยความกังวล

“อ้าว ลูกรัก กลับมาแล้วรึ กิจการงานเป็นเช่นไรบ้าง” ฮูหยินเอกทักบุตรชายด้วยรอยยิ้ม แต่มิอาจกลบเกลื่อนแววตาอันรู้ทัน...ราวกับมีผู้ส่งข่าวมาให้นางก่อนแล้ว

“มีพระบัญชาให้เข้าวังพร้อมแม่ทัพหยางในวันพรุ่งนี้ขอรับ ข้าจึงรีบกลับมาจากค่ายขอรับ” เค่อเต๋อร์ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะยกจอกขึ้นซ่อนแววตาสั่นไหว

“เอาเถิด วันนี้เป็นวันดี ดื่ม!” เอี้ยซ่งยกจอกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

ตลาดยามสนธยาเต็มไปด้วยเสียงเจรจาและกลิ่นอาหารหอมกรุ่น แต่สองสาวไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของมากนัก ส่วนใหญ่เดินชมไปหัวเราะคุยกันเหมือนคู่รักเที่ยวเล่นครั้งแรก จนเท้าของจินเซียงหยุดลงตรงหน้าร้านพรมเก่าที่นางเคยแวะเมื่อคราวก่อน

เจ้าของร้าน ฮาซิน เหลือบเห็นทั้งคู่ก็รีบเดินออกมาต้อนรับ ใบหน้าของเขาสว่างขึ้นราวกับได้เจอญาติสนิท

“โอ้! เรื่องที่เล่าลือเป็นความจริงนี่เอง ข้านึกว่าเป็นแค่ข่าวเสียอีก”

เผยอิงหัวเราะเบา ๆ พลางโอบเอวคนรัก “ท่านได้ยินถูกแล้ว นางคือว่าที่ภรรยาของข้า”

“ยินดีกับท่านด้วยน่ะขอรับ จริงซิภรรยาข้าบอกว่าเตรียมของขวัญไว้ให้ท่านด้วย เพราะท่านเลยน่ะทำให้ข้าหายป่วยเช่นนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า” ไม่นาน สตรีในชุดคลุมแบบชาวแบกแดดก็เดินออกมาพร้อมกล่องไม้แกะลายงดงาม

“ข้านามว่าฟาร์รีอาร์ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ ถือเป็นของขวัญเล็กน้อยแทนคำยินดี” ในกล่องนั้นมีชาเกรดเลิศและเกราะอ่อนทำจากโลหะถักสองชุด ส่องแสงแปลกตายามกระทบแสงตะเกียง พร้อมคำอวยพรที่ทำเอาเผยอิงถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง

“ขอบพระคุณจริงๆ เจ้าค่ะ” จินเซียงรับไว้ด้วยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ก่อนจะอุดหนุนพรมชิ้นงามกับสมุดบันทึกพร้อมเครื่องเขียนอีกชุดใหญ่

“ข้าจินเซียง ส่วนนางเผยอิงคู่หมั้นข้าเอง”

“ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ ข้านามว่าหยางเผยอิง”

ทั้งสี่นั่งคุยกันอยู่นาน เผยอิงได้รับเหยี่ยวสีดำตัวใหญ่เป็นของขวัญแต่งงาน ส่วนในกล่องอีกใบนั้นเป็นชาชั้นดี ยังมีเกราะอ่อนเนื้อดีสร้างด้วยวิธีพิเศษจากแบกแดดสองตัวพร้อมคำอวยพรสลักไว้

บรรยากาศการพูดคุยเป็นกันเองจนเผลอผ่านไปเกือบชั่วยาม เมื่อถึงเวลาลา เผยอิงโค้งตัวเบาๆ “คืนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราคงต้องกลับก่อน”

ฟาร์รีอาร์มองตามทั้งสองเดินจากไปด้วยสายตาที่ซ่อนความกังวลไว้ลึกๆ ก่อนหันกลับไปถามสามี “ท่านว่า…นางคล้ายใครบางคนหรือไม่”

ฮาซินถอนหายใจ “ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ชะตาของนางไม่เกี่ยวกับเราแล้ว ปล่อยให้นางเลือกเส้นทางของตนเถอะ”

“ใครจะไปคิดว่า คนที่เหมือนตายไปแล้วกลับยังมีชีวิตอยู่ แต่นางคงวางมือไม่ได้แน่นอน เพราะนางต้องช่วยคนรักไปอีกนาน”

“เจ้าเองก็ยังเลิกทำนายดวงชะตามิได้เลย มาเถอะเรื่องที่นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราแล้ว” ทั้งสองเดินกลับเข้าไปในร้าน

เมื่อกลับถึงจวน งานเลี้ยงก็เลิกราไปแล้ว ทว่ากลิ่นเหล้าและเสียงหัวเราะยังดังแว่วอยู่จากศาลาเล็ก ทั้งคู่เดินเลี่ยงอย่างเงียบ ๆ กลับมาที่เรือน จินเซียงหัวเราะเบา ๆ พลางลูบหัวเหยี่ยวคู่ใจ

“เหินฟ้า...นี่เพื่อนใหม่เจ้า” จินเซียงบอกเหยี่ยวตัวใหญ่

เผยอิงปล่อยเหยี่ยวสีดำตัวใหม่ออกจากกรง มันกางปีกกว้างราวจะอวดศักดิ์ “ตัวมันใหญ่กว่าของข้าเสียอีก” จินเซียงหัวเราะเบาๆ

“คืนนี้เจ้านอนไหน”

“คงนอนที่เรือนของเจ้า เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าวังแต่เช้า”

“เช่นนั้น ตอนเช้าข้าไปส่งเจ้าเอง”

“ขอบใจน่ะ” คืนนั้นเผยอิงไม่ได้กลับไปเรือนของตน นางนอนอยู่กับ จินเซียงในเรือนเดียวกัน … จนกระทั่งรุ่งสาง

แสงอาทิตย์แรกของวันส่องลอดหน้าต่างเข้ามา จินเซียงตื่นก่อนตามเคย ฝึกกำลังภายในและฟันดาบเงียบๆ จนเหงื่อโชก เมื่อเห็นฟ้าสางแล้วจึงลากเผยอิงที่ยังนอนหลับให้อาบน้ำด้วยกัน เสียงหัวเราะและการหยอกล้อดังไปจนถึงลานเรือน

ทั้งคู่เลือกชุดใหม่ที่ซื้อมา สีโทนคู่กันราวกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เผยอิงเกลาผมให้อย่างบรรจง ส่วนจินเซียงก็จัดการแต่งหน้าให้อีกฝ่ายจนสาวใช้ยังต้องพากันชมไม่ขาดปาก

“คุณหนูเจ้าค่ะ…ท่านแม่ทัพงามเหมือนสตรีไม่มีผิด”

เผยอิงหน้าแดงทันที แต่ยิ่งแดงหนักขึ้นเมื่อจินเซียงยื่นต่างหูหนึ่งข้างให้ พร้อมสร้อยทองคำขาวถักเป็นรูปหัวใจฝังพลอยแดง “นี่สำหรับเจ้า”

เผยอิงเบิกตากว้าง รีบเก็บซ่อนไว้ใต้ชุดราวกับกลัวใครเห็น นางรู้ดีว่าเครื่องประดับนี้ล้ำค่าเกินจะอวด แต่สำหรับตนแล้ว…มีค่าเพราะเป็นของที่อีกฝ่ายทำให้ด้วยมือ

“ที่รักเจ้าหน้าตาดีมากเลยรู้ไหม” เผยอิงยิ้มอย่างน่ารัก “ดีน่ะคืนนั้นข้าอุ้มเจ้ากลับจวน ฮ่าฮ่าฮ่า อย่ากอดเอวข้าซิ”

“มาเลยยัยตัวแสบเดี๋ยวข้าแต่งหน้าทำผมให้เจ้าบ้าง” จินเซียงจับคนตัวเล็กนั่งหน้ากระจกโดยมีสาวใช้เป็นลูกมือ “ดูดีทีเดียว”

ทั้งคู่ก้าวออกจากเรือนพร้อมกัน ในสายตาของถังอี้หลันที่ยืนรออยู่ ภาพตรงหน้าราวกับคุณชายรูปงามเดินเคียงคู่คุณหนูแสนหวาน จนทำให้นางเผลอยิ้มออกมา

“พี่ใหญ่ วันนี้ท่านจะได้พบพี่ชายแล้วนะเจ้าคะ” นางเอ่ยอย่างมีนัย

“ศัตรูของข้าอย่างนั้นรึ” จินเซียงเลิกคิ้ว

“เจ้าค่ะ…พี่ชายข้าชอบท่านแม่ทัพมาตั้งแต่ยังเล็ก ถึงขั้นอาสาตามไปออกรบด้วย”

จินเซียงหัวเราะในลำคอ สายตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ช่างเถอะ…ใครจะเป็นศัตรูหรือไม่ ข้าสนเพียงอย่างเดียว...เผยอิงเป็นของข้าแล้ว ใครอยากแย่งก็ลองดู”

พูดจบก็หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

“พี่หวังว่าจะไม่สร้างปัญหาให้พวกเจ้าน่ะ” กล่องใบเล็กๆ สองกล่องและถุงใบน้อยๆ อีกสามสี่ใบ “อย่ากังวลเลย” จินเซียงยิ้มให้แล้วพากันเดินไปที่ห้องอาหาร แต่ก็ไม่ลืมที่จะมอบให้พวกสาวใช้ที่มาช่วยงานด้วย

“สองกล่องนี้ ให้พวกเจ้าคนล่ะกล่อง ส่วนนี่ของพวกเจ้า” สาวใช้รีบมารับอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดเดินตามกันไปที่ห้องทานอาหาร ที่ตอนนี้คนในจวนต่างมาพร้อมกันหมดแล้วเหลือเพียงสามสาวเท่านั้นเพียงเดินเข้าไปในห้อง จินเซียงก็รับรู้ได้ถึงแววตาที่บงบอกชัดเจนว่าเห็นนางเป็นศัตรู แต่แล้วไงนางไม่สนตอนนี้เผยอิงเป็นของนางแล้ว ใครกล้ามายุ่งคงได้เห็นดีกัน

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • แม่นางไก่ทอด   เรือนทะเลหยก

    แม้ว่าภายนอกจะวุ่นวายเพียงไรแต่ก็ไม่กระทบกับการกินอาหารแม้แต่น้อย บนโต๊ะมีอาหารมากมายพอๆ กับคนที่มีเยอะ ดีที่หวังซุนเทียนได้จองไว้ทั้งชั้นทำให้ไม่มีใครรบกวน“ท่านเอ่อ~” “เรียกข้าซียงก็พอ ไม่ว่าจินเต้องมาก็พิธี” “เจ้าค่ะ พี่จินเซียง จริงซิพวกท่านจะไปงานชุมนุมชาวยุทธ์ใช่รึไม่” “ใช่แล้ว คนเยอะน่าจะขายดี” ตอบตามที่คิด เพราะนางคิดจะหาเงินจากงานนี้โดยเฉพาะ พอกินข้าวแล้วตีกัน เมื่อโรงเตี้ยมพัง คนก็จะมากินที่ร้านนาง “พวกท่านจะว่าอะไรรึ ไม่ถ้าพวกเราขอตามขบวนท่านไป” จินเซียงเหลือบมองกุ้ยเฟยเล็กน้อย กุ้ยเฟยก็พยักหน้า “ตกลง พวกเราเป็นสตรีเหมือนๆ กัน การที่จะเดินทางด้วยกันก็ไม่ใช่แปลกอันใด มาเถอะเดี๋ยวอาหารจะเย็นก่อน”“ขอบคุณท่านมาก เช่นนั้นข้าในนามตัวแทนศิษย์สำนักดอกเหมยขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” “ดี! มาทุกคนดื่ม” “ดื่ม!” ทุกคนร่วมกินอาหารกันอย่างสนุกสนาน ทางเจ้าของโรงเตี๊ยมได้เชิญนักดนตรีมาแสดงให้ชมเพื่อความเพลิดเพลินและต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีไว้กับสตรีที่อยู่ในห้อง ไม่บ่อยครั้งที่ผู้นำตระกูลหวังจะออกหน้าเพื่อเหมาชั้น สั่งเตรียมอาหารที่ดีที่สุดในเหล่าอาหารไว้เช่นกัน “ไม่ทราบว่าพี่สา

  • แม่นางไก่ทอด   ระหว่างเดินทาง

    เช้าวันต่อมาหลังทานอาหารแล้ว จินเซียงกับเผยอิงก็เข้าไปคุยกับหยางจินเทาเรื่องที่ทางโซซอนส่งคนมาขอความช่วยเหลือ นางรู้ดีว่าโซซอนเป็นปราการด่านแรกที่ป้องกันการรุกรานของพวกญี่ปุ่นถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงพวกโจรสลัดก็ตาม ถึงแม้ในความฝันคนที่คิดว่าเป็นเทพพระเจ้าจะบอกไว้ว่าทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่ใช่แบบเดียวกับโลกเดิมของนางก็ตาม แต่ก็ประมาทไม่ได้ เมื่อพูดคุยกันแล้วทางหยางจินเทาก็มีความกังวลเรื่องปืนใหญ่ เพราะว่าตอนนี้ปืนใหญ่แบบที่ต้าซ่งมีในครอบครองนั้น ที่อื่นยังไม่มีใช้ประกอบกับทหารของต้าซ่งเองก็ใช่ว่าเข้มแข็งเช่นยุคของต้าถัง “ปู่คงต้องไปปรึกษากับพระองค์ดูก่อนว่าจะทำเช่นไร เพราะทางโกโจเองก็ปฏิเสธเรื่องนี้เพราะคนล่ะกลุ่มกัน” “เจ้าค่ะ อย่างไรก็ต้องจัดการให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปงานชุมนุมชาวยุทธ์ที่หลานต้องไปคุ้มกับกุ้ยเฟย” “งานนี้ได้ข่าวว่าจัดที่ภาคกลาง เอ่~ อ้อ ปู่นึกออกแล้วว่าจัดที่ไหน” “ที่ไหนรึเจ้าค่ะ” เผยอิงถาม “ก็ที่ทำการหลักของพรรคฝ่ายธรรมมะที่เหวย์ฟาง เขตซานตง” “หลานเคยได้ยินมาบ้างว่า-” “ใช่แล้ว!” สองปู่หลานถึงกับสะดุ้งเพราะอยู่ๆ อีกคนก็ตะโกนขึ้นมา “ใช่อะไรท่านพี่” เผยอิงหันไป

  • แม่นางไก่ทอด   พักผ่อน

    เช้าวันต่อมา จินเซียงพาเผยอิงและสองสาวไปเล่นน้ำที่น้ำตกใกล้บ้าน แต่ทว่ากลับไม่มีใครยอมลงเพราะการเปลืองผ้าเล่นน้ำนั้นถือว่าผิดหลักสอนหญิง แต่บางทีพวกนางอาจลืมไปว่าทีนี่มีแต่สตรีเท่านั้น จินเซียงโดดลงน้ำโดยมีเพียงบังทรงกับกางเกงสั้นเท่านั้น ซู่มม~ “สดชื่นจริงๆ อ้าวพวกเจ้าไม่ลงมาล่ะ ฮูหยินข้า เจ้าไม่ลงมาหรอ” “พวกข้าว่ายน้ำไม่เป็นเจ้าค่ะ” เผยอิงตอบตามตรง “อะไรกัน เช่นนั้นก็นั่งเล่นกันดีๆ น่ะ” “เจ้าค่ะ” วันเวลาอันสงบสุขก็ดำเนินต่อไปจนวันสุดท้ายของการพักผ่อนมาถึง ทั้งสี่ช่วยกันเก็บข้างของขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมตัวกลับไปที่จวน “เสี่ยวจูเจ้าเก็บของมาครบรึยัง” “เจ้าค่ะฮูหยิน” เสียวจูตอบ “ฮวาฮวาปิดรั้วให้ดีด้วยน่ะ จะได้ไม่มีใครเข้าไปได้” “แน่ใจรึเจ้าค่ะ” จินเซียงย้ำอีกรอบ “เชื่อข้า” ฮวาฮวาพยักหน้าแล้วปิดรั้วให้สนิท แล้วเดินมาขึ้นรถม้า รถม้าค่อยๆ เคลื่อนออกห่างจากบ้านช้าๆ ไม่มีใครสังเกตเลยแม้แต่น้อยว่าบ้านหลังดังกล่าวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยนอกจากจินเซียงเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด กุบกับ กุบกับ เสียงรถม้าค่อยๆ เคลื่อนไปตามทางขรุขระมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่เซี่ยโจว “ทำไมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย”

  • แม่นางไก่ทอด   อดีต

    จินเซียงมองคนรักนั่งเงียบมาซักพักตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เอมิลเล่า เรื่องของคนรักเก่าที่ตายจากไปไม่หวนกลับ ทั้งคู่มีหลายอย่างที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกแตกต่างกันก็แค่สีผม “เจ้าก็คือเจ้า ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง”“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นตัวแทนนางใช่รึไม่” “อดีตก็คืออดีตไม่อาจย้อนกลับได้อีก ความผิดพลาดครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้ข้าว่าข้าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกซ้ำสอง” “ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” “นั่นซิน่ะ มาเถอะไปดูคนอื่นๆ ทำงานกัน” “เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เดินออกนอกห้องทำงานตรงไปที่ท้ายจวนติดท่าเรือ โรงหลอมนั้นกำลังถูกสร้างอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ส่วนพื้นที่ด้านข้างและจวนหลังนั้นก็กำลังมีการปรับปรุงโดยใช้แผ่นไม้มาล้อมส่วนติดถนนไว้เพื่อไม่ให้คนเห็นว่าทำอะไรก่อนที่กำแพงจะสร้างเสร็จแต่เรื่องการเตรียมตัวสำหรับวัตถุดิบนั้นก็ได้คนจากตระกูลหวังที่ครอบครองการค้าเหล็กและแร่หลายชนิดมาช่วยในการจัดหา ทำให้เรื่องวัตถุดิบง่ายขึ้นมามาก เจ็ดวันต่อมาโรงหลอมก็สร้างเสร็จ ฮ่องเต้ทรงมาดูงานด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่จะเหมือนตีดาบรึไม่ หลังจากที่โหรหลวงมาถึงก็เริ่มทำพิธีบูชาดินฟ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล ฮ่

  • แม่นางไก่ทอด   ประมูลทาส

    หลายวันต่อมาจินเซียงเข้าวังพร้อมโจวกุ้ยเฟยและตรงไปที่ตำหนักใหญ่ของฮองเฮาเพื่อส่งอาหารตามที่พระองค์เคยขอ “ถวายบังคมฝ่าบาท” “ตามสบายเถอะหลานข้า ว่าแต่ลมอะไรหอบเจ้ามาพร้อมนางกัน” พระนางมองไปที่โจวกุ้ยเฟย เมื่อเห็นไม่สะดวกพูดจึงไล่คนอื่นๆ ออกไปก่อน“เอาล่ะตอบมา” “เมื่อคืนกุ้ยเฟยไปที่จวนเพค่ะ เลยมาพร้อมกัน” “เรื่องนั้นซิน่ะ” “เพค่ะพี่หญิง” “เฮ้อ...พี่บอกแล้วว่าอย่าไปตามใจเยอะ ไม่เช่นนั้นจะเสียคนแล้วเป็นไงล่ะ” “ถ้าไม่ติดว่าการทำร้ายองค์ชายเท่ากับทำร้านสายเลือดมังกรน่ะ น้องจะตบแม่งหัวทิ่มไปเลย” โจวกุ้ยเฟยพูดพร้อมแสดงท่าทาง จินเซียงได้แต่ยืนยิ้ม“พอเลย...ข้าคนว่าเจ้าเข้าวังแล้วจะสงบลงแต่ที่ไหนได้” “พวกท่านใจเย็นก่อนแล้วรีบมาทานอาหารก่อนที่จะ...อ่าว!...หายไปไหน!” จินเซียงมองหากล่องอาหารที่เอามาด้วย “ง่ำๆ อาย่อยมากน้องรอง” “ชู่~ เงียบๆ หน่อย นางหูดีมาก” “เอ่ออ~ พี่รอง น้องว่า~” “อะฮึม!...แม่ว่า…แม่สอนพวกเจ้ามาดีน่ะ สอนทั้งอบรมมารยาทสตรีหรือว่าต้องให้แม่นมทบทวนความจำให้!” ฮองเฮายืนท้าวเอวมองลูกสาวของตน“ถะ...ถวายพระพรเสด็จแม่เพค่ะ” ฉางหรูยิ้มแล้วรีบเอากล่องอาหารซ่อนไว้หลังม่านอย่าง

  • แม่นางไก่ทอด   เผยอิงกลับมาแล้ว

    หลายวันต่อมาที่จวนใหญ่แห่งหนึ่ง มีใครบางคนกำลังนั่งกลุ้มใจเพราะไม่สามารถทำตามแผ่นได้สำเร็จแต่คนที่ส่งไปนั้นกลับหายสาบสูญไปทุกรายอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ให้มันได้แบบนี้ซิ ทำงานกันภาษาอะไรถึงได้หายหัวกันไปหมด” “นายท่านขอรับ พวกเราไปพบร่องรอยบางอย่างขอรับ” ชายชุดดำส่งกระดาษให้ผู้เป็นนาย “ตายหมด! เป็นไปได้ไง” “ขอรับ ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่” “ท่านพ่อ แบบนี้เหล่าอาหารของเราจะไม่แย่รึขอรับ” “พ่อไม่กลัวเรื่องนั้นแต่ห่วงเรื่องว่ามันจะกระทบงานใหญ่มากกว่า แล้วเรื่องสองตระกูลนั้นเป็นเช่นไรและเรื่องที่ให้ไปสืบได้ความเช่นไร” “ขอรับนายท่าน สองตระกูลนั้นพากันปิดปากเงียบหลังจากที่ตระกูลที่เคยหมั้นหมายต่างพากันขอถอนหมั้น ทำให้หญิงสาวในตระกูลนั้นต่างพากันเก็บตัวขอรับ ส่วนเรื่องที่ให้ไปสืบนั้นได้ความมาว่าแม่ทัพหยางยังนอนไม่ได้สติขอรับ แต่การจะเข้าใกล้เรือนนั้นถือเป็นเรื่องยากมากเพราะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาและไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมจนกว่าท่านขุนพลจะกลับมาขอรับ” “หึหึหึ ดีแบบนั้นแหละดี ไปตามนักพรตนั่นมาเราจะใช้นางเป็นตัวประกันให้เจ้านั้นยอมทำตามเงื่อนไขของเรา” “แต่ท่านพ่อ ถ้านางไม่ยอมล่ะขอ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status