LOGINบรรยากาศครึกครื้นเมื่อครู่พลันเงียบลง กลุ่มคนเริ่มแตกฮือหนีเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ยกอาวุธเข้ามา จินเซียงขยับตัวเล็กน้อย ดันเด็กสาวญี่ปุ่นทั้งสองให้หลบไปอยู่หลังเผยอิง“ข้าถามอีกครั้ง มีเรื่องอะไรกับเด็กสองคนนี้” เสียงของนางนิ่งเรียบ แต่แฝงแรงกดดันจนอีกฝ่ายชะงักวูบหนึ่งชายหน้าบากหัวเราะหยัน “หึ! เจ้าไม่ต้องรู้หรอกคุณหนูใหญ่ แค่ส่งตัวพวกนางมา เรื่องก็จบ”“ขู่ข้า? ถ้าไม่จบล่ะ” จินเซียงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยสิ้นคำพูด ร่างของนางหายวับไปจากที่ยืน ก่อนจะปรากฏอยู่ตรงหน้าชายคนนั้นโดยไม่ทันให้ตั้งตัว มือข้างหนึ่งกดข้อมือของเขาอย่างแรงจนดาบร่วงลงพื้น เสียงเหล็กกระทบดัง เคร้ง!“เจ้าจะ!” อีกสองคนรีบพุ่งเข้ามา แต่เพียงพริบตา จินเซียงสะบัดชายแขนเสื้อออก หมัดและปลายเท้าแทรกผ่านราวสายลม ปัดอาวุธออกจากมือพวกมันทีละคนอย่างแม่นยำเสียงแตกตื่นดังไปทั่วตลาด พ่อค้าแม่ค้าพากันถอยหนี บรรยากาศรอบท่าเรือกลายเป็นความวุ่นวายเผยอิงก้าวขึ้นมาข้าง ๆ พลางชักดาบสั้นที่พกติดตัวไว้“หากยังกล้าแตะต้องพวกนางอีกแม้แต่น้อย… อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”สีหน้าของชายฉกรรจ์เริ่มแปรเปลี่ยนจากหยิ่งผยองเป็นหวาดหวั่น เหลือบตามองฝูงชนที่เริ่ม
กลองศึกยังไม่ทันเงียบสนิท เสียงกีบม้าก็เร่งเร้าสะท้านพื้นดินสะเทือน ร่างของจินเซียงที่เต็มไปด้วยเลือดทั้งของตนเองและศัตรู ถูกหามลงจากหลังม้าโดยทหารที่น้ำตาคลอ ดวงตาของผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนแดงก่ำ ทั้งยกย่อง ทั้งโกรธแค้นที่คนอย่างนางต้องบาดเจ็บเพราะ ‘การตัดสินใจชักช้า’ ของเบื้องบน“ท่านรองแม่ทัพ… ฮึดไว้นะ! อย่าหลับตาเด็ดขาด!”เสียงของนายกองดังแทรก ขณะนางถูกหามเข้าไปในกระโจมใหญ่ กลิ่นสมุนไพรผสมคาวเลือดคลุ้งไปทั่วเผยอิงที่รออยู่แล้วแทบวิ่งเข้าใส่ เมื่อเห็นร่างที่ไร้สติของคนรัก “เซียง…เจ้าอย่ากล้าทิ้งข้าเชียวนะ!” น้ำเสียงสั่นเครือแต่ก็เต็มไปด้วยความ เด็ดเดี่ยว“ท่านกุนซือ! หากนางเป็นอะไรไป ข้าจะมาเอาชีวิตท่านเอง!”เสียงของแม่ทัพถังประจำเหอเป่ย์ดังก้องไปทั่วค่าย ทหารหลายพันสายตาจับจ้องมาที่ชายชราซึ่งเป็นกุนซือใหญ่“หาใช่ความผิดของข้า! ข้าเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าที่จะเดิมพันกับชีวิตเพียงคนเดียว!” ยังไม่ทันสิ้นคำ ร่างของกุนซือก็ปลิวกระแทกพื้นอย่างแรงจากฝ่ามือที่ฟาดเข้าใส่“นี่! สำหรับพี่น้องข้าที่ตายไปเพราะคนเห็นแก่ตัวเช่นท่าน!”เตียวหลางชี้หน้าด้วยเสียงสั่นสะท้านไปด้วยโทสะ ความเงียบอึดอัดปกค
แม้ว่าภายนอกจะวุ่นวายเพียงไรแต่ก็ไม่กระทบกับการกินอาหารแม้แต่น้อย บนโต๊ะมีอาหารมากมายพอๆ กับคนที่มีเยอะ ดีที่หวังซุนเทียนได้จองไว้ทั้งชั้นทำให้ไม่มีใครรบกวน“ท่านเอ่อ~” “เรียกข้าซียงก็พอ ไม่ว่าจินเต้องมาก็พิธี” “เจ้าค่ะ พี่จินเซียง จริงซิพวกท่านจะไปงานชุมนุมชาวยุทธ์ใช่รึไม่” “ใช่แล้ว คนเยอะน่าจะขายดี” ตอบตามที่คิด เพราะนางคิดจะหาเงินจากงานนี้โดยเฉพาะ พอกินข้าวแล้วตีกัน เมื่อโรงเตี้ยมพัง คนก็จะมากินที่ร้านนาง “พวกท่านจะว่าอะไรรึ ไม่ถ้าพวกเราขอตามขบวนท่านไป” จินเซียงเหลือบมองกุ้ยเฟยเล็กน้อย กุ้ยเฟยก็พยักหน้า “ตกลง พวกเราเป็นสตรีเหมือนๆ กัน การที่จะเดินทางด้วยกันก็ไม่ใช่แปลกอันใด มาเถอะเดี๋ยวอาหารจะเย็นก่อน”“ขอบคุณท่านมาก เช่นนั้นข้าในนามตัวแทนศิษย์สำนักดอกเหมยขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” “ดี! มาทุกคนดื่ม” “ดื่ม!” ทุกคนร่วมกินอาหารกันอย่างสนุกสนาน ทางเจ้าของโรงเตี๊ยมได้เชิญนักดนตรีมาแสดงให้ชมเพื่อความเพลิดเพลินและต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีไว้กับสตรีที่อยู่ในห้อง ไม่บ่อยครั้งที่ผู้นำตระกูลหวังจะออกหน้าเพื่อเหมาชั้น สั่งเตรียมอาหารที่ดีที่สุดในเหล่าอาหารไว้เช่นกัน “ไม่ทราบว่าพี่สา
เช้าวันต่อมาหลังทานอาหารแล้ว จินเซียงกับเผยอิงก็เข้าไปคุยกับหยางจินเทาเรื่องที่ทางโซซอนส่งคนมาขอความช่วยเหลือ นางรู้ดีว่าโซซอนเป็นปราการด่านแรกที่ป้องกันการรุกรานของพวกญี่ปุ่นถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงพวกโจรสลัดก็ตาม ถึงแม้ในความฝันคนที่คิดว่าเป็นเทพพระเจ้าจะบอกไว้ว่าทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่ใช่แบบเดียวกับโลกเดิมของนางก็ตาม แต่ก็ประมาทไม่ได้ เมื่อพูดคุยกันแล้วทางหยางจินเทาก็มีความกังวลเรื่องปืนใหญ่ เพราะว่าตอนนี้ปืนใหญ่แบบที่ต้าซ่งมีในครอบครองนั้น ที่อื่นยังไม่มีใช้ประกอบกับทหารของต้าซ่งเองก็ใช่ว่าเข้มแข็งเช่นยุคของต้าถัง “ปู่คงต้องไปปรึกษากับพระองค์ดูก่อนว่าจะทำเช่นไร เพราะทางโกโจเองก็ปฏิเสธเรื่องนี้เพราะคนล่ะกลุ่มกัน” “เจ้าค่ะ อย่างไรก็ต้องจัดการให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปงานชุมนุมชาวยุทธ์ที่หลานต้องไปคุ้มกับกุ้ยเฟย” “งานนี้ได้ข่าวว่าจัดที่ภาคกลาง เอ่~ อ้อ ปู่นึกออกแล้วว่าจัดที่ไหน” “ที่ไหนรึเจ้าค่ะ” เผยอิงถาม “ก็ที่ทำการหลักของพรรคฝ่ายธรรมมะที่เหวย์ฟาง เขตซานตง” “หลานเคยได้ยินมาบ้างว่า-” “ใช่แล้ว!” สองปู่หลานถึงกับสะดุ้งเพราะอยู่ๆ อีกคนก็ตะโกนขึ้นมา “ใช่อะไรท่านพี่” เผยอิงหันไป
เช้าวันต่อมา จินเซียงพาเผยอิงและสองสาวไปเล่นน้ำที่น้ำตกใกล้บ้าน แต่ทว่ากลับไม่มีใครยอมลงเพราะการเปลืองผ้าเล่นน้ำนั้นถือว่าผิดหลักสอนหญิง แต่บางทีพวกนางอาจลืมไปว่าทีนี่มีแต่สตรีเท่านั้น จินเซียงโดดลงน้ำโดยมีเพียงบังทรงกับกางเกงสั้นเท่านั้น ซู่มม~ “สดชื่นจริงๆ อ้าวพวกเจ้าไม่ลงมาล่ะ ฮูหยินข้า เจ้าไม่ลงมาหรอ” “พวกข้าว่ายน้ำไม่เป็นเจ้าค่ะ” เผยอิงตอบตามตรง “อะไรกัน เช่นนั้นก็นั่งเล่นกันดีๆ น่ะ” “เจ้าค่ะ” วันเวลาอันสงบสุขก็ดำเนินต่อไปจนวันสุดท้ายของการพักผ่อนมาถึง ทั้งสี่ช่วยกันเก็บข้างของขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมตัวกลับไปที่จวน “เสี่ยวจูเจ้าเก็บของมาครบรึยัง” “เจ้าค่ะฮูหยิน” เสียวจูตอบ “ฮวาฮวาปิดรั้วให้ดีด้วยน่ะ จะได้ไม่มีใครเข้าไปได้” “แน่ใจรึเจ้าค่ะ” จินเซียงย้ำอีกรอบ “เชื่อข้า” ฮวาฮวาพยักหน้าแล้วปิดรั้วให้สนิท แล้วเดินมาขึ้นรถม้า รถม้าค่อยๆ เคลื่อนออกห่างจากบ้านช้าๆ ไม่มีใครสังเกตเลยแม้แต่น้อยว่าบ้านหลังดังกล่าวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยนอกจากจินเซียงเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด กุบกับ กุบกับ เสียงรถม้าค่อยๆ เคลื่อนไปตามทางขรุขระมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่เซี่ยโจว “ทำไมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย”
จินเซียงมองคนรักนั่งเงียบมาซักพักตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เอมิลเล่า เรื่องของคนรักเก่าที่ตายจากไปไม่หวนกลับ ทั้งคู่มีหลายอย่างที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกแตกต่างกันก็แค่สีผม “เจ้าก็คือเจ้า ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง”“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นตัวแทนนางใช่รึไม่” “อดีตก็คืออดีตไม่อาจย้อนกลับได้อีก ความผิดพลาดครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้ข้าว่าข้าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกซ้ำสอง” “ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” “นั่นซิน่ะ มาเถอะไปดูคนอื่นๆ ทำงานกัน” “เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เดินออกนอกห้องทำงานตรงไปที่ท้ายจวนติดท่าเรือ โรงหลอมนั้นกำลังถูกสร้างอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ส่วนพื้นที่ด้านข้างและจวนหลังนั้นก็กำลังมีการปรับปรุงโดยใช้แผ่นไม้มาล้อมส่วนติดถนนไว้เพื่อไม่ให้คนเห็นว่าทำอะไรก่อนที่กำแพงจะสร้างเสร็จแต่เรื่องการเตรียมตัวสำหรับวัตถุดิบนั้นก็ได้คนจากตระกูลหวังที่ครอบครองการค้าเหล็กและแร่หลายชนิดมาช่วยในการจัดหา ทำให้เรื่องวัตถุดิบง่ายขึ้นมามาก เจ็ดวันต่อมาโรงหลอมก็สร้างเสร็จ ฮ่องเต้ทรงมาดูงานด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่จะเหมือนตีดาบรึไม่ หลังจากที่โหรหลวงมาถึงก็เริ่มทำพิธีบูชาดินฟ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล ฮ่







