“ปากเธอทั้งหวานทั้งหอมเลย” ฟาฎิลปล่อยปากสาวให้เป็นอิสระเพื่อให้อนัญญาได้หายใจ ทั้งที่ไม่อยากทำสักเท่าไหร่ “คอยดูนะ ถ้าฉันขึ้นไปจากสระได้เมื่อไหร่ ฉันจะชกหน้าคุณ จะชกเป็นร้อยทีเลย” อนัญญาอยากทำตามปากว่าตอนนี้เลย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะหล่อนอยู่ในน้ำ กลัวจมน้ำก็กลัว อยากอัดหมัดใส่หน้าฟาฎิลก็อยากทำ และที่สำคัญหญิงสาวเขินอายที่ถูกชีคหนุ่มขโมยจูบแรกไปแบบไม่ทันตั้งตัว พวงแก้มขึ้นเลือดฝาดส่งผลให้ใบหน้าหล่อนชวนมองมากขึ้น “จูบหนึ่งครั้งถูกชกหนึ่งทีก็คุ้มนะ งั้นฉันต้องจูบเธอบ่อยๆ ซะแล้ว” ฟาฎิลพูดไปยิ้มไป “จะบ้าเหรอ ฉันไม่ให้คุณจูบหรอก ถ้าคุณจูบฉันอีกล่ะก็ฉันจะชกหน้าคุณให้ดั้งหักเลยคอยดู” หล่อนขู่ “แล้วก็จะกัดลิ้นคุณให้ขาดด้วย” “เธอไม่มีวันได้กัดลิ้นฉันหรอก” อนัญญาใจชื้นเพราะคิดว่าเขากลัวคำขู่ตน ทว่าคำพูดประโยคต่อมา ทำให้หล่อนถึงกับตกใจ “เพราะครั้งหน้าฉันจะจูบเธอแบบไม่สอดลิ้น”
View Moreจดหมายในมือชีคฟาฎิล อิสบาฮิม ราซิม สุไลลาถูกคลี่ออก จดหมายฉบับนี้ส่งมาจากประเทศไทย ผู้ส่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษระบุชื่อ อภิญญา อินทร์กรรชัย เขาทวนความจำกับบุคคลชื่อนี้ กว่าจะนึกชื่อนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะมันผ่านมากว่าเจ็ดปีแล้ว
7 ปีที่ไม่ได้ติดต่อกับเจ้าของจดหมายฉบับนี้
อภิญญาคือคู่นอนของเขาพักหนึ่ง พักหนึ่งที่ว่าก็ร่วมสองเดือน ตอนนั้นเขาไปเมืองไทยเพื่อติดต่อเรื่องธุรกิจและพักผ่อน อภิญญาเป็นพนักงานทำความสะอาดภายในโรงแรมที่เขาพักอาศัย เจอกันครั้งแรกต่างถูกใจซึ่งกันและกัน สุดท้ายก็จบลงที่เตียง
ชีคฟาฎิลตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสถานที่แห่งนั้นคือรังเสน่หาระหว่างเขากับอภิญญา จนกระทั่งเขากลับประเทศซาเมียร์ก็ไม่ได้ติดต่อกับอภิญญาอีกเลยชีคหนุ่มจำได้ว่าก่อนกลับได้ให้เงินอภิญญาสามแสนบาทก็ไม่น่ามีเรื่องติดค้างกัน อีกทั้งยังตกลงกันไว้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีการผูกมัดทุกอย่างจบเมื่อเขาบอกให้จบ ซึ่งหล่อนก็ยอมรับในข้อตกลงนี้ แล้วทำไมจดหมายฉบับนี้ถึงมาอยู่ในมือตนได้ ด้วยความอยากรู้ฟาฎิลเปิดจดหมายเพื่ออ่านข้อความในนั้น
ฟาฎิลคะ
คุณคงจำฉันไม่ได้ คุณเรียกฉันว่า ซาเรีย ฉันมีความลับเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกคุณ ครึ่งเดือนก่อนคุณกลับซาเมียร์ ฉันแอบใช้เข็มเจาะถุงยางอนามัยเพราะฉันอยากมีลูกกับคุณ ฉันรักคุณแต่รู้ดีว่า คุณไม่รักฉันและไม่ต้องการมีพันธะ พอคุณกลับซาเมียร์ได้เกือบเดือนฉันก็ตั้งท้อง ลูกในท้องของฉันคือลูกของคุณ เขาเป็นเด็กฝาแฝดหน้าตาเหมือนคุณไม่มีผิด ลูกของเราชื่ออานัสและอานีส ตอนนี้อายุหกขวบกว่าแล้วค่ะ
ที่ฉันเขียนจดหมายมาบอกคุณเพราะฉันกำลังจะตายด้วยโรงมะเร็ง ฉันไม่แน่ใจว่า วันที่คุณได้รับจดหมายฉันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ฉันไม่อยากทิ้งภาระให้พี่สาวของฉัน พี่สาวฉันลำบากเพราะฉันกับลูกมามากแล้ว เธอทั้งเหนื่อยและทุกข์ใจทุกวันเพราะต้องหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลฉันและเลี้ยงลูกของเรา ฉันจึงอยากให้คุณมารับลูกของเราไปอยู่ด้วย
คุณอาจไม่เชื่อเรื่องที่ฉันบอก แต่ทางการแพทย์สามารถยืนยันได้ คุณพาอานัสและอานีสไปตรวจดีเอ็นเอได้ค่ะ ฉันมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่า อานัสกับอานีสเป็นลูกของคุณ ภาพถ่ายสองแฝดฉันส่งมาพร้อมกับจดหมาย หน้าตาเหมือนคุณไม่มีผิดค่ะ ฉันเขียนที่อยู่ไว้ให้ด้วยนะคะ คุณจะได้ไปรับลูกของเราได้ถูกที่
ท้ายนี้ฉันดีใจที่ได้พบคุณ ดีใจที่เรามีความสุขร่วมกันในระยะเวลาสั้นๆ เป็นความสุขและความทรงจำที่ฉันไม่เคยลืม และขอโทษที่สร้างภาระให้กับคุณ คุณไม่รักฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอให้คุณรักลูกของเราบ้างแค่เพียงเสี้ยวใจก็ยังดี
รักคุณเสมอ
ซาเรีย
มือฟาฎิลสั่นไปหมด หัวใจเขาก็สั่นตามไปด้วย รู้สึกมึนไปชั่วขณะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตน ใครจะไปคิดว่าอภิญญา ผู้หญิงนิสัยเรียบร้อยที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมาจะทำเช่นนี้ ทว่าใจหนึ่งก็ไม่คิดว่าคือเรื่องจริง
ฟาฎิลวางจดหมายลงบนโต๊ะ หยิบภาพถ่ายออกมาจากซองจดหมาย หัวใจเขาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อได้เห็นหน้าเด็กผู้ชายสองฝาแฝด ใบหน้าตาเหมือนเขาในวัยเดียวกันไม่มีผิด ฟาฎิลเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ความคิดที่ว่าไม่ใช่เรื่องจริง อาจเป็นจริงก็ได้ ทางเดียวที่จะพิสูจน์ว่าเด็กชายอานัสและอานีสเป็นลูกเขาหรือไม่ คงต้องตรวจดีเอ็นเอตามที่อภิญญาบอกในจดหมาย
“ไหน ไหน ลูกหลานใครมาว่าหลานฉันว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ” เสียงชวนหาเรื่องเต็มที่ของอนัญญาดังขึ้น เจ้าตัวยืนเท้าเอวมองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ใหญ่ อายุรวมๆ กันแล้วเกือบสี่ร้อยปีเรียงคน โต๊ะม้าหินใกล้ๆ มีสาววัยเดียวกับหล่อนนั่งดื่มกาแฟเย็นนั่งอยู่ โดยมีเด็กชายกลุ่มหนึ่งนั่งเล่นอยู่ด้วย ทั้งหมดนั่งอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งประจำซอย “ใครว่าหลานฉันแสดงตัวออกมาซะดีๆ อย่าให้โมโหนะ”
เป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับ
“เตือนครั้งที่สองนะ ถ้าไม่แสดงตัวออกมา ที่นี่แหลกแน่”
เตือนครั้งนี้เด็กชายรูปร่างอ้วนสุดที่นั่งตรงโต๊ะม้าหินลุกขึ้นมายืนหลบอยู่ด้านหลังวาสนาหรือนาที่นั่งดื่มกาแฟเย็นที่ไม่ได้ช่วยให้จิตใจหล่อนเย็นเลย กลับร้อนๆ หนาวๆ ด้วยซ้ำไป
“ไอ้นนท์ แกว่าหลานฉันใช่ไหม” อนัญญาเรียกชื่อเด็กชายเจ้าเนื้อเสียงดังลั่น เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเกาะแขนน้าสาวแน่น
“เด็กมันก็คงพูดหยอกกันน่ะเปรี้ยว แกก็อย่าถือสาเด็กมันเลยนะ”
วาสนาน้าสาวของนนท์พูดเสียงสั่น รู้สึกแหยๆ กับท่าทางของอนัญญาที่พร้อมตบเต็มที่
“นั่นสิ เอ็งก็อย่าโกรธเป็นฝืนเป็นไฟไปหน่อยเลย เด็กมันพูดไม่คิด พูดตามความจริง” คนพูดคือป้าอิ่ม แม่ของวาสนาและเป็นยายของนนท์
“ความจริงอะไรป้า ฉันถามป้าข้อนึงว่า ใครในโลกนี้เกิดมาโดยไม่มีพ่อบ้าง ไม่ใช่ปลากัดนะที่มองตากันแล้วจะท้องน่ะ ขนาดทำเด็กหลอดแก้ว ทำกิฟฟ์ยังต้องมีเชื้อของคนเป็นพ่อเลยไม่งั้นลูกจะเกิดมาได้ไง” อนัญญาพูดด้วยความไม่พอใจ มองหน้าเอาเรื่อง “อย่ามาแถแทนหลานตัวเองเลย หัดสั่งสอนหลานตัวเองบ้างนะ ถ้าฉันได้ยินอีกครั้งว่า หลานของป้าพูดแบบนี้กับหลานของฉันอีกล่ะก็ แม่จะเอาไม้เผ่นกบาลให้แตกเลยคอยดู”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อนัญญามาอาระวาดผู้ปกครองเด็กในละแวกบ้าน แต่ก็ยังมีเด็กปากไม่ดีพูดล้อเลียนอานัสและอานีส หลานชายฝาแฝดสุดที่รักของหล่อนว่า ‘ไอ้ลูกไม่มีพ่อ’ คนเป็นป้าถึงกับเลือดขึ้นหน้า ไปจัดการเด็กที่พูดประโยคนี้ จนไม่มีใครพูดซ้ำสอง
Chapter 44 หลังจากตกลงกันได้ สุจิตราเก็บเสื้อผ้าไปอยู่บ้านบาดียะที่ยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และยอมรับมูฮัมหมัดในฐานะลูกเขย แม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก แต่ในเมื่อลูกสาวรักและเรื่องเลยเถิดมาถึงป่านนี้ อีกทั้งมูฮัมหมัดก็ไม่คิดเกาะบาดียะกินอย่างที่เข้าใจ เขาขยันทำงาน หาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย จาเหม็ดที่รักลูกไม่อยากให้ลูกลำบาก จึงให้มูฮัมหมัดเข้ามาดูแลกิจการเครื่องเพชรของตน ให้เงินเดือนและส่วนแบ่งรายได้ให้สิบเปอร์เซ็นต์ หน้าที่หลักของสุจิตราคือดูแลบาดียะที่เกิดอาการแพ้อย่างหนัก นอกจากคลื่นไส้ยังมีอาการวิงเวียนศีรษะและหน้ามืดบ่อยๆ สุจิตราแทบจะไม่ห่างบาดียะเลย ดูแลดีประหนึ่งน้องสาว การที่สุจิตรามาอยู่บ้านบาดียะ หล่อนได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าของบ้านที่ให้ความเมตตา แม้ว่าจะต่างศาสนาแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ บาดียะซื้อชุดแบรนด์หรูให้สุจิตราเกือบยี่สิบชุด ไม่รวมเครื่องประดับอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต่างหู สร้อยคอและนาฬิกา รวมถึงกระเป๋าราคาหลักแสนให้อีกสองใบ ไม่เพียงแค่นั้นยังขัดสีฉวีวรรณให้ดูเปล่งปลั่งมากขึ้น ดูมีออร่าสาวไฮโซ ทำราวกับว่ากำลังชุบตัวสุจิตราเป็นคนใหม่
Chapter 43สามเดือนต่อมา อนัญญา อานัสกับอานีสเดินทางมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศซาเมียร์ ประเทศที่อนัญญารู้จักแค่ชื่อ แต่ไม่เคยมาย่ำเยือน พอมาเห็นหล่อนยอมรับว่าตื่นเต้นและทึ่งในสถาปัตยกรรมอันสวยงามและเก่าแก่ โดยเฉพาะวังของฟาฎิลที่มีความยิ่งใหญ่สวยงามมาก เพราะทำจากหินอ่อนทั้งหมด เนื้อที่ก็ใช่ย่อยกว้างขวางถึงห้าสิบไร่ มีสนามหญ้าให้อานัสและอานีสวิ่งเล่น รวมถึงสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส สนามบาสเกตบอล ยังไม่หมดยังมีสนามแข่งรถทางด้านข้างของวังอีกด้วย อนัญญากับสองหลานชายได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น นูรีนมารดาของฟาฎิลที่เคยเจอกันแล้วตอนที่นางไปดูหน้าหลานรักที่เมืองไทย นางรู้สึกถูกชะตาและนับถือความแข็งแกร่งของอนัญญาหลังจากรู้ว่า หล่อนดูแลทั้งอภิญญาและหลานชายพร้อมกัน ด้วยการไม่เลือกงาน ขอเพียงเป็นงานสุจริต นูรีนยินดีมากที่อนัญญาก้าวเข้ามาอยู่ในวัง ในฐานะลูกสะใภ้ คนมาอยู่ใหม่นอกจากจะปรับตัวเรื่องเวลาและสถานที่แล้ว ทั้งสามยังต้องเรียนรู้เรื่องภาษาและศาสนา รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งสามป้าหลานก็ค่อยๆ ปรับตัว เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้อนัญญาพูดคุยภาษาถิ่น
Chapter 42 “ยังเจ็บอยู่ไหมคนดี” เขาถามชิดเรียวปากอิ่ม จูบซ้ำๆ ขบเม้มกลีบปากล่างเธอเบาๆ “ว่าไงครับ ยังเจ็บอยู่ไหม”“ไม่เท่าไหร่ค่ะ...แต่อึดอัด” อนัญญาตอบตามตรง มองหน้าชายหนุ่มที่ตนรักด้วยเก้อเขิน“ของฉันมันใหญ่ก็งี้แหละ อึดอัดเป็นเรื่องปกติ” ฟาฎิลยอตัวเอง “แต่รับรองว่า เราจะมีความสุขไปด้วยกัน” ชีคหนุ่มขยับสะโพกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะต้องการให้อนัญญาคุ้นชินกับความแปลกใหม่ ปรารถนาให้หล่อนซึมซับความสุขเข้าสู่หัวใจ เขาเคลื่อนไหวนุ่มนวลช้าๆ เนิบๆ ต่างกับกิจกรรมทางเพศกับหญิงอื่นที่จะดุเดือดตามประสบการณ์ของคู่นอนคนนั้น ทว่ากับอนัญญา หล่อนคือความบริสุทธิ์ที่เขาอยากให้ซึมซับความมหัศจรรย์ทางเพศ ต้องการให้เธอประทับใจและเก็บไว้ในกล่องความทรงจำ“อา...ท่านชีค” ความเจ็บปวดค่อยๆ ลดเลือน ความกระสันซ่านจากฤทธิ์พิศวาสเข้าครอบงำ หัวใจสาวกำลังโบกโบยบินไปกับทำนองรักทำนองสวาทที่เขากำลังขับกล่อม“โอ้...วิเศษจัง...ลัยลาฮ์”“ท่านชีค...อา...อืม” บทเพลงรักของเขาเปลี่ยนไป จากช้าเริ่มขยับจังหวะเร็วขึ้น เมื่อเขาเร่งความเร็วเสียงครางกระเส่าของอนัญญาดังไม่ขาดปาก ประสานกับเอกบุรุษที่ทะยานเข้าใส่ไม่หยุด ความเสียวซ่า
Chapter 41อนัญญาไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกคล้ายคนคลั่ง ยิ่งเขาขยับนิ้วเร่งจังหวะ หล่อนยิ่งเสียวกระสัน ร้องครางระบายความร้อนที่สุมในทรวง เพราะตอนนี้ความร้อนมันเพิ่มทุกขณะจิต เพิ่มทุกองศายามเขาขยับนิ้วเข้าและออก“กลิ่นโชยมา หอมยั่วเหลือเกิน” เหมือนเป็นแรงกระตุ้น แรงผลักดันที่ทำให้ฟาฎิลอยากเลื่อนหน้าไปเชยชมความหอมพรรณพฤกษาที่ส่งกลิ่นเย้ายั่วอารมณ์ กลิ่นสาปสาวที่มาพร้อมกับกลิ่นเสน่หา เมื่อสองกลิ่นมารวมกันเปรียบเสมือนหัวน้ำหมอชั้นดี ที่ชายได้ใดสูดดมเข้าไป ร่างกายจะเกิดความร้อนรุ่ม เพลิงพิศวาสถูกปลุกระดมลุกพรึบทันใด แล้วเขาก็ไม่อดทนกับความต้องการของตนเอง ใบหน้าคมเข้มเลื่อนต่ำลงไปยังดอกกุหลาบช่องามที่ตอนนี้เป็นอิสระจากนิ้วมือใหญ่ แต่ก็เพียงแค่ช่วงไม่กี่วินาที ปากและลิ้นของเขาก็ทำงานแทนที่“ท่านชีค...อา...ท่านชีค” อนัญญาไม่ทันตั้งตัว เธอไม่คิดว่าเขาจะหุนหันเลื่อนใบหน้าไปยังจุดนั้น แล้วเวลานี้เขาเริ่มสำรวจดอกไม้งามดั่งภุมรินลิ้มเกสรหวานฉ่ำ จูบไปทั่วดอกผกา ลิ้นสากใหญ่แทรกไปตามกลางกลีบดอกตวัดลิ้นไปมา ก่อนพบเจออัญมณีสีสวยที่ขึ้นรูปอวดตัว แน่นอนว่าเขาต้องจัดการมันด้วยปาก ดูดและเม้ม “อา...ท่านชีค...อ
Chapter 40“ไม่ต้องกลัวหรอก มันก็ใหญ่อย่างนี้แหละ แต่รับรองว่าเข้าไปในตัวเธอได้ และมันจะทำให้เรามีความสุข” เขาพูดขณะก้าวขึ้นมาบนเตียง กอดก่ายร่างเปลือยเปล่าที่เรียกความกำหนัดทั้งโลกให้มาอยู่ในความรู้สึก ฟาฎิลเห็นสาวสวยมากหน้าหลายตาเปลือยเปล่ามานักต่อนัก แต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกปรารถนาในอารมณ์เช่นอนัญญามาก่อน ฟาฎิลจุมพิตสาวกำลังกลัวอีกครั้ง มอบจูบหวานๆ อาบซ่านไปด้วยไฟพิศวาสให้หล่อนหลงลืมความกลัว และต้อนรับความรัญจวนที่เขากำลังมอบให้อนัญญาอนัญญาคล้อยตามสัมผัส เคลิบเคลิ้มไปกับจุมพิตดังเช่นทุกครั้ง ต่างกันตรงที่ว่าครั้งนี้มือของเขากำลังปลุกปั่นอารมณ์สาวให้กระเจิดกระเจิง มือใหญ่ดึงแขนสาวที่ปิดทับทรวงอกสล้างให้ออกห่าง จากนั้นก็ใช้มือกอบกุมอกอวบ ออกแรงบีบเบาๆ นุ่มนวลเพื่อให้เธอลดความประหม่าและทำความคุ้นชิน พร้อมกันนี้เขายังใช้ปลายนิ้วใหญ่ดีดสะบัดยอดถันสีหวานไปด้วย ร่างสาวถึงกับสั่นรับความหวามหวิวที่แทรกผ่านผิวกาย“อืม...อืม” อนัญญาไม่อาจเปล่งเสียงครางลอดผ่านปากได้ เนื่องจากหล่อนถูกฟาฎิลจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากใหญ่ทว่าอ่อนนุ่มพันรัดลิ้นเล็ก กระหวัดเกี่ยวด้วยความเจนจัด ดึงสตินึกคิดของหล่อน
Chapter 39 “คุณรักฉัน...รักฉันจริงหรอคะ” อนัญญาถามเสียงเบา “รักสิ อาจจะยังรักไม่เต็มหัวใจ แต่ฉันเชื่อว่า ทุกวันต่อจากนี้ฉันจะรักเธอมากขึ้นจนไม่เหลือพื้นที่ในนี้” ฟาฎิลจับมือเรียวสวยของอนัญญามาวางตรงทรวงอกบริเวณที่หัวใจกำลังเต้น “ความรักที่ฉันมีต่อเธอ มันมาแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป แต่เชื่อมั่นว่า คือรักจริงๆ” หัวใจอนัญญาพองโตราวกับลูกโป่งที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า คำพูดของเขาเรียกความดีใจและตื่นเต้นให้คนฟังมาก หล่อนไม่คิดมาก่อนว่า ตนเองจะได้รับเกียรติจากชายสูงศักดิ์ที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่างมอบความรักให้ แล้วก็จริงตามที่เขาเอ่ยมาที่ว่า ‘รักก็บอกว่ารักสิ มันไม่ใช่เรื่องหน้าอายเลยนะ เราโตๆ กันแล้ว อายุก็สมควรมีครอบครัว อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเลย มารักกันดีกว่า’ “งั้นฉันรักคุณก็ได้ รักนิดๆ รักน้อยๆ แต่รักนานๆ” “อะไรกันหล่อๆ รวยๆ อย่างฉัน เธอรักแบบนี้เหรอ แต่ก็ไม่เป็นไร ขอให้รักก็พอ อีกอย่างฉันเชื่อว่า ฉันต้องทำให้เธอรักจนถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน” ฟาฎิลหอมแก้มอนัญญาเมื่อพูดจบ “ฉันจะให้ของขวัญที่เราเป็นแฟนกันนะ จูบหวานๆ เป็นไง ตอนนี้ฉันอยากจูบเธ
Comments