“ว่ามาสิ”
คนป่วยบอกด้วยน้ำเสียงแหบโหย ไม่ยอมมองหน้าสวยๆ ของคนพูดให้เคืองตา หากไม่ใช่ใบหน้าสวยๆ นี้ เขากับลูกคงไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้
“คือว่า ทางนั้นเขายื่นข้อเสนอมาว่า เขาจะยอมยกหนี้ให้เราค่ะ แต่มีข้อแม้นิดหน่อย”
แขไขไม่ได้แจกแจงรายละเอียดทั้งหมด ขณะมองหน้าสามีอย่างมีแผนการ เธอได้ไปคุยกับเจ้าหนี้มาแล้ว ข้อเสนอนั้นทำให้แขไขตาโต รีบรับปากในทันที นอกจากปลดหนี้ได้แล้ว เธอยังกำจัดลูกเลี้ยงไปให้พ้นบ้านได้ด้วย เรื่องดีๆ แบบนี้ มีหรือที่เธอจะไม่ยอมรับปาก
“ข้อแม้อะไร พูดมาให้หมด ผมไม่มีเวลามารอฟังทั้งวันหรอกนะ” นายพิพัฒน์กระชากเสียงใส่
“แหม ใจร้อนจริงเชียว แขบอกเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ คือว่าทางเจ้าหนี้เขามีลูกชายเป็นพ่อม่ายลูกติด แล้วทีนี้เขาก็อยากหาเมียให้ลูกชาย เขาเห็นว่าหนูดาวลูกสาวของคุณ เป็นกุลสตรีเหมาะสมจะเป็นสะใภ้ของเขา ก็เลยขอทาบทามให้แต่งงานกับลูกชายของเขาค่ะ แล้วจะยกหนี้ทั้งหมดให้เรา แทนค่าสินสอดค่ะ คุณคิดว่าข้อเสนอนี้ดีไหมคะ”
แขไขจีบปากจีบคออธิบายอย่างละเอียด ปั้นหน้ายิ้มให้สามี ทั้งที่เหม็นเบื่อผู้ชายขี้โรคไร้ค่าคนนี้เต็มทน
“บ้าที่สุด ข้อเสนอดีอะไรกัน!”
นายพิพัฒน์ตวาดลั่นด้วยความโมโห กำหมัดทุบที่นอนเสียงดัง มองภรรยาด้วยแววตากรุ่นโทสะ
“หรือคุณจะยอมให้เขายึดสวนปาล์มกับโรงงานของเราคะ เราไม่ส่งดอกเบี้ยเขามานานแล้ว เขาเมตตาเราเท่าไหร่ ที่ไม่ยึดเอาไป ยังยื่นข้อเสนอนี้ให้” แขไขโต้กลับ
“ถ้าข้อเสนอมันดีนัก ทำไมไม่ยกลูกสาวของคุณให้แต่งงานแทนหนูดาวล่ะ มีตั้งสองคนก็ให้เขาเลือกเอาสักคนสิ” นายพิพัฒน์ไม่ยอมแพ้
“คุณพ่อพูดแบบนี้ได้ยังไง หนี้สินเป็นของคุณพ่อนะคะ ก็ต้องให้ลูกสาวของคุณพ่อช่วยชดใช้สิคะ เจนกับลูกบัวไม่เกี่ยวด้วยนะคะ” เจนจรัสรีบทักท้วงขึ้น
“ใช่ค่ะ ลูกบัวไม่ยอมใช้หนี้แทนหรอกนะคะ ได้ข่าวว่าลูกชายของเจ้าหนี้เป็นพ่อม่ายลูกติด แถมเมียคนก่อนก็คลอดลูกตาย ข่าววงในบอกว่าถูกผัวซ้อมจนช้ำในตาย ลูกบัวกลัวค่ะ”
นลินรัตน์ส่ายหน้าไปมา ทำท่าหวาดกลัวได้น่าตบ
“ถ้าเขาจะยึด ก็ให้เขายึดไปเถอะค่ะคุณน้าแข สมบัตินอกกายพวกนั้น ไม่ตายก็หาใหม่ได้”
ดาริกาเอ่ยขึ้น ขณะบีบมือบิดาไว้ ไม่ให้ท่านอาละวาด
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงคะ เขาไม่ยึดแค่โรงงานกับไร่ บ้านหลังนี้ก็จะยึดด้วย แล้วจะเอาที่ไหนซุกหัวนอนล่ะค่ะหนูดาว น้าว่าหนูเห็นแก่คุณพ่อของหนู เสียสละตัวเองยอมแต่งงานใช้หนี้ดีไหมคะ”
แขไขพยายามเกลี้ยกล่อมลูกเลี้ยงให้ยอมทำตาม เจ้าหนี้ยึดโรงงานกับสวนปาล์ม ไม่เดือดร้อนเท่ายึดบ้านหลังนี้ เธอกับลูกไม่อยากหอบเสื้อผ้ากลับไปบ้านเก่า เธอเป็นลูกเมียน้อยไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของบิดา พวกบ้านใหญ่คงไม่ยอมให้เธอกับลูกไปอยู่ด้วย เธอจึงต้องยึดบ้านของสามีเอาไว้เป็นแหล่งพักพิง
“คุณน้าแขกับลูกๆ ก็ควรสละความสุขส่วนตัวด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่ใช้เงินกันมือเติบ เราคงมีเงินส่งดอกเบี้ยเจ้าหนี้ ไม่ใช่อยู่ในสภาพเกือบล้มละลายแบบนี้”
ดาริกาเหลือจะอด เธอเริ่มทนไม่ไหวกับความเห็นแก่ตัวของแม่เลี้ยง ที่ผ่านมาเธออดทนไม่ตอบโต้ เพราะเห็นแก่บิดา
“นี่เธอกล้าโทษน้ากับลูกเหรอ ไม่คิดบ้างหรือไงว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาพ่อเธอ มันสูงแค่ไหน เดือนๆหนึ่ง ค่ายาค่าหมอ ค่าอะไรอีกสารพัด ต้องจ่ายเท่าไหร่ หากน้าไม่ช่วยดูแล คงพากันไปนอนสถานสงเคราะห์กันหมดแล้ว”
แขไขไม่ปล่อยให้ลูกเลี้ยงต่อว่าฝ่ายเดียว รีบอ้างถึงภาระค่าใช้จ่ายจากการป่วยของนายพิพัฒน์
“ฉันยินดีไปอยู่สถานสงเคราะห์ ดีกว่าต้องทนอยู่ร่วมบ้านกับคนอย่างเธอ!”
นายพิพัฒน์ดึงมือออกจากมือของลูกสาว ชี้หน้าด่าภรรยาตัวร้ายด้วยความเกลียดชัง
“ถึงยังไงคุณก็ทนมาตั้งหลายปี ก็ทนอีกหน่อยสิคะ ฉันไม่ยอมให้ใครมายึดบ้านหลังนี้หรอกค่ะ
แขไขโต้คืนไม่ยอมลงให้ เธออดทนกับผู้ชายคนนี้มามากแล้ว เธอไม่ยอมให้สิ่งที่ทำมาต้องสูญเปล่า
“คุณน้ากรุณาสุภาพกับพ่อของหนูดาวด้วยค่ะ ท่านกำลังป่วยอยู่นะคะ” ดาริกาลูบหลังบิดา ที่ตอนนี้โกรธจนตัวสั่น
“คนป่วยก็น่าจะรู้ตัวนะว่าไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีเงินดูแลรักษา จะอยู่กันยังไง หนูดาวคิดดูสิ ถ้าไม่มีเงิน คุณพ่อของหนูจะมีสภาพน่าเวทนาขนาดไหน”
แขไขยิ้มเหยียด ขณะกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง แล้วกลับมาจ้องหน้าลูกเลี้ยง
“น้าตกลงรับปากกับเจ้าหนี้ไปแล้ว ทางนั้นเขาจะมารับตัวหนูดาวอาทิตย์หน้า น้าแค่มาบอกและขอความร่วมมือ เตรียมตัวไว้ด้วยนะหนูดาว น้าไปล่ะ”
แขไขตัดบทสรุปจบแบบไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว แล้วรีบเดินออกจากห้อง ก่อนที่แก้วน้ำและสารพัดสิ่งใกล้มือคนป่วย จะปลิวว่อนตามหลังมา
เพล้ง เพล้ง เพล้ง!
“โอ้ย ! คุณแม่ รอเจนกับลูกบัวด้วยค่ะ”
สองสาวพี่น้องรีบวิ่งตามมาออกมาแทบไม่ทัน หวุดหวิดจะโดนปาหัวแตก
“เฮ้อ... แกสองคนนี่”
แขไขส่ายหน้าด้วยความระอา ลูกสาวสองคนของเธอ ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรมากนัก โชคดีที่ได้ความสวยจากแม่ไป ไม่อย่างนั้นคงไม่เหลืออะไรดี
“แล้วคุณแม่ว่า นังดาวมันจะยอมไหมคะ” เจนจรัสขยับมาถามมารดา
“ไม่ยอมก็ต้องยอม แกสองคนคอยจับตามันไว้ อย่าปล่อยให้มันหนีไปไหน ฉันจะให้ไอ้เพิกคอยจับตาด้วยอีกคน”
แขไขมีนักเลงหัวไม้ชื่อนายเพิก มาเป็นคนรองมือรองเท้า ช่วยเธอจัดการปัญหาเล็กๆ น้อยๆ หลายอย่าง
“ลูกบัวได้ข่าวว่า ทางเจ้าหนี้ของคุณพ่อฐานะไม่เลวเลย เสียดายที่ลูกชายเป็นพ่อม่ายลูกติด มีประวัติไม่ค่อยดี” นลินรัตน์ห่อไหล่ขณะเอ่ยถึงเจ้าหนี้
“เขาจะดีหรือไม่ดีก็ช่างเขา ที่สำคัญคือเราต้องจับนังดาวแต่งงานให้ได้ ปัญหาพวกนั้นมันเป็นปัญหาของนังดาว จะถูกผัวซ้อมก็เรื่องของมัน ไม่เกี่ยวกับเรา”
หลายเดือนผ่านไปนับจากงานแต่งงานที่เกาะร้อยดาว ชีวิตของบรรเจิดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ช่อดอกไม้ในมือวันนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ดอกไม้ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่จุดประกายความคิดบางอย่างในใจเขา ตั้งแต่วันนั้นภาพของเจนจรัส หญิงสาวผู้แข็งกร้าวแต่ก็เปี่ยมด้วยเสน่ห์ ก็วนเวียนอยู่ในความคิดเขาตลอดเวลา เขาตามสืบจนรู้ว่าเธอกับนลินรัตน์ น้องสาว มาเปิดร้านขายข้าวแกงเล็กๆ อยู่ในตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมืองวันนั้นบรรเจิดเดินทางมาถึงหน้าร้านข้าวแกงของเจนจรัสในช่วงบ่าย ลูกค้าเริ่มซาลงแล้ว เขากวาดสายตามองไปรอบๆ และแล้วสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างของเจนจรัสที่กำลังยืนหันหลังจัดร้านอยู่ ร่างของเธอไม่เหมือนเดิม... เธอสวมชุดคลุมท้องที่เห็นได้ชัดว่าท้องของเธอนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับมีชีวิตน้อยๆ กำลังเติบโตอยู่ภายในบรรเจิดถึงกับตะลึง ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ อึ้งไปชั่วขณะ หัวใจของเขากระตุกวูบ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งความประหลาดใจ ความสับสน และความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ถูก เขาก้าวเท้าเข้าไปหาเธอช้าๆ"คุณเจนจรัส!" เขาเรียกชื่อเธอเสียงพร่าเจนจรัสสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันมามองต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นบรรเจิด สีหน้าข
หน้าห้องรอคลอดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อัคคี และ นที สองหนุ่มที่ปกติสุขุม เยือกเย็น ตอนนี้กลับนั่งไม่ติดที่พากันเดินสวนกันไปมาหน้าห้องคลอด ด้วยสีหน้ากังวลสุดขีด มือทั้งสองข้างประสานกันแน่น ราวกับภาวนาขอพรให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีนายอนันต์ และ คุณมาเรีย พ่อแม่ของอัคคี รวมถึง ท่านทูตอรรถ และ คุณหญิงแม้นเดือน รวมถึงคุณภัทรกับคุณนุชนารถพ่อแม่ของนที ต่างก็มารวมตัวกันให้กำลังใจ น้องพียืนอยู่ข้างๆ ผู้เป็นปู่กับย่า แววตาใสซื่อจ้องมองประตูห้องคลอดอย่างสนใจ ไม่เข้าใจความตึงเครียดของผู้ใหญ่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่สำคัญสีหน้าของแต่ละคน เต็มไปด้วยความลุ้นระทึกไม่แพ้กัน ส่วนนายพิพัฒน์ ที่นั่งอยู่บนรถเข็น มีนางแก้วคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ได่แต่มองไปยังประตูห้องคลอดด้วยแววตาเป็นห่วงไม่ต่างกันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนทุกคนแทบจะหยุดหายใจ ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก พยาบาลสาวเดินออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าเปื้อนเหงื่อแต่แววตาเต็มไปด้วยความยินดี สองหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก หันขวับไปที่ประตูพร้อมกันด้วยความตื่นเต้นสุดขีด"ยินดีด้วยค่ะคุณอัคคี คุณดารินทร์คลอดแล้วนะคะ" พยาบาลเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อบอุ่นอัคคีรีบเ
ในขณะเดียวกัน ที่ห้องพักหรูอีกห้องหนึ่งไม่ไกลกันนัก ห้องหอของนทีและดาริกา ก็ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่โรแมนติกไม่แพ้กัน แสงเทียนหอมอ่อนๆ ส่องสว่าง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย ต่างจากห้องหอของอัคคีและดารินทร์ที่เน้นความร้อนแรง ห้องนี้กลับเต็มไปด้วยความละมุนละไมนทีในชุดนอนผ้าไหมสีเข้ม ยืนอยู่ริมระเบียงห้องที่เปิดโล่งออกสู่ทะเล มองดูแสงจันทร์ที่ทอประกายบนผิวน้ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขสงบที่เพิ่งค้นพบในชีวิต ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ แขนแกร่งทั้งสองข้างวางพาดบนราวระเบียง เขาสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนเข้าเต็มปอด กลิ่นไอทะเลบริสุทธิ์ช่วยให้จิตใจเขาผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับค่ำคืนอันแสนพิเศษดาริกาเดินเข้ามาหาเขาจากด้านหลังอย่างเงียบเชียบ เธอสวมชุดนอนผ้าไหมเนื้ออ่อนสีชมพูอ่อนที่ขับให้ผิวขาวผ่องของเธอดูโดดเด่นและงดงาม เธอโอบแขนเรียวรอบเอวของนทีจากด้านหลังแล้วซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างออดอ้อน สัมผัสอบอุ่นจากร่างกายของเธอทำให้หัวใจของนทีเต้นระรัวอย่างมีความสุข"พี่น้ำยืนมองอะไรคะ" ดาริกาเอ่ยถามเสียงหวานแผ่วเบานทีพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับดาร
หลังจากงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะจบลง ดวงจันทร์ดวงกลมลอยเด่นอยู่เหนือท้องฟ้าสีครามเข้ม แสงจันทร์นวลผ่องทอประกายลงมายังผืนน้ำทะเลที่ทอดยาวจรดขอบฟ้า สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อยพากลิ่นไอเค็มเคล้ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่ประดับอยู่ในห้องพักสุดหรูบนเกาะร้อยดาวห้องหอของอัคคีและดารินทร์ถูกตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เตียงกว้างใหญ่ปูด้วยผ้าปูที่นอนเนื้อดีสีขาวสะอาดตา มีกลีบกุหลาบสีแดงสดโปรยปรายอยู่ทั่วราวกับพรมสีแดงแห่งความรัก ผ้าโปร่งบางเบาถูกคลุมอยู่เหนือเตียงพลิ้วไหวตามแรงลมจากเครื่องปรับอากาศ สร้างบรรยากาศที่อ่อนหวานและโรแมนติกเกินคำบรรยาย แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องให้เห็นภาพของอัคคียืนรออยู่ข้างเตียงในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวที่ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองสามเม็ด เผยให้เห็นแผงอกแข็งแกร่งและรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ใบหน้าคมคายของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หาและความรอคอย ดวงตาคมกริบเปล่งประกายร้อนแรงเมื่อประตูห้องเปิดออกดารินทร์ ก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ ในชุดนอนผ้าไหมเนื้อบางเบาสีขาวราวกับปุยเมฆที่โอบรัดเรือนร่างอรชร ทรวงอกอวบอิ่มภายใต้ชุดนอนพลิ้วไหวตามจังหวะการเดิน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยควา
ต่อมา บาทหลวงก็ทำพิธีและเอ่ยถามคู่ของนทีและดาริกา“นที คุณยินดีที่จะรับดาริกาเป็นภรรยาของคุณ จะรักและดูแลเธอทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในยามร่ำรวยและยากจน ทั้งในยามเจ็บป่วยและสบาย ตราบชั่วชีวิตของคุณหรือไม่" บาทหลวงเอ่ยถาม"ผมยินดีครับท่าน" นทีตอบรับ พลางหันมาสบตากับดาริกาอย่างอบอุ่น"ดาริกา คุณยินดีที่จะรับนทีเป็นสามีของคุณ จะรักและดูแลเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในยามร่ำรวยและยากจน ทั้งในยามเจ็บป่วยและสบาย ตราบชั่วชีวิตของคุณหรือไม่""ฉันยินดีค่ะท่าน"ดาริกาตอบรับด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นเล็กน้อย เมื่อรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลพิธีดำเนินต่อไปด้วยการแลกแหวน แหวนวงเล็กแต่เปี่ยมด้วยความหมายถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของทั้งคู่ เป็นสัญลักษณ์ของคำมั่นสัญญาแห่งรักนิรันดร์ เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณเมื่อบาทหลวงประกาศให้ทั้งสองคู่เป็นสามีภรรยาอย่างสมบูรณ์ อัคคีและนทีต่างก้มลงจุมพิตเจ้าสาวของตนอย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง สร้างความประทับใจและความปลาบปลื้มใจให้กับแขกผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมากหลังจากพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นลง ก็ถึงเวลาสำหรับช่วงเวลาที่สนุกสนานและเป็นที่รอคอยของเหล่าสาวโสดแล
แสงอาทิตย์ยามเย็นทอประกายสีทองอ่อนๆ แต้มฟ้าจรดน้ำทะเลสีครามที่เกาะร้อยดาว หาดทรายสีขาวนวลทอดยาวเป็นผืนผ้าต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ สายลมทะเลพัดเอื่อยพากลิ่นไอเค็มปะทะผิวกายเคล้ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้สดที่ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณงานแต่งงานที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างงดงามตระการตา ซุ้มดอกไม้สีขาวสะอาดตาที่ทอดเป็นทางเดินยาวสู่แท่นประกอบพิธีซึ่งตั้งอยู่ริมผาหินที่ยื่นออกไปในทะเล ถูกตกแต่งด้วยผ้าโปร่งสีขาวพลิ้วไหวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามอัสดง สร้างบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความโรแมนติกเกินคำบรรยาย สัมผัสได้ถึงความรื่นเริงและปีติยินดีที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งงานแขกเหรื่อทยอยเดินทางมาถึง บ้างก็เป็นคนใกล้ชิดที่คุ้นเคย บ้างก็เป็นบุคคลสำคัญจากวงสังคมชั้นสูง ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดที่งดงามนทีสวมชุดสูทสีขาวบนหน้าอกติดดอกกุหลาบสีขาว ข้างๆ นั้นเอง อัคคีในชุดทักซิโด้สีขาวสง่างาม ทั้งสองยืนรอรับเจ้าสาวอยู่ที่ปลายทางเดินข้างแท่นพิธี ดวงตาคมกริบของเขาทอประกายแห่งความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนข้างกายเขามีน้องพี ลูกชายตัวน้อยสวมชุดทักซิโด้สีขาวขนาดจิ๋ว ยืนอยู่ด้วยท่าทางน่ารัก น่าเอ็นดู แววตาของเด็กน้อยเต็มไ