ในตอนเช้า อัคคีสั่งให้ขจรเช็ครายชื่อแขกที่เข้าพักในรีสอร์ต เพื่อค้นหาตัวว่าที่เจ้าสาวของเขา
แต่ก็ไม่มีรายชื่อของดาริกา พัทธนันท์กุล ปรากฏในรายชื่อของคนเข้าพัก สร้างความหงุดหงิดใจให้เจ้าพ่อเกาะร้อยดาวมาก เมื่อคืนเขาปล้ำจูบเธอแต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับจนแทบสูญพันธุ์ ยังเจ็บจุกจนบัดนี้ หากไม่ได้ตัวเธอมาแก้แค้นให้สาสม เขาไม่มีวันหายเจ็บใจ
“ดาริกา... หนูดาว ฉันจะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันให้ได้ ฉันจะทำให้เธอร้องขอความเมตตาจากฉันคนนี้”
อัคคีคำรามในคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหามารดา เขาต้องการให้ท่านจัดการกับลูกหนี้ขัดดอกคนนี้ให้เขา
“คุณแม่ครับ ผมจะจัดงานแต่งที่เกาะร้อยดาว หาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดให้ผมด้วย”
“มาใจร้อนอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนบอกให้หาเมียก็ทำยักท่า ตอนนี้ทำใจร้อนอยากแต่งเมีย”
คนเป็นแม่เหน็บแนมลูกชายด้วยความหมั่นไส้
“ก็ผู้หญิงที่คุณแม่หาให้ ถูกใจผมนี่ครับ ผมเลยอยากแต่งงานไวๆ ว่าแต่ทางนั้นเขาตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ”
“คุณแขไขเขาตอบตกลงแล้ว เหลือแค่ทางเราหาวันแต่งเท่านั้นแหละ”
อัคคีกระตุกยิ้ม นึกถึงท่าทางพยศของหญิงสาวเมื่อคืนแล้ว ก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงแกล้งหยั่งเชิง หวังทำให้เขาสนใจ แต่วิธีการของเธอก็ได้ผล เขาสนใจเธอมากอยากลากขึ้นเตียงปราบพยศเสียให้เข็ด
“ฝากคุณแม่จัดการให้ผมด้วยนะครับ ยิ่งเร็วยิ่งดี ผมไม่อยากรอนาน”
อัคคีย้ำมารดาอีกครั้ง ก่อนจะวางสายไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเขาอนุญาตขจรก็เข้ามา พร้อมกับโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่ง
“มีคนพบโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ที่ด้านล่างเขาตรงจุดชมวิวครับ นักท่องเที่ยวน่าจะทำตกไว้” ขจรรายงาน
“แล้วทำไมต้องเอามาให้ฉันดูด้วย ให้ประชาสัมพันธ์ติดต่อส่งคืนนักท่องเที่ยวไปสิ”
อัคคีนิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิด เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ต้องมารายงานเขาด้วย
“ผมคิดว่า เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ อาจจะเป็นคนที่คุณอัคคีตามหาอยู่ครับ”
ขจรส่งโทรศัพท์ให้ผู้เป็นนาย เมื่ออัคคีกดเปิดหน้าจอก็เห็นรูปพักหน้าจอ เป็นรูปหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าของเธอทำให้เขาขมวดคิ้วดกหนาของตัวเอง ยกมือขึ้นแตะรูปนั้นอย่างลืมตัว
“ดาริกา...” เขาครางในคอ
“ใช่ครับ รูปว่าที่เจ้าสาวของคุณอัคคี คุณดาริกาน่าจะทำหล่นเอาไว้”
ขจรเคยเห็นรูปของว่าที่เจ้าสาวของอัคคี เขายังถูกเจ้านายใช้ให้ตามหาเธอ แม้ไม่เจอตัวแต่เจอโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ชาวบ้านที่มาเก็บเห็ดเจอโทรศัพท์เครื่องตกอยู่ด้านล่างของจุดชมวิว จึงนำมาส่งให้พนักงานของรีสอร์ตเพื่อหาเจ้าของ ตอนนั้นเขาอยู่แถวนั้นพอดี ได้เห็นว่ารูปพักหน้าจอเป็นรูปของหญิงสาวที่เจ้านายกำลังตามหา จึงนำมาให้อัคคีดู
“ฉันจะเอาไปคืนเธอเอง ขอบใจมากนะขจร”
อัคคีโบกมือให้ขจรออกไป เขาพยายามปลดล็อกเครื่องเพื่อดูข้อมูลภายใน แต่ก็ไม่สามารถปลดล็อกได้ โทรศัพท์รุ่นนี้มีระบบล็อกที่แน่นหนา ทั้งรหัสผ่านและการสแกนนิ้วมือของเจ้าของ รวมถึงการสแกนใบหน้าด้วย
“ฉันจะเอามันคืนให้เธอ ในวันแต่งงานของเรานะ ดาริกา”
เมื่อดารินทร์กับนทีมาถึงฝั่ง บรรเจิดได้จัดการเช่ารถไว้คันหนึ่งพาเจ้านายทั้งสองเดินทางไปยังห้างใหญ่ ร้านขายมือถืออยู่บนห้างนั้น
“มือถือรุ่นที่คุณผู้หญิงต้องการ ยังไม่วางจำหน่ายครับ เรามีรุ่นก่อนหน้า ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะรับไปใช้ก่อนไหมครับ”
พนักงานขายบอกกับดารินทร์ หลังจากทราบว่าหญิงสาวต้องการมือถือรุ่นไหน
“พี่ว่าเอาไปใช้แกขัดไปก่อนดีไหมครับ ไว้กลับบ้านพี่จะซื้อเครื่องใหม่ให้” นทีแนะนำ
“ก็ได้ค่ะ ดีกว่าไม่มีใช้”
ดารินทร์พยักหน้ารับ ปล่อยให้นทีจัดการพูดคุยกับพนักงาน หลังจากได้โทรศัพท์มาแล้วอารมณ์ของหญิงสาวก็ดีขึ้น
“ผมจะพาเจ้านายกับคุณหนูดาว ไปขับรถชมรอบๆ เมืองนะครับ ยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงไปได้หลายที่”
บรรเจิดทำหน้าที่ไกด์จำเป็นพาเจ้านายทั้งสองไปเที่ยวรอบๆ เมือง ชมความงามของอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีส ซึ่งอยู่ในย่านเมืองเก่า มีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ได้อนุรักษ์เอาไว้ ตลอดจนมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เหมาะแก่การเดินเล่นให้ความเพลิดเพลิน เขาจอดรถแล้วปล่อยให้นทีพาดารินทร์เดินเล่นกันสองคน โดยไม่ไปเป็นก้างขวางคอของทั้งคู่
“ที่นี่สวยจังค่ะ ได้บรรยากาศแบบสมัยเก่า ดาวชอบจัง”
ดารินทร์อารมณ์ดีชวนนทีเดินเล่นไปรอบๆ อย่างเพลิดเพลิน แล้วไปสะดุดตากับกระเป๋าถักใบหนึ่งในร้านขายของที่ระลึก จึงแวะไปเลือกดู
“ถ้าน้องดาวชอบพี่จะซื้อให้” นทีบอกอย่างเอาใจ
“ชอบค่ะ ถ้าอย่างนั้นดาวเอาใบนี้นะคะ พี่น้ำจ่ายเงินด้วย”
ดารินทร์ไม่ขัดศรัทธา เลือกกระเป๋าที่เธอชอบมาใบหนึ่ง ปล่อยให้คู่หมั้นหนุ่มจ่ายเงินให้ จากนั้นก็เอาข้าวของจากกระเป๋าใบเก่ามาใส่ไว้ในใบใหม่ จับกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูใส่ถุงไว้อย่างไม่ใยดี
นทียิ้มด้วยความเอ็นดู ดารินทร์ต่างจากผู้หญิงทั่วไป เธอไม่ได้ติดแบรนด์เนมจนไม่สนใจของธรรมดา ในตอนนี้เธอกลับสะพายกระเป่าผ้าถักราคาไม่กี่ร้อย แทนกระเป๋าแบรนด์เนมใบละแสน ดูท่าทางชอบอกชอบใจมากกว่าใบเดิมด้วยซ้ำ บางทีเขาควรเปิดใจทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ เริ่มต้นสานสัมพันธ์กับคู่หมั้นสาวอย่างจริงจังเสียที
“พี่น้ำถ่ายรูปให้ดาวหน่อยค่ะ”
ดารินทร์กวักเรียกคู่หมั้นหนุ่มให้มาช่วยรูปให้ นทีรีบเดินไปหา เขาหยิบมือถือของตัวเองมาถ่ายรูปให้ หญิงสาวยืนกางแขน มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าถักไว้ ส่งยิ้มให้กล้องด้วยท่าทางสดใส ด้านหลังคืออาคารโบราณสีเหลืองสไตล์ชิโนโปรตุกีส สถาปัตยกรรมงดงามเมื่อมีนางแบบหน้าตาสวยประกอบฉาก กลับทำให้ภาพดูน่าสนใจมากกว่าเดิม
“พี่น้ำมาถ่ายด้วยกันสิคะ ให้คุณบรรเจิดถ่ายให้”
ดารินทร์อารมณ์ดีจนชวนคู่หมั้นหนุ่มมาร่วมเฟรมถ่ายรูปคู่กัน
“ได้เลยครับ เจ้านายกับคุณหนูดาว ขยับมาอยู่ใกล้ๆกันหน่อยครับ”
บรรเจิดรีบมาทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็น เขาตั้งใจถ่ายรูปทั้งสองให้ออกมาเป็นรูปของคู่รัก คิดในใจว่าจะแอบส่งให้พ่อแม่ของนทีกับดารินทร์ดู
“ขอบคุณมากนะคะคุณบรรเจิด พี่น้ำอย่าลืมส่งรูปให้ดาวนะ ดาวจะเอาไปลงไอจี”
ดารินทร์เอ่ยขอบคุณช่างภาพ แล้วหันมาบอกคู่หมั้นหนุ่ม ใบหน้างามแต้มรอยยิ้มน่ารัก
“ไม่ลืมครับ น้องดาวหิวน้ำหรือยัง เดี๋ยวเราไปหากาแฟดื่มกัน”
นทีเอ่ยชวนเมื่อเห็นว่า เดินเล่นกันมานานแล้วน่าจะกระหายน้ำ
“ไปสิคะ คุณบรรเจิดไปค่ะ เดี๋ยวดาวเลี้ยงน้ำคุณบรรเจิดเอง ตอบแทนที่ช่วยถ่ายรูปให้ดาวกับพี่น้ำ”
ดารินทร์บอกกับเลขาของนทีอย่างใจดี ทำเอาบรรเจิดยิ้มกว้างทันที รู้สึกชื่มชมคู่หมั้นของเจ้านายขึ้นมา
หลายเดือนผ่านไปนับจากงานแต่งงานที่เกาะร้อยดาว ชีวิตของบรรเจิดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ช่อดอกไม้ในมือวันนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ดอกไม้ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่จุดประกายความคิดบางอย่างในใจเขา ตั้งแต่วันนั้นภาพของเจนจรัส หญิงสาวผู้แข็งกร้าวแต่ก็เปี่ยมด้วยเสน่ห์ ก็วนเวียนอยู่ในความคิดเขาตลอดเวลา เขาตามสืบจนรู้ว่าเธอกับนลินรัตน์ น้องสาว มาเปิดร้านขายข้าวแกงเล็กๆ อยู่ในตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมืองวันนั้นบรรเจิดเดินทางมาถึงหน้าร้านข้าวแกงของเจนจรัสในช่วงบ่าย ลูกค้าเริ่มซาลงแล้ว เขากวาดสายตามองไปรอบๆ และแล้วสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างของเจนจรัสที่กำลังยืนหันหลังจัดร้านอยู่ ร่างของเธอไม่เหมือนเดิม... เธอสวมชุดคลุมท้องที่เห็นได้ชัดว่าท้องของเธอนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับมีชีวิตน้อยๆ กำลังเติบโตอยู่ภายในบรรเจิดถึงกับตะลึง ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ อึ้งไปชั่วขณะ หัวใจของเขากระตุกวูบ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา ทั้งความประหลาดใจ ความสับสน และความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ถูก เขาก้าวเท้าเข้าไปหาเธอช้าๆ"คุณเจนจรัส!" เขาเรียกชื่อเธอเสียงพร่าเจนจรัสสะดุ้งเล็กน้อย เธอหันมามองต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นบรรเจิด สีหน้าข
หน้าห้องรอคลอดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อัคคี และ นที สองหนุ่มที่ปกติสุขุม เยือกเย็น ตอนนี้กลับนั่งไม่ติดที่พากันเดินสวนกันไปมาหน้าห้องคลอด ด้วยสีหน้ากังวลสุดขีด มือทั้งสองข้างประสานกันแน่น ราวกับภาวนาขอพรให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีนายอนันต์ และ คุณมาเรีย พ่อแม่ของอัคคี รวมถึง ท่านทูตอรรถ และ คุณหญิงแม้นเดือน รวมถึงคุณภัทรกับคุณนุชนารถพ่อแม่ของนที ต่างก็มารวมตัวกันให้กำลังใจ น้องพียืนอยู่ข้างๆ ผู้เป็นปู่กับย่า แววตาใสซื่อจ้องมองประตูห้องคลอดอย่างสนใจ ไม่เข้าใจความตึงเครียดของผู้ใหญ่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่สำคัญสีหน้าของแต่ละคน เต็มไปด้วยความลุ้นระทึกไม่แพ้กัน ส่วนนายพิพัฒน์ ที่นั่งอยู่บนรถเข็น มีนางแก้วคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ได่แต่มองไปยังประตูห้องคลอดด้วยแววตาเป็นห่วงไม่ต่างกันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนทุกคนแทบจะหยุดหายใจ ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก พยาบาลสาวเดินออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าเปื้อนเหงื่อแต่แววตาเต็มไปด้วยความยินดี สองหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก หันขวับไปที่ประตูพร้อมกันด้วยความตื่นเต้นสุดขีด"ยินดีด้วยค่ะคุณอัคคี คุณดารินทร์คลอดแล้วนะคะ" พยาบาลเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อบอุ่นอัคคีรีบเ
ในขณะเดียวกัน ที่ห้องพักหรูอีกห้องหนึ่งไม่ไกลกันนัก ห้องหอของนทีและดาริกา ก็ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่โรแมนติกไม่แพ้กัน แสงเทียนหอมอ่อนๆ ส่องสว่าง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลาย ต่างจากห้องหอของอัคคีและดารินทร์ที่เน้นความร้อนแรง ห้องนี้กลับเต็มไปด้วยความละมุนละไมนทีในชุดนอนผ้าไหมสีเข้ม ยืนอยู่ริมระเบียงห้องที่เปิดโล่งออกสู่ทะเล มองดูแสงจันทร์ที่ทอประกายบนผิวน้ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขสงบที่เพิ่งค้นพบในชีวิต ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ แขนแกร่งทั้งสองข้างวางพาดบนราวระเบียง เขาสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนเข้าเต็มปอด กลิ่นไอทะเลบริสุทธิ์ช่วยให้จิตใจเขาผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับค่ำคืนอันแสนพิเศษดาริกาเดินเข้ามาหาเขาจากด้านหลังอย่างเงียบเชียบ เธอสวมชุดนอนผ้าไหมเนื้ออ่อนสีชมพูอ่อนที่ขับให้ผิวขาวผ่องของเธอดูโดดเด่นและงดงาม เธอโอบแขนเรียวรอบเอวของนทีจากด้านหลังแล้วซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างออดอ้อน สัมผัสอบอุ่นจากร่างกายของเธอทำให้หัวใจของนทีเต้นระรัวอย่างมีความสุข"พี่น้ำยืนมองอะไรคะ" ดาริกาเอ่ยถามเสียงหวานแผ่วเบานทีพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับดาร
หลังจากงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะจบลง ดวงจันทร์ดวงกลมลอยเด่นอยู่เหนือท้องฟ้าสีครามเข้ม แสงจันทร์นวลผ่องทอประกายลงมายังผืนน้ำทะเลที่ทอดยาวจรดขอบฟ้า สายลมยามค่ำคืนพัดเอื่อยพากลิ่นไอเค็มเคล้ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่ประดับอยู่ในห้องพักสุดหรูบนเกาะร้อยดาวห้องหอของอัคคีและดารินทร์ถูกตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เตียงกว้างใหญ่ปูด้วยผ้าปูที่นอนเนื้อดีสีขาวสะอาดตา มีกลีบกุหลาบสีแดงสดโปรยปรายอยู่ทั่วราวกับพรมสีแดงแห่งความรัก ผ้าโปร่งบางเบาถูกคลุมอยู่เหนือเตียงพลิ้วไหวตามแรงลมจากเครื่องปรับอากาศ สร้างบรรยากาศที่อ่อนหวานและโรแมนติกเกินคำบรรยาย แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องให้เห็นภาพของอัคคียืนรออยู่ข้างเตียงในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวที่ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองสามเม็ด เผยให้เห็นแผงอกแข็งแกร่งและรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ใบหน้าคมคายของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หาและความรอคอย ดวงตาคมกริบเปล่งประกายร้อนแรงเมื่อประตูห้องเปิดออกดารินทร์ ก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ ในชุดนอนผ้าไหมเนื้อบางเบาสีขาวราวกับปุยเมฆที่โอบรัดเรือนร่างอรชร ทรวงอกอวบอิ่มภายใต้ชุดนอนพลิ้วไหวตามจังหวะการเดิน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยควา
ต่อมา บาทหลวงก็ทำพิธีและเอ่ยถามคู่ของนทีและดาริกา“นที คุณยินดีที่จะรับดาริกาเป็นภรรยาของคุณ จะรักและดูแลเธอทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในยามร่ำรวยและยากจน ทั้งในยามเจ็บป่วยและสบาย ตราบชั่วชีวิตของคุณหรือไม่" บาทหลวงเอ่ยถาม"ผมยินดีครับท่าน" นทีตอบรับ พลางหันมาสบตากับดาริกาอย่างอบอุ่น"ดาริกา คุณยินดีที่จะรับนทีเป็นสามีของคุณ จะรักและดูแลเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในยามร่ำรวยและยากจน ทั้งในยามเจ็บป่วยและสบาย ตราบชั่วชีวิตของคุณหรือไม่""ฉันยินดีค่ะท่าน"ดาริกาตอบรับด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นเล็กน้อย เมื่อรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลพิธีดำเนินต่อไปด้วยการแลกแหวน แหวนวงเล็กแต่เปี่ยมด้วยความหมายถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของทั้งคู่ เป็นสัญลักษณ์ของคำมั่นสัญญาแห่งรักนิรันดร์ เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณเมื่อบาทหลวงประกาศให้ทั้งสองคู่เป็นสามีภรรยาอย่างสมบูรณ์ อัคคีและนทีต่างก้มลงจุมพิตเจ้าสาวของตนอย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง สร้างความประทับใจและความปลาบปลื้มใจให้กับแขกผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมากหลังจากพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้นลง ก็ถึงเวลาสำหรับช่วงเวลาที่สนุกสนานและเป็นที่รอคอยของเหล่าสาวโสดแล
แสงอาทิตย์ยามเย็นทอประกายสีทองอ่อนๆ แต้มฟ้าจรดน้ำทะเลสีครามที่เกาะร้อยดาว หาดทรายสีขาวนวลทอดยาวเป็นผืนผ้าต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ สายลมทะเลพัดเอื่อยพากลิ่นไอเค็มปะทะผิวกายเคล้ากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้สดที่ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณงานแต่งงานที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างงดงามตระการตา ซุ้มดอกไม้สีขาวสะอาดตาที่ทอดเป็นทางเดินยาวสู่แท่นประกอบพิธีซึ่งตั้งอยู่ริมผาหินที่ยื่นออกไปในทะเล ถูกตกแต่งด้วยผ้าโปร่งสีขาวพลิ้วไหวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามอัสดง สร้างบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความโรแมนติกเกินคำบรรยาย สัมผัสได้ถึงความรื่นเริงและปีติยินดีที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งงานแขกเหรื่อทยอยเดินทางมาถึง บ้างก็เป็นคนใกล้ชิดที่คุ้นเคย บ้างก็เป็นบุคคลสำคัญจากวงสังคมชั้นสูง ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดที่งดงามนทีสวมชุดสูทสีขาวบนหน้าอกติดดอกกุหลาบสีขาว ข้างๆ นั้นเอง อัคคีในชุดทักซิโด้สีขาวสง่างาม ทั้งสองยืนรอรับเจ้าสาวอยู่ที่ปลายทางเดินข้างแท่นพิธี ดวงตาคมกริบของเขาทอประกายแห่งความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนข้างกายเขามีน้องพี ลูกชายตัวน้อยสวมชุดทักซิโด้สีขาวขนาดจิ๋ว ยืนอยู่ด้วยท่าทางน่ารัก น่าเอ็นดู แววตาของเด็กน้อยเต็มไ