“ยังรักดาวอยู่ไหม” “คิดว่าผมมาที่นี่ รอเกือบสิบปีเพื่อแก้แค้นท่านอย่างนั้นหรือ”“ตอบให้ตรงคำถามหน่อย”
Lihat lebih banyakชีวิตของเธอนับจากนี้จะเปลี่ยนไปตลอดกาล ดาวประดับหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านหลังใหญ่เพื่อมาทำหน้าที่ภรรยาให้เจ้าของไร่ภูผาหมอกและว่าที่สามีก็ลงทุนขับรถมารับเธอถึงกรุงเทพด้วยตัวเอง
ตะวัน เจ้าของร่างสูงผิวสีแทนคล้ำแดดคือเจ้าของไร่ภูผาหมอก เขาทำหน้าที่ขับรถด้วยความใจเย็น แวะปั๊มทุก ๆ สองชั่วโมงเพื่อให้คนข้างๆ เข้าห้องน้ำ แม้เธอไม่เอ่ยปากเขาก็เข้าใจ ไม่มีใครอดทนนั่งรถนาน ๆ ได้หรอก หรือไม่อาจมี ดาวประดับคนนี้ไง โตเป็นสาวดูขาวขึ้นเยอะ ปากนิดจมูกหน่อย เสียดายไม่ช่างพูดช่างเจรจาเหมือนเมื่อก่อน คงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน
“อยากแวะซื้อของก่อนไหม พี่จะพาแวะห้างในเมือง”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจ้าของไร่พยักหน้าแล้วเร่งความเร็วเพราะใช้เวลาทำธุระที่อำเภอเสียนานดีที่ยังไม่ค่ำมืดเสียก่อน
ทางเข้าไร่ก็เพิ่งจะลงคอนกรีตเสร็จข้างเดียวขืนชักช้าเกรงว่าฝนหลงฤดูจะเทลงมาทำให้การเดินทางล่าช้ามากกว่าเดิม
ยังไม่ทันไรฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝน ตะวันต้องใช้สมาธิและฝีมือการขับรถค่อนข้างมาก อาศัยความชำนาญพารถเจ็ดที่นั่งเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ระหว่างนั้นก็สังเกตคนข้าง ๆ อยู่ตลอด
ดาวประดับกำลังกลัว เธอไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้ สภาวะแวดล้อมรอบข้างที่เคยอยู่อาศัยมีแต่ความสะดวกสบาย ถนนหนทางก็แสนทันสมัยไม่ใช่ลูกรังดินโคลนแบบนี้
“กลัวเหรอ”
“ทำไมไม่ทำทางให้ดี ๆ”
“กำลังทำเห็นไหมได้ครึ่งหนึ่งแล้ว” ตะวันชี้แจง เดิมทีควรเสร็จได้ตั้งนานเพราะฝนหลงฤดูนี่แหละทำให้งานล่าช้า
“ฝนตกแบบนี้ทั้งปีเลยเหรอ” อย่างน้อย ๆ บรรยากาศภายในรถก็ผ่อนคลายกว่าข้างนอก
“ประมาณนั้น” ไร่ภูผาหมอกตั้งอยู่บนเขา อากาศแปรปรวนตลอดทั้งปี หนาว ร้อน ฝน สลับกันแทบปรับตัวไม่ทัน
“อยู่ไกลจากเมืองมากไหมคะ”
“ทำไม” ตะวันรู้ว่าคุณหนูอย่างดาวประดับเคยชินกับความสะดวกสบาย คงต้องปรับตัวอีกมากกับการเข้ามาเป็นนายหญิงของไร่ภูผาหมอก เธอจะต้องเรียนรู้งานและต้องปรับพฤติกรรมการอยู่อาศัยอีกเยอะ อาหารกินของที่นี่ก็มีไปตามฤดู นาน ๆ ครั้งจะออกเมือง หวังว่าเมียของเขาจะเรียนรู้และเข้าใจได้เร็ว
“เผื่ออยากซื้อของ” เธอตอบเสียงเบา ไม่นึกว่าหนทางจะไกลจากความเจริญขนาดนี้ ทอดถอนหายใจจนเหนื่อยก็ยังไม่ถึงสักที
“อยากได้อะไรก็บอก แต่จะให้พาเข้าเมืองพร่ำเพื่อคงไม่ได้” เขาบอกตามตรงไม่อ้อมค้อม ที่นี่จะมีแม่บ้านและแม่ครัวเธอจะอยู่อย่างสบายและไม่อดตายแน่นอน ที่ไร่จะมีรถออกไปซื้อของอาทิตย์ละครั้งหากมีความจำเป็นจริง ๆ ย่อมได้ ไม่ได้หักห้ามแต่อย่างใด
ยังดีที่วันอาทิตย์มีตลาดนัดเล็ก ๆ ให้คนในไร่ได้เดินซื้อของ ตะวันเริ่มเป็นห่วงภรรยาหมาดๆ ของตน ถ้าเธออยู่ไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ดาวแค่อยากรู้ค่ะ แต่คงไม่มีของจำเป็นอะไรที่ดาวอยากได้แล้ว”
“อยู่ในไร่ดาวต้องช่วยพี่ทำงาน ดาวเป็นเมียพี่แล้ว ช่วยทำหน้าที่ให้คุ้มกับค่าน้ำมันพี่ด้วยนะ” ตะวันพูดติดตลกแต่คนฟังไม่ตลกด้วย ความหมายที่เธอเข้าใจคือให้คุ้มกับเงินที่เขาจ่ายไปให้กับครอบครัวของเธอต่างหาก
ดาวประดับยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ครอบครัวได้ทุกอย่างกลับคืนมา
ยอมเก็บเสื้อผ้าขึ้นรถมากับผู้ชายที่ยื่นมือเข้ามาดึงครอบครัวเธอให้หลุดพ้นจากการล้มละลาย ยอมจดทะเบียนสมรสเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่อิดออด ยังไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะเป็นเช่นไร
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ดาวยินดีชดใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้พี่ตะวันอยู่แล้ว”
“ดาว”
“พี่ตะวันไม่ต้องพูดดีกับดาวก็ได้ค่ะ พ่อดาวเคยทำไม่ดีกับพี่ขนาดนั้น ถึงเวลาที่พี่ต้องแก้แค้นแล้วใช่ไหม ดาวไม่กลัวหรอกนะความลำบาก” บางสิ่งบางอย่างถูกเก็บซ่อนไว้ภายใน ดาวประดับรู้เรื่องราวระหว่างบิดาและตะวันก่อนขึ้นรถมา เธอรู้มาว่าตะวันไม่ได้ช่วยเพราะอยากช่วย
แต่ช่วยเพราะต้องการแก้แค้น เรื่องในอดีตทำให้เธอนั่งเงียบมาตลอดทาง และเป็นเหตุทำให้เธอมองพี่ชายที่แสนดีคนนี้ผิดไป ความเข้าใจผิดเกาะกินใจไม่อยากไว้ใจใครทั้งนั้น แม้แต่เขา
“ดูละครมากไปหรือเปล่า”
“พี่ช่วยพวกเราทำไม”
“ทางข้างหน้าอาจลำบากหน่อย นั่งดี ๆ “ตะวันไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ ตั้งใจขับรถเพื่อฝ่าดงฝนให้ถึงบ้านเร็วที่สุด ไม่สนคนข้างๆ ที่มีอาการฟึดฟัดแต่อย่างใด
เมื่อรถจอดคนแรกที่วิ่งมาเปิดประตูคือลูกน้องข้างกาย
“สวัสดีจ๊ะเมียนาย” คนงานในไร่ร่ำลือกันว่าวันนี้นายตะวันจะพาเมียกลับมาด้วย เป็นจริงที่ว่า
“จ้อยเอาของหลังรถไปเก็บ ป้าภาอยู่ไหม”
“อยู่จ๊ะ ให้จ้อยไปตามไหม”
“ไม่ต้องอย่าลืมที่สั่ง ออ แล้วพรุ่งนี้เรียกคนงานประชุมแต่เช้าด้วย”
“จ๊ะนาย” ตะวันปิดประตูรถแล้วเดินนำเข้ามาในบ้าน แค่สามก้าวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนข้างหลังยังยืนงงไม่ยอมเดินตามเข้ามา
“เข้าบ้านสิ ยืนตากฝนทำไมเดี๋ยวก็ไม่สบาย”
“ค่ะ” ดาวประดับกำลังชื่นชมบรรยากาศบ้านบนเขาอย่างเงียบๆ แม้ท้องฟ้าจะมืดแต่ก็พอมองออกและจินตนาการได้ว่าบ้านหลังนี้น่าอยู่
“ห้องดาวอยู่ไหนคะ”
“ตามพี่มาสิ”
ตะวันเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าอย่างคุ้นเคย ดาวประดับตกใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะใจง่ายเดินตามผู้ชายเข้าห้องจึงรีบหันกลับแต่ไม่ทันเพราะแขนข้างขวาถูกคว้าเอาไว้จนต้องหันกลับไปมอง
“ดาวคิดว่าเข้าห้องผิด” ก้มหน้าตอบแก้เขิน ไม่รู้ว่าเพราะอากาศเย็นหรือกำลังกลัวทำให้ตัวเริ่มสั่น ฝนด้านนอกก็ยังไม่ท่าทีจะหยุดตก
“ห้องของเรา ดาวเป็นเมียพี่แล้ว อย่าแยกห้องเลย” น้ำเสียงเจ้าของไร่อ่อนลง เขาไม่อยากทำให้เธอกลัวการอยู่ร่วมห้องคงเป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อย ๆ เขาจะได้มีโอกาสละลายความรู้สึกที่เกาะกินใจของเธอลงได้บ้าง
“ดาวคงปฏิเสธอะไรพี่ตะวันไม่ได้ใช่ไหมคะ”
“พี่ไม่ได้บังคับ แต่ขอร้อง”
“ก็ได้ค่ะ ดาวจะอยู่ห้องนี้และทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด แต่ขอเรื่องเดียว” ตะวันรู้ว่าเธอจะขออะไร เขาพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้เธอเดินสำรวจจนทั่วห้องนอน
ตะวันใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควร ปล่อยให้ดาวประดับสงบสติอารมณ์อยู่กับตัวเองและได้เห็นบางอย่างที่เขาต้องการให้เห็น
เจ้าของห้องคนใหม่เดินสำรวจห้องนอนที่แสนธรรมดาโดยรอบ มีเพียงเตียงไม้สักและตู้เสื้อผ้าเท่านั้น มุมห้องตรงนั้นใกล้กับประตูมีตู้โชว์เก็บของเธอจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะความอยากรู้ กรอบรูปสีทองคือแรงดึงดูดทำให้เธอยื่นหน้าเข้าไปอีกนิดเพื่อมองให้ชัด
“นั่นเรานี่” รูปในวัยเด็กของตัวเองทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เด็กชายในรูปที่ยืนอยู่ข้างเธอคือใครกัน ชุดที่เธอสวมคือชุดโปรดที่แม่ซื้อให้ เธอมักงอแงอยากสวมชุดนี้อยู่ทุกวัน
“จำพี่ไม่ได้จริง ๆ น่ะสินะ”
“รูปดาวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ดาวประดับไม่เข้าใจ หรือเพราะเขาต้องการสร้างเรื่องโกหกหลอกลวงอะไรอีก
“ดาวเคยมาที่นี่ต่างหาก” เป็นเพราะเจ้าสัวดิลกที่ทำให้เขาและเธอไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก เกือบสิบปีที่ต้องพัดพราก เป็นเพราะความจนและชนชั้น เปรียบเหมือนนิยายแต่นี่คือเรื่องจริงที่ตะวันพบเจอ
“ทำไมดาวจำไม่ได้” หญิงสาวเริ่มสับสนเป็นเพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้เรื่องในอดีตเลือนรางยากที่จะฟื้นคืน เจ้าสัวดิลกอาศัยจังหวะนี้ผลักดันตะวันออกจากชีวิตของลูกสาวแล้วส่งเธอบิดลัดฟ้าไปอยู่เมืองนอก อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน เจ้าสัวดิลกถูกหักหลังจนสูญสิ้นทุกอย่างแม้กระทั่งบ้านที่เคยอยู่
เจ้าสัวดิลกรักครอบครัวและลูกสาวมาก ดาวประดับคือแก้วตาดวงใจที่ใคร ๆ ก็ห้ามแตะต้อง และไม่คิดอยู่เฉยหาทางกอบกู้วิกฤตครั้งนี้โดยไม่คิดขายลูกสาวกิน ทางเดียวและวิธีเดียวที่จะทำให้ลูกสาวอันเป็นที่รักปลอดภัย
“ผมดีพอที่จะดูแลดาวได้แล้วใช่ไหมครับ” เจ้าสัวดิลกได้รับการติดต่อจากเจ้าของไร่ชื่อดังแห่งหนึ่ง ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าจะไม่ยอมขายลูกสาวเพื่อล้างหนี้ในครั้งนี้เด็ดขาด
“ยังรักดาวอยู่ไหม” ตะวันกระตุกยิ้มแล้วมองไปที่รูปครอบครัวของเจ้าสัวดิลก หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่เขารักและอยากทะนุถนอมอยู่ด้วย รอยยิ้มสดใสและเสียงหัวเราะของเธอยังตาตรึงและติดอยู่ในใจของเขาไม่จางหาย ตะวันไม่เคยลืมรักนี้ เชื่อว่าถ้าเธอจำเขาได้ เธอก็ยังรักและยังไม่ลืมเขาเช่นเดียวกัน
“คิดว่าผมมาที่นี่ รอเกือบสิบปีเพื่อแก้แค้นท่านอย่างนั้นหรือ” ถือไพ่เหนือกว่าย่อมได้เปรียบแต่ตะวันไม่คิดทำเช่นนั้น เขาต้องการดาวประดับและไม่ต้องการแบ่งเธอให้ใคร ให้จ่ายเท่าไหร่ยอมทุ่ม แต่ถ้าให้รอต่อคงไม่ไหว
“ตอบให้ตรงคำถามหน่อย”
“ท่านไว้ใจผมได้ ดาวอยู่กับผมรับรองมีแต่ความสุขแม้ดาวเดือนผมก็หาให้ได้ ท่านควรปล่อยมือจากดาวแล้วส่งต่อให้ผมก่อนที่คนอื่นจะชิงตัดหน้าไปด้วยวิธีสกปรก แบบนั้นผมคงไม่ไว้หน้าพ่อตาอย่างท่าน” ตะวันเข้าใจดี เจ้าสัวดิกลรักและหวงลูกสาวมาก มีเหตุผลกีดกันเขาและเธอให้ห่างกัน พ่อทุกคนอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี ดาวประดับเติบโตมาในครอบครัวที่สุขสบายรวยล้นฟ้า หากแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
“ถ้านายรับปากแบบนี้ฉันก็เบาใจ ขอแค่รับปากว่ารักดาว ฉันก็ตายตาหลับแล้ว”
“ท่านควรรักษาตัวให้จริงจัง” เจ้าสัวดิลกป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด อาการมีแต่ทรุดกับทรุด ท่านปกปิดอาการป่วยไม่ให้ลูกสาวล่วงรู้มาโดยตลอดเพราะไม่อยากให้เรื่องทุกอย่างวุ่นวายไปมากกว่านี้
“พร้อมพาดาวไปเมื่อไหร่”
“วันนี้ยังได้ถ้าท่านต้องการ”
“พ่อบอกว่าเคยทำไม่ดีกับพี่ตะวัน ดาวไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่พ่อบอกดาวว่าพี่ตะวันคือคนที่พ่อไว้ใจมากที่สุด” ตะวันพาหญิงสาวออกมานั่งรับลมนอกระเบียงหลังฝนหยุดตก เขาต้องการเคลียร์ทุกเรื่องที่เธออยากรู้ สามีภรรยาย่อมไม่มีความลับต่อกัน
“เจ้าสัวดิลกมีแต่ความหวังดีให้ลูกสาว ท่านรักดาวมากนะ” เรื่องในอดีตถูกวางทิ้งไว้ ตะวันเข้าใจทุกอย่างที่เจ้าสัวดิลกทำลงไป ถ้าเขามีลูกสาวก็คงทำเช่นนั้น ใครกันอยากยกลูกสาวให้กับผู้ชายที่ไม่มีอนาคต บทเรียนที่เจ้าสัวดิลกมอบให้ เขาจะจำไว้ไม่มีวันลืม
“ทำไมพ่อต้องขายดาวให้พี่ตะวันด้วย”
“ดาว”
“พ่อเคยบอกไว้จะไม่มีวันขายดาวให้ใครเด็ดขาด”
“ดาวเสียใจไหมที่ต้องเป็นเมียพี่”
“พ่อบอกว่าพี่ตะวันจะดูแลดาวให้ดีที่สุด ดาวขอยังไม่ให้คำตอบได้ไหมคะ” ดาวประดับไม่เคยเสียใจที่ต้องจดทะเบียนกับผู้ชายที่พ่อเลือกให้ เธอมั่นใจว่าผู้เป็นพ่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอเสมอ แม้ต้องอยู่ในโอวาทพ่อมาตลอดเธอก็ไม่เคยรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่พ่อเลือกให้เลยแม้แต่น้อย
ตลอดเวลาบิดาไม่เคยบังคับ ให้อิสระมาโดยตลอด เรื่องคู่ครองครั้งนี้เธอเห็นสมควรว่าควรตอบแทนไม่อยากเห็นธุรกิจที่บิดาสร้างมากับมือไปอยู่ในมือของคู่แข่ง
“ได้สิ ช่วงนี้ปวดหัวบ่อยไหม” เจ้าสัวดิลกย้ำหนักหนาเรื่องอาการปวดหัวของบุตรสาวเพราะอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนทำให้ดาวประดับสูญเสียความทรงจำ เพราะเหตุนี้เธอถึงจำผู้ชายที่รักอย่างตะวันไม่ได้
“ถ้าใช้ความคิดหนักๆ ก็จะกำเริบ”
“อยู่กับพี่ไม่ต้องคิดมาก ทำใจให้สบายก็พอ” ตะวันไม่คิดรื้อฟื้นความหลังขึ้นมา สักวันความใกล้ชิดและความรักที่เขามีจะทำให้เธอกลับมารักเขาอีกครั้ง
“ดาวเป็นห่วงพ่อ”
“เป็นห่วงก็โทรหาสิ พี่ไม่ได้ห้ามสักหน่อย”
“ถ้าดาวอยากกลับไปหาพ่อ ไปได้ไหมคะ ดาวไปเองก็ได้” กลายเป็นเด็กติดพ่อไปแล้ว
“เพิ่งมาถึงก็คิดถึงพ่อเสียแล้ว รอให้เรื่องยุ่งๆ ซาลงก่อน สัญญาพี่จะพากลับ ตกลงไหม”
“ก็ได้ค่ะ พี่ตะวันสัญญาแล้วนะ”
“ไปอาบน้ำได้แล้ว ดึกแล้วจะหนาว”
คืนแรกที่ต้องนอนร่วมเตียงกับชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีแม้งานแต่งและพิธีส่งตัว ดาวประดับพยายามข่มตาลง ค่ำคืนอันแสนยาวนานและหนาวเหน็บ ความรู้สึกเหมือนถูกส่งมาอยู่โรงเรียนประจำ คิดถึงบ้านและหวาดกลัว คนที่นี่จะต้อนรับและเอ็นดูเธอเหมือนคนที่บ้านหรือเปล่าไม่รู้
“นอนไม่หลับหรือไง” น้ำเสียงเจือความเป็นห่วงดังอยู่ข้างๆ เป็นเพราะเธอหรือเปล่าที่ทำให้เขาหลับไม่ลง
“คงแปลกที่ ขอโทษนะคะที่รบกวน ดาวขอลงไปนอนข้างล่างได้ไหม” เจ้าของเตียงพลิกตะแคงหันมา ดวงตาคมจ้องมองหญิงสาวผู้เป็นภรรยาด้วยความเอ็นดู ทั้งรักและหวงมาเกือบสิบปี วันนี้มีโอกาสได้ร่วมเตียงแนบชิดแต่ก็ต้องอดใจไว้ไม่บุ่มบ่ามรุกแรงจนเธอเสียขวัญ
“อึดอัดใช่ไหม”
“ดาวแค่ ไม่ชิน”
“งั้นก็ชินเสีย เราต้องนอนด้วยกันแบบนี้ไปอีกนานเลยนะ” แม้อยู่ในความมืดตะวันก็เดาสีหน้าของเธอออก
“ก็ได้ค่ะ”
“อะๆ พี่จะยอมวันนี้แค่วันเดียวนะ” ดาวประดับยิ้มออกรีบลุกแล้วเตรียมหอบเครื่องนอนของตัวลงไปข้างล่างเตียง
“จะไปไหนคะ” คนข้างๆ ก็ลุกตามมาติดๆ ดาวประดับนั่งมองตะวันเดินไปเปิดตู้หยิบหมอนและผ้าห่มออกมาเพิ่มตาปริบๆ
“ดาวนอนเถอะ บนเตียงสบายกว่าตั้งเยอะ” ความหมายของเธอไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย วันนี้ทั้งวันเขาเป็นคนขับรถ ลงไปนอนข้างล่างแบบนั้นสบายตัวตรงไหน
ยังไม่ทันได้อ้าปากตะวันก็ทิ้งตัวลงนอนไปแล้ว ลมหายใจสม่ำเสมอภายในไม่กี่นาทีทำให้ดาวประดับล้มตัวลงนอนตามอย่างเงียบๆ บนเตียงกว้างโดยไม่มีปากเสียงต่อ
ดาวประดับกับตะวันมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ แน่งน้อยหลับไปเพราะความเพลีย กว่าจะหมดฤทธิ์ก็ทำเอาคนในบ้านปวดหัวไปตาม ๆ กัน“ยังดีที่มีจิตสำนึกอยู่บ้าง ป้าก็นึกว่าจะร้องกรี๊ด ๆ แล้วเข้ามาทำร้ายนายหญิงของป้า” ตะวันคิดไว้แล้วว่าแน่งน้อยไม่กล้าทำแบบนั้นแน่นอน เท่าที่รู้จักแน่งน้อยมาหล่อนไม่เคยแสดงพฤติกรรมไร้มารยาทแบบนั้น เป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ยอมบอกให้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์แบบนั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้น ตะวันคิดกับหล่อนแค่เพื่อนเอ็นดูเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง เขารักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากผู้หญิงที่ชื่อดาวประดับคนนี้คนเดียว“ดูละครมากเกินไปหรือเปล่าป้าภา”“ก็ใช่สิคะ ป้าถึงไม่อยากให้ใครมาแทนที่นายหญิงของป้า” แม่บ้านใหญ่เดินเข้าเกาะแขนนายหญิงสุดที่รัก ไม่มีใครเหมาะสมกับนายใหญ่เท่ากับนายหญิงอีกแล้ว“เห็นผมเป็นผู้ชายแบบไหนกัน”“น้อยใจหรือคะ” ดาวประดับเอียงคอถาม“มีใครเข้าข้างพี่บ้าง”“นอนสลบอยู่นั่นไงคะ ให้ป้าปลุกให้มั้ย” ดาวประดับกลั้นขำ ส่วนตะวันขอตัวขึ้นไปอาบน้ำดับความร้อนที่มีในกาย“นายใหญ่ของป้าขี้งอนนะคะ”“ปล่อยไปเถอะค่ะ เดี๋ยวก็หาย”“น้ำมะนาวที่ป้าภาทำไปให้อร่อยชื่นใจมากเลยค่ะ”“น้ำมะนาว”“ใช่ค่ะ” แม่
“มองอะไรคะ”“ผิวเสียหมดแล้ว แดดแรงพอก่อนมั้ย” ชีวิตคุณหนูอย่างเธอไม่เคยเจอแดดแรงขนาดนี้ แต่ครั้งนี้ดาวประดับเต็มใจและตั้งใจมาก เธอรู้สึกอิสระและมีความสุขกับการอยู่กับต้นกุหลาบ แม้จะเหนื่อยและร้อนจนผิวแดงอักเสบเธอก็ไม่ปริปากบ่น มีแต่สามีนี่แหละที่ร้อนรนแทนเธอทุกอย่าง“ดาวทาครีมกันแดดมาค่ะ” ท่าทางของพ่อหนุ่มเจ้าของไร่ไม่ได้สนใจครีมกันแดดที่เธอทามาสักนิด“แต่หน้าแดง ช่วยได้ที่ไหน”“ครีมกันแดดป้องกันแสงแดดทำร้ายผิวค่ะ ผิวแดงคงเกิดจากผิวของดาวเอง” อีกไม่นานเธอคงชินกับแสงแดด ตอนนี้ไม่ได้ห่วงผิวเลยสักนิด เธออยากเรียนรู้และอยู่กับสวนกุหลาบแห่งนี้ให้มากและนานที่สุด“เข้าร่มสักแป๊บสิ พี่ให้ป้าภาทำน้ำมะนาวเย็น ๆ มาให้ด้วย” แผนหลอกเมียเข้าร่มสำเร็จ ดาวประดับยอมเดินเข้ามานั่งม้าหินอ่อนใต้ต้นก้ามปูยักษ์ บนโต๊ะมีตะกร้าหวายใบกลางวางอยู่และกระติกน้ำแข็งเล็ก ๆ ที่เห็นบ่อยในครัว“หิวหรือยัง กินข้าวเที่ยงเลยมั้ย”“ป้าภาทำอะไรมาให้บ้างคะ” พอได้กลิ่นอาหารที่โชยออกมาท้องก็เริ่มร้อง“ราดหน้าทะเล พี่จำได้ว่าดาวชอบกินอาหารทะเล เมื่อวานพี่ให้คนงานแวะซื้ออาหารทะเลเข้ามาให้ตอนออกไปซื้อปุ๋ย” ดาวประดับนั่งมองสามีแก
“รู้แล้วว่าเด็ก นี่ก็เด็ก”“พี่ตะวัน”“พี่รู้ ไม่ต้องห่วงนะมีคนดูแลแน่นอน” ที่จริงเขาไม่อยากพาเธอมาเลยสักนิด ห้ามได้ที่ไหนวิ่งตามต้อย ๆ ตามหลังมาติด ๆ ไม่ให้เปรียบเป็นเด็กได้อย่างไร“ดาวแค่ไม่อยากให้เด็กคนนี้ขาดคนในครอบครัวไปเหมือนกับดาว”“ไม่เอาสิ ปัญหาของคนอื่นทำไมต้องเก็บมาคิดให้ตัวเองปวดหัวด้วย” ดาวประดับไม่เถียงเพราะนั่นคือความเคยชินของตัวเอง ชอบเก็บเอาความทุกข์ของคนอื่นมาแบกไว้“ดาวก็แค่คิด น่าสงสารออก” รู้สึกเอ็นดูเมียแต่ก็ต้องแข็งใจพูดตักเตือนไปบ้าง“สงสารพี่ดีกว่า ยังไม่ได้กินข้าวเลย กลับไปกินเมียแทนข้าวดีกว่ามั้ย”“พี่ตะวัน” คนข้างๆ ฟาดมือลงบนแขนล่ำ ไม่อายบ้างหรือไงคนเยอะแยะ ดูสิคนงานมองกันใหญ่“อะไรเล่า หยอกไม่ได้หรือไง”“เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” อะไรกัน ยอกย้อนแบบนี้หมายความว่าอะไร เขาแค่อยากหยอกเมีย ผิดตรงไหน เธอเป็นเมีย ไม่ให้หยอกเมียแล้วจะไปหยอกใคร“พี่น่ารักเท่าหนุ่มเมืองกรุงบ้างหรือยัง” ดาวประดับอมยิ้ม นี่เขาคิดจะทำอะไร แค่นี้ก็เขินจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งเขินหน้าแดงเขาก็ยิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เรื่อย ๆ จนแนบชิด ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ แพขนตายาวเหมือนตุ๊กตาทำเอาคนที่ยื
“พี่ทำให้ดาวตกใจนะคะ” ตะวันรู้ว่าเธอตกใจ ให้อดใจไม่ให้กอด หอม ลูบไล้ ลวนลามเมียตัวเองได้อย่างไร งานแต่งก็ไม่ได้จัดอย่างใครเขา คืนเข้าหอก็ไม่มีแถมเจ้าสัวดิลกยังย้ำเรื่องมีหลานเพิ่มให้เขาปวดใจอีก ท่านกลัวจะอยู่ได้ไม่นานเพราะอาการป่วยที่เป็นอยู่ตะวันรับปากและจะพยายาม ไม่ลืมเรื่องความทรงจำของเธอ ตะวันเชื่อว่าความทรงจำจะไม่มีผลเพราะเขาจะทำให้เธอรักเขาใหม่อีกครั้ง“ก็พี่รัก อยากอยู่ใกล้”“ใช้คำเปลืองไปมั้ยคะ”“ไม่สักนิด”ดาวประดับยิ้มเขิน หากเขารุกแรงแบบนี้เธอจะพยายามรับมือให้ได้ ต้องอยู่กันไปอีกนานไม่รู้นานแค่ไหน พ่อนะพ่อทำไมต้องฝากเรื่องหลานกับลูกเขยจริงจังขนาดนั้น“พี่ตะวัน ดาวปรับตัวไม่ทันค่ะ”“สบายๆ สิ ดูพี่สิ ไม่เห็นต้องคิดมาก”“ดาวไม่เคยมีสามีมาก่อนนี่คะ”“พี่รู้ พี่ก็ไม่เคยมีเมียมาก่อน ดาวคือเมียคนแรก เรามาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันนะ” ไม่เข้าใจก็จะหาว่าโกหก มันยากเหลือเกิน ไม่เคยรู้จัก ไม่ได้รัก แค่พ่อบอกว่าเขาเป็นคนดีเธอก็ยอมตอบตกลง ผู้ชายคนนี้พยุงครอบครัวของเธอให้เดินหน้า ไม่ใช่คนเลวพวกนั้นที่คิดแต่แสวงหาผลกำไรโดยไม่ถึงความสัมพันธ์อันยาวนาน“ก็ได้ค่ะ แต่ดาวขอเรื่องหนึ่งได้มั้ยคะ”“ขอ
“พี่ทำให้ดาวตกใจนะคะ” ตะวันรู้ว่าเธอตกใจ ให้อดใจไม่ให้กอด หอม ลูบไล้ ลวนลามเมียตัวเองได้อย่างไร งานแต่งก็ไม่ได้จัดอย่างใครเขา คืนเข้าหอก็ไม่มีแถมเจ้าสัวดิลกยังย้ำเรื่องมีหลานเพิ่มให้เขาปวดใจอีก ท่านกลัวจะอยู่ได้ไม่นานเพราะอาการป่วยที่เป็นอยู่ตะวันรับปากและจะพยายาม ไม่ลืมเรื่องความทรงจำของเธอ ตะวันเชื่อว่าความทรงจำจะไม่มีผลเพราะเขาจะทำให้เธอรักเขาใหม่อีกครั้ง“ก็พี่รัก อยากอยู่ใกล้”“ใช้คำเปลืองไปมั้ยคะ”“ไม่สักนิด”ดาวประดับยิ้มเขิน หากเขารุกแรงแบบนี้เธอจะพยายามรับมือให้ได้ ต้องอยู่กันไปอีกนานไม่รู้นานแค่ไหน พ่อนะพ่อทำไมต้องฝากเรื่องหลานกับลูกเขยจริงจังขนาดนั้น“พี่ตะวัน ดาวปรับตัวไม่ทันค่ะ”“สบายๆ สิ ดูพี่สิ ไม่เห็นต้องคิดมาก”“ดาวไม่เคยมีสามีมาก่อนนี่คะ”“พี่รู้ พี่ก็ไม่เคยมีเมียมาก่อน ดาวคือเมียคนแรก เรามาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันนะ” ไม่เข้าใจก็จะหาว่าโกหก มันยากเหลือเกิน ไม่เคยรู้จัก ไม่ได้รัก แค่พ่อบอกว่าเขาเป็นคนดีเธอก็ยอมตอบตกลง ผู้ชายคนนี้พยุงครอบครัวของเธอให้เดินหน้า ไม่ใช่คนเลวพวกนั้นที่คิดแต่แสวงหาผลกำไรโดยไม่ถึงความสัมพันธ์อันยาวนาน“ก็ได้ค่ะ แต่ดาวขอเรื่องหนึ่งได้มั้ยคะ”“ขอ
“ทุกคนกินข้าวกันค่ะ” นายใหญ่และคนงานวางงานในมือลง แม่ครัวเรียกกินข้าวเสียงใสมีหรือที่จะปฏิเสธ“มีอะไรกินบ้างครับนายหญิง”“ดาวเตรียมมาแค่ไข่กับปลากระป๋องค่ะ มาคราวหน้าสัญญาว่าจะจัดเต็ม” ตะวันมองเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วนั้นแล้วยิ้มไม่หยุด“ลำบากแบบนี้นายหญิงอย่ามาเลยครับ”“ไม่ได้ลำบากอะไรเลยนี่คะ แค่มาทำกับข้าว งานก็ไม่ได้ช่วยทำ” สายตาของหญิงสาวมองไปยังสามีที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ เห็นแบบนั้นแล้วเธอจึงเดินขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาส่งให้เขา“ให้พี่เหรอ”“ค่ะ”“เช็ดให้ด้วยสิ มือไม่มีแรง” สามลูกน้องรีบตักข้าวใส่จานแล้วเดินหามุมเหมาะนั่งกินอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ข้าวใหม่ปลามันได้หยอกล้อกันนายใหญ่มีชีวิตชีวาขึ้นมาก รอยยิ้มที่น้อยนักมักได้เห็น จ้อยหนึ่งในคนงานที่ใกล้ชิดกับตะวัน ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่มาตั้งแต่รุ่นบุกเบิก เคยได้ยินเรื่องนายหญิงมาบ้างพ่อของนายหญิงเป็นเจ้าสัวใหญ่ร่ำรวยจากการทำธุรกิจหลายอย่าง เคยพานายหญิงมาที่ไร่แห่งนี้ครั้งหนึ่ง นายหญิงเป็นเด็กน่ารัก ยิ้มสวย รอยยิ้มสดใสนั่นตราตรึงผู้คนที่พบเห็นเจ้าสัวดิลกต้องการไร่ภูผาหมอกแห่งนี้มาครอบครอง แต่เพราะความใจแข็ง
Komen