Share

5

Author: Scince
last update Huling Na-update: 2025-08-01 10:31:19

ย่าหลี่เหมือนจะตั้งสติได้ เป็นตาร้ายดียังไง ท่านก็ไม่มีวันยอมรับว่าลูกชายเป็นพวกนั้น ทั้งยังไม่มีวันยอมให้ใครมาพูดถึงลูกชายที่อนาคตกำลังไปได้สวยในทางไม่ดีด้วย

 "แม่เสี่ยวเฟิง นี่คือวิธีที่คนบ้านหลิวตอบแทนพวกเราอย่างนั้นเหรอ มาอยู่แค่ไม่กี่วันก็ใส่ร้ายลูกชายฉัน หล่อนสั่งสอนลูกสาวให้ปฏิบัติกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอ" ประโยคสุดท้ายท่านหันไปตวาดใส่ลูกสะใภ้ที่ยืนตัวลีบอยู่มุมห้อง

เพราะลูกชายแต่งงานกับลูกสะใภ้คนนี้มาตั้งแต่ที่หล่อนหนีซมซานมายังเมืองแห่งนี้ ในตอนแรกก็โกหกว่าเป็นหญิงสาวยังไม่แต่งงาน แต่เพราะอาบน้ำร้อนมาก่อนจึงมองออก ทำให้ต้องสารภาพว่าเคยแต่งงานทั้งยังมีลูกติด แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้หอบลูกมาเป็นภาระเพิ่ม

แต่เพราะลูกชายรักผู้หญิงคนนี้มาก ท่านเลยขัดไม่ได้ แต่นับตั้งแต่นั้นมา หลิวซือก็อยู่ในโอวาท ภายใต้ความกดขี่จากคนบ้านหลี่มาโดยตลอด อาศัยเพียงความรักของสามีที่มีให้กับถึงอยู่รอดได้ไปวันๆ

หลี่เจียงผู้เป็นเสาหลักของบ้านขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าคมคายที่คล้ำแดดจากการทำงานหนักในโรงงานเหล็กกล้าตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความโกรธระคนอับอาย

เขาไม่ได้สนใจว่าใครถูกใครผิด สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือความสงบสุขในบ้านกำลังถูกทำลาย และหน้าตาของเขาในฐานะผู้นำครอบครัวกำลังถูกหยามหมิ่น

"พอได้แล้ว" เขาตะคอกเสียงดัง "มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูดจากันดี ๆ ต้องมาส่งเสียงเอะอะโวยวายให้ชาวบ้านเขาได้ยินกันทั้งหมู่บ้านเลยหรือยังไง"

เสี่ยวเหลียนยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ยายหลิว แม้ใบหน้าจะซีดเซียวทว่าแผ่นหลังกลับตั้งตรงไม่โค้งงอ สายตาของเธอประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเยือกเย็นราวกับผู้บัญชาการในสนามรบ ไม่ใช่เด็กสาวอายุ 15 ปี ที่เพิ่งรอดชีวิตจากการจมน้ำมาหมาดๆ นี่คือกระดานหมากใหม่ของเธอ และเธอกำลังอ่านเกมของฝ่ายตรงข้ามอย่างละเอียด

ย่าหลี่คือ ขุน ที่เอาแต่ใจและทรงอำนาจจอมปลอม อาศัยเพียงแค่ว่าตัวเองอาวุโส กดขี่ผู้อื่น พ่อเลี้ยงหลี่เจียงคือ เรือ ที่เดินตรงอย่างเดียว หูเบา เชื่อพวกพ้อง และยึดมั่นในศักดิ์ศรีของผู้ชายอย่างโง่งม ส่วนอาสามหลี่เซียน ม้า ที่เดินเฉียง ฉลาดแกมโกง รู้จักพลิกแพลงสถานการณ์เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และตอนนี้ 'ม้า' ตัวนั้นกำลังเล่นละครบทนางเอกผู้ถูกรังแกได้อย่างน่าสมเพช

"พี่ใหญ่ แม่คะ...ไม่ต้องพูดอะไรแล้วละค่ะ" อาสามกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่แฝงไว้ด้วยความเหนือกว่าอย่างมีชั้นเชิง  มั่นใจว่ายังไงแม่กับพี่ชายก็ต้องเข้าข้างตัวเอง

เธอปรายตามองเสี่ยวเหลียนและยายหลิวอย่างดูแคลน "ฉันคงจะหวังดีผิดคน แม้ว่าจะพยายามหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้ แต่กันให้กับคนที่เขาไม่ต้องการ บางที...คนบางคนก็อาจจะพอใจกับชีวิตที่ต่ำต้อยของตัวเองจนมองไม่เห็นความหวังดีจากคนอื่น"

คำพูดของเธอเหมือนเข็มพิษที่เคลือบด้วยน้ำผึ้ง ไม่ได้หยาบคาย แต่กลับดูถูกเหยียดหยามได้อย่างเจ็บแสบที่สุด

‘ต่ำต้อยอย่างนั้นเหรอ’ เสี่ยวเหลียนคิดในใจ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ‘การมีชีวิตอยู่เพื่อความฝันของตัวเองมันต่ำต้อยตรงไหนกัน ถ้าเทียบกับการมีชีวิตอยู่เพื่อปกปิดความลับอันน่ารังเกียจของคนในครอบครัว แบบไหนกันแน่ที่เรียกว่าต่ำต้อย’

"พ่อคะ"

เสี่ยวเหลียนตัดสินใจเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน น้ำเสียงของเธอสงบนิ่งและชัดเจนจนน่าประหลาดใจ มันดึงความสนใจของทุกคนมาที่เธอได้ในทันที

"ฉันคิดว่าพวกเรากำลังหลงประเด็น เรื่องทั้งหมดนี้มีความเข้าใจผิดกันอยู่มากค่ะ"

หลี่เจียงเลิกคิ้ว "เข้าใจผิดอะไร อาสามก็ยืนอยู่ตรงนี้ เสื้อผ้าก็ยับย่นไปหมด จะบอกว่ามันเป็นความเข้าใจผิดได้ยังไง"

"เสื้อผ้าของอาสามยับก็จริง แต่อาจเป็นเพราะหล่อนพุ่งเข้ามาอย่างแรง แล้วฉันก็แค่ยกมือขึ้นป้องกันตัว" เสี่ยวเหลียนตอบอย่างใจเย็นราวกับกำลังอธิบายเรื่องดินฟ้าอากาศ "ฉันไม่ได้แตะต้องตัวอาสามแม้แต่ปลายเล็บ และไม่มีความคิดที่จะทำร้ายใคร อีกอย่างอย่าลืมสิคะว่าฉันกำลังป่วยอยู่ จะไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหนทำร้ายคนละคะ"

ตรรกะที่เรียบง่ายแต่หนักแน่นทำให้หลี่เจียงถึงกับชะงักไป เขามองหน้าเสี่ยวเหลียนอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง 

หลี่เซียนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่เป็นใจก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที "แล้วเรื่องที่สองยายหลานกล่าวหาใส่ร้ายฉันกับน้องสี่ล่ะ นั่นเป็นความเข้าใจผิดด้วยไหม พวกเธอพูดจาดูหมิ่นน้องชายฉัน ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทุกคนเองก็ได้ยินเต็มสองหู นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะคะพี่ใหญ่"

"กล่าวหาอย่างนั้นเหรอคะ" เสี่ยวเหลียนทวนคำอย่างใสซื่อ "ฉันกับยายแค่ตั้งข้อสังเกตตามความเป็นจริงเท่านั้นเองค่ะ อาสามบอกว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็นการหยิบยื่นอนาคตที่สดใสให้กับฉัน แต่ยายแค่สงสัยว่า...ถ้ามันดีขนาดนั้นจริง ๆ ทำไมโอกาสดี ๆ แบบนี้ถึงไม่ตกไปถึงลูกสาวของผู้จัดการโรงงาน หรือลูกสาวของหัวหน้าหน่วยงานที่อาเล็กทำงานอยู่ละคะ พวกเธอเหล่านั้นมีทั้งชาติตระกูลและการศึกษาที่เพียบพร้อม เหมาะสมกับอาเล็กที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐมากกว่าเด็กกำพร้าพ่อจากชนบทอย่างฉันไม่ใช่เหรอ"

เธอหยุดพูดไปชั่วครู่ ปล่อยให้คำถามของเธอลอยค้างอยู่ในอากาศ สร้างความเงียบที่น่าอึดอัดใจให้กับฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เรียบเรื่อยแต่เชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดโกน

"หรือว่า โอกาสที่ดีเลิศนี้...มันมีเงื่อนไขบางอย่างที่คนอื่นเขารับไม่ได้ มีเพียงเด็กสาวที่จนตรอกและไม่มีทางเลือกอย่างฉันเท่านั้นที่เหมาะสมจะเป็นผู้รับมันไป"

"นี่หล่อน" ย่าหลี่โกรธจนหน้าเขียว เมื่อถูกเด็กเมื่อวานซืนต้อนจนให้จนมุม 

ท่านไม่มีปัญญาที่จะโต้เถียงด้วยเหตุผลอีกต่อไป จึงหันไปใช้ไพ่ใบสุดท้ายที่คิดว่าตนกุมอยู่ "ช่างปากกล้านักนะ อย่าลืมสิว่าพวกแกมากินนอนอยู่ในบ้านของใคร ถ้าไม่มีตระกูลหลี่ของฉันคอยให้ที่พักพิง ป่านนี้พวกแกสองคนยายหลานคงได้ไปนอนข้างถนนแล้ว คนไม่รู้จักบุญคุณคน"

นี่คือข้อกล่าวหาที่พวกเขาใช้เป็นอาวุธมาตลอด มันคือสิ่งที่ทำให้หลิวซือผู้เป็นแม่ต้องยอมจำนน และทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าสองชีวิตที่ย้ายเข้ามาใหม่

แต่ครั้งนี้...อาวุธชิ้นนั้นกำลังจะย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขาเอง

ยายหลิวซึ่งยืนเงียบอยู่นาน ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ อย่างสง่างามราวกับต้นสนที่ยืนตระหง่านท้าทายพายุฝน ในมือของท่านถือห่อผ้าเก่าๆ ที่หยิบติดมือมาจากใต้หมอนเมื่อครู่นี้

"แม่เขยหลี่ คำว่าบุญคุณน่ะ อย่าได้เอามาพูดพร่ำเพรื่อให้มันเสื่อมราคาเลย" ยายหลิวเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทุกคำพูดกลับหนักแน่นราวกับค้อนเหล็ก

ท่านค่อยๆ คลี่ห่อผ้าออกอย่างไม่รีบร้อน เผยให้เห็นธนบัตรจำนวนหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี "นับตั้งแต่วันแรกที่ฉันกับหลานสาวมาเหยียบที่นี่ ฉันได้มอบเงินจำนวน 15 หยวนให้กับลูกสาวไปแล้วไม่ใช่เหรอ"

หลิวซือถึงกลับเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ ในใจนึกตำหนิที่ท่านพูดเรื่องเงิน ทั้งยังให้คนพวกนั้นรู้ว่ามีเงินมากมาย พวกคลั่งกลิ่นของเงินต่อไปคงอยู่ไม่สุขแน่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   5

    ย่าหลี่เหมือนจะตั้งสติได้ เป็นตาร้ายดียังไง ท่านก็ไม่มีวันยอมรับว่าลูกชายเป็นพวกนั้น ทั้งยังไม่มีวันยอมให้ใครมาพูดถึงลูกชายที่อนาคตกำลังไปได้สวยในทางไม่ดีด้วย "แม่เสี่ยวเฟิง นี่คือวิธีที่คนบ้านหลิวตอบแทนพวกเราอย่างนั้นเหรอ มาอยู่แค่ไม่กี่วันก็ใส่ร้ายลูกชายฉัน หล่อนสั่งสอนลูกสาวให้ปฏิบัติกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอ" ประโยคสุดท้ายท่านหันไปตวาดใส่ลูกสะใภ้ที่ยืนตัวลีบอยู่มุมห้องเพราะลูกชายแต่งงานกับลูกสะใภ้คนนี้มาตั้งแต่ที่หล่อนหนีซมซานมายังเมืองแห่งนี้ ในตอนแรกก็โกหกว่าเป็นหญิงสาวยังไม่แต่งงาน แต่เพราะอาบน้ำร้อนมาก่อนจึงมองออก ทำให้ต้องสารภาพว่าเคยแต่งงานทั้งยังมีลูกติด แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้หอบลูกมาเป็นภาระเพิ่มแต่เพราะลูกชายรักผู้หญิงคนนี้มาก ท่านเลยขัดไม่ได้ แต่นับตั้งแต่นั้นมา หลิวซือก็อยู่ในโอวาท ภายใต้ความกดขี่จากคนบ้านหลี่มาโดยตลอด อาศัยเพียงความรักของสามีที่มีให้กับถึงอยู่รอดได้ไปวันๆหลี่เจียงผู้เป็นเสาหลักของบ้านขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าคมคายที่คล้ำแดดจากการทำงานหนักในโรงงานเหล็กกล้าตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความโกรธระคนอับอายเขาไม่ได้สนใจว่าใครถูกใครผิด สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือความส

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   4

    "คุณ...คุณป้าพูดเรื่องอะไรคะ ฉันแค่เป็นห่วงอนาคตของเด็กที่กำพร้าพ่อคนหนึ่งก็เท่านั้น อย่าลืมสิคะว่าเด็กคนนี้พี่ชายฉันเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ฉันเองก็รักเหมือนหลานสาวแท้ๆคนหนึ่ง"เธอไม่ได้มานั่งสนใจหรอกว่าพี่ชายจะสนใจไยดีลูกเลี้ยงของตัวเองหรือเปล่า เพราะถ้าจะพูดไปแล้ว เธอแต่งงานก่อนพี่ชายเสียด้วยซ้ำ “เลี้ยงงั้นเหรอ” ยายหลิวแสยะยิ้มแล้วพูดต่อว่า "ข้าวเม็ดไหนที่ที่เอามาป้อน ไม่ใช่ว่ามีแต่ยายแก่คนนี้เหรอที่หาเลี้ยงตัวคนเดียวมาตลอด" สายตาของท่านจ้องมองไปที่ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เอาแต่เก่งกับคนในครอบครัว แต่กับคนอื่นกลับหงอเป็นไก่ หรือว่าแท้จริงแล้วท่านได้สูญเสียลูกสาวให้กับบ้านอื่นไปแล้ว“เป็นห่วงอย่างนั้นเหรอ” ยายหลิวหัวเราะในลำคอเสียงเย็น "ที่ชาวบ้านเขานินทากันมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ มีคนสติดีที่ไหนเขาทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้กัน ให้หลานแต่งกับอาตัวเอง ไม่รู้สึกว่ามันน่าขยะแขยงสักนิดบ้างเหรอ""แล้วยังไงล่ะ มันไม่ผิดกฎหมายนี่คะ อีกอย่างเจ้าสี่ก็เป็นคนดี ในบรรดาพี่น้องเรา เขาหน้าที่การงานดีที่สุด เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีชามข้าวเหล็กในมือ ต่อไปยังไงก็ไม่มีทางลำบากมีแต่จะก้าวหน้า" หลี่เซียนเถ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   3

    จ้าวเสี่ยวเหลียนที่นั่งเงียบอยู่นานก็กระแอมขึ้นมา เป็นการตัดบทสนทนาที่น่าอึดอัดนั้น และแล้วก็ได้ผล เพราะยายหลิวหันกลับมามองหลานสาวที่เป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือของท่าน "กินข้าวก่อนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง" ยายหลิวถอนหายใจ สุดท้ายท่านก็ยอมใจอ่อนอีกจนได้หลิวซือได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย พร้อมทั้งนั่งป้อนข้าวลูกสาวที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะเชือดไก่ ใบหน้าซีดเซียวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกสาวจมน้ำ แต่คนว่ายน้ำเก่งระดับจังหวัดจะจมน้ำได้ยังไง นกเสียจากว่าลูกสาวจะตั้งใจแล้วเหตุผลอะไรล่ะถึงทำให้ต้องคิดสั้นแบบนั้น แต่พอนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ตนสันนิษฐานและเกริ่นไปตั้งแต่ตอนแรกก็แอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพราะหากเป็นเรื่องจริง ตนคงจะเสียใจมากที่ไม่ได้พูดกับลูกสาวใช้ชัดเจน เพราะต่อให้จะหัวอ่อนและอ่อนแอกับบ้านสามีมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดก็เถอะบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงซดข้าวต้มเบาๆ ของเสี่ยวเหลียนเท่านั้น เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะมาถึง และเธอก็ไม่ต้องรอนานเสียงฝีเท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   2

    หลิวซือและหลี่เจียงเดินออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งให้ภายในห้องเล็กที่มีเพียงเตียงไม้กับโต๊ะเก่าๆอีกหนึ่งตัว ไม่มีแม้กระทั่งตู้เสื้อผ้า เพราะภายในห้องมีเสื้อผ้าตากเอาไว้บนเชือกที่ขึงในมุมหนึ่งของห้องเท่านั้น ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ความเงียบที่ว่างเปล่า เพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในห้องนี้หญิงชราผมดำเงานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตรงมุมห้อง ท่านมองมายังหลานสาวด้วยแววตาที่ซับซ้อนยากจะคาดเดา เต็มไปด้วยความเสียใจ ความผิดหวัง แต่ลึกลงไปในนั้น กลับสัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใย"ยาย" เสี่ยวเหลียนเรียกเสียงแผ่ว ในความทรงจำที่ผุดขึ้นมานั้น บอกกับเธอว่าเจ้าของร่างรักยายมากแค่ไหนยายหลิวถอนหายใจยาว เสียงถอนหายใจนั้นราวกับแบกรับความทุกข์มาทั้งชีวิต "อุทกภัยมันพรากบ้าน พรากที่ดินของเราไป แต่ยายไม่เคยคิดเลยว่ามันจะพรากเอาสติปัญญาของหลานไปด้วย การศึกษาคือหนทางเดียวที่จะทำให้คนอย่างเราได้ลืมตาอ้าปาก แต่การตาย...มันไม่ใช่ทางออกเลยสักนิดเดียว ไหนลองพูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น"น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่ความเศร้าของเธอเอง แต่เป็นความรู้สึกผิดที่ตกค้างอยู่ใน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   1

    ความเย็นยะเยือกคือสัมผัสแรก ปลุกเร้าสติที่กำลังจะเลือนหายของจ้าวเสี่ยวเหลียน ให้แทรกซึมผ่านเสื้อที่ทำจากฝ้ายเนื้อบางเข้าสู่ทุกอณูของร่างกาย ปอดของหญิงสาวแสบร้อนจากการสำลักน้ำเข้าไปจนเต็ม เธอพยายามจะกรีดร้อง แต่สิ่งที่ไหลทะลักเข้าไปในลำคอมีเพียงมวลน้ำอันเย็นเฉียบและขุ่นคลั่กของคลองส่งน้ำท้ายหมู่บ้านในห้วงสุดท้ายของสติสัมปชัญญะ ภาพความทรงจำสุดท้ายของเจ้าของร่างเดิมฉายชัดขึ้นมา ใบหน้าที่บ่งบอกว่าผิดหวังของแม่ แววตาตำหนิติเตียนของพ่อเลี้ยง และคำพูดเฉือดเฉือนของอาสามที่บังคับให้หญิงสาวต้องทิ้งความฝันเรื่องการเรียนต่อเพื่อแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่จิตใจที่บอบช้ำของหญิงสาววัย 15 ปีและแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง“พ่อหนุ่ม นะ นั่นกำลังจะทำอะไร” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยถามตะกุกตะกัก ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ และพ่อหนุ่มที่ท่านพูดด้วยอยู่ในตอนนี้นั้น ก็คือคนเดียวกับที่สวมบทบาท วีรบุรุษช่วยสาวงาม ทันทีที่เห็นว่าคนถูกช่วยเป็นใคร ก็สวมบทบาทนักวิ่งระดับชาติ วิ่งมายังบ้านสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่ามีฐานะระดับหนึ่งในเมืองนี้เนื่องจา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   แนะนำ

    1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง“ปีนี้เสี่ยวเหลียนก็อายุย่าง 16 ปีแล้วสินะคะ” เสียงแหลมของอาสาม หลี่เซียน ซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อเลี้ยงเอ่ยขึ้น ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นงงไปตามๆ กันจ้าวเสี่ยวเหลียน เด็กสาวอายุ 15 ปี อาศัยอยู่กับยายที่ชนบท แต่เพราะหมู่บ้านทางน้ำของพวกเธอถูกอุทกภัยพัดหายไปกับสายน้ำ หลิวซือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ ผู้หญิงที่อายุเพิ่งเข้าเลขสาม ทว่ายังคงความสวยตามแบบฉบับของผู้เป็นแม่ ซึ่งก็คือ ยายหลิว เจ้าของผมสีดำขลำแม้ว่าอายุจะล่วงเลยเข้าสู่เลขห้าแล้วก็ตาม ท่านเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวเหลียนมาตั้งแต่แบเบาะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือตั้งแต่คลอดออกมาเสียด้วยซ้ำ ทันทีที่ทราบข่าวก็รีบบอกให้ทั้งสองคนเร่งเดินทางมาอยู่กับตนและครอบครัวใหม่ยังอีกมณฑลหนึ่งโชคดีที่อยู่ในช่วงปิดภาคเรียนการศึกษา อีกทั้งจ้าวเสี่ยวเหลียนก็เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมต้น จากโรงเรียนมัธยมระดับ 17เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่ย้ายมาอยู่กับผู้เป็นแม่ และถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าตาของคนในครอบครัวใหม่ที่แม่มอบให้ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยากได้เลยก็ตาม“ใช่แล้วล

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status