Share

5

Penulis: Scince
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-01 10:31:19

ย่าหลี่เหมือนจะตั้งสติได้ เป็นตาร้ายดียังไง ท่านก็ไม่มีวันยอมรับว่าลูกชายเป็นพวกนั้น ทั้งยังไม่มีวันยอมให้ใครมาพูดถึงลูกชายที่อนาคตกำลังไปได้สวยในทางไม่ดีด้วย

 "แม่เสี่ยวเฟิง นี่คือวิธีที่คนบ้านหลิวตอบแทนพวกเราอย่างนั้นเหรอ มาอยู่แค่ไม่กี่วันก็ใส่ร้ายลูกชายฉัน หล่อนสั่งสอนลูกสาวให้ปฏิบัติกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอ" ประโยคสุดท้ายท่านหันไปตวาดใส่ลูกสะใภ้ที่ยืนตัวลีบอยู่มุมห้อง

เพราะลูกชายแต่งงานกับลูกสะใภ้คนนี้มาตั้งแต่ที่หล่อนหนีซมซานมายังเมืองแห่งนี้ ในตอนแรกก็โกหกว่าเป็นหญิงสาวยังไม่แต่งงาน แต่เพราะอาบน้ำร้อนมาก่อนจึงมองออก ทำให้ต้องสารภาพว่าเคยแต่งงานทั้งยังมีลูกติด แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้หอบลูกมาเป็นภาระเพิ่ม

แต่เพราะลูกชายรักผู้หญิงคนนี้มาก ท่านเลยขัดไม่ได้ แต่นับตั้งแต่นั้นมา หลิวซือก็อยู่ในโอวาท ภายใต้ความกดขี่จากคนบ้านหลี่มาโดยตลอด อาศัยเพียงความรักของสามีที่มีให้กับถึงอยู่รอดได้ไปวันๆ

หลี่เจียงผู้เป็นเสาหลักของบ้านขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าคมคายที่คล้ำแดดจากการทำงานหนักในโรงงานเหล็กกล้าตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความโกรธระคนอับอาย

เขาไม่ได้สนใจว่าใครถูกใครผิด สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือความสงบสุขในบ้านกำลังถูกทำลาย และหน้าตาของเขาในฐานะผู้นำครอบครัวกำลังถูกหยามหมิ่น

"พอได้แล้ว" เขาตะคอกเสียงดัง "มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูดจากันดี ๆ ต้องมาส่งเสียงเอะอะโวยวายให้ชาวบ้านเขาได้ยินกันทั้งหมู่บ้านเลยหรือยังไง"

เสี่ยวเหลียนยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ยายหลิว แม้ใบหน้าจะซีดเซียวทว่าแผ่นหลังกลับตั้งตรงไม่โค้งงอ สายตาของเธอประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเยือกเย็นราวกับผู้บัญชาการในสนามรบ ไม่ใช่เด็กสาวอายุ 15 ปี ที่เพิ่งรอดชีวิตจากการจมน้ำมาหมาดๆ นี่คือกระดานหมากใหม่ของเธอ และเธอกำลังอ่านเกมของฝ่ายตรงข้ามอย่างละเอียด

ย่าหลี่คือ ขุน ที่เอาแต่ใจและทรงอำนาจจอมปลอม อาศัยเพียงแค่ว่าตัวเองอาวุโส กดขี่ผู้อื่น พ่อเลี้ยงหลี่เจียงคือ เรือ ที่เดินตรงอย่างเดียว หูเบา เชื่อพวกพ้อง และยึดมั่นในศักดิ์ศรีของผู้ชายอย่างโง่งม ส่วนอาสามหลี่เซียน ม้า ที่เดินเฉียง ฉลาดแกมโกง รู้จักพลิกแพลงสถานการณ์เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และตอนนี้ 'ม้า' ตัวนั้นกำลังเล่นละครบทนางเอกผู้ถูกรังแกได้อย่างน่าสมเพช

"พี่ใหญ่ แม่คะ...ไม่ต้องพูดอะไรแล้วละค่ะ" อาสามกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่แฝงไว้ด้วยความเหนือกว่าอย่างมีชั้นเชิง  มั่นใจว่ายังไงแม่กับพี่ชายก็ต้องเข้าข้างตัวเอง

เธอปรายตามองเสี่ยวเหลียนและยายหลิวอย่างดูแคลน "ฉันคงจะหวังดีผิดคน แม้ว่าจะพยายามหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้ แต่กันให้กับคนที่เขาไม่ต้องการ บางที...คนบางคนก็อาจจะพอใจกับชีวิตที่ต่ำต้อยของตัวเองจนมองไม่เห็นความหวังดีจากคนอื่น"

คำพูดของเธอเหมือนเข็มพิษที่เคลือบด้วยน้ำผึ้ง ไม่ได้หยาบคาย แต่กลับดูถูกเหยียดหยามได้อย่างเจ็บแสบที่สุด

‘ต่ำต้อยอย่างนั้นเหรอ’ เสี่ยวเหลียนคิดในใจ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ‘การมีชีวิตอยู่เพื่อความฝันของตัวเองมันต่ำต้อยตรงไหนกัน ถ้าเทียบกับการมีชีวิตอยู่เพื่อปกปิดความลับอันน่ารังเกียจของคนในครอบครัว แบบไหนกันแน่ที่เรียกว่าต่ำต้อย’

"พ่อคะ"

เสี่ยวเหลียนตัดสินใจเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน น้ำเสียงของเธอสงบนิ่งและชัดเจนจนน่าประหลาดใจ มันดึงความสนใจของทุกคนมาที่เธอได้ในทันที

"ฉันคิดว่าพวกเรากำลังหลงประเด็น เรื่องทั้งหมดนี้มีความเข้าใจผิดกันอยู่มากค่ะ"

หลี่เจียงเลิกคิ้ว "เข้าใจผิดอะไร อาสามก็ยืนอยู่ตรงนี้ เสื้อผ้าก็ยับย่นไปหมด จะบอกว่ามันเป็นความเข้าใจผิดได้ยังไง"

"เสื้อผ้าของอาสามยับก็จริง แต่อาจเป็นเพราะหล่อนพุ่งเข้ามาอย่างแรง แล้วฉันก็แค่ยกมือขึ้นป้องกันตัว" เสี่ยวเหลียนตอบอย่างใจเย็นราวกับกำลังอธิบายเรื่องดินฟ้าอากาศ "ฉันไม่ได้แตะต้องตัวอาสามแม้แต่ปลายเล็บ และไม่มีความคิดที่จะทำร้ายใคร อีกอย่างอย่าลืมสิคะว่าฉันกำลังป่วยอยู่ จะไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหนทำร้ายคนละคะ"

ตรรกะที่เรียบง่ายแต่หนักแน่นทำให้หลี่เจียงถึงกับชะงักไป เขามองหน้าเสี่ยวเหลียนอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง 

หลี่เซียนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่เป็นใจก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที "แล้วเรื่องที่สองยายหลานกล่าวหาใส่ร้ายฉันกับน้องสี่ล่ะ นั่นเป็นความเข้าใจผิดด้วยไหม พวกเธอพูดจาดูหมิ่นน้องชายฉัน ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทุกคนเองก็ได้ยินเต็มสองหู นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะคะพี่ใหญ่"

"กล่าวหาอย่างนั้นเหรอคะ" เสี่ยวเหลียนทวนคำอย่างใสซื่อ "ฉันกับยายแค่ตั้งข้อสังเกตตามความเป็นจริงเท่านั้นเองค่ะ อาสามบอกว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็นการหยิบยื่นอนาคตที่สดใสให้กับฉัน แต่ยายแค่สงสัยว่า...ถ้ามันดีขนาดนั้นจริง ๆ ทำไมโอกาสดี ๆ แบบนี้ถึงไม่ตกไปถึงลูกสาวของผู้จัดการโรงงาน หรือลูกสาวของหัวหน้าหน่วยงานที่อาเล็กทำงานอยู่ละคะ พวกเธอเหล่านั้นมีทั้งชาติตระกูลและการศึกษาที่เพียบพร้อม เหมาะสมกับอาเล็กที่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐมากกว่าเด็กกำพร้าพ่อจากชนบทอย่างฉันไม่ใช่เหรอ"

เธอหยุดพูดไปชั่วครู่ ปล่อยให้คำถามของเธอลอยค้างอยู่ในอากาศ สร้างความเงียบที่น่าอึดอัดใจให้กับฝ่ายตรงข้าม ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เรียบเรื่อยแต่เชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดโกน

"หรือว่า โอกาสที่ดีเลิศนี้...มันมีเงื่อนไขบางอย่างที่คนอื่นเขารับไม่ได้ มีเพียงเด็กสาวที่จนตรอกและไม่มีทางเลือกอย่างฉันเท่านั้นที่เหมาะสมจะเป็นผู้รับมันไป"

"นี่หล่อน" ย่าหลี่โกรธจนหน้าเขียว เมื่อถูกเด็กเมื่อวานซืนต้อนจนให้จนมุม 

ท่านไม่มีปัญญาที่จะโต้เถียงด้วยเหตุผลอีกต่อไป จึงหันไปใช้ไพ่ใบสุดท้ายที่คิดว่าตนกุมอยู่ "ช่างปากกล้านักนะ อย่าลืมสิว่าพวกแกมากินนอนอยู่ในบ้านของใคร ถ้าไม่มีตระกูลหลี่ของฉันคอยให้ที่พักพิง ป่านนี้พวกแกสองคนยายหลานคงได้ไปนอนข้างถนนแล้ว คนไม่รู้จักบุญคุณคน"

นี่คือข้อกล่าวหาที่พวกเขาใช้เป็นอาวุธมาตลอด มันคือสิ่งที่ทำให้หลิวซือผู้เป็นแม่ต้องยอมจำนน และทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าสองชีวิตที่ย้ายเข้ามาใหม่

แต่ครั้งนี้...อาวุธชิ้นนั้นกำลังจะย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขาเอง

ยายหลิวซึ่งยืนเงียบอยู่นาน ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ อย่างสง่างามราวกับต้นสนที่ยืนตระหง่านท้าทายพายุฝน ในมือของท่านถือห่อผ้าเก่าๆ ที่หยิบติดมือมาจากใต้หมอนเมื่อครู่นี้

"แม่เขยหลี่ คำว่าบุญคุณน่ะ อย่าได้เอามาพูดพร่ำเพรื่อให้มันเสื่อมราคาเลย" ยายหลิวเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทุกคำพูดกลับหนักแน่นราวกับค้อนเหล็ก

ท่านค่อยๆ คลี่ห่อผ้าออกอย่างไม่รีบร้อน เผยให้เห็นธนบัตรจำนวนหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี "นับตั้งแต่วันแรกที่ฉันกับหลานสาวมาเหยียบที่นี่ ฉันได้มอบเงินจำนวน 15 หยวนให้กับลูกสาวไปแล้วไม่ใช่เหรอ"

หลิวซือถึงกลับเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ ในใจนึกตำหนิที่ท่านพูดเรื่องเงิน ทั้งยังให้คนพวกนั้นรู้ว่ามีเงินมากมาย พวกคลั่งกลิ่นของเงินต่อไปคงอยู่ไม่สุขแน่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status